หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อ
เห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี
“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ
“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”
“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา
“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว เตชินก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกวิน จะปกป้องกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“หลักฐาน! หลักฐานอะไรเหรอคะคุณตำรวจ แล้วนี่เพิ่งมาประจำการใหม่เหรอ” มะปรางพูดพร้อมยกมือขึ้นมาป้องปากที่กำลังกลั้วหัวเราะกลบเกลื่อน อันที่จริงเมื่อหลายปีก่อนเตชินเคยมาทำงานเป็นเด็กฝึกอยู่ที่องค์การบริหารส่วนตำบลของชุมชนนี้ ตอนนั้นเธอก็ไม่เห็นรู้ว่าเขาเรียนเป็นนายสิบนายร้อย กลับมาอีกทีก็กลายเป็นตำรวจชั้นผู้กองซะแล้ว “ขอให้อยู่ได้นาน ๆ นะผู้กอง แต่บอกไว้ก่อนว่าชุมชนนี้มันเถื่อน!”
มะปรางพูดกับเตชินเหมือนครั้งแรกที่เคยเจอกัน ก่อนจะทำท่าเดินจากไป โดยที่มีเตชินมองตามเธอจนสุดทางเดิน หากว่าเขาเองก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด การกระทำของเธอยังสามารถเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่ยิ้มยากอย่างเขาได้เสมอ
“แกทำแล้วทำไมถึงได้ทิ้งหลักฐานเอาไว้ห๊ะไอ้เติร์ด!” มะปรางรีบเดินเร็ว ๆ พลางกัดฟันพูดกับลูกสมุนของตัวเองเสียงกระซิบกระซาบ
“เปล่านะพี่ปราง ผมยังไม่ได้ทิ้งหลักฐานเอาไว้เลย นี่ไงยานอนหลับก็ยังอยู่” เติร์ดพูดพร้อมหยิบยานอนหลับออกมาจากกระเป๋ากางเกง มะปรางก้มมองยานอนหลับในฝ่ามือของเติร์ดพลางขมวดคิ้วเป็นปมหนา หากว่าเธอเสียรู้เตชินเข้าซะแล้ว แต่ก็ยังดีที่เธอไม่มีพิรุธอะไร
“คิดจะจับผิดฉันเหรอ!” มะปรางหันกลับไปหวังจะเอาคืนเตชินที่กล้ามากลั่นแกล้งเด็กแก่นประจำท้องถิ่นอย่างเธอ
แก๊งอันธพาลกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นลูกน้องของเจ้าพ่อที่ทรงอิทธิพลในชุมชนแห่งนี้ เดินมุ่งหน้ามาหวังจะหาเรื่องตำรวจคนใหม่อย่างเตชินโดยเฉพาะ
“กูได้ข่าวว่ามีตำรวจหน้าใหม่มาประจำการอยู่ที่นี่ว่ะ แต่ก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอกเพราะตำรวจคนก่อน ๆ ถ้าไม่ลาออกไปก็ตายสถานเดียว!”
“กูอยากรู้นักว่าไอ้ตำรวจใหม่คนนี้มันจะยอมตายหรือจะยอมลาออกไปซะดี ๆ”
ชายฉกรรจ์สองคนพูดคุยกันอย่างสนุกปาก ขณะที่มะปรางเดินมุ่งหน้ามาหาเตชิน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยี่หวาและผองเพื่อนกำลังเดินมุ่งหน้าไปหาเตชินเช่นกัน
ยี่หวาคือหญิงสาวที่คอยตามจีบกวินมาตั้งแต่เด็ก ๆ อีกทั้งยังเป็นคู่อริกับมะปราง
“มาอยู่นี่นี่เอง ฉันตามหาแทบแย่”
“พูดเรื่องอะไร” เตชินหันไปกระซิบถามมะปรางอย่างไม่เข้าใจนัก หากว่าเมื่อสักครู่ก็เพิ่งคุยกันอยู่หยก ๆ มะปรางทำปากขมุบขมิบ ตอนแรกกะจะมาเอาคืนแต่กลายเป็นว่าเธอต้องช่วยเหลือเขาซะงั้น
