หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้
เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสี
เตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปราง
เขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...
“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่วนตัวของเตชินอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
“รู้อะไรไปแล้วบ้าง” ชายหนุ่มที่เป็นตำรวจกำมะลอพูดพร้อมเดินเข้าไปหาเด็กสาว
“ศูนย์ศูนย์เจ็ดคือรหัสอะไร แล้วเพชรลวงตาคือฉายาของคุณเหรอ”
“รู้เยอะเกินไปแล้ว” เตชินพูดพร้อมดึงเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนตัวของเขาออกจากมือของเธอ
อันที่จริงเตชินมาที่นี่อีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคิดไว้แล้วว่ามะปรางจะต้องรู้ความจริงว่าทำไมเขาถึงต้องมาเป็นตำรวจอยู่ที่ชุมชนแห่งนี่ ซึ่งไม่ช้าก็เร็ว หากว่าเธอคือคนเดียวที่รู้ความลับมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ที่เตชินไม่ได้บอกอะไรกับเธอตั้งแต่ทีแรก เพราะการที่ปล่อยให้มะปรางตามหาความจริงเกี่ยวกับตัวเขาอีกสักครั้งและอีกหลาย ๆ ครั้ง มันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะสามารถเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยความลับสุดยอดของเขาได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ประตูทางเข้ามันซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือ และดูจะไม่ได้เป็นที่สะดุดตาขนาดนั้น
“องค์กร...”
“อย่าพูดถึงชื่อองค์กรเด็ดขาด!”
“...” มะปรางเอียงคอเล็กน้อยพลางทำสีหน้าเชิงคำถาม
“มันเป็นสิ่งต้องห้าม” เตชินกล่าวก่อนจะครุ่นคิดได้ว่ามะปรางรู้ชื่อจริงขององค์กรได้ยังไงในเมื่อมันไม่ได้มีระบุเป็นลายลักษณ์อักษร “เข้ามาในนี้ได้ยังไง”
“ไม่บอก” มะปรางกระโดดลงจากโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม เด็กสาวยิ้มแป้น เพราะการที่ได้รู้ความลับของเตชินมันทำให้เธออารมณ์ดี
“อะส์!” คนตัวเล็กอุทานเสียงหลงเมื่อถูกแขนแกร่งรั้งเอวคอดเอาไว้
“เฮียจะจัดการปิดปากคนที่รู้ความลับของเฮียยังไงดีนะ” เตชินเอ่ยกระซิบกระซาบเสียงเบาที่ข้างกกหูใบเล็ก ก่อนจะเผยรอยยิ้มชวนขนลุกออกมา “คิดว่าเฮียจะปล่อยให้หนูออกไปจากห้องนี้ง่าย ๆ เหรอ”
หากว่าที่ประตูของห้องลับถูกปิดอีกชั้นอย่างหนาแน่น จากห้องทำงานกลายเป็นห้องสีแดงฉานด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มะปรางมองห้องที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวคนข้างหลังเลยสักนิด
“เรามาทำอะไรที่ผ่อนคลายกันหน่อยไหม เด็กดีของเฮีย!”
“หนูจะได้เป็นเด็กของคุณจริง ๆ แล้วใช่ไหม” มะปรางพูดอย่างมีความหวังและรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง แต่เตชินกลับมองว่ารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอนั้นมันคือรอยยิ้มของเด็กสาวเจ้าเล่ห์และไว้ใจไม่ได้
“พูดอะไร ไม่อายเฮียเหรอ”
“หนูไม่มียางอายตั้งแต่เกิดแล้ว” เตชินหัวเราะแล้วปล่อยมะปรางให้เป็นอิสระ เขาขยี้ผมเด็กสาวเบา ๆ ก่อนจะจูงมือเธอออกจากห้องส่วนตัวเพื่อมุ่งหน้าไปยังทิศทางของอีกห้อง “จะพาหนูไปไหน”
“ไปเถอะน๊า เฮียไม่ทำอะไรมิดีมิร้ายกับหนูหรอก”
“ชิ!”
“ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง หนูเสียดายเหรอ” เตชินหยุดก้าวขาอัตโนมัติแล้วหันมาถามเธอด้วยความสงสัย ทำเอามะปรางแสดงสีหน้าไม่ถูก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธออาจจะเสียดายจริง ๆ
“อะ...อะไรของคุณ หนูไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซะหน่อย ปากบอกว่าเฮียจะไม่ทำอะไรมิดีมิร้าย แต่คำถามชวนขนลุกชะมัด”
“หนูกลัวเหรอ”
“ไม่ได้กลัว แล้วตกลงจะพาหนูไปไหนกันแน่”
เตชินไม่ได้ตอบคำถามของมะปรางนอกจากจูงมือเล็ก ๆ ของเธอเดินไปยังทิศทางของอีกห้องหนึ่ง
ภายในห้องมีแผนผังซึ่งมีพื้นหลังเป็นแผนที่ชุมชนที่มะปรางอาศัยอยู่ หมุดหลากหลายสีที่ปักอยู่บนแผนผังบ่งบอกว่าได้ทำการลงพื้นที่สำรวจแล้ว
หมุดสีเขียวเป็นพื้นที่ปลอดภัย
หมุดสีส้มเป็นพื้นที่เสี่ยงและไม่น่าไว้วางใจ
หมุดสีแดงเป็นพื้นที่อันตราย ส่วนใหญ่แล้วเป็นพื้นที่ลับตาคน
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นเพียงแค่กวาดสายตามองมะปรางก็สามารถปะติดปะต่อและเข้าใจมันได้โดยสัญชาตญาณและประสบการณ์
“ตอนนี้ยาเสพติดกำลังระบาดและลุกลามไปทั่วพื้นที่กว้าง หนึ่งในแหล่งพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดเพื่อส่งออกคือชุมชนนี้ เราต้องสืบให้รู้ว่าพวกมันลักลอบผลิตยานรกนั่นบริเวณไหนของหมุดแดงที่ปักไว้”
“...”
“สายของเฮียรายงานมาว่าผู้ชายในภาพนี้อาจจะอยู่เบื้องหลังหรืออาจจะมีการสนับสนุนลับ ๆ”
“ท่านดำรง” มะปรางเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“หนูรู้จักมันด้วยเหรอ”
“เขาเป็นกำนันอยู่ตำบลใกล้เคียงมาสี่ปีติดแล้วไม่มีใครโคตรล้มสักที แต่ได้ข่าวว่าเร็ว ๆ นี้เขาจะลงสมัครเป็นผู้ว่าการอำเภอนะ” มะปรางละสายตาจากแผนผังเบื้องหน้า หันมามองเตชินพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ว่าแต่คุณเถอะ จะมาทลายเอเยนต์ผลิตยา แต่ปลอมตัวเป็นตำรวจ เปิดเผยตัวโจ่งแจ้งแบบนี้มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ หรือว่ามีแผนอะไร”
“ครั้งนี้เฮียต้องปลอมตัวเป็นตำรวจยศผู้กอง เพราะเฮียเชื่อว่ามันต้องมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ คราวนี้แหละคนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงมันจะปรากฏตัวออกมา ไม่แน่อาจจะเป็นพวกเดียวกันกับที่เราเคยส่งเข้าคุกเมื่อห้าปีก่อนก็ได้”
“พวกนั้นได้ออกจากคุกแล้วเหรอ” มะปรางพูดออกมาด้วยความตกใจ หากว่ามันเร็วเกินไปสำหรับอิสระที่พวกนั้นได้รับ
“พวกมันบางส่วนได้รับอิสรภาพแล้ว เพราะว่ามีการอภัยโทษนักโทษหลายคน”
“อภัยโทษเพื่อให้ออกมาทำผิดซ้ำเนี่ยนะ”
“เฮียเชื่อนะว่าหลายคนที่ได้รับโอกาสเขาจะกลับตัวกลับใจ แต่ส่วนคนที่ยังสำนึกไม่ได้และกลับมาทำผิดซ้ำซาก มันจะต้องได้รับผลกรรมที่สาหัสกว่าเดิมแน่นอน”
“แล้วกว่าที่พวกมันจะได้รับผลกรรม จะมีใครบ้างที่ต้องเดือดร้อนเพราะพวกมัน!”
“เพราะแบบนี้ไง เราจึงต้องร่วมมือจับพวกมันเข้าคุกอีกครั้ง”
“เรา?”
“หนูมาทำงานนี้ร่วมกับเฮียได้ไหม ถ้าเราร่วมมือกันพวกมันจะกลับเข้าไปในคุกและจะไม่มีโอกาสกลับออกมาอีก”
“ทำไมจะต้องเป็นหนูด้วย คุณจะหลอกใช้หนูอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“พอหนูหมดประโยชน์ คุณก็จะหายไปจากชีวิตหนูเหมือนห้าปีก่อนใช่ไหม”
“มะปราง”
“หนูไม่ทำ! มันไม่ใช่กงการอะไรที่หนูจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง”
จังหวะที่มะปรางจะหันหลังเดินออกไป เตชินก็จัดการอุ้มเด็กสาวให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานก่อนจะดันร่างของเธอให้นอนลงอย่างอุกอาจ หากว่าที่เตชินต้องทำแบบนั้นเพราะว่าเด็กฝึกของเขาเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่รู้อีโหน่อีแหน่
พรึ่บ!
