บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารร้านหรูช่างเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงเพลงที่เอ่อคลอเบาๆภายในร้าน พายุเอาแต่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์ในมือพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น แค่หันไปมองเธอสักครั้งยังไม่มีเลย ขนาดนั่งรถคันเดียวกันเขายังไม่ยอมพูดอะไรกับเธอสักคำ ความอึดอัดแทรกเข้าระหว่างพายุแลยะยี่หวาจนเธอเองก็ทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ลอบมองใบหน้าของเขาเป็นระยะๆเท่านั้น อาหารเต็มโต๊ะแต่กลับไม่ได้ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“อะ...เอ่อ...”
“ทำไมไม่กิน? หรือว่าอาหารพวกนี้มันถูกไปสำหรับคุณหนูวาวา...ไม่สิ ยี่หวา..”
“.......”
“หึ...เปลี่ยนชื่อกลับไปกลับมาเป็นว่าเล่น ไม่รู้ภายใต้ใบหน้าใสซื่อนั้นจะมีแผนอะไรอีก”
พายุเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรายสายตาหันไปมองทางเธอก่อนจะยกแก้วไวน์ที่ถืออยู่ขึ้นกระดกจนหมดแก้วด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไม่ว่าจะมองเธอตรงหน้ากี่ครั้งก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจมันทุกครั้ง จากที่คิดว่าเธอยอมคุยกับเขาเพราะความไม่รู้ว่าเขาเป็นถึงซีอีโอก็คิดว่าจะเข้ามาด้วยความจริงใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอได้วางแผนเอาไว้ทั้งหมด จนถึงวันดูตัว
...คงจะแต่งงานเพราะธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักถึงได้คิดจะจับเขา ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเพื่อที่จะให้เขาเต็มใจแต่งงาน
ที่มันน่าเจ็บใจยิ่งกว่าคือบ้านหลังนั้นเอาคนใช้มาชุบตัวเป็นหงส์เพื่อแต่งงานแทนวาวาตัวจริง ตัวตนของยี่หวานั้นเขารู้ดีว่าเธอเป็นใครมาจากไหนเพราะเขาสืบตั้งแต่วันแรกที่เริ่มจีบเธอแล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะไม่รู้ คนที่ไม่รู้คือเธอเสียมากกว่า
จะว่าดีกับเขามันก็ดีส่วนหนึ่งที่ยังเป็นเธอ แต่มันน่าหงุดหงิดตรงที่ว่าทำไมเธอต้องร่วมมือกับบ้านหลังนั้น ไม่หนำซ้ำยังโกหกเขาหน้าตายอีก การที่เขาสูญเสียไปมากเขาก็ต้องได้กลับคืนมาอย่างสาสม แค่สามเดือนที่รู้จักกันมามันไม่ได้ทำให้รู้จักเขาดีขนาดนั้น
“กินซะสิ ฉันไม่ร้ายกาจถึงขนาดวางยาพิษสาวสวยอย่างเธอหรอก คนแบบเธอฉันทำอะไรได้มากกว่าวางยาพิษโง่ๆนั่น” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างร้ายกาจ ยี่หวาเงยหน้าสบตาเขาแต่ก็ยังคงนั่งเงียบไม่ไหวติงหรือโต้เถียง เธอได้เพียงท่องในใจว่าอดทนอย่างที่ผู้เป็นแม่เคยสอน
ยี่หวาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะตัดอาหารเข้าปากเพียงคำเล็กๆคำเดียว เธอวางช้อนส้อมลงบนจานรอบมันให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา
“อิ่มแล้วค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงนิ่ง พายุหันไปมองเธอก่อนจะแค่นรอยยิ้มขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ ยกไวน์ขึ้นดื่มกลืนลงคออึกใหญ่ก่อนจะหันไปเอามือเท้าโต๊ะประจันหน้ากับหญิงสาวตรงหน้า
“กินแค่นี้อิ่มหรือไง?”
