“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน
“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”
คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย
“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว
“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”
“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”
พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”
“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด หากว่านาวินกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือตรงหน้า “ไอ้วิน!!”
“คะ...ครับหัวหน้า” เสียงเรียกที่ดุดันของเตชินทำให้นาวินรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมขานรับด้วยความตกใจ
“มัวทำอะไรอยู่”
“เอ่อ...”
“คุยอะไรกับยัยเคส” เตชินพูดออกมาอย่างรู้ทัน เพราะนาวินคือเด็กฝึกคนล่าสุดที่เขาเพิ่งดึงตัวเข้ามาในองค์กรเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ แต่ดูท่าทางจะสนิทสนมกับคาริสาเพื่อนสาวของเขาเป็นพิเศษ
“ปะ...เปล่าครับหัวหน้า”
“มีพิรุธ เอามือถือมาดู” นาวินทำหน้าเจื่อนก่อนจะยื่นโทรศัพท์ในมือให้กับหัวหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
บรึ๊น...บรื๊นนนนนนน!
เสียงรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันวิ่งแล่นออกมาตามท้องถนนทุรกันดาร ซึ่งเป็นถนนเส้นเดียวกันกับที่มะปรางเดินอยู่ เธอหันไปมองยังต้นทางของเสียง ด้วยสีหน้ารำคาญก็ไม่ปาน หากว่ามีกลุ่มเดียวที่จะสร้างความวุ่นวายให้กับชุมชน และหาเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว
มะปรางเท้าเอวพลางจิ๊ปากอย่างเอือมระอา เมื่อรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันวิ่งวนรอบตัวเธอ กว่าทุกอย่างจะสงบลงก็ทำเอาเธอเวียนหัวจนแทบจะอาเจียน
“เอาเหล้าสาโทกูไปซ่อนไว้ที่ไหน” กวินพูดหลังจากที่ดับเครื่องรถจักรยานยนต์จนสนิท ใบหน้าของเขายังคงบวมปูดและเต็มไปด้วยรอยช้ำ หากว่าที่เป็นแบบนั้นสาเหตุก็มาจากมะปรางส่วนหนึ่ง
“พูดเรื่องอะไร” คนโดนถามแสร้งทำลอยหน้าลอยตา เธอไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่ายที่มีพรรคพวกเยอะกว่าเธอเลยสักนิด
“กูมีมึงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจเหล้าเถื่อนคนเดียว ถ้าไม่ใช่มึงแล้วใครมันเป็นคนทำ ชั่วเสมอต้นเสมอปลายไม่มีใครทำได้นอกจากมึง อีมะปราง!”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมนะ ส่วนเหล้าสาโทของแกถ้าอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ไปถามผู้ใหญ่ผินดูสิ”
“นี่มึงเอาเรื่องที่กูต้มเหล้าเถื่อนไปฟ้องพ่อกูเหรอ”
“ไม่ได้ฟ้อง แค่วานให้ไอ้เติร์คเอาไปขายต่อ ให้พ่อง!!” มะปรางพูดไปตามความเป็นจริง ก่อนจะอ้าปากพูดแบบไม่มีเสียงในสองพยางค์สุดท้ายทีละคำ หญิงสาวหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างรู้สึกสะใจ ไม่ว่าจะศึกครั้งไหนเธอก็อยู่เหนือกวินเสมอ
“อีมะปราง!” กวินตะโกนคำหยาบคายออกมาด้วยความฉุนขาด เขาก้าวขาลงจากรถหวังจะไปเอาเรื่องกับอีกฝ่าย แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
วี๊ว๊อ...วี๊ว๊อ...วี๊ว๊ออออออ!!!
“เชี่ย!! พ่อมา” กวินพูดพร้อมหันหลังกลับไปขึ้นรถแล้วรีบบิดรถหนีอย่างเร็ว รวมทั้งสมุนคนอื่น ๆ ก็เร่งรถออกไปตามกัน
มะปรางที่ยังยืนอยู่ที่เดิมส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เปิดเสียงสัญญาณไซเรนของรถตำรวจออกมาจากกระเป๋ากางเกง เธอกดปิดเสียงนั้นทิ้งหลังจากที่กวินและพวกของเขาขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจนลับตา
“โง่เสมอต้นเสมอปลายทั้งลูกพี่ทั้งลูกน้อง”
@บ้านของมะปราง
“ไปไหนมา!” เสียงดุดันของคนเป็นแม่ดังมาจากหลังบ้าน ทำเอาสีหน้าของคนที่เพิ่งอารมณ์ดีอย่างมะปรางเปลี่ยนสีไปในทันที
“แม่...”
