Share

เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ
เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ
ผู้แต่ง: thisishowienjoy

บทที่ 1 อยากเป็นหมา

อยากเป็นหมา

เคยเห็นคลิปหมาแมวในโซเชียลมีเดียไหมครับ ช่วงนี้ผมชอบดูคลิปสัตว์โลกคลายเครียดมาก ทั้งสัตว์ป่าสัตว์บ้าน อย่างของอินฟลูสายสัตว์เลี้ยงที่พาไปโชว์ตัวบ่อยๆก็ดูน่าจะเหนื่อยหน่อย แต่มันมีอีกแบบที่ทำคอนเทนต์สปาหมา ASMR เอาหมามานอนหน้ากล้องแล้วก็ขัดผิวสางขนทาครีมบำรุงโชว์ ไอ้แบบนั้นเนี่ย เห็นกี่ทีผมก็โคตรอิจฉาเลย แล้วคุณดูนั่นสิ คลิปเตรียมอาหาร บนจานหลุมแบนๆนั่นเต็มไปด้วยโปรตีน ผัก และธัญพืช แล้วยังมีแซลมอนชิ้นเบ้อเริ่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามอีก อาหารหมาจานนี้จานเดียวมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าข้าวที่ผมกินมาทั้งสัปดาห์อีกมั้ง

ผมเป็นคนแท้ๆ วันวันหนึ่งผมได้กินแค่ข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้นแหละ จริงๆวัยใกล้สามสิบอย่างผมน่ะควรดูแลสุขภาพออกกำลังกายได้แล้ว เพื่อนวัยเดียวกันจูงมือกันเข้าคลาสพิลาทีส ปีนผา เข้ายิมกันหมด แต่อย่างผมนี่แค่หาเวลานอนได้ก็เก่งที่สุดแล้ว

ไม่ได้พูดเกินจริงนะครับ กับเงินเดือนขี้ปะติ๋วแค่นี้ผมทำงานหนักเป็นวัวเป็นควายเลยแหละ

ผมสมัครงานเข้ามาเป็นกราฟฟิคดีไซเนอร์ของบริษัทแฟชั่นขายปลีกเล็กๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ในแผนกผมมีผมแค่คนเดียว ไม่มีหัวหน้า ไม่มีลูกน้อง ความเป็นจริงที่เจอทำให้ผมต้องรับจบอยู่คนเดียวตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ยิ่งช่วงนี้การทำคอนเทนท์ด้วยรูปภาพไม่เพียงพอเพราะความนิยมในโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนไป ผมก็เลยต้องหัดตัดต่อคลิปสั้นและดูแลปัญหาจุกจิกเวลาไลฟ์สดขายของเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อก่อนหลังสองทุ่มเป็นเวลาที่แน่นอนแล้วว่าผมจะได้ไปนั่งผ่อนคลายที่ร้านคราฟท์เบียร์เจ้าประจำของผม แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ใกล้สามทุ่มแล้วผมยังนั่งหัวฟูอยู่กับน้องพนักงานไลฟ์สดอยู่เลย เสียงคุณเธอกดกระดิ่งกริ๊งๆทำเอาผมปวดประสาทแทบตาย

อยากลาออก

อยากเป็นหมาคนรวย นอกจากนั่งนอนทำตัวน่ารักไปวันๆก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว

ระหว่างที่ผมไถฟีดไอจีดูคลิปหมาแมวไปเรื่อย น้องแอดมินข้างๆก็สะกิดผม “พี่หมิงๆ ขึ้นราคากับรหัสสินค้าล็อตนี้ใหม่ที ลูกค้าตามไม่ทัน”

ผมมองไปยังน้องนักขายหน้ากล้อง เธอหยิบชุดเดรสแขนสั้นสี่สีขึ้นราว ดวงตาของเธอส่งซิกให้ผมอย่างหนัก ผมถอนหายใจแล้วทำตามคำสั่ง

ไอ้ห่า น่าเบื่อชิบหาย

ผมหมุนคอเป็นวงกลม รอเวลาเลิกงานแล้วจะได้รีบบึ่งไปร้านคราฟท์เบียร์เสียที

.