“อ๊ะส์...ทะ...ทำอะไรของคุณ” คนมาใหม่สามคนตกใจไม่ใช่น้อย ไม่คาดคิดว่าหัวหน้าจะมีแขก หากว่าพวกเขาเป็นเด็กฝึกของเตชินที่มาร่วมปฏิบัติงานในครั้งนี้ด้วย ทั้งสามทำท่าทีเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงที่อยู่กับหัวหน้าของพวกเขาคือใคร
“ช่วยเฮียเถอะนะเด็กดี งานนี้เฮียต้องการหนูจริง ๆ”
“ปล่อยหนู!”
“ไม่ปล่อยจนกว่าหนูจะตอบตกลงช่วยเฮีย นะครับเด็กดีของเฮีย” พูดจบเตชินก็จูบหน้าผากมนของเด็กสาวเบา ๆ ทำเอามะปรางอึ้งไปชั่วขณะ หัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เซน ซาน และนาวินเองก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตา แต่ก็คิดไปก่อนว่าหัวหน้าคงหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของเธอเท่านั้น
“ช่วยเฮียเถอะนะ นะ ๆ เด็กดี”
“ชะ...ช่วยก็ได้” มะปรางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ หากว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ก่อเกิดขึ้นมาภายในใจดวงน้อยดวงนี้เข้าแล้ว มันไม่ดีเลย มันไม่ดีต่อใจเธอเลยจริง ๆ
“น่ารักที่สุด” เตชินพูดแล้วจูบหน้าผากมนอีกครั้ง หากว่าเด็กสาวเองก็ไม่ได้ขัดขืน เธอเพียงแค่หลับตาลงด้วยความเขินอาย
เตชินจึงใช้จังหวะนั้นไล่เด็กฝึกทั้งสามคนที่ยังยืนอยู่เดิมให้รีบวิ่งไปหาที่หลบ เซน ซาน และนาวินจึงรีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว โดยแอบไปซ่อนตัวอีกห้องหนึ่ง
เตชินมองเด็กสาวที่หลับตาปริ่มด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เธอยังน่ารักและยังใจอ่อนต่อคำขอร้องของเขาเสมอ
เตชินโน้มใบหน้าลงไปจูบปากอวบอิ่มอย่างละมุนละไมด้วยความที่เขาอดใจไม่ไหว เด็กสาวไม่ได้มีท่าทีขัดขืน เธอตอบรับจูบนั้นราวกับว่าต้องการมันมานานแสนนาน สองมือเรียวโอบรัดลำคอหนาของเขาอย่างลืมตัว หากว่าบทจูบนั้นเร่าร้อนและดูดดื่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างให้ความร่วมมือกัน
แต่เวลาแห่งความสุขมันมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ จนมะปรางเองก็อดที่จะเสียดายช่วงเวลาดี ๆ นั้นไม่ได้ เธอเม้มปากด้วยความเขินอาย ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่ง โดยมีเตชินช่วยประคับประคอง
“ขอบคุณนะครับเด็กดี หนูยังเป็นเด็กดีของเฮียเสมอ” เขาพูดพลางลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“หนูเป็นแค่เด็กดีของคุณเองเหรอ” คำพูดของมะปรางทำให้เตชินเงียบไปสักพัก ก่อนที่เขาจะบิดยิ้มแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วหนูอยากเป็นอะไรสำหรับเฮีย?” คำถามของเตชินทำให้บรรยากาศภายในห้องเงียบไปชั่วขณะ
เธอจะพูดออกมาได้อย่างไรว่าเธออยากเป็นมากกว่าเด็กดีของเขา การที่เธออยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะเธอเชื่อเสมอว่าเขาจะกลับมา และตอนนี้เขากลับมาแล้ว แต่ทำไมเธอถึงกลับไม่กล้าพูดความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของเธอมาตลอดออกไป มะปรางได้แต่ฉีกยิ้มกลบเกลื่อนแล้วส่ายหน้าไปมา
“หนูต้องกลับบ้านแล้ว หนูหายไปนานเดี๋ยวแม่มะลิเป็นห่วงเอา” พูดจบ มะปรางก็รีบวิ่งออกไปจากห้องและมุ่งหน้าออกจากฐานลับของเตชิน โดยที่เธอก็ระมัดระวังตัวไม่ให้ใครเห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่