“ฉันเพิ่งชนะน็อกมา ขอบคุณมากเลยนะที่สอนศิลปะมวยไทยให้ฉัน วิธีของคุณช่วยฉันได้เยอะเลย นี่ฉันชกไอ้กวินไปแค่สองหมัดนะ ทำเอามันน็อกคาที่นอนคุยกับพื้นสนาม ป่านนี้คงได้หยอดน้ำข้าวต้มอีกหลายวันเลย”
มะปรางพูดโวพร้อมกลอกตาไปมาใส่เตชิน ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าทุกอย่างที่เธอพูดมันเป็นเพียงแค่อุบาย
“นี่ขนาดแรงผู้หญิงนะ ยังเอาผู้ชายอย่างกวินน็อกคาที่เลย แล้วถ้าฉันจะชกกับไอ้พวกปากหมาแถวนี้เธอคิดว่าพวกมันจะเป็นยังไง”
“ไม่รู้สิ ลองดูหน่อยไหมล่ะ” มะปรางตอบอย่างใคร่รู้ หากว่าเธอเองก็หมั่นไส้พวกลูกกระจอกของนายเจษฎาผู้ที่มีอิทธิพลในชุมชนแห่งนี้เหมือนกัน ชอบทำตัวเป็นมาเฟียกดขี่รังแกคนไม่มีทางสู้
“ฉันคิดว่าถ้ามันไม่ตายก็คงจะพิการ” เตชินเอ่ยพูดขณะที่สายตามองชายฉกรรจ์ที่จงใจมาหาเรื่องเขาก่อนหน้านี้
“มึงจะเอาเหรอวะ” ด้วยความใจร้อนของพวกเขามันก็เกิดเรื่องจนได้
“กูพูดอยู่กับเด็กของกู พวกมึงมีปัญหาอะไร” เขาพูดพร้อมเอามือมาโอบกอดมะปรางอย่างหยอกล้อ แต่การกระทำนั้นทำให้ยี่หวาเกิดอาการสติแตก
“อีมะปราง! แกอ่อยผู้กองเตชินเหรอ” ยี่หวากระชากแขนของมะปรางออกมาจากอ้อมกอดของเตชินแล้วตบหน้าของมะปรางอย่างแรง คนโดนกระทำหันไปมองยี่หวาตาค้อน อยู่ ๆ ก็มาทำร้ายเธอด้วยเหตุผลไร้สาระ
ผัวะ!
หมัดหนัก ๆ ชกเข้าที่กลางใบหน้าของยี่หวาอย่างแรง
“อ๊ะส์ อร้ายยยยย!” ยี่หวากรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากทางจมูกของตัวเอง “พวกแกจับอีมะปรางเอาไว้ ฉันจะตบมัน!”
ยี่หวาออกคำสั่งกับเพื่อนอีกสองคนให้จับตัวมะปรางเอาไว้ ซึ่งมะปรางก็ไม่น้อยหน้า เธอยกนิ้วชี้หน้าด่าเพื่อนของยี่หวาอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“เข้ามาสิ แน่จริงก็เข้ามาเลย แต่ฉันบอกไว้ก่อนนะว่าถ้าพวกแกเข้ามา ฉันจะชกพวกแกสองคนให้จมูกเบี้ยวซิลิโคนหลุดตามยัยยี่หวาไปเลย เอาไหมล่ะ”
“ไม่ต้องไปกลัวมัน พวกแกจับมันเอาไว้ วันนี้ฉันจะตบแกให้หน้าเละเลยอีมะปราง”
และแล้วมันก็เป็นเรื่องเป็นราว จนทำให้มะปรางและพวกของยี่หวาต้องไปเคลียร์กันที่โรงพัก แต่เรื่องมันก็ยังไม่จบง่าย ๆ
“คุณตำรวจดูนี่สิ อี...!! มะ...มะปรางน่ะค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย เขาก็มาชกฉันจนเลือดตกยางออก ดูสิคะคุณตำรวจ”
“อย่ามาตอแหล แกนั่นแหละที่ตบหน้าฉันก่อน”
มะปรางพูดอย่างไม่ยอมความ เธอไม่ใช่นางเอกผู้อ่อนแอที่จะต้องมาก้มหน้ารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ
“อย่าไปเชื่อนะคะคุณตำรวจ มันหาเรื่องฉันก่อนจริง ๆ ค่ะ”
“แกนั่นแหละที่หาเรื่องฉันก่อน ตอแหลหน้าด้าน ๆ”
“ไหน ๆ ๆ ใครทำอะไรลูกฉัน” ยี่โถเจ้าของร้านเสริมสวย แม่ของยี่หวาเดินเข้ามาพร้อมเอะอะโวยวายใหญ่โต “อ๋อ...แกนี่เองอีมะปรางลูกอีมะลิเน่า!”
