Share

BAD LOVE - 6 อุบัติเหตุ

#คอนโด 

ฉันกลับมาคอนโดด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ตั้งแต่ตื่นยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเช็ค มาถึงห้องฉันจึงเปิดโทรศัพท์ดูข้อความและก็ได้เห็นว่าเพื่อนของฉันแชตมารัวๆ 

แชตกลุ่ม 

ขวัญ: ยัยแพรแกหายไปไหน 

ขวัญ: ทำไมฉันโทรหาแกถึงไม่รับสาย มีใครทำอะไรแกหรือเปล่า

มินนี่: รถแกก็ไม่อยู่จะออกไปไหนทำไมไม่บอกพวกฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง 

มินนี่: แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาฉันกับยัยขวัญจะไปแจ้งความคนหายจริงๆ ด้วย 

ฉันอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมายาวเหยียด ก่อนจะตอบกลับ

ฉัน: เมื่อคืนเมามากฉันกลับมาที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกสองคนนะ 

ฉันตอบไปไม่ถึงห้าวินาทีขวัญกับมินนี่ก็อ่านข้อความพร้อมกัน 

มินนี่: เมื่อคืนฉันไปหาแกที่ห้องแต่แกไม่อยู่หนิ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิด

ขวัญ: แล้วแกเมาได้ยังไง 

ฉัน: พวกแกขี้สงสัยกันจังเลยนะ ฉันไม่ได้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนหรอก บอกว่ากลับห้องก็คือกลับ ตอนไปเข้าห้องน้ำมีคนยื่นเหล้าเพียวให้กิน ฉันรำคาญก็เลยกินไปหมดแก้ว มึนหัวเลยกลับมาคอนโด 

มินนี่: แต่แกก็ใจร้ายอยู่ดีนั่นแหละทิ้งฉันกับยัยขวัญให้เป็นห่วง 

ฉัน: ขอโทษค่า! จะให้ทำอะไรไถ่โทษดีเอ่ย 

ขวัญ / มินนี่: เลี้ยงเหล้าสิ 

ฉัน: ขอพักสักวันพวกแกจะไปดื่มทุกวันเลยหรือไง 

ขวัญ: ลืมไปแล้วหรอเมื่อก่อนแกน่ะตัวพาดื่มเลยนะ เอะอะก็ชวนไปคลับ เดียวนี้ทำตัวเหมือนยัยแก่ชวนไปไหนก็ไม่ไป 

มินนี่: จริงค่ะ! 

ฉัน: อ่าๆ ไปก็ไป มื้อนี้ฉันเลี้ยงก็แล้วกัน 

กริ้ง~ ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์เบอร์ของพ่อก็โทรเข้ามาซะก่อน 

( ค่ะพ่อ ) 

นานๆ ครั้งฉันจะได้คุยกับพ่อ เพราะงานของท่านค่อนข้างยุ่งและต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ 

( วันนี้มากินข้าวที่บ้านกับพ่อหน่อยสิ )

( พ่อกลับมาจากอังกฤษแล้วหรอคะ ) 

( อืม เพิ่งลงเครื่องก็โทรหาลูกสาวสุดที่รักทันที ) 

( เดี๋ยวเย็นนี้หนูเข้าไปที่บ้านนะคะ ) 

หลังจากวางสายฉันก็กดปิดจอโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ช่วงนี้ชีวิตมันช่างแสนจะน่าเบื่อ 

แม่ฉันเสียไปเมื่อห้าปีที่แล้วและพ่อก็ดูแลฉันมาตลอด ถึงแม้จะไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าแม่แต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่นอะไร คงเป็นเพราะโตแล้วก็เลยไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้ และก็เข้าใจว่าพ่อมีงานมากมายที่ต้องทำ 

#ตกเย็น @บ้านของพ่อ

“คิดถึงจังเลยค่ะ” ฉันเดินมาสวมกอดพ่อที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“คิดถึงแต่ไม่มาหาพ่อมันยังไงกันนะ” พ่อตัดพ้อเหมือนกำลังน้อยใจที่ฉันแทบไม่เข้ามาหาที่บ้านเลย

