หลายวันผ่านไป
ฉันไม่ได้ออกไปไหนที่ร้านกาแฟก็ฝากลูกน้องดูแลแทน เพื่อนของฉันแวะมาเยี่ยมบ้างแต่พวกมันก็มาไม่บ่อย บอกว่าอยากให้ฉันอยู่กับตัวเองและตอนนี้ฉันก็โอเคขึ้นบ้างแล้ว คงเป็นเพราะฉันห่างจากความรักมานาน พอมาเปิดใจรับใครแล้วต้องเจอกับความเจ็บปวดก็เลยเสียใจมาก แต่ต่อไปนี้ฉันจะพยายามเข้มแข็ง จะไม่อ่อนแอแบบที่ผ่านมาอีก แล้วก็จะไม่ทำตัวโง่ๆ ขอร้องให้พี่เพิร์ทกลับมาด้วยกริ้ง~เสียงโทรศัพท์ในมือของฉันดังขึ้น เบอร์ที่โทรมาคือเบอร์ของอลิช ฉันจึงรีบกดรับสาย
( ว่าไงแก ) ฉันถาม ( แกโอเคขึ้นหรือยัง พอดีฉันอยากจะให้ไปดูอลันที่คอนโดให้หน่อยน่ะ โทรไปไม่รับสายเลย )( อื้อฉันอยากออกไปข้างนอกอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวจะแวะไปดูให้นะ )
จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากจะรับปาก แต่เพราะเพื่อนขอร้องจึงปฏิเสธไม่ได้ น้ำเสียงของอลิชเหมือนจะกังวลไม่น้อยที่น้องชายตัวเองเงียบไป ( ขอบคุณมากนะแก ยังไงก็บอกให้อลันโทรกลับมาหาฉันด้วยนะ ห้องอลันอยู่ตรงข้ามกับห้องฉันที่คอนโดเก่านั่นแหละ ) ( อื้อๆ ) หลังจากกดรับสายแล้วฉันก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว วันนี้จะเป็นวันแรกที่ได้ออกไปข้างนอกหลังจากที่อุดอู้อยู่แต่ในห้องมาหลายวัน#คอนโด
ฉันขึ้นลิฟต์มายังชั้นที่อลิชเคยพักอยู่แล้วเดินไปหยุดที่หน้าห้องฝั่งตรงข้ามตามที่เธอบอก พอมาหยุดยืนที่หน้าห้องก็ยกมือขึ้นมากดกลิ่ง รอไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก อลันมองฉันด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “เปลี่ยนใจอยากมานอนด้วย ?” ฉันอยากจะฟาดปากเข้าให้สักทีจริงๆ ไอ้เด็กนี่ คิดเรื่องลามกแบบนั้นได้ยังไง ภายนอกเขาดูเป็นคนเงียบขรึม เย็นชา แต่พอพูดออกมามันไม่น่าฟังเอาซะเลย อุตส่าห์ไม่คิดถึงเรื่องที่เจอกันที่คลับแล้วนะ เพราะฉันคิดว่าเขาเมา แต่พอได้ยินแบบนี้คงไม่ใช่เมาแล้ว “อลิชให้ฉันมาดูนาย” “ดูทำไม ?” “แล้วทำไมนายไม่รับสายพี่สาวบ้างล่ะ รู้ไหมว่าอลิชเป็นห่วง ต้องลำบากฉันมาดูอีก” ฉันบ่นออกไปยาวเหยียด เด็กนี่เย็นชาชะมัด ทำเป็นหูทวนลมอีกต่างหาก “นายไม่เป็นอะไรก็แล้วไป งั้นฉันกลับก่อนแล้วกัน” “เดี๋ยว” พอฉันจะเดินไปอลันก็เรียกไว้ เขานิ่งไปครู่หนึ่งเอาแต่มองหน้าฉัน สายตาแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ “ป้าทำอาหารเป็นหรือเปล่า ?” กรี๊ดดดดด ไอ้เด็กบ้าบังอาจเรียกฉันว่าป้างั้นหรอ อายุฉันยังไม่ถึงสามสิบเลยด้วยซ้ำ!! “หูตึงแล้วหรอ ?” พอฉันไม่ตอบเขาก็พูดขึ้นมาอีกแต่ละคำนี่มันฟังไม่รื่นหูเอาซะเลย “ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้น!” “อ่า! ถ้าอย่างนั้นจะเรียกป้าว่าอะไรดี” อลันขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันจึงรีบถอยหนี แต่เขากลับก้าวขาเดินมาใกล้ฉันอีก เขาเดินมาใกล้พร้อมกับพูดไปด้วย “จะให้เรียกว่า คุณ เธอ หรือ….” “ระ เรียกพี่สิ ฉันอายุเยอะกว่านาย” “อืม! ขอเรียกพี่เวลาที่อยากจะเรียกก็แล้วกัน ทำอาหารเป็นหรือเปล่า ?” “อะ อื้อ เป็นสิ” “งั้นก็ทำให้กินหน่อย” เขาบอกแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องโดยที่เปิดประตูไว้ “เฮ้!นี่! ฉันไม่ใช่คนรับใช้นายนะ” ฉันบอกตามหลังแต่อลันทำเป็นหูทวนลม “นั่นห้องครัว อ๋อ! ไม่ชอบกินเผ็ดมากนะ ไม่ต้องทำอะไรที่มันรสจัด” โอเค๊! ให้มันได้แบบนี้สิ น้องชายเพื่อนก็เหมือนน้องชายฉัน ท่องเอาไว้แพร ฉันเดินเข้ามาในห้อง ยังเดินได้ไม่กี่ก้าวเสียงของอลันก็พูดขึ้นมาอีก “ปิดประตูห้องด้วย” ให้มันได้แบบนี้สิ! ถ้านายไม่ใช่น้องชายอลิชฉันไม่มีทางทำตามคำสั่งแบบนี้แน่ ฉันเดินกลับมาปิดประตูกระแทกเสียงแบบประชด ทำให้ถูกสายตาดุดันของอลันจ้องเขม็ง แต่ฉันไม่ใส่ใจรีบเดินไปที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะทำอาหารได้บ้าง แต่ทว่าในตู้เย็นมีแค่ไข่กับหมูที่กำลังจะเน่า สายตาเหลือบไปเห็นมาม่าพอดีก็เลยต้มมาม่าให้ ง่ายดี ฉันจะได้รีบๆ กลับ ในขณะที่กำลังรอน้ำเดือดอยู่ฉันก็นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย บ้าจริงๆ เลย พอทำมาม่าเสร็จฉันก็ยกออกมาวางไว้ตรงหน้าอลันที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ “ฉันไปแล้วนะ” “ใครล่ามโซ่ไว้ ?” จุก!! เป็นคำถามที่ทำเอาคนฟังอย่างฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก็แค่บอกตามมารยาทไม่เห็นจะต้องตอบกลับมาแบบไร้มารยาทอย่างนี้เลย ตัวเองเป็นคนใช้ให้ฉันทำของให้กินแท้ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี “อย่าลืมโทรหาพี่สาวนายก็แล้วกัน” ฉันบอกทิ้งท้ายจากนั้นก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที พอออกมาจากห้องเดินไปได้ไม่ไกลก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนฉัน ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกแต่พอเห็นผู้หญิงคนนั้นหยุดที่หน้าห้องอลันต่อมความขี้สงสัยของฉันก็เริ่มทำงาน ฉันหยุดมองครู่หนึ่งเห็นว่าอลันเปิดประตูให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้อง แต่ก่อนจะปิดประตูเขาได้หันมามองทางฉัน ด้วยความตกใจฉันจึบรีบหมุนตัวแล้วเดินไปที่ลิฟต์ทันที เด็กคนนี้คงจะร้ายไม่เบา…#คอนโดหลังจากไปตรวจงานที่ร้าน Coffee เป็นร้านเล็กๆ ของฉันเอง กลับมาถึงคอนโดก็ช่วงเย็นๆ คงเป็นเพราะว่าอยู่ที่ห้องมานานหลายวันมันถึงทำให้ฉันรู้สึกเบื่อแบบนี้ จะไปหาอลิชก็ไม่ได้ ตอนนี้นางใจอ่อนให้สามีแล้วคงอยากมีเวลาส่วนตัว ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วพิมพ์แชตกลุ่มไปหาเพื่อน ฉัน: วันนี้ไปดื่มกัน พอฉันพิมพ์บอกไปทั้งขวัญและมินนี่ก็พิมพ์ตอบกลับมาเร็วมากๆ ขวัญ: เย้!! ในที่สุดเพื่อนคนเดิมของฉันก็กลับมาสักที รู้ไหมไม่ได้ยินแกชวนไปดื่มตั้งนานโคตรเหงาเลย ฉัน: ขนาดนั้นเชียว ?มินนี่: แล้วแกโอเคขึ้นหรือยังเรื่องผู้ชายคนนั้น ฉัน: อื้อ โอเคขวัญ: ตอบแบบนี้แปลว่าไม่ชัวร์ มินนี่: ไปแล้วทำหน้าหงอยแบบรอบที่แล้วตบนะคะ ฉัน: สามทุ่มครึ่งเจอกันที่หน้าคลับแล้วกัน พวกนางรู้ดีว่าฉันหมายถึงคลับไหน เพราะเราจะมีคลับที่ไปดื่มกันประจำพิมพ์บอกเสร็จฉันก็กดปิดแชตแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ชีวิตตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น มันว่างเปล่าจริงๆ เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมสักทีนะ เวลา 21:30 น. #คลับหรูใจกลางเมือง ทั้งที่ฉันนัดสองคนนั้นเวลานี้แท้ๆ แต่ไม่เห็นจะมีใครโผล่หัวมาเลย พอฉันโทรถาม
“ฉันเล่นเกมกับเพื่อน ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายไปกับฉันก่อน” “ไม่ไป” เขาตอบแบบไม่ทันได้คิดเลยด้วยซ้ำ แถมยังพูดต่ออีกด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ยืนอยู่ทำไมเกะกะ” เป็นการไล่ที่ไม่มีคำหยาบแต่พอมันออกมาจากปากของอลัน ทำเอาฉันสะอึกแทบพูดไม่ออก “ถ้านายไม่ไปฉันจะบอกอลิชว่านายมาดื่ม แล้ววันนี้ก็มีผู้หญิงไปหานายที่ห้องด้วย” ฉันหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองถือไพ่เหนือกว่า “เชิญ” คำตอบสั้นๆ ไม่สนใจในสิ่งที่ฉันยกมาเป็นข้ออ้างทำให้ฉันหมดหนทาง“ใครวะอลัน ?” เพื่อนอลันคงจะสงสัยว่าฉันเป็นใครถึงได้ถามเขา แต่คนถูกถามไม่ยอมตอบเอาแต่นั่งดื่ม ฉันจึงตอบแทน “ฉันเป็นเพื่อนพี่สาวเขาน่ะ” พอฉันบอกแบบนั้นผู้ชายที่โต๊ะก็พยักหน้าเข้าใจ มีแค่อลันที่ยังเงียบ หรือฉันควรจะยอมแพ้แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะคนเดียวดีนะ ไม่สิ! เลี้ยงเหล้าหนึ่งเดือนหมดเงินเยอะเหมือนกันนะ ยิ่งดื่มเก่งกันด้วย ถึงบ้านฉันจะมีฐานะแต่ฉันก็ไม่อยากเสียเงินมากมายแบบนั้นไปกับค่าเหล้า ฉันเปิดกระเป๋าแล้วหยิบเงินออกมาสองพันยื่นให้อลัน “ฉันจ้างนายก็ได้ไปกับฉันแค่สองสามนาทีได้ไปสองพันคุ้มเกินคุ้มอีกนะ” “ไม่ได้เห็นแก่เงิน” อลันตอบโดยไม่สนใจหันมามองเงินที่ฉันยื่นให
