Share

บทที่ 3 เมาเป็นหมา

Author: thisishowienjoy
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

เมาเป็นหมา

พูดถึงพี่วศิน เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดูจะเป็นหัวหน้าในฝันของใครหลายๆคน เป็นคนใจดี ยิ้มง่าย ไม่ค่อยจะดุอะไร พึ่งพาได้ แล้วก็ตั้งใจรับฟังเราอยู่เสมอ พร้อมเสนอวิธีแก้ปัญหาให้เราทุกครั้งที่เจอปัญหาอีกต่างหาก (แม้บางทีผมจะแค่บ่นเฉยๆก็ตาม) ก็เป็นผู้ใหญ่ใจดีแสนอบอุ่นในฝันของพนักงานกินเงินเดือนอย่างเรานั่นแหละ ผมเชื่อว่าสาวๆหลายคนคงอยากมีสามีอย่างเขา นานมาแล้วผมเคยถามเขาเรื่องแฟนแต่เขาก็บอกว่ายังไม่มี ผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าเขาจะรอดเป็นโสดมาได้จนอายุปานนี้

ผมมักจะแซวว่าเขาแก่เป็นลุงอยู่บ่อยๆ แต่นั่นเป็นเพราะเขาอาวุโสที่สุดในกลุ่มเฉยๆ จริงๆเขาอายุแค่สามสิบแปดเท่านั้นเอง ทั้งที่เขาทำงานสายเทคที่ต้องวิ่งตามความรวดเร็วของเทคโนโลยีให้ทันอยู่เสมอ แต่พี่แกกลับตามกระแสอะไรในอินเตอร์เน็ตไม่ทันสักอย่าง ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะแซวพี่วศินบ่อยๆ

และเมื่อเทียบกับอายุที่ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนของเขา เขาดูแลตัวเองได้ดีมาก ร่างกายของเขากำยำอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ ผิดกับพี่ชายคนโตของผมที่ลงพุงไปแล้วเรียบร้อย ผมรู้จักแขนล่ำๆที่เผลอไปกอดตอนเมาอยู่บ่อยๆนั่นดี แต่ผมเพิ่งจะรู้เอาวันนี้ว่าเขาถึงขั้นมีซิกแพ็ค มีอาชีพเสริมเป็นนายแบบหรือไงกันนะ

แล้วทำไมพี่เขาถึงถอดเสื้อล่ะ ?

แล้วผมอยู่บ้านใคร ก็คงบ้านเขานั่นแหละ

ผมมึนหัว ระหว่างทางกลับจากร้านผมคงหลับตั้งแต่อยู่ในรถ แล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกทีบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย ยังดีที่เห็นพี่วศินเดินไปเดินมาอยู่ในสายตาผมจึงอุ่นใจขึ้นมาได้ว่าไม่ได้ตื่นมาในที่แปลกๆ

แต่เย็นจัง

แอร์เย็นฉ่ำทำให้ผมไม่สบายตัว ผมกระชับผ้านวมให้ห่อหุ้มร่างกายของตัวเองแน่นขึ้น ปวดหัวตุ้บๆจนกว่าจะรู้สึกตัวว่าบนร่างกายเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวก็แทบจะผล็อยหลับไปอีกรอบแล้ว ผมลืมตาโพลง ลูบไปทั้งตัวและพบว่าเหลือเสื้อผ้าแค่ชิ้นเดียวที่ติดตัวคือกางเกงในจริงๆ เกิดอะไรขึ้นวะ หรือว่าผมเมาจนล่อลวงพี่เขาขึ้นเตียง?! พอคิดได้อย่างนี้ผมก็สร่างเมาขึ้นมาทันที โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม แล้วก็พบว่าพี่วศินยืนหันหลังถอดกางเกงอยู่ใกล้กับประตูห้อง จะบ้าตาย เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ แต่ก้นเขาแน่นมาก ไม่ หยุดก่อน หยุดลวนลามทางสายตา ผมกล่อมตัวเอง พอพี่เขาทำท่าจะเกี่ยวกางเกงในสีเทาของตัวเองลงผมก็หลับตาปี๋ บ้าไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมหัวใจเต้นโครมคราม หรือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากำลังจะยุ่งเหยิงขึ้นในคืนนี้