“ค่ะ”
“แล้วจะเอาแรงที่ไหนมาสู้รบปรบมือกับฉันล่ะ”
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสู้กับคู่หมั้นตัวเองหรอกค่ะ” ยี่หวาเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย พายุได้ยิ่งอย่างนั้นก็ถึงกับพยักหน้าเบาๆ เอาลิ้นดุนที่ข้างแก้มอย่างข่มอารมณ์ที่กำลังจะหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“คู่หมั้น...งั้นเหรอ หึๆ”
“หรือว่าไม่ใช่คะ? จะยกเลิกก็ได้นะคะตอนนี้ยังทัน”
“ยกเลิก? พูดเป็นเล่น...ในเมื่อเลือกเดินทางนี้ก็ไปให้สุดสิที่รัก”
พูดก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ คำว่าที่รักที่เขาพูดนั้นมันกลับดูหวานจนน่าขนลุกราวกับเขาเป็นหนุ่มเพล์บอยอย่างที่เธอไม่เคยเห็นหรือพบเจอมาก่อน ดูเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินที่ชอบหยอดคำเรียกหญิงสาวทุกคนว่าที่รัก ท่าทางของเขาบ่งบอกและทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นคนอื่นพูดเธอคงจะสวนกลับหน้าหงายไปแล้ว แต่เพราะเป็นเขา...ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในใจเธออยู่ดี
“ถ้าคุณพายุไม่ได้รังเกียจฉัน...ฉันก็ไม่ยกเลิกหรอกค่ะ” ยี่หวาพูดทั้งที่จ้องมองเขาอย่างไม่หลบเลี่ยงสายตา รอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของเขาหุบลงแทบจะทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่ได้โต้ตอบหรือกล้าที่จะพูดออกไปว่ารังเกียจคนตรงหน้า จึงทำได้แค่ยกแก้วไวน์ที่พนักงานพึ่งรินให้ใหม่กระดกจนหมดอีกครั้ง
หลังจากที่พายุเรียกพนักงานมาคิดค่าอาหารเรียบร้อยก็พาเธอเดินไปยังลานจอดรถเพื่อที่จะไปส่งหญิงสาวตามที่ได้ให้คำสัญญาไว้กับคนที่บ้านของฝ่ายหญิง
“ฉันว่าคุณพายุไม่ควรขับรถนะคะ...ดื่มไวน์หมดเป็นขวดขนาดนั้น”
“รู้จักห่วงความรู้สึกคนอื่นด้วยหรือไง อ้อ...ไม่สิ เธอห่วงตัวเองกลัวว่าจะเป็นอะไรไปก่อนจะได้สมบัติของฉันสินะ” พายุเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปทางยี่หวาและค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ ยี่หวานิ่งครู่หนึ่งไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป
“ถ้าคุณอยากขับคุณก็กลับไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันจะเรียกแท็กซี่” ยี่หวาเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบพร้อมกับหันตัวตั้งท่าจะเดินไปยังหน้าร้านอาหารเพื่อรอรถ แต่เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกเขากระชากตัวดึงไว้เสียก่อน
“นี่เธอ จะดื้อกับฉันก็ให้มันพอดีๆหน่อย ฉันไม่ได้ใจขนาดที่ต้องมานั่งตามใจเธอหรอกนะ” พายุพูดพร้อมกับบีบที่แขนเธออย่างแรง สายตาคมจ้องมองเธออย่างดุดันและเบื่อหน่าย ยี่หวาเห็นแววตาของเขาอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากตัวเองแน่น
“ใครใช้ให้คุณมาตามใจฉันล่ะคะ ไม่ชอบก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ!” ยี่หวาพูดพร้อมกับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา พายุอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะรู้สึกโกรธกับคำพูดของเธอขึ้นมาเสียอย่างนั้น
มือหนาคว้าข้อมือของเธอลากดึงไปยังรถคันหรูด้วยความหงุดหงิด หัวเสียที่เธอบอกให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ...ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้วเขาจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่ใจมันไม่เป็นไปตามสมองเอาเสียเลย
“คุณพายุ! ปล่อย! ฉันบอกว่าฉันไปไม่ไง!” ยี่หวาดิ้นขัดขืนก่อนที่เขาจะเหวี่ยงเธอไปติดกับรถคันหรูนั้นแล้วเอาแขนสองข้างคร่อมร่างเธอไว้ไม่ให้หนี แต่เธอก็พยายามผลักแขนเขาออกเพื่อหาทางหนีอยู่ดี
ปึก!!