“ไม่ต้องมาทำเสียงออดเสียงอ้อน ไปไหนมาตั้งแต่เช้าเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้”
“ปรางก็แค่ออกไปเดินเล่นแล้วก็เจอพวก...ไอ้กวิน”
“ไอ้กวิน! ไอ้กวินมันทำอะไรลูก”
“มันมาเอาคืนปรางที่ฉันปรางชนะน็อคมันเมื่อคืน”
“แล้วมันทำอะไรลูกแม่ มันทำตรงไหน...” แม่มะลิพูดด้วยความตกใจพร้อมตรวจดูร่างกายลูกสาวให้แน่ใจว่าไม่มีรอยอะไรมาขีดข่วน
“คนอย่างมันจะไปทำอะไรปรางได้ ปรางลูกสาวแม่มะลิซะอย่าง” มะปรางพูดกล่าวเยินยอคนเป็นแม่ให้อารมณ์ดีตามนิสัย โดยที่แม่มะลิก็แสดงสีหน้าออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจจนลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าจะทำโทษลูกสาวที่ออกไปเที่ยวเถลไถล “แม่ไม่ต้องห่วงปรางเลยนะ ไม่มีใครทำอะไรปรางได้หรอก”
“นี่แน่...มันน่านัก! แม่มีลูกสาวคนเดียวไม่ให้แม่ห่วงลูกแล้วจะให้แม่ไปห่วงใคร” แม่มะลิเอื้อมมือหวังจะตีแขนลูกสาว แต่ลูกตัวดีก็ดันหลบทัน ก่อนพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
“รู้แล้ว ๆ กอด ๆ นะแม่นะ” มะปรางเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ พร้อมกับโยกตัวไปมาเบา ๆ ตามประสาแม่ลูก
“เรามีกันแค่สองคนแม่ลูกนะ อย่าทำให้แม่ห่วงบ่อย คนยิ่งเครียดง่ายอยู่”
“เครียดเพราะเป็นห่วงปราง หรือเครียดเพราะกลัวว่าหวยจะออกไม่ตรงกับที่ซื้อ โอ๊ย!”
มะปรางส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น เมื่อถูกมะเหงกของคนเป็นแม่เขกลงบนหัวอย่างแรง เธอลูบผมตัวเองปอย ๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บ
“ทำเป็นรู้ดี ก็เครียดพอ ๆ กันนั่นแหละ”
แม่มะลิพูดพร้อมยกแขนขึ้นมากอดอก มะปรางอมยิ้มก่อนจะเดินไปสวมกอดคนเป็นแม่อีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะเคยทำผิดพลาดในอดีต ก็มีแต่แม่มะลิคนนี้ที่ให้อภัยและให้โอกาสเธอมาตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังทำตัวเกเรเถลไถลไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยลืมว่ามีคนที่บ้านรอเธออยู่ เธอมีความสุขทุกครั้งที่มีแม่มะลิคอยดุคอยด่า คอยตีคอยจู้จี้จุกจิกไม่เว้นแต่ละวัน
คนที่ทำผิดบ้างถูกบ้างอย่างเธอ รักแม่มะลิคนนี้ที่สุด
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
หลายวันต่อมา...“งานอะไรก็ได้เจ๊ ฉันทำได้ทั้งนั้น” มะปรางพูดกับเจ๊แก้วผู้จัดการร้านผับที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชุมชน หากว่าเธอตัดสินใจนั่งวินมาถึงตัวอำเภอเพื่อมาหางานทำ อีกทั้งอาจจะได้เบาะแสเพิ่มเติม“งานที่แล้วก็เพิ่งกระทืบลูกค้ามาเพราะเพื่อนโดนลวนลาม งานนี้มันหนักกว่ามากนะ แกจะไม่เอาปืนมายิงลูกค้าเจ๊เลยเหรอ”“ให้ฉันล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก็ได้เจ๊ รับรองว่าฉันจะไม่มาเพ่นพ่านในนี้เด็ดขาด”“แกมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมารับจ้างล้างจานจริง ๆ เหรอ มันคุ้มค่าเดินทางแกเหรออีมะปราง”“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำนี่เจ๊”“อ้าวดูสิว่าใครมา” หนึ่งในสามสาวที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายมะปรางอย่างเป็นกันเอง“หวัดดีพี่โส” มะปรางยกมือไหว้ทั้งสามคนเหนือหัวอย่างหยอกล้อ หากว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี“โอ๊ยยัยเด็กบ้านี่ เรียกพี่โสเดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลย ฉันเจนนี่ย๊ะ”“ส่วนพี่...