“งานที่ร้านยุ่งๆ นี่คะ” 

พ่อผละกอดออกแล้วมองหน้าฉันด้วยแววตาที่จริงจัง ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นๆ 

“เมื่อไหร่จะมาช่วยงานที่บริษัทสักที ลูกโตพอที่จะช่วยงานพ่อได้แล้วนะแพร” พ่อพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว จริงๆ ฉันบอกไปหลายครั้งว่าไม่ชอบงานที่บริษัท ถึงได้ปลีกตัวไปอยู่คนเดียวแบบนั้น 

“แพรไม่ชอบ…..”

“อ่า! คำตอบเดิมอีกแล้วสินะ งั้นพ่อจะเปลี่ยนคำถาม” พอพ่อพูดแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้วเป็นปมอย่างแปลกใจ 

“ยังไงคะ ?”

“เมื่อไหร่ลูกจะแต่งงาน ลูกก็อายุมากแล้วพ่อยังไม่เคยเห็นพาแฟนมาเจอพ่อเลยสักครั้ง” 

“พะ พ่อ ของแบบนี้ก็ต้องค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ สิคะ” ฉันที่ถูกถามเรื่องแต่งงานถึงกับไปไม่เป็น ความเขินอายทำให้ต้องก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาพ่อ 

“จะดูไปเรื่อยๆ จนอายุสามสิบเลยหรือไง พ่อก็ไม่ได้อยากจะบังคับหรอกนะ แต่ในเมื่อลูกไม่ชอบงานที่บริษัท ลูกก็ต้องหาใครสักคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน เพราะทุกอย่างที่พ่อสร้างมาสุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นของลูก” 

ฉันเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด แต่เรื่องแฟนฉันอยากจะพักหัวใจไปก่อน พ่อยังไม่เคยเจอพี่เพิร์ทแต่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่ากำลังศึกษาดูใจกันอยู่ 

“แฟนลูกที่ชื่อเพิร์ทอะไรนั่น….”

“หนูเลิกกับเขาแล้วค่ะ” ฉันพูดสวนขึ้นทันควัน 

“วัยรุ่นสมัยนี้เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกกันดีจริงๆ”

ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มแล้วชวนพ่อเปลี่ยนเรื่องคุย 

วันนี้ฉันมากินข้าวที่บ้านในรอบหลายเดือน ถึงจะบอกว่าเลิกกับพี่เพิร์ทแล้วแต่พ่อก็ยังจะเชียร์ให้ฉันรีบหาแฟนใหม่เร็วๆ ทั้งที่บอกไปแล้วว่าไม่รีบ 

หลังจากกินข้าวเสร็จฉันก็ขับรถกลับมาที่คอนโด ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้วรถค่อนข้างติดเลยใช้เวลานานหน่อย 

กริ้ง~ มีสายเข้าขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่ เป็นมินนี่ที่โทรมา ฉันจึงรีบกดรับสาย

( ว่าไงแก ) 

( ฉันกับยัยขวัญว่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดแกนะ จะได้ออกไปคลับพร้อมกัน )

( อื้อ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ถึงคอนโดเลยนะรถติด เพิ่งไปกินข้าวกับพ่อมา )

( โอเคถ้าแกถึงคอนโดแล้วแชตมาบอกนะเดี๋ยวฉันกับยัยขวัญออกไปหา )

( อื้อๆ )

ฉันก้มหน้าลงเพื่อกดตัดสายมินนี่ แต่ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจและรีบเหยียบเบรก 

“กรี๊ดดดด” 

ปัง!!! 

ฉันกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่น พร้อมกับเสียงรถที่ชนเข้ากับท้ายรถคันหน้าเข้าอย่างจังถึงแม้ว่าจะเหยียบเบรกแล้วก็ตาม เพราะมัวแต่ก้มหน้าตัดสายมินนี่จึงไม่ได้มองว่าตอนนี้เป็นไฟแดง 

ฉันรีบเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาดูด้านหน้าที่มันชนเข้ากับท้ายรถของใครก็ไม่รู้ ตั้งแต่ขับรถมานี่แหละคืออุบัติเหตุครั้งแรกในชีวิต

“ขับรถยังไงวะ ไม่มีตาหรือไง” เสียงทุ้มของเจ้าของรถ เอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิดทำเอาฉันสะดุ้งโหย่งหัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเพราะความกลัว 

“ขะ ขอโทษค่ะ คือฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันก้มหน้าขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง 

“นึกว่าใคร” เสีนงทุ้มเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ ทำให้ฉันที่ก้มหน้าอยู่ค่อยๆ เงยขึ้นมามองตรงหน้า “อลัน” 

ไม่รู้ว่านี่คือเวรกรรมหรือพรมลิขิต ทำให้ฉันต้องมาเจอกับอลันในเหตุการณ์แบบนี้ แล้วรถที่ฉันมาชนท้ายคือรถของเขาอย่างนั้นหรอ

“ระ รถนายหรอ” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อเห็นสีหน้าอำมหิตของอลันที่เดินมาดูท้ายรถแล้วแสดงความไม่พอใจออกมา 

“อืม คิดว่าขับรถแพงๆ แล้วจะชนใครก็ได้หรือไง” เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่อำมหิต

“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะ มันเป็นอุบัติเหตุ” 

“แล้วยังไง จะรับผิดชอบยังไง ?” 

“เรียกประกัน….” 

“ยุ่งยาก” 

“งั้น ดะ เดี๋ยวฉันเอารถไปซ่อมให้ แล้วนายเอารถฉันไปขับก็ได้ที่บ้านมีรถที่ไม่ได้ใช้อยู่ นายอยากขับรุ่นไหนล่ะ” ฉันพยายามแสดงความรับผิดชอบเต็มที่แต่เหมือนคำพูดนั้นจะยิ่งทำให้อลันหงุดหงิดเพราะเขากำลังจ้องฉันเขม็ง 

“จะอวดว่าบ้านรวยว่างั้น ?” อลันถามอย่างหาเรื่อง 

“ปะ เปล่าๆ ฉันกำลังจะรับผิดชอบนี่ไง จะให้เอารถไปใช้จนกว่ารถของนายจะซ่อมเสร็จ” 

“ดะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้คนที่บ้านมาเอารถไปอู่ให้นะ” 

ฉันรีบยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาพ่อ ให้พ่อส่งคนมาขับรถของอลันไปที่อู่ให้ พ่อเป็นห่วงใหญ่เลยกลัวว่าฉันจะได้รับบาดเจ็บ กว่าจะพูดให้พ่อใจเย็นๆ และบอกว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยได้ก็นานหลายนาทีพอสมควร

“…….” อลันไม่ตอบอะไรเขาแค่ยืนนิ่งๆ มองรถของตัวเอง 

จริงๆ จะเรียกประกันก็ได้แต่ถ้าแบบนั้นมันจะยุ่งยาก ฉันกับอลันพอจะคุยกันได้อยู่ 

ยืนรอประมาณครึ่งชั่วโมงคนขับรถที่บ้านก็เอารถมาเปลี่ยนให้ฉันหนึ่งคัน แล้วก็ขับรถของฉันที่ชนท้ายกับคนของอลันไป ตอนนี้จากที่รถติดอยู่แล้ว พอมีอุบัติเหตุรถยิ่งติดยาวมากๆ รู้สึกผิดอยากจะขอโทษทุกคนเลยที่ทำให้รถติดยาวขนาดนั้น 

“ขึ้นรถสิเดี๋ยวฉันจะไปส่งที่คอนโด” 

อลันมองรถของตัวเองที่ลูกน้องของพ่อฉันกำลังขับไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเปิดประตูเข้ามานั่งในรถข้างๆ กับฉัน 

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status