เวลา 21:30 น. #คลับหรูใจกลางเมือง
ทั้งที่ฉันนัดสองคนนั้นเวลานี้แท้ๆ แต่ไม่เห็นจะมีใครโผล่หัวมาเลย พอฉันโทรถามก็บอกกำลังจะออกมา กำลังออกมาที่ว่าคงไม่ใช่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จหรอกนะ “แพร” ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปรอเพื่อนในคลับจู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อของฉันดังขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคย “…พี่เพิร์ท” ฉันเผลอกำมือแน่นเมื่อเห็นพี่เพิร์ทกำลังเดินมาทางนี้ ทั้งที่พยายามจะลืมแล้วแท้ๆ แต่ทำไมต้องมาเจอกันแบบนี้อีก “มาเที่ยวคนเดียวหรอครับ ?” พี่เพิร์ทมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครมากับฉันจึงถาม “แพรมากับเพื่อนค่ะ เดี๋ยวเพื่อนตามมา” แปลกนะ ทั้งๆ ที่ฉันควรจะเกลียดผู้ชายคนนี้แท้ๆ เพราะเขาเป็นคนทิ้งฉันไป เขาเป็นคนทำให้ฉันเจ็บปวด แต่ทำไมฉันถึงยังหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้เจอหน้า “เดี๋ยวนี้มาเที่ยวบ่อยนะ” ที่ถูกถามแบบนี้ก็เพราะตอนฉันคบกับเขาฉันไม่ได้มาคลับเลย พี่เพิร์ทไม่ชอบให้เที่ยวทั้งที่ฉันชอบดื่มชอบปาร์ตี้แต่ก็ยอมตามใจเขา “ไม่มีคนห้ามแล้วนี่คะ” ฉันจ้องลึกไปที่ดวงตาของผู้ชายตรงหน้า มันไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า “วันนั้นไม่เห็นไปรอพี่ที่ห้องเลย” “…..” เมื่อถูกถามแบบนี้มันก็จุกอกเหมือนกันนะ ความต้องการของเรามันต่างกันจริงๆ “พะ แพรขอตัวก่อนนะคะ” หมับ! ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินพี่เพิร์ทก็รั้งแขนฉันเอาไว้ซะก่อน “ไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยไหม” “มีอะไรต้องคุยอีกหรอคะ” ฉันพยายามจะดึงมือกลับแต่เขาไม่ยอมปล่อย “ไปคุยกันที่ห้องพี่ได้ไหม ?” แค่เอ่ยปากมาแบบนี้ฉันก็รู้แล้วว่าความต้องการของผู้ชายตรงหน้าคืออะไร วันนั้นฉันคิดน้อยไปที่บอกว่าจะยอมเขา แต่ตอนนี้ต่อให้ยังรักอยู่ฉันก็ไม่ยอม เพราะพี่เพิร์ทไม่ได้รักฉันเลย “แพรกับพี่เพิร์ทเลิกกันแล้ว ต่างคนต่างอยู่แล้วจะให้ไปที่ห้องเพื่ออะไรหรอคะ อยากได้แพรขนาดนั้นเลยหรอ” ฉันยิงคำถามออกไปตรงๆ ทำให้เขาเงียบ ฉันเบือนหน้าหนีสายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นกำลังเดินมาทางนี้ หนึ่งในนั้นมีเด็กผู้ชายที่ฉันรู้จัก ‘อลัน’ อลันมองมาด้วยสายตาที่เย็นชา ฉันพยายามส่งสายตาสื่อให้เขารู้ว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ แต่ทว่าเขากลับเฉยเมยและเดินผ่านไปทำเหมือนไม่รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ “พี่รู้ว่าแพรยังรู้สึกดีกับพี่อยู่นะ” “ปล่อยแพร” ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดดึงแขนตัวเองจนหลุดพ้นจากการจับกุมของพี่เพิร์ท ก่อนจะพูด “ใช่แพรยังรู้สึกและแพรก็เสียใจมากที่ยังรักผู้ชายที่เห็นแก่ได้แบบพี่” ฉันพยายามกลั้นเสียงสั่นเครือเอาไว้พอพูดจบก็รีบเดินเข้ามาในคลับ ไม่รู้ว่าพี่เพิร์ทได้ตามมาหรือเปล่าเพราะฉันไม่ได้หันกลับไปมองเขาอีกเลยวันนี้คนค่อนข้างเยอะคงเป็นวันศุกร์ด้วยโชคดีที่จองโต๊ะเอาไว้แล้ว ส่วนหนึ่งที่ฉันชอบมาดื่มที่นี่คงเป็นเพราะสนิทกับเจ้าของคลับด้วย เจ้าของที่นี่ชื่อเฟย ฉันจะเรียกเขาว่าเฮียเฟย เมื่อก่อนเฮียเฟยเข้ามาจีบฉันแต่ฉันไม่ได้เล่นด้วย จีบไปจีบมาเราก็สนิทกัน ตอนนี้ก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆ ไปแล้ว
“มาคนเดียวหรอ เพื่อนล่ะ ?” เฮียเฟยเดินมาทักทายฉัน “เดี๋ยวตามมาค่ะเฮีย” “ห่างหายไปนานนึกว่าจะเลิกเที่ยวไปแล้วซะอีก” “ของแบบนี้เลิกได้ที่ไหนล่ะคะ คงต้องรอให้แก่จนถือไม้เท้าก่อน ^_^” “ถ้าอย่างนั้นก็มาทุกวันสิ เฮียอยากเห็นหน้าแพรทุกวัน” ถึงเราจะอยู่ในฐานะพี่น้องแต่เฮียเฟยก็ชอบหยอดคำหวานใส่ฉันประจำ “เฮียไม่มีงานทำหรอคะ ?” “ถามแบบนี้แปลว่าไล่ ?” “เปล๊า!” ฉันพูดเสียงสูงทำให้ถูกมองค้อน ขณะที่กำลังคุยๆ กับเฮียเฟยอยู่เพื่อนๆ ทั้งสองคนของฉันก็เสด็จมาที่โต๊ะ “เฮียเฟยสวัสดีค่ะ / สวัสดีค่ะเฮีย” ทั้งมินนี่และขวัญทักทายเฮียเฟยอย่างสนิทสนม “งั้นเดี๋ยวเฮียไปตรวจงานก่อนนะ มีปัญหาอะไรบอกเฮียได้” ก่อนจะเดินไปเฮียเฟยเอามือมายีผมฉันเบาๆ และด้วยความที่ผมมันจะเสียทรงฉันจึงรีบปัดมือออกแล้วเบ้บปากใส่ไปหนึ่งที “แกนี่ก็แปลกเฮียเฟยตามจีบมาตั้งหลายปีไม่เคยสนใจ ดันไปเปิดใจให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แล้วก็มาเจ็บช้ำแบบนี้ มันน่าหยิกจริงๆ เลยนะ” “……” พอได้ยินมินนี่ท้วงมาแบบนั้นฉันที่ยิ้มอยู่ก็หุบยิ้มทันที “มินนี่แกมีหมาในปากหรือไง พูดทำไมเห็นไหมมันเศร้าเลย” ขวัญตีแขนมินนี่เบาๆ เพื่อตำหนิ “ฉันโอเค” ฉันบอก “สีหน้าแกโคตรจะไม่โอเคเลยค่ะ” “เอางี้มาเล่นเกมสนุกๆ กัน คลายเครียด” มินนี่ออกความคิดเห็น “เกมอะไรของแกยะ ?” ขวัญถาม “กติกามีอยู่ว่าพวกแกต้องไปพาผู้ชายที่ฉันชี้มาดื่มที่โต๊ะให้ได้ ถ้าภายในสิบนาทียังดีลมาไม่ได้คนนั้นต้องเลี้ยงเหล้าตลอดหนึ่งเดือน” “น่าสนอยู่นะ” ขวัญพูดแล้วหันมาถามฉัน “เอาไงแพร เล่นปะ” “อื้อๆ ก็ได้เบื่อๆ อยู่เหมือนกัน” “งั้นฉันขอเป็นคนออกคำสั่งคนแรก” ขวัญยกมือขึ้นสั่งมินนี่ “ยัยมินแกต้องไปพาผู้ชายโต๊ะหน้าเวทีเสื้อสีขาวคนนั้นมาดื่มที่โต๊ะ” ขวัญขี้ไปเป้าหมายยังโต๊ะกลุ่มผู้ชายที่นั่งติดขอบเวที มินนี่ฉีกยิ้มกว้าง พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไป “รับรองว่าไม่ใช่ฉันที่แพ้แน่ๆ” “แกว่ามันจะเอามาได้ไหมแพร” ขวัญถามฉัน “แกก็รู้ว่ามินมันอ่อยผู้ชายเก่งอย่างกับอะไร” “ก็จริงแฮะ” เพียงไม่ถึงห้านาทีที่มินนี่เดินไป เธอก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเป้าหมาย “นี่เพื่อนมินเองค่ะ ^_^” “สวัสดีครับ ^_^” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยทักทายฉันกับขวัญ “ร้ายนะแกน่ะ” ฉันมองแขนของเพื่อนที่โอบรัดแขนผู้ชายคนนั้นไว้ เมื่อเขามาที่โต๊ะเราก็ชนแก้วกันตามมารยาท สักพักมินนี่นางก็บอกให้ผู้ชายคนนั้นไปรอที่โต๊ะแล้วเดี๋ยวจะไปหาอีกรอบ “ฉันรอดแล้วนะ! ที่นี้ฉันขอสั่งยัยแพร” มินนี่เอ่ย “ทำไมไม่ให้ยัยขวัญเล่นก่อนล่ะ” ฉันประท้วง “แกก่อนเลย ฉันขอทีหลัง” “อ่าๆ ใครชี้มา” ฉันถาม “แกต้องไปพาผู้ชายโต๊ะนั้นมา ผู้ชายที่ใส่เสื้อสีดำคนนั้น” ฉันมองตามมือที่มินนี่ชี้ มันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญที่โต๊ะนั้นคือโต๊ะของกลุ่มเพื่อนของอลันน้องชายเพื่อนฉัน