“อ่าวพูดงี้ก็สวยดิป้า!”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันเจ้าของร้านเสริมสวยนะย๊ะ” ยี่โถพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“แม่! อีมะปรางมันชกจมูกหวาจนเลือดออกเลย” ยี่หวาฟ้องผู้เป็นแม่ ยี่โถจึงรีบเข้าไปดูลูกสาวของตัวเองด้วยความเป็นห่วง
“อีมะปรางอีลูกพ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน”
“สอนสิ! สอนแล้วลูกฉันมันก็จำเอาเป็นเยี่ยงอย่างด้วย” ขณะที่ยี่โถกำลังต่อว่าด่าทอมะปรางอยู่ มะลิผู้เป็นแม่ของมะปรางก็เดินมาพอดิบพอดี จึงทันได้ยินใครบางคนกำลังกล่าวถึงตัวเองอยู่ มะลิตอบโต้ยี่โถกลับไปเสียงเขียว หากว่าทั้งคู่ก็เป็นคู่อริกันมาแต่ไหนแต่ไร
“นี่สอนแล้วเหรอ สอนได้ดีแค่นี้นะเหรอ พวกแกมันก็เหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก จรจัดทั้งคู่!”
“หน็อยแน่!! พวกแกมันสูงส่งมาจากไหนห๊ะถึงด่าคนอื่นว่าจรจัด ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะสอนลูกฉันมาเป็นอย่างดี แล้วฉันก็ยังสอนมันอีกว่าถ้ามีใครมาดูถูกเหยียบหยามศักดิ์ศรีเราแบบนี้ ก็ให้ตบมันได้เลยไม่ต้องไปไว้หน้ามัน”
สิ้นคำพูด มะลิก็ตบหน้ายี่โถอย่างเอาเรื่อง บรรดาแม่ ๆ ของมะปรางกับยี่หวาต่างตบตีกันกลางโรงพักอย่างไม่มีใครยอมใคร
“หยุด ๆ ๆ หยุดเดี๋ยวนี้!! นี่โรงพักนะแม่คุณไม่ใช่ตลาดสด เกรงใจผมที่เป็นตำรวจยืนหัวโล้น ๆ อยู่ตรงนี้บ้าง” ตำรวจที่นั่งสอบสวนประจำการอยู่ตรงนั้นลุกขึ้นมาห้ามปรามพลางถอดหมวกโชว์ศีรษะไร้เส้นผมให้เหล่าบรรดาที่ทะเลาะวิวาทเมื่อครู่ดูอย่างประชดประชัน หากว่านี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองบ้านนี้มีเรื่องมีราวกัน “เอาอย่างนี้ นอนคุกกันหมดนี้แหละ ไว้ผู้ปกครองมาประกันตัวเด็ก ๆ พรุ่งนี้แล้วกัน”
“ไม่เห็นยุติธรรมเลยค่ะคุณตำรวจมันหาเรื่องฉันก่อนนะคะ” ยี่หวาพูดอย่างไม่ยอมความ ขณะที่ถูกตำรวจอีกสองนายควบคุมตัวให้ไปยังห้องขังของโรงพัก เพื่อสงบสติอารมณ์
“ไป ๆ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน เออไอ้ปรางไปพบผู้กองก่อน ส่วนที่เหลือก็ไป”
“ว่าไงนะคุณตำรวจ ทำไมมะปรางถึงได้เจอกับผู้กองเตชินก่อน”
“เห้อ! ไป ๆ ๆ ไปเข้าห้องขังไม่ต้องถามมาก อยู่ดีไม่ว่าดีมีแต่เรื่อง” ตำรวจที่ควบคุมพูดออกมาอย่างเอือมระอา โดยที่ยี่หวากับผองเพื่อนต่างส่งเสียงโวยวายไม่หยุดหย่อน
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก”“พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น“จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง”“หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม“อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ”“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้”เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน“แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ”“ยัยเคส!” เตช
“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ หากว่าเธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง หากว่าลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน@ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้อง หากว่ามนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็น