“คุณพายุ!” ยี่หวาตกใจไม่น้อยเมื่อเขาทุบมือลงที่หลังคารถคันนั้นที่เธอยืนหลังติดกับมันอยู่ ดวงตาสวยสั่นไหววูบมองเขาอย่างหวาดกลัว และไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้นเพื่อขู่เธอให้นิ่ง
“อยู่เฉยๆ” เสียงทุ้มเล็ดลอดออกไรฟันที่กัดแน่น สายตาคมยังคงจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ แต่มือหนาอีกข้างล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง หลุบตามองรายชื่อที่ต้องการโทรหาก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบข้างหู
(ครับนาย)
“มาที่ร้านเลอมาร์ ฉันอยู่หน้าร้าน”
(นายครับ...นี่มันกี่โมงแล้ว จิตใจนายจะไม่ให้พวกผมได้พักเลยเหรอครับ?)
“มึงอยากพักยาวไหมล่ะไอ้เมษ”
(ผมก็หยอกเล่นน่านาย โธ่...น้ำเสียงแบบนี้แสดงว่าทะเลาะกับคุณหนูยี่หวา...)
ตื๊ดตื๊ดตื๊ด... พายุกดวางสายทันทีก่อนจะส่งตำแหน่งไปให้เมษลูกน้องมือขวาของตนอย่างรำคาญ เพราะสนิทกันมากและรู้นิสัยของลูกน้องจึงไม่คิดจะถือสา เขาเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงดังเดิมก่อนจะยอมปล่อยมือที่กั้นยี่หวาเอาไว้ออก
“พอใจเธอหรือยัง” พายุตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางเบือนสายตาไปทางอื่นเล็กน้อยทั้งที่ใบหน้ายังแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ ยี่หวาพยักหน้าเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าเขาจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร หรือว่าเนื้อแท้แล้วเขาเป็นคนดีก็เป็นได้ ยี่หวาคิดอย่างนั้น
“ฉันแค่...”
“ไม่ต้องพูดอะไรมาก ฉันไม่อยากฟัง”
พายุรีบชิงตัดบทแล้วหันไปยืนพิงรถอยู่ข้างๆยี่หวาพลางเอามือกอดอกเบนสายตาไปทางอื่น ทั้งคู่ยืนเงียบอยู่นานพร้อมกับเบนสายตามองกันไปมา
“มาแล้วครับนาย” เมษเดินเข้าไปหาทั้งสองคนที่ต่างคนต่างหันหน้าไปคนละทาง พายุหันเหสายตาไปมองเมษครู่หนึ่งก่อนจะคลายอ้อมแขนที่กอดอกนั้นออกพร้อมกับโยนกุญแจรถให้ลูกน้องตนรับ
“ครับ?...ผมเอารถมา...”
“ขับรถกู พรุ่งนี้ค่อยกลับมาเอารถมึง” พายุพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูด้านหลังรถคันเดิมที่เขาพิงเมื่อครู่ก่อนจะดึงสายตามองยี่หวาที่ยังคงยืนก้มหน้านิ่ง
“ยืนซื่ออะไรอยู่ล่ะ ขึ้นรถ”
“คะ? อ๋อ...ค่ะ” ยี่หวาทำหน้าสงสัยเล็กน้อยแต่ก็เดินไปยังประตูรถที่เขาเปิดค้างไว้ให้ ก่อนที่เขาจะยัดตัวเองเข้าไปในประตูเดียวกัน ทำเอายี่หว่าถึงกับตกใจ
“คะ...คุณพายุ?”
“เขยิบเข้าไปสิ นั่งนิ่งอยู่ได้”
“ก็ ประตูอีกทางก็มี...”