ผมแอบหรี่ตาให้พอมองเห็นสถานการณ์คร่าวๆ พอเห็นว่าอีกฝ่ายพันผ้าขนหนูไว้รอบเอวแล้วก็ลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ไม่ทันไรพี่วศินโยนกางเกงลงตะกร้าแล้วหันกลับมาทางเตียง ผมหลับตาแกล้งตายอีกรอบ เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที

สัมผัสจากฝ่ามือร้อนๆขยี้ลงบนหัวผมด้วยความเอ็นดู

“ได้หมามาวันแรกก็สร้างเรื่องเลยนะเรา”

เขาพูดขำๆแบบที่เขาชอบทำแล้วก็เดินออกจากห้องไป

สร้างเรื่อง? เรื่องอะไร?!!

หลังเสียงประตูปิดทั้งห้องมีเพียงความเงียบ ส่วนผมหัวใจเต้นโครมครามจนหยุดไม่ได้ เมื่อมั่นใจว่าทั้งห้องเหลือแค่ผมเพียงคนเดียวผมก็ลุกขึ้นนั่งทันที อาการปวดหัวทิ่มแทงจนผมต้องกุมศีรษะ แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือสร้างเรื่องที่ว่ามันเรื่องอะไรต่างหาก

ผมสำรวจตัวเอง เสื้อไม่อยู่ กางเกงไม่อยู่ แต่กางเกงในยังอยู่ดี แอบเปิดกางเกงในตัวเองดู… มันก็ดูปกติดี ไม่เหมือนผ่านเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอะไรมาทั้งสิ้น ผมลอบถอนหายใจ แต่พอลุกขึ้นไปเปิดไฟส่องกระจกก็พบว่าตัวเองปากแตก… อา จะให้ผมจินตนาการถึงอะไรดีนะ

ผมพยายามย้อนสำรวจความทรงจำขาดๆหายๆของตัวเอง ผมเมาเป็นหมา อ้อนพี่วศินให้เลี้ยง พี่เขาหัวเราะแล้วพาผมกลับบ้าน … แล้วหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นต่อล่ะ

เศษเสี้ยวความทรงจำค่อยๆฉายภาพที่ผมจำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นทีละฉาก และแต่ละฉากที่ผ่านก็ทำให้ผมหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นกุ้งสุกที่แดงไปทั้งตัว

.

ตอนที่รถเอสยูวีสีขาวเคลื่อนเข้ามาจอดในรั้วบ้าน พี่วศินปลุกผมที่สลบเหมือดไปแล้วให้ลุกขึ้นเดิน ผมทำให้เขาลำบากไม่น้อยเลย

“หมิงตื่น ลุกหน่อยเร็ว” เสียงทุ้มฟังดูลำบากใจ พี่วศินประคองผมลงจากรถ ผมลากเท้าอืดอาดตามเขาไปทั้งที่ยังไม่ตื่นดี ทิ้งน้ำหนักลงบนแขนล่ำๆของเขาอย่างไว้ใจ พอสะบัดรองเท้าหลุดไปได้ผมก็ถูกวางไว้บนโซฟาอย่างเบามือ “กินน้ำหน่อยดีกว่าเรา”

“พี่วศินไปหนาย” ผมไขว่คว้าเมื่อเขาทำท่าจะเดินจากไป

“ไปหยิบน้ำๆ” เขาแกะมือปลาหมึกของผมออก แต่มันไม่ง่ายนักหรอก “เดี๋ยวพี่ก็มาแล้ว”

“พี่บอกจะเลี้ยงผมแล้ว ห้ามทิ้งผมนะ” ผมทวง ยังกอดเอวเขาเอาไว้ไม่ปล่อย

“จ้ะๆ หมาตัวใหญ่น่ารักขนาดนี้เอาไปทิ้งเดี๋ยวพี่โดนทัวร์ลง” นั่นแน่ เขาหัดใช้คำว่าทัวร์ลงเป็นแล้วด้วย