“ใครเหรอครับหัวหน้า เด็กฝึกคนใหม่ของหัวหน้าเหรอ” เซนเอ่ยถามทันทีที่เตชินเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน หลังจากที่เขาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงโทนสีเดียวกัน“เธอเป็นคนที่นี่ พวกเราจะทำงานสะดวกขึ้นถ้าหากมีคนในท้องที่ทำงานด้วย” เตชินตอบกลับไป ขณะที่สายตาของเด็กฝึกทั้งสามคนต่างก็จ้องมองมาอย่างจับผิด “ไม่ต้องมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”คำพูดของหัวหน้าทำให้เด็กฝึกหันหน้าหนีไปคนละทิศคนละทางทันที พวกเขาพากันแอบยิ้มแหยเตชินเล็กน้อย“หัวหน้าครับผมได้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนี้” ซานพูดพร้อมชี้ไปที่ภาพแผนที่ ซึ่งปักด้วยหมุดสีเขียว“ที่สนามเด็กเล่นมีอะไร”“บริเวณหลังสนามเด็กเล่นมีการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดิน แต่ที่บริเวณตรงนี้รกชันไปด้วยหญ้าที่ขึ้นสูง จึงยากที่มองเห็นมันในตอนแรก”พื้นที่ที่ถูกปักด้วยหมุดสีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นหมุดสีแดงด้วยฝีมือของเตชิน“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้พวกเราจะไปสำรวจที่นั่นกัน”“ครับหัวหน้า” เซนและซานพูดขึ้นพร้อมกัน ยกเว้นนาวินที่ดูกำลังจะวุ่นวายอยู่กับอะไรบางอย่าง ทำให้เตชินหันไปมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก“ไอ้วิน” ไม่มีการตอบรับกลับมาแ
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาจากห้องขัง มะปรางก็รีบมาหาเตชินตามที่นัดหมาย ซึ่งกระดาษที่เตชินให้กับเธอเมื่อคืนมีข้อความสั้น ๆ ระบุสถานที่อยู่ลับของเขา ตัวอักษรที่ไม่มีใครอ่านออก มีเพียงมะปรางคนเดียวเท่านั้นที่แกะรหัสตัวอักษรพวกนั้นได้เด็กสาวสแกนรหัสผ่านประตูห้องลับด้วยรอยสักบาร์โค้ดขนาดเล็กที่อยู่บริเวณข้อมือข้างซ้าย รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเตชินซึ่งเธอแอบสักไว้เมื่อหลายปีก่อน เธอปกปิดรอยสักนี้ไว้ภายใต้นาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีเตชินที่กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เขารับรู้ถึงการมาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ มือหนาเอื้อมไปปิดฝักบัวก่อนจะดึงชุดคลุมอาบน้ำมาสวมใส่ เขาเดินไปหยิบแท็บเล็ตแล้วเข้าไปเช็กดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในเซฟเฮาส์ จึงได้รู้ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้นคือมะปรางเขาบิดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงสามารถเข้าไปในห้องลับของเขาได้ ห้องนั้นมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่สามารถยืนยันตัวตนและเข้าไปได้ หรือว่า...“คุณไม่ใช่ตำรวจจริง ๆ ด้วย คุณปลอมตัวมาอีกแล้ว” มะปรางพูดขึ้นเมื่อเห็นเตชินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอนั่งอ่านข้อมูลส่ว
มะปรางถูกจับตัวแยกออกมาเพื่อไปยังห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของผู้กองเตชิน“นั่งก่อนสิ”ทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เตชินก็ผ่ายมือข้างหนึ่งพร้อมกล่าวให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของโต๊ะทำงาน เด็กสาวมองคนตรงหน้านิ่ง ๆ ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ซึ่งเตชินก็รับรู้ถึงความคิดของเธอผ่านดวงตาคู่สวยคู่นั้น“มานั่งนี่” เขาพูดอีกครั้งพร้อมตบหน้าตักของตัวเอง“ชิ!” เด็กสาวยืนกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เธอแสดงท่าทีกะบึงกะบอนใส่ชายหนุ่มอย่างตั้งใจ เรื่องราวในอดีตทำให้เธอแสดงท่าทีออกมาอย่างนั้น“มานั่งนี่เร็ว เด็กดีของเฮีย” มะปรางมองซ้ายมองขวาก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ อออมาที่มุมปาก