“มันติดถนนไม่เห็นหรือไง เปิดประตูรถแบบนั้นก็ลำบากคนอื่นสิ”
“แต่มันแค่แป๊บเดียวนี่คะ ใครๆเขาก็...”
“จะเขยิบดีๆหรือจะให้ฉันนั่งทับเธอเลยดี?” พายุพูดสวนขึ้นอีกครั้งทำเอายี่หวาถึงกับขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมเขยิบไปอีกฝั่งแต่โดยดีจนติดประตูรถ เธอกอดอกหันหน้าไปทางอื่นด้วยความไม่เข้าใจ พายุลอบมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะหันไปปิดประตูแล้วเอาศอกเท้ากระจก ปลายนิ้วลูบริมฝีปากไปมาปิดบังรอยยิ้มที่ยกขึ้น
คนที่เห็นทุกอย่างผ่านกระจกหน้ารถอย่างเมษก็พลอยยิ้มตามพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เจ้านายของเขาหัวแข็งแต่ปากแข็งกว่า ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะโดนเขาทิ้งอยู่ข้างทางอย่างไม่ไยดีไปแล้ว ยี่หวาถือว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พายุอ่อนโยนและใจดีด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกเขามาหรอกไม่ว่าจะเมาแค่ไหนก็ตาม ยกเว้นแต่ว่า...ยี่หวาไม่ยอมกลับด้วยเพราะเขาดื่มเหล้า..
“ให้ไปส่งที่บ้านคุณหนูก่อนเลยใช่ไหมครับ?”
“ส่งที่บ้านกูมั้ง มึงนี่ถามอะไรไร้สาระ”
“ใครจะไปรู้ล่ะครับ นึกว่าจะหิ้วว่าที่คู่หมั้นกลับบ้านเลย” คำพูดหยอกล้อของเมษทำเอายี่หวาหน้าแดงเรื่อไปหมด แต่เธอก็ไม่อยากเป็นผู้หญิงของคนที่ไม่ได้รักเธอต่อให้เธอรักเขาก็ตาม
“...ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี...” พายุพึมพำเบาๆกับตัวเองโดยไม่มีใครได้ยินชัดถนัดนักแม้แต่เมษเองก็ตาม
“อะไรนะครับ?”
“ขับรถไปมึงน่ะ มองแต่กระจกเดี๋ยวก็ไม่ถึงบ้านกันพอดี” พายุหันไปดุลูกน้องของตนก่อนส่ายหน้าหลังจากที่เห็นรอยยิ้มร่าของลูกน้องมือขวาตัวดีผ่านกระจก พายุละสายตาจากลูกน้องหนุ่มปรายสายตาไปมองหญิงสาวที่ยังคงนั่งเงียบๆหันหน้าออกนอกรถ ราวกับว่าไม่อยากมองหน้าเขาอย่างไรอย่างนั้น...ยิ่งคิดแบบนี้พายุยิ่งรู้สึกหงุดหงิด ต้องเป็นเขาไม่ใช่หรือที่โกรธเคืองเธอ...