ชื่อโบวี่”“ส่วนพี่ก็...ชื่อหนูเล็ก มากับเจนนี่แล้วก็มากับโบวี่”“รู้แล้ว ๆ แนะนำตัวเป็นทางการตลอด แหม...วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ”“อย่ามาอวยเดี๋ยวเงินหมดกระเป๋า ว่าแต่แกมาทำอะไรที่นี่อีมะปราง จะมาแย่งงานพวกฉันเหรอ” เจนนี่เท้าเอวถาม ก่อนที่หนูเล็กจะ
“เฮียเตเขาคงไม่ได้ชอบปรางหรอก เพราะถ้าเขาชอบปราง เขาคงไม่ทิ้งปรางไปตั้งหลายปี” เด็กสาวที่กำลังเมาได้ที่พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ปนเสียงโศกเศร้าอย่างไม่ปิดบัง“เฮียมันเคยบอกรักมะปรางไหม” เรติกาเอ่ยถาม เมื่อมะปรางพรั่งพรูความจริงออกมาจนหมดเปลือก“ม่ายเคย แต่เฮียเขาชอบบอกว่าปรางเป็นเด็กของเฮีย”“แกนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะไอ้เต!”“ม่ายเลว...เฮียเตเป็นคนดีแต่ปรางเป็นคนไม่ดี”“เฮียมันทำอะไรกับมะปราง ทำไมดูหลงมันจัง”“ม่ายเคยหลง ปรางแค่ใจอ่อนเวลาที่เฮียเขา... อึก! จูบตรงนี้...” มะปรางยกมือขึ้นมาชี้หน้าผากมนของตัวเอง แล้วค่อยเลื่อนนิ้วมาชี้ที่ขมับบาง “...แล้วก็จูบตรงนี้ด้วย เฮียเตชอบให้ปรางนั่งตัก แล้วชอบเรียกปรางว่า...เด็กดี”“มะปราง!” เตชินที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนเรียกชื่อของเธอเสียงดัง เพื่อห้ามปรามไม่พูดอะไรออกมา ขณะที่คาริสาก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดปาก หากว่ามาทันได้ยินที่มะปรางพูดในประโยคสุดท้ายเพื่อนหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าห่วยแตกเรื่องความรัก แท้ที่จริงแล้วเล่ห์เหลี่ยมและคารมคมคายเชี่ยวชาญยิ่งกว่าผู้ชายเจ้าชู้บางคนเสียอีก“คะ...คุณมาได้ยังไง มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” มะปรางหันไปมองเตชินด้วยสีหน้าไม่รู
“หนูทำอะไรอยู่ ไม่รีบกลับบ้านเหรอ” เตชินเดินเข้ามาในครัว หลังจากที่สั่งงานเด็กฝึกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเพื่อนรักทั้งสองคนก็ส่งกลับบ้านตั้งแต่เช้ามืด เหลือแค่มะปรางที่กว่าจะสร่างเมาจากอาการเมาค้างก็ล่วงเลยเวลามาจนเกือบเที่ยง“หนูยังปวดหัวนิดหน่อย เลยกินยาดักไว้ก่อนเผื่อไข้ขึ้น เหลืออยู่หนึ่งเม็ดพอดี” พูดจบเธอก็ป้อนยาเม็ดเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามทันที“กินยา? ยาอะไร?”“ก็ยาลดไข้ไง ปวดหัวให้กินยาคุมเหรอเฮีย” เด็กสาวพูดติดตลกพร้อมยื่นกระปุกยาขนาดเล็กให้เตชินดู“ที่นี่มียาลดไข้ด้วยเหรอ” เตชินรับกระปุกยามาพิจารณาดู เขาทำสีหน้าตกใจพร้อมกับรีบไปล้วงคอเด็กสาว “มะปรางคายมันออกมา นี่มันไม่ใช่ยาลดไข้...”หากว่ามันคือตัวอย่างยาที่เขาให้เด็กฝึกขโมยมา ครั้งเมื่อไปสืบเรื่องอุโมงค์หลังสนามเด็กเล่น เขาเอาตัวยาออกมาให้คาริสานำไปตรวจสอบที่แล็ปขององค์กร แล้วยังไม่ได้เก็บมันให้เข้าที่เข้าทาง ใครจะไปนึกว่ามะปรางจะเอามากินเพราะคิดว่าเป็นยาลดไข้ แม้ลักษณะของมันจะคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออก“อื้อ!! เฮียมันคือยาอะไร”“คายมันออกมาเร็วเข้า เฮียไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร มันอาจจะอันตรายถึงตายได้”มะปรางสำลักจนหน้าดำหน้าแดงไปหม
