“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน
“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”
คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย
“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว
“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”
“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”
พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”
“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด หากว่านาวินกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือตรงหน้า “ไอ้วิน!!”
“คะ...ครับหัวหน้า” เสียงเรียกที่ดุดันของเตชินทำให้นาวินรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมขานรับด้วยความตกใจ
“มัวทำอะไรอยู่”
“เอ่อ...”
“คุยอะไรกับยัยเคส” เตชินพูดออกมาอย่างรู้ทัน เพราะนาวินคือเด็กฝึกคนล่าสุดที่เขาเพิ่งดึงตัวเข้ามาในองค์กรเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ แต่ดูท่าทางจะสนิทสนมกับคาริสาเพื่อนสาวของเขาเป็นพิเศษ
“ปะ...เปล่าครับหัวหน้า”
“มีพิรุธ เอามือถือมาดู” นาวินทำหน้าเจื่อนก่อนจะยื่นโทรศัพท์ในมือให้กับหัวหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
บรึ๊น...บรื๊นนนนนนน!
เสียงรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันวิ่งแล่นออกมาตามท้องถนนทุรกันดาร ซึ่งเป็นถนนเส้นเดียวกันกับที่มะปรางเดินอยู่ เธอหันไปมองยังต้นทางของเสียง ด้วยสีหน้ารำคาญก็ไม่ปาน หากว่ามีกลุ่มเดียวที่จะสร้างความวุ่นวายให้กับชุมชน และหาเรื่องสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านชาวช่องไปทั่ว
มะปรางเท้าเอวพลางจิ๊ปากอย่างเอือมระอา เมื่อรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันวิ่งวนรอบตัวเธอ กว่าทุกอย่างจะสงบลงก็ทำเอาเธอเวียนหัวจนแทบจะอาเจียน
“เอาเหล้าสาโทกูไปซ่อนไว้ที่ไหน” กวินพูดหลังจากที่ดับเครื่องรถจักรยานยนต์จนสนิท ใบหน้าของเขายังคงบวมปูดและเต็มไปด้วยรอยช้ำ หากว่าที่เป็นแบบนั้นสาเหตุก็มาจากมะปรางส่วนหนึ่ง
“พูดเรื่องอะไร” คนโดนถามแสร้งทำลอยหน้าลอยตา เธอไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่ายที่มีพรรคพวกเยอะกว่าเธอเลยสักนิด
“กูมีมึงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจเหล้าเถื่อนคนเดียว ถ้าไม่ใช่มึงแล้วใครมันเป็นคนทำ ชั่วเสมอต้นเสมอปลายไม่มีใครทำได้นอกจากมึง อีมะปราง!”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมนะ ส่วนเหล้าสาโทของแกถ้าอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ไปถามผู้ใหญ่ผินดูสิ”
“นี่มึงเอาเรื่องที่กูต้มเหล้าเถื่อนไปฟ้องพ่อกูเหรอ”
“ไม่ได้ฟ้อง แค่วานให้ไอ้เติร์คเอาไปขายต่อ ให้พ่อง!!” มะปรางพูดไปตามความเป็นจริง ก่อนจะอ้าปากพูดแบบไม่มีเสียงในสองพยางค์สุดท้ายทีละคำ หญิงสาวหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นอย่างรู้สึกสะใจ ไม่ว่าจะศึกครั้งไหนเธอก็อยู่เหนือกวินเสมอ
“อีมะปราง!” กวินตะโกนคำหยาบคายออกมาด้วยความฉุนขาด เขาก้าวขาลงจากรถหวังจะไปเอาเรื่องกับอีกฝ่าย แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
วี๊ว๊อ...วี๊ว๊อ...วี๊ว๊ออออออ!!!