หลังจากคืนนั้นที่เขาต้องยอมเรียกลูกน้องมาขับรถให้ พายุก็ยังคงรับส่งเธอเพื่อลองชุดเตรียมตัวถ่ายพรีเวดดิ้งตามที่ได้นัดไว้ ในร้าน พายุนั่งเลื่อนโทรศัพท์นั่งรออยู่ตรงโซฟาแม้ว่าเจ้าสาวตรงหน้าจะกำลังหมุนตัวไปมาเพื่อให้เขาดูชุดที่ถูกใจ “ชุดนี้เจ้าบ่าวว่ายังไงบ้างคะ? ดิฉันคิดว่าชุดเข้ากับเจ้าสาวมากเลยค่ะ กระโปรงก็...” “เอาชุดที่ว่านี้แหละ” พายุตอบทั้งที่ตัวเองยังไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอเลยสักนิด รอยยิ้มบนใบหน้ายี่หวาที่มีในตอนแรกหุบลงทันทีที่ได้ยิน เขาดูไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูอยู่อย่างนั้น เมื่อพนักงานสาวเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับทำหน้าเจื่อนก่อนจะหันไปหยิบชุดเจ้าบ่าวที่คิดว
หลังจากที่ลองชุดเสร็จสิ้นก็กลับมานั่งรอในบริษัทอยู่นาน ในมือหนากดโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิทอยู่หลายสายแต่กลับไม่มีคนรับสายจนเขาร้อนใจไปหมด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะจากนิสัยลูกน้องของเขามีอะไรจะรายงานตลอดจนน่ารำคาญแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยๆหรือเรื่องไร้สาระ "ทำไมมันไม่รับสายวะ!” พูดออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่ไยดี แฟนต้ายืนมองการกระทำของเขาเงียบๆอมยิ้มกรุ่มกริ่มที่เห็นเจ้านายตัวเองร้อนใจอยากรู้ข่าวคราวของหญิงสาวคนนั้นที่ทำท่าทางเกลียดนักเกลียดหนา ก๊อกๆ “รีบเข้ามา” เสียงเคาะประตูยังไม่ทันเงียบลงดีพายุก็รีบเอ่ยอนุญาตขึ้นมาพลางจ้องมองไปยังหน้าประตูอย่างลุ้นๆ และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดเมื่อลูกน้องคนสนิทอย่างเมษเดินเข้ามา พายุรีบเดินไปหาลูกน้องของเขา
ในโรงแรมหรูระดับหกดาว ในห้องจัดเลี้ยงที่จองไว้ขนาดใหญ่เพื่อรองรับแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมงานมงคลสมรสของทายาทบริษัทใหญ่ รูปที่ถ่ายพรีเวดดิ้งถูกประดับประดาอยู่หน้าทางเข้างานอย่างสวยงาม งานแต่งที่ดูหรูหรามีระดับบ่งบอกถึงฐานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นการที่มียี่หวาเป็นลูกสาวคนโตของบ้านเปรมปรีย์นั้นค่อนข้างจะเป็นที่ครหาว่าเป็นลูกนอกสมรสของทรงชัย เพราะในแวดวงสังคมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไป บ่าวสาวยืนรับแขกอยู่หน้างานก่อนจะถึงฤกษ์ทำพิธีอย่างไม่ยอมพัก ทั้งสองปั้นหน้ายิ้มให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาทักทายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่สายตาของยี่หวาจะหันไปเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเดินนวยนาบเข้ามาหาเธออย่างมั่นใจ “วาวา...” ยี่หวาเรียกชื่อนั้นอย่างอึ้งๆ เรียกสายตาของพายุให้หันไปมองตามสายตาของเธอ 
หลังจากที่บ่าวสาวมานั่งเคียงคู่กันอยู่บนเตียงกว้างราวแปดฟุต ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันเอ่ยคำมงคลที่ล้วนแต่มีความหมายว่าอยากให้อยู่ครองคู่กันไปนานๆ หรือความหมายว่าให้อดทนปรับเข้าหาซึ่งกันและกัน แม้ว่าทั้งสองจะพยายามหาทางที่จะเข้าหามากแค่ไหน ในตอนนี้กลับไม่สามารถหาทางญาติดีกันได้เลย ด้วยทิฐิและหลายๆอย่างทำให้หนทางของทั้งคู่ดูมืดบอดไปชั่วขณะ “เข้าหอคืนแรกเขาบอกว่าห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาดจนกว่าจะเช้า” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้น ทำเอาทั้งสองหันมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ก่อนที่พายุจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เพราะไม่อยากให้บรรดาญาติผู้ใหญ่เห็นว่าเขามีสีหน้าอย่างไร “เข้าใจไหมพายุ” กันยาเอ่ยถามหลานชายของตนย้ำอีกครั้ง พายุจึงจำใจต้องหันไปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นหลานชายตอบร