“ฮี่ๆ” ผมกอดเอวเขาแน่นอย่างนั้นไม่ยอมปล่อย กล้ามหน้าท้องแน่นๆของเขาแทบจะทิ่มคอผมเลยทีเดียว “เจ้านายใจดีที่สุดเลย”

“หมิงปล่อย” เขาเร่งแกะมือผมออกแล้วขยับหนี “เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว ไม่เชื่อฟังเจ้านายจะใจร้ายแล้วนะ”

ผมปล่อยมือทันที เชื่อฟังเขาเหมือนสุนัขเชื่องๆ

พอเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็เลยสนุกละมั้ง “เห่าซิ”

“โฮ่ง”

“นอนซิ”

ผมนอนลงบนโซฟา

“เด็กดี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดีกว่าปกติเสียอีก ผมดีใจยังไงก็ไม่รู้ “รออยู่ตรงนี้นะ”

เขาไม่ปล่อยให้รอนาน พี่วศินกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าแก้วใหญ่ เขานั่งลงบนพื้นที่โซฟาที่เหลืออยู่ พยายามยื่นน้ำแก้วนั้นให้ผมดื่ม “ดื่มซะ จะได้สร่างเมา”

ผมลุกขึ้น หยิบมาดื่มไปสองสามอึก ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ผมนั่งจ้องเขาตาใสแล้วถาม “เป็นหมาให้พี่ ผมต้องทำอะไรบ้าง”

ดวงตาสีดำคู่นั้นดูแปลกตาขึ้นมาชั่วขณะ เขาเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผม เหมือนพิจารณาลูกหมาตัวใหม่ที่เผลออุ้มเข้าบ้าน ดวงตาสีดำเลื่อนขึ้นลงมองไปทั่วทั้งตัวจนผมรู้สึกแปลกๆ

พี่วศินไม่พูดอะไรแต่ขยับเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัว อ้อมกอดของเขาอุ่นร้อนเหมือนอุณหภูมิเฉพาะตัวของเขา มือใหญ่ของเขาลูบศีรษะผมขึ้นลงเหมือนลูบขนสุนัข เขาจับผมโยกไปมาอีกด้วย

“ไม่ต้องทำอะไร ทำตัวน่ารักๆ เป็นเด็กดีก็พอ” เขาตอบอย่างนั้น แล้วก็กอดผมโยกไปมาเหมือนกอดสุนัขตัวใหญ่จริงๆ

มันตลกดี แต่ผมก็รู้สึกดีอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆของเขา ผมกำมือแสร้งทำเป็นขาหน้า ยกแขนขึ้นมาดันเขาออก เหมือนวิญญาณหมาจะเข้าสิงผมจริงๆ ผมแลบลิ้นทำเสียงแฮ่กๆ

แขนทั้งสองข้างของพี่วศินโอบผมไว้หลวมๆ “เอาจริงเอาจังจริงนะ”

ผมแกล้งหอน แล้วก็หัวเราะ โผเข้าไปกอดพี่เขาบ้างเพราะชอบอ้อมกอดอุ่นๆ ได้ยินคำพูดของเขาแล้วก็อยากต่อมุกใจจะขาด ผมเผลอพูดออกไปเบาๆ “เอาเก่งด้วยนะ”

“หา?” พี่วศินชะงัก เขาตัวแข็งไปเลย “จริงป้ะเนี่ย”

“ล้อเล่น” ผมผละออกจากอ้อมกอด แต่ศักดิ์ศรีมีไว้ให้รักษา นึกไปนึกมาก็แก้ตัวพัลวัน “ไม่ คือ ได้ยินแล้วมันอยากเล่นมุกเฉยๆ ไม่ได้ล้อเล่นที่เอาเก่ง อ๊ะ ผมพูดอะไรวะเนี่ย”

“ขี้โม้” ผู้ชายผิวแทนตรงหน้าผมยิ้มจนตาหยี ผมโดนยีหัวอีกแล้ว อยู่กับพี่วศินนานๆหัวผมคงกลายเป็นรังนก