“เชี่ย!! พ่อมา” กวินพูดพร้อมหันหลังกลับไปขึ้นรถแล้วรีบบิดรถหนีอย่างเร็ว รวมทั้งสมุนคนอื่น ๆ ก็เร่งรถออกไปตามกัน
มะปรางที่ยังยืนอยู่ที่เดิมส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เปิดเสียงสัญญาณไซเรนของรถตำรวจออกมาจากกระเป๋ากางเกง เธอกดปิดเสียงนั้นทิ้งหลังจากที่กวินและพวกของเขาขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจนลับตา
“โง่เสมอต้นเสมอปลายทั้งลูกพี่ทั้งลูกน้อง”
@บ้านของมะปราง
“ไปไหนมา!” เสียงดุดันของคนเป็นแม่ดังมาจากหลังบ้าน ทำเอาสีหน้าของคนที่เพิ่งอารมณ์ดีอย่างมะปรางเปลี่ยนสีไปในทันที
“แม่...”
“ไม่ต้องมาทำเสียงออดเสียงอ้อน ไปไหนมาตั้งแต่เช้าเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้”
“ปรางก็แค่ออกไปเดินเล่นแล้วก็เจอพวก...ไอ้กวิน”
“ไอ้กวิน! ไอ้กวินมันทำอะไรลูก”
“มันมาเอาคืนปรางที่ฉันปรางชนะน็อคมันเมื่อคืน”
“แล้วมันทำอะไรลูกแม่ มันทำตรงไหน...” แม่มะลิพูดด้วยความตกใจพร้อมตรวจดูร่างกายลูกสาวให้แน่ใจว่าไม่มีรอยอะไรมาขีดข่วน
“คนอย่างมันจะไปทำอะไรปรางได้ ปรางลูกสาวแม่มะลิซะอย่าง” มะปรางพูดกล่าวเยินยอคนเป็นแม่ให้อารมณ์ดีตามนิสัย โดยที่แม่มะลิก็แสดงสีหน้าออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจจนลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าจะทำโทษลูกสาวที่ออกไปเที่ยวเถลไถล “แม่ไม่ต้องห่วงปรางเลยนะ ไม่มีใครทำอะไรปรางได้หรอก”
“นี่แน่...มันน่านัก! แม่มีลูกสาวคนเดียวไม่ให้แม่ห่วงลูกแล้วจะให้แม่ไปห่วงใคร” แม่มะลิเอื้อมมือหวังจะตีแขนลูกสาว แต่ลูกตัวดีก็ดันหลบทัน ก่อนพรั่งพรูความรู้สึกของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
“รู้แล้ว ๆ กอด ๆ นะแม่นะ” มะปรางเดินเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ พร้อมกับโยกตัวไปมาเบา ๆ ตามประสาแม่ลูก
“เรามีกันแค่สองคนแม่ลูกนะ อย่าทำให้แม่ห่วงบ่อย คนยิ่งเครียดง่ายอยู่”
“เครียดเพราะเป็นห่วงปราง หรือเครียดเพราะกลัวว่าหวยจะออกไม่ตรงกับที่ซื้อ โอ๊ย!”
มะปรางส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น เมื่อถูกมะเหงกของคนเป็นแม่เขกลงบนหัวอย่างแรง เธอลูบผมตัวเองปอย ๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บ
“ทำเป็นรู้ดี ก็เครียดพอ ๆ กันนั่นแหละ”
แม่มะลิพูดพร้อมยกแขนขึ้นมากอดอก มะปรางอมยิ้มก่อนจะเดินไปสวมกอดคนเป็นแม่อีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะเคยทำผิดพลาดในอดีต ก็มีแต่แม่มะลิคนนี้ที่ให้อภัยและให้โอกาสเธอมาตลอด ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังทำตัวเกเรเถลไถลไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยลืมว่ามีคนที่บ้านรอเธออยู่ เธอมีความสุขทุกครั้งที่มีแม่มะลิคอยดุคอยด่า คอยตีคอยจู้จี้จุกจิกไม่เว้นแต่ละวัน
คนที่ทำผิดบ้างถูกบ้างอย่างเธอ รักแม่มะลิคนนี้ที่สุด
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่