ความสุขของผมอยู่ที่นี่

“ฮ้าาา มีแต่เบียร์ร้านพี่เตนี่แหละที่ทำให้สดชื่นได้” 

ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นสูงหลังจากดื่มไปจนหมดแก้ว ผู้ชายหุ่นหมีเคราครึ้มหลังเคาน์เตอร์บาร์ยิ้มหัวเราะให้แล้วหันไปกดเบียร์จากแท็ปที่เรียงรายด้านหลัง ชายหนุ่มยื่นแก้วใบน้อยที่มีน้ำสีอำพันบรรจุอยู่เล็กน้อยให้ผม

“นี่ตัวใหม่พี่เพิ่งได้มา ตัวนี้เป็นซาวเออร์แบบที่หมิงชอบ ลองชิมดูสิ” พี่เตแนะนำ 

ผมรับแก้วใบน้อยมาชิม รสชาติเปรี้ยวซ่าและกลิ่นหอมอวลอยู่ในปาก สายตามองเบอร์แท็ปหมายเลขแปดแล้วหันไปมองข้อมูลและราคาเบียร์บนกระดานดำเหนือบาร์ เห็นเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ของเจ้าแก้วนี้แล้วก็ต้องร้องเหวอ “เจ็ดเลยเหรอพี่! ทำออกมายังไงให้แทบไม่ติดขมเลยเนี่ย” 

“เด็ดเนาะ” พี่เตพยักหน้า รับแก้วชิมคืนไปจากผม

“ของโคตรดี งั้นผมขอเบอร์แปดแก้วนึงครับ” ผมชูนิ้วชี้ ตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้วแต่ก็ยังไม่ดึกเกินไปสำหรับผมหรอก

“จัดไปน้อง”

พอรับแก้วก้านทรงสูงที่บรรจุน้ำสีอำพันประดับด้วยฟองขาวด้านบนมาได้ ผมก็ดมกลิ่นหอมๆของฮ็อปส์และซิตรัสพอเป็นพิธีแล้วจึงละเลียดชิมอย่างสุขใจ ร้าน at 91 Craft House เป็นร้านคราฟท์เบียร์เจ้าประจำที่ผมจะต้องแวะมาสัปดาห์ละสองสามครั้ง ตัวร้านตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเก่าแก่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า พี่เตเจ้าของร้านที่ชื่นชอบและหลงใหลในคราฟท์เบียร์มากๆได้รับมรดกเป็นบ้านเก่าจากคุณยายมา เจ้าตัวจึงรีโนเวทบ้านหลังนี้ให้เป็นทั้งที่พักและร้านคราฟท์เบียร์เล็กๆในตัว ส่วนผมเช่าอพาร์ตเมนท์ที่อยู่ถัดไปอีกสองสถานี เพราะร้านอยู่ใกล้และบรรยากาศก็ดี ร้านนี้จึงเป็นร้านประจำของผมหลังจากมาเพียงไม่กี่ครั้ง

“ช่วงนี้มาดึกนะหมิง เมื่อก่อนสองทุ่มก็ต้องมาประจำเคาน์เตอร์แล้ว” ผู้ชายใส่แว่นข้างๆผมถาม คนนี้คือพี่เจฟ หนึ่งในแก๊งขาประจำร้านเก้าหนึ่ง

“โดนยัดงานเละเลยพี่ อย่าเรียกผมว่ากราฟฟิคเลย ผมเป็นมากกว่านั้นเยอะ” ผมบ่น นึกถึงงานทีไรก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นทุกที

“อย่างนี้ต้องลาออกไอ้หมิง” พี่สาวที่นั่งอีกข้างของผมเชียร์ สาวสวยปากแดงคนนี้ชื่อพี่มะลิ หญิงสาวซดเบียร์ดำลงคออย่างป่าเถื่อน

“หางานใหม่ไหมละ งานดีๆมีอีกเยอะ แค่ต้องหาหน่อย” เสียงทุ้มแนะนำด้วยรอยยิ้ม พี่ชายผิวแทนคนที่นั่งข้างๆพี่เจฟอีกทีคนนี้เป็นพี่ใหญ่ของแก๊งเรา ชื่อพี่วศิน ปกติพี่เขาไม่ค่อยว่างมาสักเท่าไร โชคดีที่วันนี้เจอเขาอยู่ที่ร้านด้วย

“มาทำกับพี่ก็ได้นะ งานรายได้ดี มีอิสระ กำหนดได้ตามใจ” พี่มะลิหันมาขายของทีเล่นทีจริง ที่เธอเชียร์ให้ผมลาออกอย่างแข็งขันขนาดนี้ก็เพราะพี่มะลิลาออกจากงานประจำไปเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้วรุ่งสุดๆน่ะสิ