เธอเดินตรงไปนั่งบนตักของชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเขาแทนตัวเองว่าเฮียกับเธอเหมือนเมื่อหลายปีก่อน มะปรางสวมกอดเตชินด้วยความคิดถึง ทั้งที่ในใจยังโกรธเคืองเขาอยู่“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเป็นตำรวจ” จากคนที่ดูเหมือนจะร่าเริงเมื่อครู่ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม มะปรางกอดอกพร้อมหรี่ตามองเตชินอย่างจับผิด“หึ” เตชินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอหนาพร้อมรั้งศีรษะของเด็กสาวมาแนบอก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดขืนเพีย
หลังจากนับเงินจากการแทงพนันเสร็จสรรพแม่มะลิก็ด่วนกลับบ้านไปก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าทำอาหารไปขายที่โรงเรียน ส่วนมะปรางกับเติร์ดก็เดินเที่ยวชมการละเล่นในงานวัดกันต่อเห็นผู้กองหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาแต่ไกล เติร์ดจึงรีบกระซิบบอกมะปรางทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นตำรวจที่เพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ที่ชุมชน เตชินมองมะปรางเหมือนมีอะไรบางอย่างจะพูดด้วย เนื่องจากว่าทั้งคู่รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี“มองหน้าฉันแบบนี้ มีอะไรคะผู้กอง” มะปรางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้างตามนิสัยแก่นแก้วของเธอ“ฉันแค่เดินสำรวจความเรียบร้อย เผอิญเก็บยานอนหลับได้ด้วยนะ”“ใครอยากรู้?” มะปรางพูดทั้งที่สายตาล่อกแล่กไปมา“ฉันก็แค่สงสัยว่ากวินต่อยเธอจนแทบกระอักเลือดแต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต่อยกวินไปแค่หมัดสองหมัด ซึ่งไม่น่าจะทำให้เขาน็อกได้ ฉันคิดว่าเขาอาจจะแค่หลับเพราะฤทธิ์ยานี่หรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำนะครับ แถมยังทิ้งหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก” เตชินพูดพร้อมมองไปที่เติร์ดแล้วหันมาสบตากับมะปรางอย่างยิ้มเยาะ ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองค้อนกลับไปอย่างไม่พอใจนัก ตามศักดิ์แล้ว
ในค่ำคืนที่แสนอลวนวุ่นวาย ทุกปีจะมีเทศกาลงานวัดจัดขึ้นเพื่อพัฒนาชุมชนเล็ก ๆ ที่ทั้งแออัด ทุรกันดาร และห่างไกลความเจริญผู้ใหญ่ผินถือโอกาสนี้เปิดตัวหลานชาย เตชิน สกุลเกียรติ ในฐานะร้อยตำรวจเอกหรือผู้กองหนุ่มไฟแรง ซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนาริน สกุลเกียรติ พี่สาวของผู้ใหญ่ผินด้วยใบหน้าหล่อคมทรงเสน่ห์ของผู้กองหนุ่มทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่มาร่วมเทศกาลงานวัดต่างฮือฮากันทั้งชุมชนเทศกาลงานวัดประกอบไปด้วยชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง สาวน้อยตกน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากแต่ว่าการละเล่นต่าง ๆ ภายในงานก็ยังหนีไม่พ้นการพนันขันต่อเหมือนอย่างทุกปีพนันมวยที่ท้าดวลระหว่าง มะปราง ลูกสาวคนเดียวของแม่มะลิ กับ กวิน ลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่ผินที่ทำทรงเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านรอบสังเวียนมวยอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างแห่มาดูศึกดวลครั้งนี้ โดยมีแม่มะลิตั้งตัวเป็นเจ้ามือคอยรับแทงพนันกันอย่างลับ ๆแน่นอนว่าคนที่ไม่มีศิลปะมวยไทยอย่างมะปรางจะต้องใช้แผนซ้อนแผน เพื่อจัดการกับกวินที่เป็นคู่ปรับของเธอตั้งแต่สมัยอนุบาล กวินต้องการที่จะเอาชนะมะปรางสักครั้ง จึงท้าดวลกับมะปรางในเรื่