และที่สำคัญผู้ชายเสื้อสีดำทั้งโต๊ะก็มีแค่อลันที่ใส่สีดำมาคนเดียว “เปลี่ยนคนได้ไหม ?” ฉันถามเพื่อน “ไม่ได้ชี้แล้วชี้เลย ไปค่ะรีบไปเดี๋ยวนี้จับเวลานะ” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักมันก็ไม่อะไรหรอก แต่นี่เป็นน้องชายของเพื่อน แต่ก็เอาเถอะเขารู้จักฉันคงจะยอมมาที่โต๊ะด้วยง่ายๆ ฉันลุกขึ้นเดินแหวกฝูงผู้คนที่อัดเบียดกันจนมาหยุดที่โต๊ะของอลัน เพื่อนของอลันต่างเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ มีแต่อลันคนเดียวที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ออกมา “มาหาใครครับ ?” ผู้ชายคนหนึ่งที่โต๊ะถามฉัน “อลัน” ฉันตอบ “อลันเมียมามึงสนใจหน่อยสิวะ” “ไม่ๆ ฉันไม่ใช่เมียเขานะ” ฉันรีบสายหน้าปฏิเสธเมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นอะไรแบบนั้น “มีอะไร ?” อลันเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเย็น จะทำขรึมไปถึงไหนก็ไม่รู้ “ไปที่โต๊ะกับฉันหน่อยแป๊บนึง” “เพื่อ ?” มันรู้สึกหน้าชากับความเย็นชาของเด็กคนนี้ ดูถามสิ ทั้งที่เขาเลือกจะถามคำอื่นก็ได้“ฉันเล่นเกมกับเพื่อน ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายไปกับฉันก่อน” “ไม่ไป” เขาตอบแบบไม่ทันได้คิดเลยด้วยซ้ำ แถมยังพูดต่ออีกด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ยืนอยู่ทำไมเกะกะ” เป็นการไล่ที่ไม่มีคำหยาบแต่พอมันออกมาจากปากของอลัน ทำเอาฉันสะอึกแทบพูดไม่ออก “ถ้านายไม่ไปฉันจะบอกอลิชว่านายมาดื่ม แล้ววันนี้ก็มีผู้หญิงไปหานายที่ห้องด้วย” ฉันหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองถือไพ่เหนือกว่า “เชิญ” คำตอบสั้นๆ ไม่สนใจในสิ่งที่ฉันยกมาเป็นข้ออ้างทำให้ฉันหมดหนทาง“ใครวะอลัน ?” เพื่อนอลันคงจะสงสัยว่าฉันเป็นใครถึงได้ถามเขา แต่คนถูกถามไม่ยอมตอบเอาแต่นั่งดื่ม ฉันจึงตอบแทน “ฉันเป็นเพื่อนพี่สาวเขาน่ะ” พอฉันบอกแบบนั้นผู้ชายที่โต๊ะก็พยักหน้าเข้าใจ มีแค่อลันที่ยังเงียบ หรือฉันควรจะยอมแพ้แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะคนเดียวดีนะ ไม่สิ! เลี้ยงเหล้าหนึ่งเดือนหมดเงินเยอะเหมือนกันนะ ยิ่งดื่มเก่งกันด้วย ถึงบ้านฉันจะมีฐานะแต่ฉันก็ไม่อยากเสียเงินมากมายแบบนั้นไปกับค่าเหล้า ฉันเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเงินออกมาสองพันยื่นให้อลัน “ฉันจ้างนายก็ได้ไปกับฉันแค่สองสามนาทีได้ไปสองพันคุ้มเกินคุ้มอีกนะ” “ไม่ได้เห็นแก่เงิน” อลันตอบโดยไม่สนใจหันมามองเงินที่ฉันยื่นให
Talk อลัน “รถจอดไว้ตรงไหน ?” ผมถามผู้หญิงน่ารำคาญที่อยู่ในอ้อมแขน “ม่ายรู้ลองกดกุญแจดูสิ” เธอพูดในลำคอ รู้ตัวว่าดื่มแล้วจะเมาก็ยังจะดื่ม จริงๆ เธออายุมากกว่าผม แต่ผมมันพวกไม่ค่อยมีมารยาทเลยไม่อยากจะใช้คำนำหน้าว่าพี่สักเท่าไหร่ อีกอย่างตัวเล็กแค่นี้มายืนคู่กับผมใครก็ดูไม่ออกว่าเธออายุมากกว่า ผมซุ่มกดปลดล็อกกุญแจดูว่ารถอยู่ตรงไหน เมื่อมองเห็นไฟที่รถคันหนึ่งกระพริบจึงรีบเดินไปที่รถคันนั้น “นั่งเฉยๆ จะคาดเข็มขัดให้” ผมบอกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นเพื่อนของพี่สาวคงไม่มีทางยอมขับรถไปส่งแบบนี้แน่ๆ “อื้อ~” เสียงเล็กครางออกมาในลำคอเบาๆ แล้วถามอย่างเหม่อลอย “ทามมายผู้ชายถึงคิดแต่จะทำเรื่องนั้น” “เรื่องไหน” ผมถามก่อนจะสตาร์ทรถ “…เรื่องบนเตียง” “จะคิดมากทำไมใครๆ เขาก็เอากันทั้งนั้น” “มัน อึก เป็นเรื่องปกติหรอ ?” เธอหันหน้ามาถามเหมือนไม่รู้ว่าเรื่องบนเตียงใครเขาก็ทำกัน ความซื่อบื้อแบบนี้มันขัดกับอายุจริงๆ แกล้งทำตัวใสซื้อหรือเปล่าวะ“ไม่เคยเอากับใครเลยว่างั้น ?” “ฉันม่ายด้ายมั่วสักหน่อย”“อืม” ผมตอบปัดรำคาญ ไม่ชอบผู้หญิงที่พูดมากเท่าไหร่ ยิ่งผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ทำให
Talk แพร แสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกับในหน้า ทำให้ฉันที่กำลังนอนหลับอยู่ค่อยๆ รู้สึกตัวปรือตาขึ้น สัมผัสแรกที่ได้รับหลังจากที่ตื่นนอนคืออาการหนักอึ้งไปทั้งหัว พยายามจะคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน หลังจากออกมาจากห้องน้ำแล้วจำได้ว่าเจออลัน เจอพี่เพิร์ท แต่ฉันกลับไปที่โต๊ะยังไง กลับมาที่ห้องได้ยังไงแต่ก็คิดไม่ออก “อ่า! ทำไมเตียงมันแข็งแบบนี้นะ” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นมาขยี้ตา พลางมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตกใจ“นะ นี่ฉันอยู่ที่ไหน” ฉันอุทานออกมาหัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะในตอนนี้ฉันอยู่ในห้องของใครก็ไม่รู้ ตัวฉันนอนอยู่ที่พื้นพรมข้างๆ กับโซฟา บนโต๊ะกระจกที่วางของเล็กๆ มีชามโจ๊กวางอยู่ด้วย พยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมภาพมันถึงตัดไปแบบนั้น หลังจากที่ถูกอลันดึงตัวออกมาจากพี่เพิร์ทฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แต่จะว่าไปพอมองไปรอบๆ อีกครั้งก็รู้สึกคุ้นๆ กับห้องนี้ พร้อมกับคิดขึ้นมาได้“หะ ห้องอลัน” ฉันอุทานออกมาอีกครั้งแล้วยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างตกใจสุดขีด แกร็ก! เสียงประตูห้องเปิดออก ร่างของอลันที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่เ
#คอนโด ฉันกลับมาคอนโดด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ตั้งแต่ตื่นยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเช็ค มาถึงห้องฉันจึงเปิดโทรศัพท์ดูข้อความและก็ได้เห็นว่าเพื่อนของฉันแชตมารัวๆ แชตกลุ่ม ขวัญ: ยัยแพรแกหายไปไหน ขวัญ: ทำไมฉันโทรหาแกถึงไม่รับสาย มีใครทำอะไรแกหรือเปล่ามินนี่: รถแกก็ไม่อยู่จะออกไปไหนทำไมไม่บอกพวกฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง มินนี่: แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาฉันกับยัยขวัญจะไปแจ้งความคนหายจริงๆ ด้วย ฉันอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมายาวเหยียด ก่อนจะตอบกลับฉัน: เมื่อคืนเมามากฉันกลับมาที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกสองคนนะ ฉันตอบไปไม่ถึงห้าวินาทีขวัญกับมินนี่ก็อ่านข้อความพร้อมกัน มินนี่: เมื่อคืนฉันไปหาแกที่ห้องแต่แกไม่อยู่หนิ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดขวัญ: แล้วแกเมาได้ยังไง ฉัน: พวกแกขี้สงสัยกันจังเลยนะ ฉันไม่ได้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนหรอก บอกว่ากลับห้องก็คือกลับ ตอนไปเข้าห้องน้ำมีคนยื่นเหล้าเพียวให้กิน ฉันรำคาญก็เลยกินไปหมดแก้ว มึนหัวเลยกลับมาคอนโด มินนี่: แต่แกก็ใจร้ายอยู่ดีนั่นแหละทิ้งฉันกับยัยขวัญให้เป็นห่วง ฉัน: ขอโทษค่า! จะให้ทำอะไรไถ่โ