“รีครูทน้องอีกแล้ว มีช่องไม่ได้เลย” พี่เตแซว

“โอกาสดีๆพี่พร้อมเสนอเสมอค่ะ” พี่มะลิหัวเราะ จริงๆพี่สาวคนนี้รู้ดีว่ามันไม่ใช่แนวผม แต่ก็อดหยอดไม่ได้

“ไว้พี่ลองดูออฟเฟอร์ที่เหมาะกับเราให้เอาไหม” พี่วศินเสนอต่อ พี่ชายใหญ่คนนี้เป็นหัวหน้าทีมเทคในบริษัทสตาร์ทอัพชื่อดังจึงพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ผมซาบซึ้งกับความหวังดีของเขาจริงๆ

“ขอบคุณครับ แต่บอกตรงๆนะ ผมอยากลาออกมานอนเฉยๆมากกว่าหางานใหม่” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน อยากจะรับความหวังดีของพี่วศินเอาไว้แต่ก็ขอวางไว้ตรงนั้นแหละ เป็นไปได้ผมก็อยากจะอยู่ว่างๆไปเลยสักครึ่งปีแล้วค่อยหางานใหม่ แต่ผมต้องเก็บเงินไว้ใช้สำหรับช่วงพักตรงนั้นก่อนก็เลยไม่ได้ลาออกตามที่ฝันสักที

“คนบ่นอยากลาออกมันไม่ค่อยจะได้ออกกันหรอก” พี่เจฟหันไปคุยกับพี่เต พี่เตที่กดเบียร์ใส่แก้วสำหรับลูกค้าโต๊ะอื่นพยักหน้าหงึกหงัก

“เห็นมาเยอะแล้วไอ้แบบนี้ อยู่ยาวยันห้าสิบนู่น”พี่เตเสริม

“พวกพี่แช่งผมอ้ะ” ผมอยากจะร้องไห้

แต่ที่พวกพี่เขาแซวก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงสักเท่าไร ผมอยากลาออกแต่ก็เก็บเงินไม่ได้สักที พอเงินเดือนเข้าผมก็เอามาละลายกับค่ากินค่าอยู่ค่าบัตรเครดิต โดยเฉพาะค่าคราฟท์เบียร์ร้านพี่เตนี่แหละตัวปัญหา ให้เทียบกับเบียร์นายทุนแล้วคราฟท์เบียร์แพงกว่าหลายเท่ามาก แต่รสชาติความอร่อยของมันก็เยี่ยมยอดกว่าเป็นไหนๆ ปัญหาหลักที่แท้จริงจึงเป็นความเครียดจากงานที่ทำให้ผมลดละเลิกความบันเทิงไม่ได้สักที จะให้เก็บตัวเก็บเงินผมก็อยากทำ ติดอยู่ที่ชีวิตมันเศร้าเกินจนสุดท้ายผมก็เอาเงินออกมาละลายกับร้านเหล้าเสียเกือบหมดทุกเดือน

จริงๆถ้าได้งานใหม่ที่ผ่อนคลายกว่าและเงินดีกว่าอย่างที่พี่วศินว่ามันก็ดีและสมเหตุสมผลกว่ามาก แต่ผมกลัวงานใหม่ที่หาเจอจะแย่กว่าเดิมน่ะสิ มันมีงานดีๆสำหรับกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ดาดๆอย่างผมอยู่จริงหรือ ผมไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

ผมคิดเรื่องนี้วนไปวนมาจนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากอยากเป็นหมา

“อยากเป็นหมาอ้ะ” ผมรำพึงทั้งหน้าเศร้า

“มันเอาอีกแล้ว” พี่เจฟหัวเราะเสียงสูง

“ไอ้หนุ่มนี่ดูภูมิฐานหน้าตาก็ดีแท้ๆ” พี่มะลิตบบ่า มองผมหัวจรดเท้าเหมือนมองอะไรสักอย่างที่เสียของ “ดันมีความฝันสูงสุดอยากเป็นหมาซะงั้น”

“ไม่ใช่หมาธรรมดาสักหน่อย ต้องเป็นหมาคนรวยด้วย” ผมแย้ง ซึ่งไม่ได้ช่วยให้ตัวเองดูดีขึ้นสักเท่าไร