ยี่หวาในชุดนอนสีขาวกระโปรงสั้นสายเดี่ยวตัวบางขอบตรงอกระบายลูกไม้เล็กน้อย เธอเดินมาหยุดตรงข้างเตียงฝั่งตรงข้ามกับที่พายุนอนหันหลังอยู่ เธอมองบนเตียงนอนอย่างช่างใจก่อนจะคว้าหมอนใบใหญ่ที่มีไว้พิงหัวเตียงมากั้นระหว่างเธอกับเขา ก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเตียงให้เบาที่สุดพร้อมกับเอาตัวซุกผ้าห่มจนมิดไหล่ ปิดไฟหัวเตียงแล้วพยายามข่มตาหลับเพราะคิดว่าพายุคงหลับไปแล้วจริงๆ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่เธอปิดโคมไฟก็รู้สึกถึงการขยับตัวของพายุ ก่อนจะตกใจจนสะดุ้งสุดตัวจนดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นในความมืดเมื่อพายุหันมาคว้าเอวเธอไปกอดแนบชิดติดกาย “คิดว่าหมอนแค่ใบเดียวจะขวางทางฉันได้หรือไง” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ยี่หวารีบเปิดโคมไฟทันทีเมื่อรู้สึกว่ามือของเขาเริ่มประปรายไปเรื่อย&
รถคันหรูแล่นเข้าไปจอดหน้าบริษัทใหญ่อย่างพีวาย ก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำยำล่ำสันจะเดินเข้าบริษัทในมาดประธานหนุ่มสุดหล่อพร้อมด้วยลูกน้องที่ติดตามซ้ายขวา แน่นอนว่าสาวๆในบริษัทต่างพากันกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน เพราะเหตุนี้พายุจึงไม่ยอมรับเลขาที่เป็นผู้หญิงเลย เขาไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้ “อ้อ นายครับ เย็นนี้มีนัดของคุณวาวาครับนาย” ระหว่างเดินไปขึ้นลิฟท์แฟนต้ามือซ้ายของเขาเอ่ยขึ้น พายุเหลียวไปปรายตามองแฟนต้าเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้ว “ไม่รับนัด” “แน่ใจหรือครับ? ทางนั้นบอกว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณยี่หวา..” “ตอบรับไปว่าตกลง”&nb
“เจ้าหลานคนนี้นี่! ย่าอุตส่าห์มาทำข้าวเย็นให้...แต่งงานวันเดียวก็บอกจะไม่กลับบ้าน” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่ได้ยินเมษบอกกับยี่หวาว่าพายุจะไม่กลับบ้าน กันยาเองก็โทรหาหลานชายหลายสายแต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ยี่หวาอยู่ได้” “ไม่ได้ลูก ยังไงก็ต้องไปตามกลับมา” “แต่...” “ไปตามให้ย่าทีนะหนูยี่หวา” กันยาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่ของยี่หวาด้วยสีหน้าขอร้อง ยี่หวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับทำตามคำสั่งแม้ว่าในใจไม่อยากตามกลับ แ
เมษเดินนำยี่หวามาที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ตามมารยาท ยี่หวาที่เดินตามมากลับยืนกอดตัวเองแน่นลูบแขนตัวเองไปมา เมษเห็นอย่างนั้นก็ถอดชุดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาคุมให้เธอด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณเมษ” “คุณยี่หวาคงจะหนาวเพราะชุดนี้น่ะครับ” เมษเอ่ยก่อนจะผายมือเชิญเธอเข้าไปนั่งด้านหลัง ยี่หวามองตามมือนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น “ฉันขอนั่งด้านหน้าได้ไหมคะ?” “ครับ? ทำไมล่ะครับ?” “เอ่อ...คือ ฉันไ