“อีกสิบสองชั่วโมงค่อยทานอีกหนึ่งเม็ด หนูจำได้ใช่ไหม” มะปรางพยักหน้ารับ หากว่าเตชินขับรถมาส่งถึงที่หน้าบ้านแล้วแต่เธอกลับยังไม่กล้าลงไป เด็กสาวตัวแสบของเขาในวันนี้ดูจะสูญเสียความมั่นใจเอามาก ๆ เตชินจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอเบา ๆ “เด็กดีครับ ไม่คิดมากนะ”“หนูกลัว อึก!”“ไม่ต้องกลัวนะ เฮียจะมองหนูอยู่ตรงนี้” เตชินปลอบใจเธอแล้วหยิบซองเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาทให้กับมะปราง “พี่เรย์ฝากมาให้”“...” มะปรางยกมือไหว้พร้อมรับซองเงินที่เธอควรจะได้อยู่แล้วมากอดไว้“อย่าไปทำตามยัยแสบนั่นอีก แล้วก็ห้ามกินเหล้าจนเมาไม่ได้สติกับคนแปลกหน้า”“ก็พี่เรย์ท้าหนูแก้วละพัน” เธอตอบโต้พร้อมเก็บเงินไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง เตชินมองคนข้าง ๆ พลางยิ้มละไมเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น สำหรับเขาตอนนี้ สภาพจิตใจของเธอสำคัญที่สุด“มากอดหน่อย”“หืม?” มะปรางเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางทำสีหน้าเชิงคำถาม เมื่อเห็นว่าเตชินอ้าแขนออกกว้างเพื่อรอรับกอดจากเธอ“มาให้เฮียกอดหน่อยนะเด็กดี” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มะปรางยิ้มแป้นก่อนจะโถมเข้าไปสวมกอดเขาอย่างไม่ลังเล “ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า”“ยังเจ็บไปทั้งร่างเลย แต่ว่
‘เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ เกิดเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ในชุมชนบ้านไข่น้ำ คาดว่าสาเหตุเกิดจากยาเสพติดชนิดใหม่ที่มาในรูปแบบยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งคนในชุมชนบ้านไข่น้ำได้รับบริจาคข้าวของเครื่องใช้และยาสามัญประจำบ้านเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ หลายคนตกเป็นเหยื่อและนำไปสู่เหตุจลาจลก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หลังจากที่นายแดง(นามสมมุติ) ได้ทานยาแก้แพ้เข้าไปทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ทุบตีภรรยาและลูก นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นคว้ามีดดาบไล่ฟันชาวบ้านไม่เลือกหน้า คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุเดียวกันด้าน พล.ต.อ. อดิศร ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ มีความเชื่อมั่นว่าทีมตำรวจในพื้นที่สามารถจับผู้ก่อเหตุจลาจลครั้งนี้ได้แน่นอน ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมยังไม่สามารถเปิดเผยได้’‘ยาสามัญฯ ทำพิษชาวบ้านไข่น้ำ ปมเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ขณะนี้เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ชาวบ้านกว่า 20 รายตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดชนิดใหม่ที่มาในรูปแบบยาสามัญประจำบ้าน เหตุจลาจลครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายและนำไปสู่การสูญเสียในวงกว้าง มีเหยื่อเสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 ราย ส่วนคนที่เหลืออยู่ในการควบคุมของ