“กูขอให้มึงสมหวังนะไอ้น้องน้อย” พี่เจฟตบบ่าแล้วจับผมโยกไปมาเหมือนปลอบเด็กเล็กทั้งที่ผมตัวสูงตั้งร้อยแปดสิบ ส่วนพี่วศินที่นั่งถัดไปแค่เท้าคางแล้วยิ้มขำเท่านั้น

ทุกคืนวันที่แสนสาหัสของผมผ่านไปได้ก็เพราะร้านนี้และคนกลุ่มนี้ ความสัมพันธ์กลางคืนที่แสนสบายใจ เป็นเหมือนเซฟโซนของผมในเมืองหลวงที่แสนวุ่นวาย

ผมเป็นคนผิวขาวตามประสาลูกหลานคนจีน หลายคนที่เพิ่งรู้จักผมครั้งแรกก็มักจะทักว่าผมเป็นคนเหนือหรือเปล่า ผมก็เป็นคนเหนือจริงๆนั่นแหละ เหนือกรุงเทพเยื้องไปทางซ้ายน่ะ ใช่แล้ว หมิงเป็นชาวนนทบุเรี่ยนโดยกำเนิดครับ

ในวันที่ผมเพิ่งจะอายุครบยี่สิบเก้า พ่อกับแม่ผมก็เป็นข้าราชการเกษียณวัยเจ็ดสิบแล้ว ผมเป็นลูกหลงจากพี่น้องสามคน แม่คลอดผมตอนอายุสี่สิบกว่า โชคดีที่ผมเกิดมาแข็งแรงดี แกก็เลยไม่มีอะไรให้เครียดมากจนเป็นคนแก่ที่ยังแข็งแรงในทุกวันนี้นั่นแหละ พ่อกับแม่อยู่ที่บ้านเดิมที่นนทบุรี ทำสวนเล็กๆก๊อกๆแก๊กๆไปตามประสา ว่างๆก็ตีตั๋วไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน มีชีวิตที่แสนสุขดี ส่วนพี่ชายคนโตและพี่สาวของผม ทั้งคู่ลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวกันหมดแล้ว พี่ชายวัยสี่สิบสองของผมเป็นเขยร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ที่บางใหญ่ ส่วนพี่สาววัยสามสิบเก้าเป็นฝ่ายกฎหมายของโรงงานไฟฟ้าอยู่ที่ระยอง ทั้งสองมีงานมั่นคงและประสบความสำเร็จในชีวิตดี พ่อแม่ผมเบาใจ ผมก็เบาใจ ใช้ชีวิตลอยชายมีความสุขไปวันๆโดยไม่ต้องกดดันจากความคาดหวังของใคร และเพราะผมลอยชายให้แม่เลี้ยงบ้างให้พี่เลี้ยงบ้างมาจนอายุยี่สิบห้า พอถึงปีที่ยี่สิบหก พวกท่านเลยบอกว่าพอกันที ตั้งใจทำงานเก็บเงินเลี้ยงตัวเองให้ดีสักทีเถอะ ต่อไปนี้จะกลับไปขอเงินที่บ้านไม่ได้แล้ว

มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ

ผมเข้าใจพวกท่านนะ

แต่ไม่ค่อยเข้าใจโชคชะตาของตัวสักเท่าไร เมื่อหนึ่งเดือนต่อมาผมตกงาน

ก่อนหน้านี้ผมทำงานในเครือโรงแรมใหญ่ เพราะสวัสดิการแสนดีผมก็เลยใช้เงินเก่งและเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น ผมน่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ไลฟ์สไตล์อู้ฟู่ที่สุดในรุ่นตอนช่วงอายุยี่สิบห้าแล้ว ใช้ชีวิตเหมือนฝันแบบนั้นได้สองสามปี โรงแรมก็จำต้องเชิญผมออกเพราะวิกฤตโควิดในช่วงปี 2020 ตอนนั้นตัวผมตุปัดตุเป๋ หางานใหม่อย่างบ้าคลั่งเพราะเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่คือเงินค่าชดเชยจ้างออกจากทางโรงแรม ได้ลองทำงานสายกราฟฟิคเป็นลูกน้องให้รุ่นพี่มหาวิทยาลัยอยู่ครึ่งปีแกก็จ้างต่อไม่ไหว หลังจากนั้นจึงลองมาสมัครงานกับที่ทำงานปัจจุบัน เป็นโอกาสเดียวที่ผมได้รับในตอนนั้น ผมไม่รู้เลยว่ามันจะกลายเป็นนรกในอีกสองสามปีต่อมาที่พอคิดจะหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว

หลายปีมานี้ถึงจะขลุกขลักอยู่บ้างแต่ผมก็ไม่ได้กลับไปขอเงินที่บ้านอีกเพราะผมไม่ถึงกับขาดเงินเสียทีเดียว ยังไงผมก็รับปากพวกท่านไว้แล้ว ผมเลยใช้ชีวิตเดือนชนเดือนเรื่อยมานับแต่นั้น เก็บเงินได้บ้างนิดหน่อย แต่พออยากเอาไปใช้กับอะไรผมก็ใช้ เรียกได้ว่าเงินเก็บน้อยนิดของผมเมื่อสามปีที่แล้วมีเท่าไร วันนี้มันก็มีเท่าเดิมนั่นแหละ

เฮ้อ ไม่ใช่เรื่องที่จะอวดกับใครได้หรอก

ก็ผมมันลูกคนเล็กที่ถูกโอ๋มาตลอดนี่นา

ผมจะพยายามกระเสือกกระสนกับงานนี้ต่อไปอีกหน่อย ผมเชื่อว่าในอนาคตมันยังมีเรื่องดีๆรออยู่ เช่นใครสักคนที่พร้อมจะเลี้ยงผม(ฮา) แต่อย่างน้อยถ้าสุดทางแล้วผมไม่เหลืออะไรจริงๆ ผมก็ยังมีบ้านให้กลับอยู่ดี อย่างผมถือว่าเกิดมาโชคดีแล้ว

เสียงโทรศัพท์และเสียงพูดคุยดังระงมไปทั้งออฟฟิศ บอสใหญ่ที่เป็นคนจีนพูดอะไรสักอย่างกับผู้จัดการฉอดๆ ไม่นานผู้จัดการก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“แคมเปญเดือนหน้า บอสจะเลื่อนคอลเล็คชั่นบลอสซั่มที่เตรียมไว้แล้วออกไปก่อน ช่วงนี้กระแสวินเทจมาแรง บอสจะดันยอดขายด้วยคอลเล็คชั่นวินเทจอันใหม่ ชุดกับนางแบบพร้อมแล้ว บ่ายนี้หมิงไปสแตนบายที่กองกับช่างภาพนะ”

ผมอ้าปากค้าง

“พี่ตาลบอกผมหน่อย ว่าผมไม่ต้องทำใหม่ทั้งหมด” ผมพยายามหลอกตัวเอง

พี่ตาลไม่ยิ้มสักนิดตอนที่บอกผม “คอลเล็คชั่นวินเทจสี่สิบสี่ชุด มีแยกชิ้น กับเดรสอีกห้า พี่ขอภาพนิ่งชิ้นละสามมุมมอง ไซส์ชาร์ตประกอบเหมือนเดิมนะเดี๋ยวน้องแอดมินฟอร์เวิร์ดชีทดีเทลของแต่ละชุดไปให้ แล้วก็ขอแบนเนอร์ประจำคอลเล็คชั่นมาให้พี่สักสองอัน เดี๋ยวพี่ส่งบรีฟไปทางไลน์ ภาพนางแบบทั้งหมดพี่ขอภายในวีคนี้ มีฟอลโล่วอัพทุกวัน ส่วนแบนเนอร์เป็นไปได้พี่ขอดราฟท์ภายในวันนี้ ดึกหน่อยก็ได้ เรามีเวลาน้อย ช่วยกันหน่อยนะ”

ผู้จัดการหน้าตายคนนั้นพูดเสร็จแล้วก็เดินไปสั่งงานคนอื่นต่อ ผมมองผนังออฟฟิศด้วยความสิ้นหวัง ด้านนอกผนังกระจกเป็นมุมมองกรุงเทพมหานครจากบนตึกสูงชั้นยี่สิบห้า ผมเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าถ้าวิ่งชนกระจกออกไปเลยผมจะมีปีกบินแล้วได้เป็นอิสระสักทีหรือเปล่านะ แต่กราฟฟิคแรงน้อยอย่างผมไม่มีแรงที่ไหนจะไปชนกระจกนิรภัยให้แตกหรอก ผมทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทำงานตามสั่งต่อไปเท่านั้นแหละ ว่าแล้วผมก็เปิดโปรแกรมขึ้นมาร่างแบนเนอร์ไปผรุสวาทไอ้บอสหน้าข้อศอกหมาในใจไปพลาง ตอนนั้นแจ้งเตือนจากพี่ตาลก็กระพริบขึ้นบนหน้าจอมือถือ