Talk อลัน “รถจอดไว้ตรงไหน ?” ผมถามผู้หญิงน่ารำคาญที่อยู่ในอ้อมแขน “ม่ายรู้ลองกดกุญแจดูสิ” เธอพูดในลำคอ รู้ตัวว่าดื่มแล้วจะเมาก็ยังจะดื่ม จริงๆ เธออายุมากกว่าผม แต่ผมมันพวกไม่ค่อยมีมารยาทเลยไม่อยากจะใช้คำนำหน้าว่าพี่สักเท่าไหร่ อีกอย่างตัวเล็กแค่นี้มายืนคู่กับผมใครก็ดูไม่ออกว่าเธออายุมากกว่า ผมซุ่มกดปลดล็อกกุญแจดูว่ารถอยู่ตรงไหน เมื่อมองเห็นไฟที่รถคันหนึ่งกระพริบจึงรีบเดินไปที่รถคันนั้น “นั่งเฉยๆ จะคาดเข็มขัดให้” ผมบอกอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นเพื่อนของพี่สาวคงไม่มีทางยอมขับรถไปส่งแบบนี้แน่ๆ “อื้อ~” เสียงเล็กครางออกมาในลำคอเบาๆ แล้วถามอย่างเหม่อลอย “ทามมายผู้ชายถึงคิดแต่จะทำเรื่องนั้น” “เรื่องไหน” ผมถามก่อนจะสตาร์ทรถ “…เรื่องบนเตียง” “จะคิดมากทำไมใครๆ เขาก็เอากันทั้งนั้น” “มัน อึก เป็นเรื่องปกติหรอ ?” เธอหันหน้ามาถามเหมือนไม่รู้ว่าเรื่องบนเตียงใครเขาก็ทำกัน ความซื่อบื้อแบบนี้มันขัดกับอายุจริงๆ แกล้งทำตัวใสซื้อหรือเปล่าวะ“ไม่เคยเอากับใครเลยว่างั้น ?” “ฉันม่ายด้ายมั่วสักหน่อย”“อืม” ผมตอบปัดรำคาญ ไม่ชอบผู้หญิงที่พูดมากเท่าไหร่ ยิ่งผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ทำให
Talk แพร แสงแดดยามเช้าสาดส่องมากระทบกับในหน้า ทำให้ฉันที่กำลังนอนหลับอยู่ค่อยๆ รู้สึกตัวปรือตาขึ้น สัมผัสแรกที่ได้รับหลังจากที่ตื่นนอนคืออาการหนักอึ้งไปทั้งหัว พยายามจะคิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน หลังจากออกมาจากห้องน้ำแล้วจำได้ว่าเจออลัน เจอพี่เพิร์ท แต่ฉันกลับไปที่โต๊ะยังไง กลับมาที่ห้องได้ยังไงแต่ก็คิดไม่ออก “อ่า! ทำไมเตียงมันแข็งแบบนี้นะ” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นมาขยี้ตา พลางมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องตกใจ“นะ นี่ฉันอยู่ที่ไหน” ฉันอุทานออกมาหัวใจดวงน้อยเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะในตอนนี้ฉันอยู่ในห้องของใครก็ไม่รู้ ตัวฉันนอนอยู่ที่พื้นพรมข้างๆ กับโซฟา บนโต๊ะกระจกที่วางของเล็กๆ มีชามโจ๊กวางอยู่ด้วย พยายามคิดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำไมภาพมันถึงตัดไปแบบนั้น หลังจากที่ถูกอลันดึงตัวออกมาจากพี่เพิร์ทฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แต่จะว่าไปพอมองไปรอบๆ อีกครั้งก็รู้สึกคุ้นๆ กับห้องนี้ พร้อมกับคิดขึ้นมาได้“หะ ห้องอลัน” ฉันอุทานออกมาอีกครั้งแล้วยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองอย่างตกใจสุดขีด แกร็ก! เสียงประตูห้องเปิดออก ร่างของอลันที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่เ
