ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญ
ผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผิน
ด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชน
เทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปี
พนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้าน
รอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆ
แน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่องที่ตนเองถนัด
“เดี๋ยวแกไปทำตามแผนที่วางไว้นะ” มะปรางกระซิบกระซาบออกคำสั่งกับเติร์ด ลูกสมุนของเธอ เพื่อทบทวนแผนการกันอีกครั้ง
“จัดให้พี่ปราง งานนี้ไอ้กวินมันต้องแพ้พี่ปรางแหง ๆ” ว่าแล้วเติร์ดก็รีบวิ่งออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง
เมื่อสองวันก่อนกวินประกาศปาว ๆ ว่าถ้ามะปรางล้มมวยเขาได้ เขาจะให้เงินมะปรางจากการพนันอีกสิบเท่า และก็เป็นอย่างที่คิด คนที่มาร่วมแทงพนันต่างเลือกแทงข้างกวินกันเป็นส่วนใหญ่
ถ้าชัยชนะครั้งนี้ตกเป็นของมะปราง เงินที่ได้จากคนที่เข้าร่วมแทงพนันคูณอีกสิบเท่า กำไรชัด ๆ
ยกที่หนึ่ง เสียงระฆังดังกริ๊ง นักพากย์มวยเริ่มออกลวดลายวาทศิลป์ ผู้คนรอบสังเวียนต่างส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม กวินทำทีมีลูกเล่นทั้งที่ใจจ้องจะปล่อยหมัดใส่หน้าคู่ปรับ ถึงมะปรางจะเอาชนะกวินในการต่อสู้ไม่ได้ แต่เธอก็มีไหวพริบในการหลบหนีเอาตัวรอด
“ไอ้ปรางมันทำอะไรของมันวะนั่นน่ะ”
“นั่นนะซิ ทำไมไม่ต่อย เอ้าต่อยกันหน่อย”
ผู้คนเริ่มส่งเสียงร้องโห่ เมื่อมะปรางเล่นวิ่งหลบหนีหมัดหนัก ๆ จากคู่แข่ง วิ่งวนไปวิ่งวนมารอบสนามจนคนดูเริ่มปวดหัว กวินเองก็เริ่มหัวร้อนที่มะปรางเอาแต่วิ่งหนีไม่ยอมสู้กับเขาอย่างที่ปากพูดไว้
วิ่งจนเหนื่อยหอบก็ยังไม่หมดยกสักที เพียงแค่มะปรางพักหายใจ มันก็เปิดโอกาสให้กวินได้ปล่อยหมัดซ้ายกระแทกศอกขวาอัดเบ้าหน้าจนต้องเดินโซซัดโซเซเพราะทั้งเจ็บทั้งจุกหนัก ทำเอาคนดูและคนที่ร่วมแทงพนันต่างเพิ่มมูลค่าเงินแทงข้างกวินทวีคูณมากขึ้น
เสียงระฆังดังขึ้นบ่งบอกว่าหมดเวลาของยกแรกแล้ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เติร์ดวิ่งกลับมาจากบ้านของกวินพอดี
กวินมองมะปรางอย่างคนที่อยู่เหนือกว่า เขาทะนงตนคิดว่ายังไงเขาก็เอาชนะมะปรางได้สบาย ๆ จึงสั่งให้ลูกน้องไปแทงพนันเพิ่ม
“เป็นไงบ้างพี่ปราง”
“เจ็บสิวะถามได้ ไอ้กวินมันต่อยไม่ยั้งมือเลย กะจะชนะน็อกฉันให้ได้” มะปรางพูดด้วยความเจ็บใจ ร่างอรชรอ้อนแอ้นของเธอระบมไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้หรอก หัวใจคนอย่างมะปรางใหญ่กว่าตับอยู่แล้ว เธอไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ใช้กำลังสู้ไม่ได้ก็ใช้ความฉลาดแกมโกงเข้าสู้ “ไอ้เติร์ด! เอาน้ำมาดื่มหน่อย”
กวินเห็นว่ามะปรางเรียกหาน้ำดื่ม เขาจึงวานให้ลูกน้องเอาน้ำมาให้ตัวเองดื่มบ้าง
เป็นไปตามแผนการที่วางไว้
มุมปากร้ายยกยิ้มขึ้นสูงด้วยความสะใจ เมื่อกวินเพื่อนรักดื่มน้ำเข้าไปจนหมดขวด ยานอนหลับชนิดน้ำที่เติร์ดได้แอบหยดใส่ไว้ก่อนหน้านี้ก็เริ่มออกฤทธิ์ทันที
“ไอ้กวินไอ้โง่!”
“งานนี้มันเสร็จพี่ปรางแน่” สองลูกพี่ลูกน้องมองหน้ากันแล้วเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก่อนระฆังยกที่สองจะดังขึ้น
เมื่อเห็นกวินเริ่มมีอาการง่วงซึม ใกล้จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ มะปรางก็ใช้โอกาสนั้นปล่อยหมัดซ้ายใส่หมัดขวาอัดเข้าหน้ากวินไม่ยั้ง ทำเอาตลาดหลักทรัพย์วุ่นวายกันไปหมด
กวินเริ่มยืนไม่อยู่กับที่ สายตาพร่ามัวใกล้จะหลับเต็มทน มะปรางจึงรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีตวัดขาแตะก้านคอแล้วดึงแขนคู่ต่อสู้จับทุ่มลงพื้น ทำเอากวินน็อกคาที่ในเวลาไม่ถึงนาที กรรมการจึงเริ่มนับถอยหลัง
…ห้า …สี่ …สาม …สอง …หนึ่ง
เมื่อไม่มีวี่แววว่ากวินจะลุกขึ้นมาสู้กับมะปรางต่อได้ เธอจึงเป็นผู้ชนะในศึกสังเวียนครั้งนี้
มะปรางรู้ดีว่าชัยชนะครั้งนี้เธออาจได้มาเพราะการเล่นสกปรก แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มะปรางทำแสบกับกวิน เพราะอย่างนี้กวินถึงไม่ชอบขี้หน้าเธอสุด ๆ
ศึกครั้งนี้ยังคงเป็นที่ติดปากกันต่อไปว่ากวินไม่มีทางเอาชนะมะปรางได้ไม่ว่าจะเรื่องอะไร และเงินที่ได้จากการแทงพนันของคนในหมู่บ้าน เธอและแม่มะลิเก็บกินเรียบ
ผู้กองเตชิน...หนึ่งในผู้ชมศึกสังเวียนครั้งนี้ เขารู้ดีว่ามะปรางคงทำเรื่องแสบไว้เช่นเคย มันเป็นไปได้ยากที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอจะชนะน็อกผู้ชายอกสามศอกอย่างกวินได้เพียงแค่ออกแรงต่อยไปไม่กี่หมัด เขาได้แต่ยกยิ้มมุมปากให้กับชัยชนะของเธอในครั้งนี้
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่