“ขอเป็นวิดีโอสั้นๆชุดละหนึ่งด้วยนะหมิง”

ผมไม่ได้ไปที่ร้านเก้าหนึ่งมาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ อาหารหลักของผมเป็นข้าวเวฟกับเครื่องดื่มชูกำลัง ส่วนการนอนไม่จำเป็นอีกต่อไป มีข้อความจากพี่ๆชาวแก๊งส่งความคิดถึงมาให้ใจชื้นบ้าง แต่ผมขยับตัวไปไหนนอกจากหน้าคอมตัวเองไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าผมระลึกได้ว่าตัวเองเป็นพนักงานกินเงินเดือนแล้ว ผมคงขนเครื่องนอนมานอนที่ออฟฟิศให้แล้วรู้แล้วรู้รอดเหมือนสมัยมหาวิทยาลัยไปแล้ว

กลับถึงอพาร์ตเมนท์ ผมลากสังขารยมๆเข้าห้องน้ำ รีบอาบส่งๆแล้วก็โยนตัวเองลงบนเตียง งานที่ได้รับมอบหมายเข้าขั้นเป็นไปไม่ได้แต่ผมก็ทำให้มันเป็นไปได้เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่พี่ตาลบอกให้แก้ผมก็แก้แล้ว เหลือแค่รออนุมัติพรุ่งนี้ ผมก็จะจบไปอีกงาน ก่อนสลบไสล ผมอวยพรขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี

แต่พรของผมไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนประทานให้ เช้าวันต่อมาที่ออฟฟิศบอสใหญ่ชาวจีนคนนั้นปากระดาษทั้งกองใส่หัวผมตอนที่ถูกเรียกเข้าไป

ดวงตาผมว่างเปล่า สมองมึนเบลอไปหมด

แกด่าผมยาวเป็นชุดด้วยภาษาจีน ผมฟังไม่ออกแต่จับน้ำเสียงได้ น้องล่ามข้างๆไม่กล้าแปล ได้แต่ยืนหลบตาผมอยู่ตรงนั้น

แผ่นกระดาษที่ถูกปาใส่ร่วงลงพื้น ทั้งหมดเป็นพริ้นท์เอาต์งานที่ผมอดตาหลับขับตานอนทำมาทั้งสัปดาห์ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันผิดพลาดตรงไหนเพราะฟังไม่ออก ล่ามที่ตะกุกตะกักไม่แปลความครบๆอย่างใจบอสเลยโดนตวาดไปด้วยอีกคน หญิงสาวสีหน้าไม่ดีเอาซะเลย

“บอสบอกว่า… สไตล์ที่พี่หมิงเลือกใช้มันไม่ช่วยส่งเสริมสินค้าคอลเล็คชั่นนี้ของเราค่ะ ที่บอสอยากได้คือแบบนี้” ว่าแล้วเธอก็ยื่นกระดาษปึกบางๆให้ผม ในนั้นเป็นเรฟเฟอเรนซ์สไตล์แฟรี่ที่ใครบางคนแค่จับภาพหน้าจอช่องเสิร์ชของพินเทอเรสแล้วปริ๊นท์ออกมา

ผมก้มหยิบกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาแผ่นหนึ่งวางบนโต๊ะผู้บริหาร บนกระดาษแผ่นนั้นมีลายเซ็นที่คุ้นเคยกำกับไว้อยู่ “แต่ดราฟท์สไตล์ที่ผมทำพวกนี้ บอสอนุมัติให้ผมทำแล้วนะครับ”

ผมยื่นกระดาษแผ่นนั้นไปตรงหน้าบอส เขามองมันอย่างไม่ยี่หระ

ปกติผมไม่ทำแบบนี้หรอก ผมไม่โต้กลับ ไม่ขัดแย้ง ก้มหน้าก้มตาทำตามสั่งไปเพราะมันง่ายกว่า แต่ดูเหมือนครั้งนี้ผมจะมาถึงลิมิตของตัวเอง

เขาดีดกระดาษแผ่นนั้นกลับมาทางผม พูดภาษาจีนสองสามประโยค น้องล่ามแปลโดยไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ

“บริษัทเราทำแต่สิ่งที่ดีที่สุด และการตัดสินใจของบอสวันนี้ย่อมดีกว่าวันก่อน เรายังเหลือเวลาก่อนแคมเปญประจำเดือนอีกนิดหน่อย บอสต้องการให้พี่ไปทำมาค่ะ แกต้องการตัวอย่างสักสองสามชุดก่อนภายในสี่โมงวันนี้ แล้วแกจะพิจารณาอีกทีค่ะ”

“ครับ”

ผมรับกระดาษปึกนั้นมาแล้วเดินกลับโต๊ะตัวเองโดยไม่ต่อรองอะไรอีก

ผมฝากสั่งกาแฟกับน้องแอดมินที่อาสาลงไปซื้อให้ทุกคน แล้วก็นั่งออกแบบชิ้นงานใหม่อีกครั้งตามบรีฟและเรฟที่บอสให้มา พี่ตาลมองผมด้วยความลำบากใจนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร 

จู่ๆก็เหมือนสมองปลอดโปร่ง ทุกสิ่งที่เคยขมุกขมัวจางหายไปจากความคิดของผม ไอเดียต่างๆพรั่งพรู ผมขยับตกแต่งมันลงบนเฟรม ตั้งใจทำงานใหม่อย่างสุดความสามารถ เพื่อนร่วมงานมองมาทางผมด้วยความแปลกใจ มันก็ดูประหลาดอยู่แหละที่คนที่เพิ่งโดนซีอีโอด่ากลับมานั่งตั้งใจทำงานไม่ทุกข์ร้อน

วันนี้ทั้งวันผมอารมณ์ดี เป็นมิตรกับทุกคน พอถึงเวลาส่งงานผมก็ปริ๊นท์ไปนำเสนอเพราะซีอีโอไม่ชอบเช็คงานจากในคอม (ทั้งๆที่สุดท้ายเราต้องอัปโหลดภาพทั้งหมดลงไปขายในแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์)

นายใหญ่ชาวจีนตรวจตัวอย่างที่ผมให้ไป แกขมวดคิ้วโคลงศีรษะไปมา เคาะปากกากับโต๊ะดังก๊อกๆไม่หยุด ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาของเราที่ผ่านการแปลภาษาแล้ว

“อย่างที่คิดเอาไว้ นายมันไม่เอาไหนจริงๆหมิง” นายใหญ่บ่น ปลายปากกาจิ้มลงบนชิ้นงานใหม่ “นี่มันเหมือนกับเรฟที่ฉันให้ไปที่ไหน”

ผมอดทน ไม่ได้ตอบอะไร

“ดูท่าการมอบงานใหญ่ให้นายจะเป็นฉันที่คาดหวังสูงเกินไปจริงๆ” เขาไม่เคยมองตาผมเวลาพูด เอาแต่จ้องกระดาษพลิกไปพลิกมาเสียงดังจนมันเป็นรอยยับ “อันนี้ใช้ไม่ได้ เอาแบบเก่านั่นแหละดีกว่า เรียกตาลมาซิ”

บนโต๊ะมีงานชิ้นเก่าที่เคยโดนปาทิ้งลงพื้นวางรอไว้แล้ว ใครบางคนรวบรวมมันจัดเป็นชุดไว้เรียบร้อย พอพี่ตาลเดินเข้ามาบอสก็ยื่นกระดาษปึกนั้นไปให้พี่ตาล

“เลือกใช้สไตล์นี้แหละ เช็คดีเทลให้ดีๆอย่าพลาดก่อนอัพโหลด สั่งการต่อได้เลย” ในที่สุดซีอีโอคนประเสริฐก็หันมาทางผม “ส่วนนายออกไปได้”

ผมก้มหัวทีหนึ่งแล้วก็เดินออกมา

ชีวิตกราฟฟิคก็เป็นแบบนี้แหละครับ งานโดนปาลงถังขยะ แล้วสุดท้ายก็เลือกจากในถังขยะขึ้นมาอีก สั่งแก้งานไปสิบดราฟท์ สุดท้ายเลือกดราฟท์แรก เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ผมชินแล้วแหละ

ผมไม่ได้เดินกลับไปที่โต๊ะ แต่เดินตรงไปที่ห้องเอชอาร์ ผมเคาะประตูสามครั้งเบาๆแล้วเปิดเข้าไป เพื่อนร่วมงานที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีเพราะเข้ามาพร้อมกันเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวยิ้มแหย

“เอาจริงแล้วสินะ…”

“อือ กูขอลาออก” ผมพูดเสียงเรียบ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status