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา
แม้ว่าคนที่นอนข้างกายจะเหนื่อยล้าจนหลับไปแล้ว แต่ยี่หวายังคงลืมตาตื่นอยู่ถึงจะไม่มีน้ำตาสักหยดแต่ความรู้สึกมันกลับสับสนไปหมด คิดมากจนนอนไม่หลับกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ...ไหนบอกว่าจะไม่รักคนโกหกแบบเธอ ไหนว่าจะไม่แตะต้องแต่ตอนนี้เขากลับกลืนคำพูดนั้นไปเสียแล้ว ยี่หวาค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นนั่งมือข้างหนึ่งกำผ้าห่มปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเอาไว้ จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออกได้แต่ทำหน้าเรียบเฉย เธอชอบเขามาตลอดก็จริงแต่ทำไมตอนนี้ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ตกเป็นของเล่นของเขาไปเสียแล้วนั่นคือสิ่งที่ยี่หวาคิด เธอไม่กล้าคิดเลยว่าวันต่อๆไปเขาจะทำตัวแย่กับเธออีกแค่ไหน หรือเขาจะเปลี่ยนไปดีขึ้นกันนะ “คิดจะหนีฉันหรือไง?” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆ ยี่หวาหันไปทางเขาด้วยความตกใจ คิดว่าเขาหลับไปแล้วเสียอีกแต่เขากลับลืมตาจ้องมองเธออยู่ด้วยสี
หญิงสาวนอนตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่มที่เธอตกหลุมรักมาตลอด เขาคือสามีของเธอที่ไม่เคยกลับเรือนหอเลยหลังจากคืนแรกที่เข้าหอ แต่ตอนนี้เขากลับมาทำร้ายจิตใจเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี... “คุณพายุ! ฉันบอกให้ปล่อยฉัน!!” แม้ว่าร่างกายจะสั่นเพราะความกลัวคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติ แต่เธอก็ยังพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น เก็บกลั้นน้ำตาไว้และจ้องมองเขาอย่างไม่ยอม “หึ! ทีมันยังแตะต้องตัวเธอได้ ทำไมทีผัวตัวเองถึงจะไม่ได้!!” พายุตะคอกเสียงดังลั่นห้องพร้อมทั้งหลุบสายตามองเธอที่อยู่ใต้ร่างด้วยสายตาดุดัน ภาพที่เขาเห็นวันนี้คือภรรยาของตัวเองจับมือถือแขนผู้ชายคนอื่นอย่างไม่ถือตัวราวกับว่าลืมไปแล้วว่าตัวเองมีสามีอยู่ &ldqu
“ครับ ปลอดภัยไว้ก่อน” เมษตอบ ยี่หวาพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะเมษถูกสั่งให้มาเฝ้าเธอจึงไม่แปลกที่เขาจะตามเธอไปทุกที และเพราะกลัวว่าคนอื่นจะรุมล้อมเธอยี่หวาเดินไปตามทางโดยมีเมษเดินตามมาติดๆไม่ห่าง ก่อนเมษจะหยุดยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ มีสาวๆมากมายที่เดินเข้ามาคุยกับเขา เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาไม่หยอกจนยี่หวาเดินออกมามองหญิงสาวพวกนั้นอย่างงงงวย“อ้าว คุณยี่หวาไปกันเถอะครับ”“โธ่ มีแฟนแล้วก็ไม่บอกกันนะคะ” หญิงสาวที่เข้ามาคุยพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเซ็งแล้วเดินจากไป เมษก้มหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองยี่หวาที่ยืนมองผู้หญิงคนนั้นอย่างงงๆ“อะไรเหรอ? ฉันไม่ได้ยินที่เธอคนนั้นพูดเลย เขามาจีบคุณเหรอ?” ยี่หวาโน้มเข้าไปพูดข้างหู เพราะเสียงตรงนี้มันดังจนแทบไม่ได้ยิน เมษพยักหน้าเป็นคำตอบ“อ้าว ถ้าอย่างนั้นฉันมาผิดเวลาหรือเปล่าเนี่ย?”“ไม่เลยครับ เราไปกันเถอะ” เมษพูดตอบก่อนจะเดินนำเธอไปที่หน้าบาร์ดังเดิม ยี่หวากลับไปนั่งดื่มจนหมดแก้วก่อนจะหันไปบอกลามาคัส“ฉันกล