#คอนโดอลัน อลันเงียบมาตลอดทางมันยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้สึกผิดมากกว่าเดิม อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นฉันก็พยายามจะรับผิดชอบเต็มที่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่แค่รถของเขาที่เสียหาย รถฉันก็เหมือนกัน“พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอารถมาให้นายนะ….”“ไม่ต้อง” อลันตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก “ไม่ได้อยากได้รถใหม่” “แต่รถนายเอาไปซ่อมคงใช้เวลาเป็นเดือนๆ เลยนะ” “อืม” “เดี๋ยวฉันโทรปรึกษากับอลิชก่อนดีกว่า” ฉันก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้กดโทรออกโทรศัพท์ในมือก็ถูกอลันแย่งไป “จะโทรบอกพี่อลิชเพื่อ ?”“ก็….” “ยุ่ง!!” ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรอลันก็พูดสวนขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เวลาฉันอยู่กับเด็กคนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกเขากดขี่ตลอดเวลา ฉันไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองอายุเยอะกว่าผู้ชายคนนี้เลย“โอเคฉันจะไม่บอกอลิช ถ้านายไม่อยากให้ฉันเอารถมาทิ้งไว้ให้ในระหว่างที่รถของนายซ่อมอยู่ก็ได้ ฉันจะรับผิดชอบค่าซ่อมรถทั้งหมดให้ แค่นี้ใช่ไหมที่นายต้องการ ถ้าอย่างนั้นฉันขอโทรศัพท์คืนด้วย” ฉันแบมือขอโทรศัพท์ตัวเองคืนจากอลัน แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่ยอมค
เช้าวันต่อมาครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์บนหัวเสียงที่กำลังสั่นเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกให้ฉันตื่นขึ้น “อื้อ ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย” ฉันที่ยังหลับตาอยู่ควานมือคลำหาโทรศัพท์พร้อมกับบ่นไปด้วย เมื่อคลำเจอโทรศัพท์แล้วก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงพูดออกไปอย่างงัวเงีย( ฮัลโหล อีกสองชั่วโมงค่อยโทรมาได้ไหม ฉัน…)( มารับ จะไปเรียน ) เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอกสั้นๆ ทำให้ฉันที่หลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นมองเบอร์ที่โทรเข้ามา ‘อลัน’ อยากจะกรี๊ดดังๆ ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์เขาฉันคงไม่รับสายแน่ๆ แล้วนี่มันเพิ่งจะหนึ่งโมงเช้า ทำไมเขาถึงไปเรียนเช้าขนาดนี้กัน ( นายเรียกแท็กซี่ไปได้ไหมเดี๋ยวฉันจ่ายค่ารถให้ ) ( ไม่ได้ ) อลันตอบกลันมาเสียงแข็ง ( ถ้าอย่างนั้นก็ให้เพื่อนนายไปรับก่อน ฉันตื่นไม่ไหวหรอกนะเมื่อคืนกว่าจะได้นอน )( โทรไปให้มารับไม่ได้ถามว่าตื่นไหวหรือเปล่า ) อลันตอบกลับมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำให้ฉันที่นอนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด ( เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ) ฉันตอบกลับไปอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปลงฟันไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดที่ใส่เที่ยวเมื่อคืนนั่นแหละ #คอนโดอลันพอขับร