#คอนโด ฉันกลับมาคอนโดด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ตั้งแต่ตื่นยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเช็ค มาถึงห้องฉันจึงเปิดโทรศัพท์ดูข้อความและก็ได้เห็นว่าเพื่อนของฉันแชตมารัวๆ แชตกลุ่ม ขวัญ: ยัยแพรแกหายไปไหน ขวัญ: ทำไมฉันโทรหาแกถึงไม่รับสาย มีใครทำอะไรแกหรือเปล่ามินนี่: รถแกก็ไม่อยู่จะออกไปไหนทำไมไม่บอกพวกฉัน รู้ไหมว่าเพื่อนเป็นห่วง มินนี่: แกนี่มันจริงๆ เลยนะ ถ้าครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่ติดต่อกลับมาฉันกับยัยขวัญจะไปแจ้งความคนหายจริงๆ ด้วย ฉันอ่านข้อความที่เพื่อนส่งมายาวเหยียด ก่อนจะตอบกลับฉัน: เมื่อคืนเมามากฉันกลับมาที่ห้อง ขอโทษที่ไม่ได้บอกแกสองคนนะ ฉันตอบไปไม่ถึงห้าวินาทีขวัญกับมินนี่ก็อ่านข้อความพร้อมกัน มินนี่: เมื่อคืนฉันไปหาแกที่ห้องแต่แกไม่อยู่หนิ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดขวัญ: แล้วแกเมาได้ยังไง ฉัน: พวกแกขี้สงสัยกันจังเลยนะ ฉันไม่ได้หนีไปอยู่กับผู้ชายที่ไหนหรอก บอกว่ากลับห้องก็คือกลับ ตอนไปเข้าห้องน้ำมีคนยื่นเหล้าเพียวให้กิน ฉันรำคาญก็เลยกินไปหมดแก้ว มึนหัวเลยกลับมาคอนโด มินนี่: แต่แกก็ใจร้ายอยู่ดีนั่นแหละทิ้งฉันกับยัยขวัญให้เป็นห่วง ฉัน: ขอโทษค่า! จะให้ทำอะไรไถ่โ
#คอนโดอลัน อลันเงียบมาตลอดทางมันยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้สึกผิดมากกว่าเดิม อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นฉันก็พยายามจะรับผิดชอบเต็มที่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่แค่รถของเขาที่เสียหาย รถฉันก็เหมือนกัน“พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอารถมาให้นายนะ….”“ไม่ต้อง” อลันตอบกลับเสียงเย็นก่อนจะหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก “ไม่ได้อยากได้รถใหม่” “แต่รถนายเอาไปซ่อมคงใช้เวลาเป็นเดือนๆ เลยนะ” “อืม” “เดี๋ยวฉันโทรปรึกษากับอลิชก่อนดีกว่า” ฉันก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้กดโทรออกโทรศัพท์ในมือก็ถูกอลันแย่งไป “จะโทรบอกพี่อลิชเพื่อ ?”“ก็….” “ยุ่ง!!” ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรอลันก็พูดสวนขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เวลาฉันอยู่กับเด็กคนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกเขากดขี่ตลอดเวลา ฉันไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองอายุเยอะกว่าผู้ชายคนนี้เลย“โอเคฉันจะไม่บอกอลิช ถ้านายไม่อยากให้ฉันเอารถมาทิ้งไว้ให้ในระหว่างที่รถของนายซ่อมอยู่ก็ได้ ฉันจะรับผิดชอบค่าซ่อมรถทั้งหมดให้ แค่นี้ใช่ไหมที่นายต้องการ ถ้าอย่างนั้นฉันขอโทรศัพท์คืนด้วย” ฉันแบมือขอโทรศัพท์ตัวเองคืนจากอลัน แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่ยอมค