‘ผมไม่เห็นด้วยนะกับการที่คุณเอายานรกพวกนี้ไปบริจาคให้กับชาวบ้าน’‘นี่มันเป็นฆาตกรรมไม่เลือกหน้า สังหารหมู่ชัด ๆ’‘ก็ไม่เห็นว่ามีใครตายเพราะยาของผมสักหน่อย พวกนั้นตายเพราะหันมาฆ่ากันเอง’‘แต่ถึงยังไงการที่คุณทำแบบนี้มันก็ไม่ควรอยู่ดี เพราะการที่สื่อและตำรวจให้ความสนใจที่นี่มันจะทำให้พวกเราทำงานลำบาก’‘ก็นึกว่าจะห่วงชาวบ้านพวกนั้น ที่แท้ก็ห่วงผลประโยชน์ของตัวเอง...’ เตชินฟังเสียงที่ได้มาจากเครื่องดักฟังวนซ้ำหลายรอบ หากว่าเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าในคลิปเสียงนี้มีเสียงของใครบ้าง แต่ที่แน่ ๆ หนึ่งในนั้นต้องมีเสียงของนายเจษฎาและไมเคิลเตชินนั่งชั่งใจอยู่สักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะหันไปมองเอกสารกองเท่าภูเขาบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่เขาก็ยังคงทำงานไม่ได้พักเขายังไม่ได้เบาะแสและหลักฐานที่เพียงพอที่จะสามารถสาวถึงตัวคนร้ายและคนที่อยู่เบื้องหลังเลยหากว่าเขามัวแต่เสียเวลาและวุ่นวายกับการจัดการเรื่องที่โรงพัก และเหยื่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หน้าที่ของเขาโดยตรง แต่ในเมื่อเขาแฝงตัวมาเป็นตำรวจเขาก็จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ให้แนบเนียนที่สุดคนร้ายเริ่มแสด
‘ผมไม่เห็นด้วยนะกับการที่คุณเอายานรกพวกนี้ไปบริจาคให้กับชาวบ้าน’‘นี่มันเป็นฆาตกรรมไม่เลือกหน้า สังหารหมู่ชัด ๆ’‘ก็ไม่เห็นว่ามีใครตายเพราะยาของผมสักหน่อย พวกนั้นตายเพราะหันมาฆ่ากันเอง’‘แต่ถึงยังไงการที่คุณทำแบบนี้มันก็ไม่ควรอยู่ดี เพราะการที่สื่อและตำรวจให้ความสนใจที่นี่มันจะทำให้พวกเราทำงานลำบาก’‘ก็นึกว่าจะห่วงชาวบ้านพวกนั้น ที่แท้ก็ห่วงผลประโยชน์ของตัวเอง...’ เตชินฟังเสียงที่ได้มาจากเครื่องดักฟังวนซ้ำหลายรอบ หากว่าเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าในคลิปเสียงนี้มีเสียงของใครบ้าง แต่ที่แน่ ๆ หนึ่งในนั้นต้องมีเสียงของนายเจษฎาและไมเคิลเตชินนั่งชั่งใจอยู่สักพักใหญ่ ๆ ก่อนจะหันไปมองเอกสารกองเท่าภูเขาบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่เขาก็ยังคงทำงานไม่ได้พักเขายังไม่ได้เบาะแสและหลักฐานที่เพียงพอที่จะสามารถสาวถึงตัวคนร้ายและคนที่อยู่เบื้องหลังเลยหากว่าเขามัวแต่เสียเวลาและวุ่นวายกับการจัดการเรื่องที่โรงพัก และเหยื่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่หน้าที่ของเขาโดยตรง แต่ในเมื่อเขาแฝงตัวมาเป็นตำรวจเขาก็จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ให้แนบเนียนที่สุดคนร้ายเริ่มแสด
‘เมื่อช่วงค่ำของวันนี้ เกิดเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ในชุมชนบ้านไข่น้ำ คาดว่าสาเหตุเกิดจากยาเสพติดชนิดใหม่ที่มาในรูปแบบยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งคนในชุมชนบ้านไข่น้ำได้รับบริจาคข้าวของเครื่องใช้และยาสามัญประจำบ้านเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ หลายคนตกเป็นเหยื่อและนำไปสู่เหตุจลาจลก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หลังจากที่นายแดง(นามสมมุติ) ได้ทานยาแก้แพ้เข้าไปทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งไล่ทุบตีภรรยาและลูก นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นคว้ามีดดาบไล่ฟันชาวบ้านไม่เลือกหน้า คาดว่าน่าจะมาจากสาเหตุเดียวกันด้าน พล.ต.