#คอนโดของฉันเบอร์ของพี่เพิร์ทยังคงโทรมาอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันเองก็อยากจะเมินเฉยอย่างที่เขาเคยทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่ได้ใจแข็งขนาดนั้น ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมกดรับสาย( ว่าไงคะ ) ฉันพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจ( พี่คิดว่าจะไม่รับสายกันแล้วซะอีก ) ( มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะค่ะ ) ( คืนนี้มาดื่มด้วยกันไหม ) ( ต้องการแค่ให้แพรไปดื่มเป็นเพื่อนแค่นั้นหรอคะ ) ( พี่อยากจบด้วยดีนะ ไม่อยากให้แพรเกลียดพี่ ) เหมือนพี่เพิร์ทจะไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เหตุผลที่เขาใช้บอกเลิกฉันมันโคตรจะเห็นแก่ตัว ฉันอยากจะตัดเขาออกไปจากชีวิต ไม่อยากคิดถึง ไม่อยากรู้สึก ฉันควรจะทำยังไงดีให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ ( แพรไม่ว่างค่ะ ) ฉันใจแข็งปฏิเสธออกไปและกำลังจะกดวางสาย แต่เสียงของพี่เพิร์ทพูดขัดขึ้นมาซะก่อน ( ขอเวลาแค่แป๊บเดียวเองนะครับ )( แพรเลิกยุ่งกับพี่เพิร์ทแล้วนะคะ แพรปล่อยพี่เพิร์ทไปแล้วทำไมพี่ยังไม่ปล่อยแพร ตอนแรกพี่เพิร์ทเมินแพรขนาดไหนรู้ตัวบ้างไหมคะ แล้วตอนนี้จะอยากเจอกันอีกทำไม…..อึก~) ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา อุตส่าห์เข้มแข็งมาได้ตั้งนาน สุดท้ายฉันก็กลับไป
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อเห็นสายตาเอาผิดของอลัน เขาเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ“อะ เอ่อคือเขาคงจะโกรธที่แพรมาเจอพี่เพิร์ท แพรขอตัวนะคะ” ฉันบอกพี่เพิร์ทจากนั้นก็รีบเดินตามอลัน เขาไม่ได้กลับไปโต๊ะเพื่อนแต่เดินออกไปจากคลับ “อลันรอฉันด้วยสิ” ฉันตามมาเพราะจะขอโทษเพราะเหมือนเขาจะไม่พอใจที่ฉันใช้เขาเป็นเครื่องมือโดยไม่ได้บอกอะไรก่อน อลันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ด้านหน้าคลับ จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าเขาถึงแม้จะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็ตาม อลันพ่นขวัญสีขาวคลุ้งออกมาก่อนจะเงยขึ้นมองฉัน แล้วพูด “จะตามมาเพื่อ ?” “ฉันจะมาขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อน ฉันเองก็ไม่รู้จะหาใครมาเป็นข้ออ้างมีแค่นายคนเดียวที่รู้จัก”“ไหนบอกจะกลับแล้วมาเจอมันทำไม” “ฉันแค่อยากจบ…..” พูดไม่ทันจบอลันก็เอ่ยสวนขึ้นมาทันควัน “ข้ออ้าง” ฉันเม้มปากแน่น “…นายจะคิดแบบนั้นก็ได้ ฉันกำลังหาข้ออ้างอยู่ ความจริงแล้วฉันอยากเจอเขาแต่เขาหวังกับฉันแค่เรื่องเดียว” อลันพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนไม่ใส่ใจคำพูดของฉันเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ได้หวังให้เขามาใส่ใจหรอก บางครั้งก็แค่อยากระบายมันออกมา…. “ฉันขอดื่มที่โต๊ะนายด้วยได้ไหม ?