ยี่หวางัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่หัว คอแห้งผาดจนต้องมองหาน้ำและก็หันไปเห็นที่โต๊ะข้างเตียง เธอเอื้อมไปหยิบน้ำเปล่าแก้วนั้นที่เหมือนถูกตระเตรียมเอาไว้ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะรวบรวมสติมองไปรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย ยี่หวาถึงกับตกใจตาเบิกกว้างเมื่อนึกย้อนไปเมื่อคืนว่ามาคัสบอกจะมาส่งเธอ แต่ตอนนี้ที่เธอนอนอยู่กับไม่ใช่บ้านกลายเป็นห้องที่เธอไม่รู้จัก ยี่หวาเปิดผ้าห่มก้มมองดูสภาพที่เปลือยเปล่าของตัวเองก็ทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบ คิดไปเองว่าตัวเองพลาดท่าเสียทีนอกกายสามีไปเสียแล้ว น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอที่สองเบ้าตาด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะเอามือปิดหน้าให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย “ฮึกๆ ฮือ...” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นทำให้คนที่นั่งมองเหม่ออยู่ข้างล่างถึงกับตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปในห้
“จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะถามชื่อคุณผู้หญิง”“เอ่อ....”“อ๋อ ผมมาคัสครับ”“ฉันยี่หวาค่ะ” ยี่หวาตอบออกไปอย่างเขินๆ พึ่งเคยเจอคนเข้าหาแบบสุภาพแบบนี้นอกจากพายุแล้วก็มีแต่เข้ามาลุ่มล่ามซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเสียเท่าไหร่ มือเล็กยกแก้วขึ้นจิบค็อกเทลที่มาคัสเสิร์ฟก่อนจะทำตาโตแล้วหันไปมองหน้าเขา“คุณชงอร่อยจัง ดื่มง่ายจริงด้วย”“ค่อยๆดื่มนะครับ ถึงจะกินง่ายแต่ก็เมาง่ายเหมือนกัน” มาคัสเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า เธอดูเป็นผู้หญิงซื่อๆจนเขาอยากรู้จัก เพราะตลอดมาที่เขาเคยเจอมีแต่ผู้หญิงเจ้าเสน่ห์“คุณมาคัสทำงานที่นี่นานหรือยังคะ?” ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นมิตรผิดกับตอนแรกที่เธอดูระแวงเขานิดหน่อย“ครับ ผมทำงานตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง”“เอ๊ะ?...หรือว่าคุณ...”“ผมเป็นหุ้นส่วนที่นี่น่ะครับ คุณพายุอยากได้คนชงดื่มเก่งๆเลยไปทาบทามผมมาจากต่างประเทศ ยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้ไปงานแต่งของคุณพายุเพราะผมติดต้องดูแลคลับ”&
เมษเดินนำยี่หวามาที่รถก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้ตามมารยาท ยี่หวาที่เดินตามมากลับยืนกอดตัวเองแน่นลูบแขนตัวเองไปมา เมษเห็นอย่างนั้นก็ถอดชุดสูทตัวนอกของตัวเองออกมาคุมให้เธอด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะคุณเมษ” “คุณยี่หวาคงจะหนาวเพราะชุดนี้น่ะครับ” เมษเอ่ยก่อนจะผายมือเชิญเธอเข้าไปนั่งด้านหลัง ยี่หวามองตามมือนั้นก่อนจะเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น “ฉันขอนั่งด้านหน้าได้ไหมคะ?” “ครับ? ทำไมล่ะครับ?” “เอ่อ...คือ ฉันไ
“เจ้าหลานคนนี้นี่! ย่าอุตส่าห์มาทำข้าวเย็นให้...แต่งงานวันเดียวก็บอกจะไม่กลับบ้าน” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด หลังจากที่ได้ยินเมษบอกกับยี่หวาว่าพายุจะไม่กลับบ้าน กันยาเองก็โทรหาหลานชายหลายสายแต่กลับไม่มีการตอบรับจากปลายสายเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ยี่หวาอยู่ได้” “ไม่ได้ลูก ยังไงก็ต้องไปตามกลับมา” “แต่...” “ไปตามให้ย่าทีนะหนูยี่หวา” กันยาพูดพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่ของยี่หวาด้วยสีหน้าขอร้อง ยี่หวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับทำตามคำสั่งแม้ว่าในใจไม่อยากตามกลับ แ