แชตกลุ่ม
ขวัญ: ยัยแพรแกหายไปไหน ขวัญ: ทำไมฉันโทรหาแกถึงไม่รับสาย มีใครทำอะไรแกหรือเปล่า มินนี่: รถแกก็ไม่อยู่จะออกไปไหนทำไมไม่บอกพวกฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง มินนี่: แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาฉันกับยัยขวัญจะไปแจ้งความคนหายจริงๆ ด้วย ฉันอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมายาวเหยียด ก่อนจะตอบกลับ ฉัน: เมื่อคืนเมามากฉันกลับมาที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกสองคนนะ ฉันตอบไปไม่ถึงห้าวินาทีขวัญกับมินนี่ก็อ่านข้อความพร้อมกัน มินนี่: เมื่อคืนฉันไปหาแกที่ห้องแต่แกไม่อยู่หนิ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิด ขวัญ: แล้วแกเมาได้ยังไง ฉัน: พวกแกขี้สงสัยกันจังเลยนะ ฉันไม่ได้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนหรอก บอกว่ากลับห้องก็คือกลับ ตอนไปเข้าห้องน้ำมีคนยื่นเหล้าเพียวให้กิน ฉันรำคาญก็เลยกินไปหมดแก้ว มึนหัวเลยกลับมาคอนโด มินนี่: แต่แกก็ใจร้ายอยู่ดีนั่นแหละทิ้งฉันกับยัยขวัญให้เป็นห่วง ฉัน: ขอโทษค่า! จะให้ทำอะไรไถ่โทษดีเอ่ย ขวัญ / มินนี่: เลี้ยงเหล้าสิ ฉัน: ขอพักสักวันพวกแกจะไปดื่มทุกวันเลยหรือไง ขวัญ: ลืมไปแล้วหรอเมื่อก่อนแกน่ะตัวพาดื่มเลยนะ เอะอะก็ชวนไปคลับ เดียวนี้ทำตัวเหมือนยัยแก่ชวนไปไหนก็ไม่ไป มินนี่: จริงค่ะ! ฉัน: อ่าๆ ไปก็ไป มื้อนี้ฉันเลี้ยงก็แล้วกันกริ้ง~ ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์เบอร์ของพ่อก็โทรเข้ามาซะก่อน
( ค่ะพ่อ ) นานๆ ครั้งฉันจะได้คุยกับพ่อ เพราะงานของท่านค่อนข้างยุ่งและต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ( วันนี้มากินข้าวที่บ้านกับพ่อหน่อยสิ ) ( พ่อกลับมาจากอังกฤษแล้วหรอคะ ) ( อืม เพิ่งลงเครื่องก็โทรหาลูกสาวสุดที่รักทันที ) ( เดี๋ยวเย็นนี้หนูเข้าไปที่บ้านนะคะ ) หลังจากวางสายฉันก็กดปิดจอโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ช่วงนี้ชีวิตมันช่างแสนจะน่าเบื่อ แม่ฉันเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้วและพ่อก็ดูแลฉันมาตลอด ถึงแม้จะไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าแม่แต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่นอะไร คงเป็นเพราะโตแล้วก็เลยไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ และก็เข้าใจว่าพ่อมีงานมากมายที่ต้องทำ#ตกเย็น @บ้านของพ่อ
“คิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันเดินมาสวมกอดพ่อที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น “คิดถึงแต่ไม่มาหาพ่อมันยังไงกันนะ” พ่อตัดพ้อเหมือนกำลังน้อยใจที่ฉันแทบไม่เข้ามาหาที่บ้านเลย “งานที่ร้านยุ่งๆ นี่คะ” พ่อผละกอดออกแล้วมองหน้าฉันด้วยแววตาที่จริงจัง ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นๆ “เมื่อไหร่จะมาช่วยงานที่บริษัทสักที ลูกโตพอที่จะช่วยงานพ่อได้แล้วนะแพร” พ่อพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว จริงๆ ฉันบอกไปหลายครั้งว่าไม่ชอบงานที่บริษัท ถึงได้ปลีกตัวไปอยู่คนเดียวแบบนั้น “แพรไม่ชอบ…..” “อ่า! คำตอบเดิมอีกแล้วสินะ งั้นพ่อจะเปลี่ยนคำถาม” พอพ่อพูดแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจ “ยังไงคะ ?” “เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงาน ลูกก็อายุมากแล้วพ่อยังไม่เคยเห็นพาแฟนมาเจอพ่อเลยสักครั้ง” “พะ พ่อ ของแบบนี้ก็ต้องค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ สิคะ” ฉันที่ถูกถามเรื่องแต่งงานถึงกับไปไม่เป็น ความเขินอายทำให้ต้องก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาพ่อ “จะดูไปเรื่อยๆ จนอายุสามสิบเลยหรือไง พ่อก็ไม่ได้อยากจะบังคับหรอกนะ แต่ในเมื่อลูกไม่ชอบงานที่บริษัท ลูกก็ต้องหาใครสักคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน เพราะทุกอย่างที่พ่อสร้างมาสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นของลูก” ฉันเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด แต่เรื่องแฟนฉันอยากจะพักหัวใจไปก่อน พ่อยังไม่เคยเจอพี่เพิร์ทแต่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่ากำลังศึกษาดูใจกันอยู่ “แฟนลูกที่ชื่อเพิร์ทอะไรนั่น….” “หนูเลิกกับเขาแล้วค่ะ” ฉันพูดสวนขึ้นทันควัน “วัยรุ่นสมัยนี้เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกกันดีจริงๆ” ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มแล้วชวนพ่อเปลี่ยนเรื่องคุย วันนี้ฉันมากินข้าวที่บ้านในรอบหลายเดือน ถึงจะบอกว่าเลิกกับพี่เพิร์ทแล้วแต่พ่อก็ยังจะเชียร์ให้ฉันรีบหาแฟนใหม่เร็วๆ ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่รีบ หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็ขับรถกลับมาที่คอนโด ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้วรถค่อนข้างติดเลยใช้เวลานานหน่อย กริ้ง~ มีสายเข้าขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่ เป็นมินนี่ที่โทรมา ฉันจึงรีบกดรับสาย ( ว่าไงแก ) ( ฉันกับยัยขวัญว่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดแกนะ จะได้ออกไปคลับพร้อมกัน ) ( อื้อ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ถึงคอนโดเลยนะรถติด เพิ่งไปกินข้าวกับพ่อมา ) ( โอเคถ้าแกถึงคอนโดแล้วแชตมาบอกนะเดี๋ยวฉันกับยัยขวัญออกไปหา ) ( อื้อๆ ) ฉันก้มหน้าลงเพื่อกดตัดสายมินนี่ แต่ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจและรีบเหยียบเบรก “กรี๊ดดดด” ปัง!!! ฉันกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับเสียงรถที่ชนเข้ากับท้ายรถคันหน้าเข้าอย่างจังถึงแม้ว่าจะเหยียบเบรกแล้วก็ตาม เพราะมัวแต่ก้มหน้าตัดสายมินนี่จึงไม่ได้มองว่าตอนนี้เป็นไฟแดง ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาดูด้านหน้าที่มันชนเข้ากับท้ายรถของใครก็ไม่รู้ ตั้งแต่ขับรถมานี่แหละคืออุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต “ขับรถยังไงวะ ไม่มีตาหรือไง” เสียงทุ้มของเจ้าของรถ เอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิดทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเพราะความกลัว “ขะ ขอโทษค่ะ คือฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันก้มหน้าขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง “นึกว่าใคร” เสีนงทุ้มเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ฉันที่ก้มหน้าอยู่ค่อยๆ เงยขึ้นมามองตรงหน้า “อลัน” ไม่รู้ว่านี่คือเวรกรรมหรือพรมลิขิต ทำให้ฉันต้องมาเจอกับอลันในเหตุการณ์แบบนี้ แล้วรถที่ฉันมาชนท้ายคือรถของเขาอย่างนั้นหรอ “ระ รถนายหรอ” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อเห็นสีหน้าอำมหิตของอลันที่เดินมาดูท้ายรถแล้วแสดงความไม่พอใจออกมา “อืม คิดว่าขับรถแพงๆ แล้วจะชนใครก็ได้หรือไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่อำมหิต “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ มันเป็นอุบัติเหตุ” “แล้วยังไง จะรับผิดชอบยังไง ?” “เรียกประกัน….” “ยุ่งยาก” “งั้น ดะ เดี๋ยวฉันเอารถไปซ่อมให้ แล้วนายเอารถฉันไปขับก็ได้ที่บ้านมีรถที่ไม่ได้ใช้อยู่ นายอยากขับรุ่นไหนล่ะ” ฉันพยายามแสดงความรับผิดชอบเต็มที่แต่เหมือนคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อลันหงุดหงิดเพราะเขากำลังจ้องฉันเขม็ง “จะอวดว่าบ้านรวยว่างั้น ?” อลันถามอย่างหาเรื่อง “ปะ เปล่าๆ ฉันกำลังจะรับผิดชอบนี่ไง จะให้เอารถไปใช้จนกว่ารถของนายจะซ่อมเสร็จ” “ดะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้คนที่บ้านมาเอารถไปอู่ให้นะ” ฉันรีบยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพ่อ ให้พ่อส่งคนมาขับรถของอลันไปที่อู่ให้ พ่อเป็นห่วงใหญ่เลยกลัวว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บ กว่าจะพูดให้พ่อใจเย็นๆ และบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยได้ก็นานหลายนาทีพอสมควร “…….” อลันไม่ตอบอะไรเขาแค่ยืนนิ่งๆ มองรถของตัวเอง จริงๆ จะเรียกประกันก็ได้แต่ถ้าแบบนั้นมันจะยุ่งยาก ฉันกับอลันพอจะคุยกันได้อยู่ ยืนรอประมาณครึ่งชั่วโมงคนขับรถที่บ้านก็เอารถมาเปลี่ยนให้ฉันหนึ่งคัน แล้วก็ขับรถของฉันที่ชนท้ายกับคนของอลันไป ตอนนี้จากที่รถติดอยู่แล้ว พอมีอุบัติเหตุรถยิ่งติดยาวมากๆ รู้สึกผิดอยากจะขอโทษทุกคนเลยที่ทำให้รถติดยาวขนาดนั้น “ขึ้นรถสิเดี๋ยวฉันจะไปส่งที่คอนโด” อลันมองรถของตัวเองที่ลูกน้องของพ่อฉันกำลังขับไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเปิดประตูเข้ามานั่งในรถข้างๆ กับฉัน#คอนโดอลัน อลันเงียบมาตลอดทางมันยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้สึกผิดมากกว่าเดิม อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นฉันก็พยายามจะรับผิดชอบเต็มที่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่แค่รถของเขาที่เสียหาย รถฉันก็เหมือนกัน“พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอารถมาให้นายนะ….”“ไม่ต้อง” อลันตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก “ไม่ได้อยากได้รถใหม่” “แต่รถนายเอาไปซ่อมคงใช้เวลาเป็นเดือนๆ เลยนะ” “อืม” “เดี๋ยวฉันโทรปรึกษากับอลิชก่อนดีกว่า” ฉันก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้กดโทรออกโทรศัพท์ในมือก็ถูกอลันแย่งไป “จะโทรบอกพี่อลิชเพื่อ ?”“ก็….” “ยุ่ง!!” ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรอลันก็พูดสวนขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เวลาฉันอยู่กับเด็กคนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกเขากดขี่ตลอดเวลา ฉันไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองอายุเยอะกว่าผู้ชายคนนี้เลย“โอเคฉันจะไม่บอกอลิช ถ้านายไม่อยากให้ฉันเอารถมาทิ้งไว้ให้ในระหว่างที่รถของนายซ่อมอยู่ก็ได้ ฉันจะรับผิดชอบค่าซ่อมรถทั้งหมดให้ แค่นี้ใช่ไหมที่นายต้องการ ถ้าอย่างนั้นฉันขอโทรศัพท์คืนด้วย” ฉันแบมือขอโทรศัพท์ตัวเองคืนจากอลัน แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่ยอมค
เช้าวันต่อมาครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์บนหัวเสียงที่กำลังสั่นเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกให้ฉันตื่นขึ้น “อื้อ ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย” ฉันที่ยังหลับตาอยู่ควานมือคลำหาโทรศัพท์พร้อมกับบ่นไปด้วย เมื่อคลำเจอโทรศัพท์แล้วก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงพูดออกไปอย่างงัวเงีย( ฮัลโหล อีกสองชั่วโมงค่อยโทรมาได้ไหม ฉัน…)( มารับ จะไปเรียน ) เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอกสั้นๆ ทำให้ฉันที่หลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นมองเบอร์ที่โทรเข้ามา ‘อลัน’ อยากจะกรี๊ดดังๆ ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์เขาฉันคงไม่รับสายแน่ๆ แล้วนี่มันเพิ่งจะหนึ่งโมงเช้า ทำไมเขาถึงไปเรียนเช้าขนาดนี้กัน ( นายเรียกแท็กซี่ไปได้ไหมเดี๋ยวฉันจ่ายค่ารถให้ ) ( ไม่ได้ ) อลันตอบกลันมาเสียงแข็ง ( ถ้าอย่างนั้นก็ให้เพื่อนนายไปรับก่อน ฉันตื่นไม่ไหวหรอกนะเมื่อคืนกว่าจะได้นอน )( โทรไปให้มารับไม่ได้ถามว่าตื่นไหวหรือเปล่า ) อลันตอบกลับมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำให้ฉันที่นอนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด ( เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ) ฉันตอบกลับไปอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปลงฟันไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดที่ใส่เที่ยวเมื่อคืนนั่นแหละ #คอนโดอลันพอขับร
#คอนโดของฉันเบอร์ของพี่เพิร์ทยังคงโทรมาอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันเองก็อยากจะเมินเฉยอย่างที่เขาเคยทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่ได้ใจแข็งขนาดนั้น ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมกดรับสาย( ว่าไงคะ ) ฉันพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจ( พี่คิดว่าจะไม่รับสายกันแล้วซะอีก ) ( มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะค่ะ ) ( คืนนี้มาดื่มด้วยกันไหม ) ( ต้องการแค่ให้แพรไปดื่มเป็นเพื่อนแค่นั้นหรอคะ ) ( พี่อยากจบด้วยดีนะ ไม่อยากให้แพรเกลียดพี่ ) เหมือนพี่เพิร์ทจะไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เหตุผลที่เขาใช้บอกเลิกฉันมันโคตรจะเห็นแก่ตัว ฉันอยากจะตัดเขาออกไปจากชีวิต ไม่อยากคิดถึง ไม่อยากรู้สึก ฉันควรจะทำยังไงดีให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ ( แพรไม่ว่างค่ะ ) ฉันใจแข็งปฏิเสธออกไปและกำลังจะกดวางสาย แต่เสียงของพี่เพิร์ทพูดขัดขึ้นมาซะก่อน ( ขอเวลาแค่แป๊บเดียวเองนะครับ )( แพรเลิกยุ่งกับพี่เพิร์ทแล้วนะคะ แพรปล่อยพี่เพิร์ทไปแล้วทำไมพี่ยังไม่ปล่อยแพร ตอนแรกพี่เพิร์ทเมินแพรขนาดไหนรู้ตัวบ้างไหมคะ แล้วตอนนี้จะอยากเจอกันอีกทำไม…..อึก~) ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา อุตส่าห์เข้มแข็งมาได้ตั้งนาน สุดท้ายฉันก็กลับไป
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อเห็นสายตาเอาผิดของอลัน เขาเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ“อะ เอ่อคือเขาคงจะโกรธที่แพรมาเจอพี่เพิร์ท แพรขอตัวนะคะ” ฉันบอกพี่เพิร์ทจากนั้นก็รีบเดินตามอลัน เขาไม่ได้กลับไปโต๊ะเพื่อนแต่เดินออกไปจากคลับ “อลันรอฉันด้วยสิ” ฉันตามมาเพราะจะขอโทษเพราะเหมือนเขาจะไม่พอใจที่ฉันใช้เขาเป็นเครื่องมือโดยไม่ได้บอกอะไรก่อน อลันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ด้านหน้าคลับ จากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ฉันเดินมาหยุดตรงหน้าเขาถึงแม้จะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็ตาม อลันพ่นขวัญสีขาวคลุ้งออกมาก่อนจะเงยขึ้นมองฉัน แล้วพูด “จะตามมาเพื่อ ?” “ฉันจะมาขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อน ฉันเองก็ไม่รู้จะหาใครมาเป็นข้ออ้างมีแค่นายคนเดียวที่รู้จัก”“ไหนบอกจะกลับแล้วมาเจอมันทำไม” “ฉันแค่อยากจบ…..” พูดไม่ทันจบอลันก็เอ่ยสวนขึ้นมาทันควัน “ข้ออ้าง” ฉันเม้มปากแน่น “…นายจะคิดแบบนั้นก็ได้ ฉันกำลังหาข้ออ้างอยู่ ความจริงแล้วฉันอยากเจอเขาแต่เขาหวังกับฉันแค่เรื่องเดียว” อลันพ่นควันบุหรี่ออกมาเหมือนไม่ใส่ใจคำพูดของฉันเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ได้หวังให้เขามาใส่ใจหรอก บางครั้งก็แค่อยากระบายมันออกมา…. “ฉันขอดื่มที่โต๊ะนายด้วยได้ไหม ?