อ. อดิศร ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ มีความเชื่อมั่นว่าทีมตำรวจในพื้นที่สามารถจับผู้ก่อเหตุจลาจลครั้งนี้ได้แน่นอน ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมยังไม่สามารถเปิดเผยได้’‘ยาสามัญฯ ทำพิษชาวบ้านไข่น้ำ ปมเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ขณะนี้เหตุการณ์ทะเลาะวิวาทอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ชาวบ้านกว่า 20 รายตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดชนิดใหม่ที่มาในรูปแบบยาสามัญประจำบ้าน เหตุจลาจลครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายและนำไปสู่การสูญเสียในวงกว้าง มีเหยื่อเสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 12 ราย ส่วนคนที่เหลืออยู่ในการควบคุมของ
“อีกสิบสองชั่วโมงค่อยทานอีกหนึ่งเม็ด หนูจำได้ใช่ไหม” มะปรางพยักหน้ารับ หากว่าเตชินขับรถมาส่งถึงที่หน้าบ้านแล้วแต่เธอกลับยังไม่กล้าลงไป เด็กสาวตัวแสบของเขาในวันนี้ดูจะสูญเสียความมั่นใจเอามาก ๆ เตชินจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอเบา ๆ “เด็กดีครับ ไม่คิดมากนะ”“หนูกลัว อึก!”“ไม่ต้องกลัวนะ เฮียจะมองหนูอยู่ตรงนี้” เตชินปลอบใจเธอแล้วหยิบซองเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาทให้กับมะปราง “พี่เรย์ฝากมาให้”“...” มะปรางยกมือไหว้พร้อมรับซองเงินที่เธอควรจะได้อยู่แล้วมากอดไว้“อย่าไปทำตามยัยแสบนั่นอีก แล้วก็ห้ามกินเหล้าจนเมาไม่ได้สติกับคนแปลกหน้า”“ก็พี่เรย์ท้าหนูแก้วละพัน” เธอตอบโต้พร้อมเก็บเงินไว้ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง เตชินมองคนข้าง ๆ พลางยิ้มละไมเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น สำหรับเขาตอนนี้ สภาพจิตใจของเธอสำคัญที่สุด“มากอดหน่อย”“หืม?” มะปรางเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางทำสีหน้าเชิงคำถาม เมื่อเห็นว่าเตชินอ้าแขนออกกว้างเพื่อรอรับกอดจากเธอ“มาให้เฮียกอดหน่อยนะเด็กดี” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มะปรางยิ้มแป้นก่อนจะโถมเข้าไปสวมกอดเขาอย่างไม่ลังเล “ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า”“ยังเจ็บไปทั้งร่างเลย แต่ว่
“หนูทำอะไรอยู่ ไม่รีบกลับบ้านเหรอ” เตชินเดินเข้ามาในครัว หลังจากที่สั่งงานเด็กฝึกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเพื่อนรักทั้งสองคนก็ส่งกลับบ้านตั้งแต่เช้ามืด เหลือแค่มะปรางที่กว่าจะสร่างเมาจากอาการเมาค้างก็ล่วงเลยเวลามาจนเกือบเที่ยง“หนูยังปวดหัวนิดหน่อย เลยกินยาดักไว้ก่อนเผื่อไข้ขึ้น เหลืออยู่หนึ่งเม็ดพอดี” พูดจบเธอก็ป้อนยาเม็ดเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามทันที“กินยา? ยาอะไร?”“ก็ยาลดไข้ไง ปวดหัวให้กินยาคุมเหรอเฮีย” เด็กสาวพูดติดตลกพร้อมยื่นกระปุกยาขนาดเล็กให้เตชินดู“ที่นี่มียาลดไข้ด้วยเหรอ” เตชินรับกระปุกยามาพิจารณาดู เขาทำสีหน้าตกใจพร้อมกับรีบไปล้วงคอเด็กสาว “มะปรางคายมันออกมา นี่มันไม่ใช่ยาลดไข้...”หากว่ามันคือตัวอย่างยาที่เขาให้เด็กฝึกขโมยมา ครั้งเมื่อไปสืบเรื่องอุโมงค์หลังสนามเด็กเล่น เขาเอาตัวยาออกมาให้คาริสานำไปตรวจสอบที่แล็ปขององค์กร แล้วยังไม่ได้เก็บมันให้เข้าที่เข้าทาง ใครจะไปนึกว่ามะปรางจะเอามากินเพราะคิดว่าเป็นยาลดไข้ แม้ลักษณะของมันจะคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออก“อื้อ!! เฮียมันคือยาอะไร”“คายมันออกมาเร็วเข้า เฮียไม่รู้ว่ามันคือยาอะไร มันอาจจะอันตรายถึงตายได้”มะปรางสำลักจนหน้าดำหน้าแดงไปหม