“ไม่โม้ นี่ถ่อมตัวแล้ว” ผมได้ใจ สนุกชะมัดเลย

“หมาขี้โม้” พี่วศินกล่าวหาอีก “สู้พี่ไม่ได้หรอก”

“โห” ผมหัวเราะเสียงดัง ลากเสียงยาวเพราะไม่ได้ค่อยได้เห็นเขาเล่นพิเรนทร์บ่อยๆ “เจ้านายขี้โม้กว่าอีก”

“กู๊ดบอยต้องไม่ขัดเจ้านายสิ” เขาชี้นิ้วใส่ผม แก้วน้ำเปล่าใบนั้นยังมีน้ำอยู่เกินครึ่ง ผมยังไม่สร่างเมา พี่วศินก็ดูจะไม่ได้มีสติเต็มร้อย เขาเล่นเป็นเจ้านายกับผมไม่หยุด “ขอมือๆ”

ผมหันหน้าหนี ชักจะหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆ พี่แกได้ใจเกินไปไหมนะ

“หมิง ขอมือหน่อย”

ผมแกล้งเมิน แต่หูทิพย์หางทิพย์ของผมตกแล้ว เราแค่เล่นกันแท้ๆทำไมผมถึงอยากทำตามคำสั่งเขาเป็นบ้าเลยล่ะ

“หมิง…” เสียงพี่วศินเข้มขึ้นมา

หมาหมิงทนไม่ไหว วางมือลงบนมือพี่วศินแต่โดยดี มือใหญ่คู่นั้นกุมมือทั้งสองของผมไว้แน่น แล้วหยิบแก้วน้ำมาจ่อปากผม 

“กินอีกเร็ว” เขาสั่ง

ไม่ถนัดเลย แต่ผมก็อ้าปาก น้ำค่อยๆไหลลงคอ ผมไม่กล้ากลืนเพราะเขายังรินมันลงมาไม่หยุด สุดท้ายมันก็ไหลออกจากปากผมจนเปียกเลอะเทอะ ผมเร่งกลืนน้ำจนสำลัก พี่วศินยกแก้วออกวางแล้วช่วยลูบหลัง “ขอโทษครับๆ พี่กะไม่ถูก”

“เจ้านายใจร้าย” ผมคาดโทษ ไอเพราะสำลักไม่หยุด

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ” ปลายคิ้วเข้มตกลง เหมือนสำนึกขึ้นมาได้ว่าสติตัวเองก็ไม่เต็มร้อยเหมือนกัน เขาเลยคุมมือตัวเองไม่ได้ดั่งใจ “ไม่เป็นไรนะ”

แล้วเขาก็กอดผมอีก

ผมหยุดสำลัก เขากอดผมกลิ้งลงบนโซฟาเบด อ้อมกอดอุ่นของเขาแน่นมาก นอกจากกอดเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่สิ เมื่อกี้เหมือนเขาแอบหอมซอกคอผมเลย พอคิดได้ผมก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา แต่ผมก็นึกขึ้นได้อีกว่าบางทีก็อยากกอดหอมสุนัขแบบนั้นเหมือนกัน คงเป็นอย่างนั้นแหละ

เราเป็นหมา เราเป็นหมา

ผมเป็นเด็กดี นอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดเขา พอโดนกอดกลิ้งไปกลิ้งมาแบบนี้แล้วรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาเป็นพักๆ พี่วศินคลายอ้อมกอดมามองหน้าผม

“หมิงแลบลิ้น” เขาสั่งอีกแล้ว

ผมแลบลิ้น ทำเสียงแฮ่กๆ เมาแล้วก็กลายเป็นสุนัขตัวหนึ่งได้อย่างเต็มใจ ได้เวลาแสดงฝีมือที่ฝึกฝนมาแล้วมั้ง