“กุญแจ” เมื่อเดินออกมาด้านนอกคลับอลันก็ยื่นมือมาขอกุญแจรถจากฉัน ฉันที่เมาจนโลกมันกำลังมุนไปรอบๆ ตัวเองในตอนนี้แทบจะยืนไม่อยู่ แต่ก็ยังทำเป็นเก่งเพราะไม่อยากให้เขามาสนใจ อยากให้ไปสนุกกับเพื่อนกับผู้หญิงที่เขาจะไปนอนด้วย “ฉันขับรถกลับเองได้” พูดจบฉันก็เดินเซซ้ายทีขวาทีตรงมาที่รถ เมื่อเดินมาถึงรถแล้วฉันก้มหน้าเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองหยิบกุญแจขึ้นมา แต่ทว่ากุญแจในมือถูกอลันแย่งไป “เอามานะ!!”“เมาจนแทบจะเดินไม่ไหวอย่ามาทำเป็นอวดเก่ง อยากตายหรือไง” ร่างของฉันถูกอลันดันออกจากประตูรถทางฝั่งคนขับ ฉันจิ๊ปากใส่เขาไปหนึ่งทีก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งอย่างทุลักทุเล #ภายในรถ“นายไม่ต้องไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นหรอ” ถึงจะเมาตอนนี้ฉันก็ยังจำได้นะว่าอลันบอกกับยัยผู้หญิงคนนั้นว่าจะไปนอนด้วย “ถ้าบอกว่าไม่ จะไปนอนด้วยกันหรอ ?”“นายให้ฉันนอนพื้น” ฉันมองหน้าอลัน ตอนนี้สายตามันเริ่มพร่ามัวแต่ก็เห็นได้ลางๆ ว่าเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ “อยากนอนบนเตียงหรอ ?” ฝ่ามือใหญ่วางลงมาบนต้นขาอ่อนของฉัน พร้อมกับลูบไล้ไปมาช้าๆ “นายอยากได้ฉันหรอ แต่ฉันเป็นเพื่อนพี่สาวนายนะ” ถึงจะเมาแต่ฉันยังมีสติอยู่บ้าง “เพื่อนพี่สา
อลันเดินตามฉันเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดประตูเขาปิดไฟแล้วเปิดไฟที่เป็นแสงสีส้มให้มองเห็นแบบสรัวๆ แทน ส่วนฉันก็นั่งอยู่บนเตียงคินถึงภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด…. “ที่ทำแบบนี้เพราะประชดชีวิต ?” อลันถามขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามแขนและซิกแพ๊คที่เรียงรายอยู่บริเวณหน้าท้องของเขา “ทำไมนายถึงอยากได้ฉัน”“ของที่ไม่เคย ใครก็อยากลอง” “ทำไมผู้ชายถึงมักมาก” “ความต้องการมันมีในตัวทุกคน” อลันเดินตรงมาหยุดตรงหน้าของฉัน จากนั้นเขาก็พูดคำๆ หนึ่งออกมา “เข้ามาในห้องแล้วรู้ไหมว่าไม่มีโอกาสเปลี่ยนใจ” ฉันเม้มปากแน่นรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง อาการมึนหัวเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันกลับมาเล่นงานอีกครั้ง ร่างหนาของอลันคร่อมมาบนตัวของฉันแล้วกดให้ฉันนอนราบไปกับเตียง สายตาคู่นั้นของเขามันทำให้ฉันร้อนรุ่มราวกับอยู่ในกองเพลิง “นายช่วยทำให้ฉันลืมภาพที่เจ็บปวดพวกนั้นได้ไหม” ฉันขอร้องพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นเต็มสองตา อลันมองฉันด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เขาไม่ตอบอะไรก่อนที่จะกดริมฝีปากลงมาบดขยี้ริมฝีปากของฉันหนักๆ นี่ไม่ใช่จูบแรกของฉัน เรื่องจูบฉันเคยผ่านมาบ้างแต่ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ แต่ฉันก็ไม่ใช่ผู้