เช้าวันต่อมาครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์บนหัวเสียงที่กำลังสั่นเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกให้ฉันตื่นขึ้น “อื้อ ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย” ฉันที่ยังหลับตาอยู่ควานมือคลำหาโทรศัพท์พร้อมกับบ่นไปด้วย เมื่อคลำเจอโทรศัพท์แล้วก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงพูดออกไปอย่างงัวเงีย( ฮัลโหล อีกสองชั่วโมงค่อยโทรมาได้ไหม ฉัน…)( มารับ จะไปเรียน ) เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอกสั้นๆ ทำให้ฉันที่หลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นมองเบอร์ที่โทรเข้ามา ‘อลัน’ อยากจะกรี๊ดดังๆ ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์เขาฉันคงไม่รับสายแน่ๆ แล้วนี่มันเพิ่งจะหนึ่งโมงเช้า ทำไมเขาถึงไปเรียนเช้าขนาดนี้กัน ( นายเรียกแท็กซี่ไปได้ไหมเดี๋ยวฉันจ่ายค่ารถให้ ) ( ไม่ได้ ) อลันตอบกลันมาเสียงแข็ง ( ถ้าอย่างนั้นก็ให้เพื่อนนายไปรับก่อน ฉันตื่นไม่ไหวหรอกนะเมื่อคืนกว่าจะได้นอน )( โทรไปให้มารับไม่ได้ถามว่าตื่นไหวหรือเปล่า ) อลันตอบกลับมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำให้ฉันที่นอนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด ( เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ) ฉันตอบกลับไปอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปลงฟันไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดที่ใส่เที่ยวเมื่อคืนนั่นแหละ #คอนโดอลันพอขับร
#คอนโดของฉันเบอร์ของพี่เพิร์ทยังคงโทรมาอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฉันเองก็อยากจะเมินเฉยอย่างที่เขาเคยทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่ได้ใจแข็งขนาดนั้น ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมกดรับสาย( ว่าไงคะ ) ฉันพยายามถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจ( พี่คิดว่าจะไม่รับสายกันแล้วซะอีก ) ( มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะค่ะ ) ( คืนนี้มาดื่มด้วยกันไหม ) ( ต้องการแค่ให้แพรไปดื่มเป็นเพื่อนแค่นั้นหรอคะ ) ( พี่อยากจบด้วยดีนะ ไม่อยากให้แพรเกลียดพี่ ) เหมือนพี่เพิร์ทจะไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เหตุผลที่เขาใช้บอกเลิกฉันมันโคตรจะเห็นแก่ตัว ฉันอยากจะตัดเขาออกไปจากชีวิต ไม่อยากคิดถึง ไม่อยากรู้สึก ฉันควรจะทำยังไงดีให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้ ( แพรไม่ว่างค่ะ ) ฉันใจแข็งปฏิเสธออกไปและกำลังจะกดวางสาย แต่เสียงของพี่เพิร์ทพูดขัดขึ้นมาซะก่อน ( ขอเวลาแค่แป๊บเดียวเองนะครับ )( แพรเลิกยุ่งกับพี่เพิร์ทแล้วนะคะ แพรปล่อยพี่เพิร์ทไปแล้วทำไมพี่ยังไม่ปล่อยแพร ตอนแรกพี่เพิร์ทเมินแพรขนาดไหนรู้ตัวบ้างไหมคะ แล้วตอนนี้จะอยากเจอกันอีกทำไม…..อึก~) ฉันก้มหน้าร้องไห้สะอื้นออกมา อุตส่าห์เข้มแข็งมาได้ตั้งนาน สุดท้ายฉันก็กลับไป