“เฮียเตเขาคงไม่ได้ชอบปรางหรอก เพราะถ้าเขาชอบปราง เขาคงไม่ทิ้งปรางไปตั้งหลายปี” เด็กสาวที่กำลังเมาได้ที่พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ปนเสียงโศกเศร้าอย่างไม่ปิดบัง“เฮียมันเคยบอกรักมะปรางไหม” เรติกาเอ่ยถาม เมื่อมะปรางพรั่งพรูความจริงออกมาจนหมดเปลือก“ม่ายเคย แต่เฮียเขาชอบบอกว่าปรางเป็นเด็กของเฮีย”“แกนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะไอ้เต!”“ม่ายเลว...เฮียเตเป็นคนดีแต่ปรางเป็นคนไม่ดี”“เฮียมันทำอะไรกับมะปราง ทำไมดูหลงมันจัง”“ม่ายเคยหลง ปรางแค่ใจอ่อนเวลาที่เฮียเขา... อึก! จูบตรงนี้...” มะปรางยกมือขึ้นมาชี้หน้าผากมนของตัวเอง แล้วค่อยเลื่อนนิ้วมาชี้ที่ขมับบาง “...แล้วก็จูบตรงนี้ด้วย เฮียเตชอบให้ปรางนั่งตัก แล้วชอบเรียกปรางว่า...เด็กดี”“มะปราง!” เตชินที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนเรียกชื่อของเธอเสียงดัง เพื่อห้ามปรามไม่พูดอะไรออกมา ขณะที่คาริสาก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดปาก หากว่ามาทันได้ยินที่มะปรางพูดในประโยคสุดท้ายเพื่อนหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าห่วยแตกเรื่องความรัก แท้ที่จริงแล้วเล่ห์เหลี่ยมและคารมคมคายเชี่ยวชาญยิ่งกว่าผู้ชายเจ้าชู้บางคนเสียอีก“คะ...คุณมาได้ยังไง มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” มะปรางหันไปมองเตชินด้วยสีหน้าไม่รู
หลายวันต่อมา...“งานอะไรก็ได้เจ๊ ฉันทำได้ทั้งนั้น” มะปรางพูดกับเจ๊แก้วผู้จัดการร้านผับที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชุมชน หากว่าเธอตัดสินใจนั่งวินมาถึงตัวอำเภอเพื่อมาหางานทำ อีกทั้งอาจจะได้เบาะแสเพิ่มเติม“งานที่แล้วก็เพิ่งกระทืบลูกค้ามาเพราะเพื่อนโดนลวนลาม งานนี้มันหนักกว่ามากนะ แกจะไม่เอาปืนมายิงลูกค้าเจ๊เลยเหรอ”“ให้ฉันล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก็ได้เจ๊ รับรองว่าฉันจะไม่มาเพ่นพ่านในนี้เด็ดขาด”“แกมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมารับจ้างล้างจานจริง ๆ เหรอ มันคุ้มค่าเดินทางแกเหรออีมะปราง”“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำนี่เจ๊”“อ้าวดูสิว่าใครมา” หนึ่งในสามสาวที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายมะปรางอย่างเป็นกันเอง“หวัดดีพี่โส” มะปรางยกมือไหว้ทั้งสามคนเหนือหัวอย่างหยอกล้อ หากว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี“โอ๊ยยัยเด็กบ้านี่ เรียกพี่โสเดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลย ฉันเจนนี่ย๊ะ”“ส่วนพี่...ชื่อโบวี่”“ส่วนพี่ก็...ชื่อหนูเล็ก มากับเจนนี่แล้วก็มากับโบวี่”“รู้แล้ว ๆ แนะนำตัวเป็นทางการตลอด แหม...วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ”“อย่ามาอวยเดี๋ยวเงินหมดกระเป๋า ว่าแต่แกมาทำอะไรที่นี่อีมะปราง จะมาแย่งงานพวกฉันเหรอ” เจนนี่เท้าเอวถาม ก่อนที่หนูเล็กจะ
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