เช้าวันใหม่ ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาภายในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา สมองรีบประมวลผลว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ใบหน้าของฉันจะร้อนผ่าวเมื่อหันมามองเห็นอลันที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ “อ่ะ~” เมื่อขยับตัวฉันก็ต้องร้องอุทานออกมาเบาๆ เพราะรู้สึกเจ็บที่ตรงนั้น ทีเรื่องที่ฉันอยากจำกลับลืมมันง่ายดาย พอเรื่องที่ฉันอยากลืมทำไมถึงจำมันได้แม่น เมื่อคืนฉันเมาแต่กลับจำทุกอย่างได้ มันบ้าที่สุด! ฉันคิดทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นได้ยังไง ทำไมถึงยอมให้อลันทำ…ถึงแม้มันจะไม่ใช่การสอดใส่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรฉันก็ไม่ควรยอมทั้งนั้น ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงให้เงียบที่สุดเพราะไม่อยากให้อลันตื่นขึ้นมาแล้วเห็น พูดง่ายๆ ก็คือฉันอับอายมากหากถ้าเขาตื่นมาตอนนี้ ก่อนจะออกไปจากห้องฉันได้ทิ้งกุญแจรถไว้ให้อลัน ที่ทำแบบนี้ก็เพราะฉันจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ไม่ต้องมาเจอหน้ากันบ่อยๆ ส่วนฉันก็จะให้พ่อเอารถที่บ้านมาให้ใช้แทนคันนี้เรื่องน่าอับอายมันเกิดขึ้นแบบนั้นฉันจะกล้าสู้หน้าเขาได้ยังไง…. ฉันแค่ต้องลืมอย่างนั้นใช่ไหม ต่อไปจะไม่ทำตัวแบบนี้อีก ฉันจะไม่ทำตัวง่ายๆ อีกแล้ว มันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันตัดสินใจบ้าๆ แบบนั้
“ฉันขยะแขยงที่นายไปจูบคนอื่นมาแล้วมาจูบฉัน” ฉันพูดบอกพลางใช้มือถูริมฝีปากตัวเองจนแดงเถือก เขาคิดได้ยังไงที่คิดว่าฉันจะโกรธเพราะว่าฉันเห็นเขาจูบกับคนอื่น อลันมองหน้าฉันครู่หนึ่ง เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองจากนั้นก็หยิบกุญแจรถมายัดใส่มือฉัน “รถนายซ่อมเสร็จแล้วหรอ ?” “ยัง”“ยังแล้วเอากุญแจรถมาคืนฉันทำไม” ฉันขมวดคิ้วมองอลันอย่างแปลกใจ “น่าจะรู้ดี” ขะ เขาพูดแบบนี้หมายความว่าจะให้ฉันคอยไปรับไปส่งเหมือนเดิมอีกหรอ แค่เจอกันตรงนี้ฉันก็อยากจะหมุดแผ่นหนีไปไกลๆ หรืออลันลืมเรื่องคืนนั้นไปแล้ว ฉันล่ะทั้งที่พยายามจะลืมแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้แม่น อลันยกมือขึ้นมายีผมฉันเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้องน้ำ ทิ้งให้ฉันยืนตัวแข็งราวกับหินเพราะการกระทำเมื่อครู่ของเขา เขาเด็กกว่าฉันตั้งหลายปีนะ มาเล่นหัวแบบนี้ได้ยังไงไอ้เด็กไม่มีมารยาทเอ้ย! หลังจากทำธุระในห้องน้ำเสร็จฉันก็พยายามจะลืมเรื่องที่เพิ่งจูบกับอลันไปให้ได้ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเด็กคนนี้อยากจะลืมมันให้หมดเลยจริงๆ! ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะอย่างเหม่อลอย ด้วยความคิดฟุ้งซ่านในหัวทำให้ไม่ทันระวังเผลอเดินมาจนกับใครเข้าก็ไม่รู้ “ขอโทษนะค