พี่วศินยื่นมือมาเหมือนจะขอมืออีก เขาหมดมุกคำสั่งแล้วหรือไง แต่ว่าไม่ใช่ บนมือเขามีลูกอมเม็ดหนึ่งอยู่ พอหันมองด้านหลังเห็นขวดโหลลูกอมวางอยู่ตรงนั้นผมก็เข้าใจ ผมงับลูกอมแล้วแลบลิ้นเลียฝ่ามือเขา พี่ชายผิวแทนสะดุ้ง “ไม่ได้ให้เลีย”

“เวลาให้อาหารไม่เคยโดนหมาเลียมือรึไง” ผมพูดเสียงเรียบ เก็บลูกอมรสเปรี้ยวไว้ในกระพุ้งแก้ม แล้วก็เลียนิ้วเลียฝ่ามือเขา ไม่รู้ว่าเขาแอบกำลูกอมเม็ดนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รสหวานอมเปรี้ยวยังติดนิ้วติดมือเขาอยู่เลย

“หมิง..” เสียงทุ้มของเขาฟังดูแปลกๆ ดวงตาสีดำคู่นั้นดูเหมือนจะไม่สบายใจ

ผมคงเป็นสุนัขที่ตั้งใจเกินไปหน่อย ดวงตาของผมจ้องไปที่ใบหน้า ดวงตา แล้วก็ริมฝีปากบางของเขา ผมอมลูกอมในกระพุ้งแก้มอีกแล้วพูด “ผมเป็นหมาที่น่ารักไหม”

พี่วศินเคลื่อนอ้อมกอดลงต่ำ ฝ่ามือของเขาประคองอยู่ที่ช่วงเอวคอด “น่ารักนะ”

“เล่นกับหมาสนุกรึเปล่า”

พี่เขาหัวเราะ “สนุกสิ พี่กำลังอยากเลี้ยงหมาอยู่พอดีเลย”

“ถ้าผมจะไม่น่ารักบ้างพี่จะยังเลี้ยงผมไหม” ผมถามออกไป ค่อนข้างคาดหวังกับคำตอบ

“ตกลงเลี้ยงแล้วยังไงก็ไม่ทิ้งหรอก” เขาส่งยิ้มสว่างเจิดจ้ามาให้ผม มันเป็นคำพูดล้อเล่นที่เหมือนกับคำมั่นสัญญาอย่างไรก็ไม่รู้ น้ำเสียงเขาดูหนักแน่นเกินกว่าจะเป็นคำพูดไร้สาระ

“ดีใจจัง” ผมบอกอย่างนั้น แล้วเพราะอะไรก็ไม่รู้ ผมเลียคางเขา

“หมิง!” พี่ชายสะดุ้งโหยง

แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมเป็นสุนัขนี่นา ผมจะเลียหน้าเจ้านายสักหน่อยก็ไม่แปลกไหมนะ ลูกอมละลายเกือบหมดแล้ว ผมเคี้ยวมันแล้วกลืนลงไปพร้อมน้ำลาย ลากลิ้นเลียลงบนริมฝีปากบางๆคู่นั้น ไม่ มันไม่ใช่จูบ  ผมเลียมั่วซั่วขึ้นไปถึงจมูกแล้ว

“หมิง..” พี่วศินเสียงอ่อย จับหัวผมด้วยมือสองข้าง ทำให้ผมกลายเป็นแซนด์วิชโง่ๆอีกครั้ง ดวงตาสีดำคู่นั้นดูทรมานอยู่ลึกๆ มีอะไรบางอย่างดันต้นขาผม ทำเป็นไม่รับรู้ดีกว่า

ผมทำแลบลิ้น ส่งเสียงแฮ่กๆเป็นหมาโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เด็กไม่ดี” เขาปรามาสผมอย่างนั้นด้วยสีหน้าเหมือนคนที่อดทนมานานเต็มที แล้วริมฝีปากบางที่ถูกผมฉวยโอกาสไปด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์เมื่อสักครู่ก็ย้อนกลับมาฉกฉวยเอาริมฝีปากผมไป

น่า เจ้านายจุ๊บหมาน้อยมันไม่แปลกหรอก

ผมบอกตัวเองแบบนั้นทั้งๆที่โดนจับนอนหงายโดยมีพี่วศินคร่อมอยู่ด้านบน และสิ่งที่เขาทำมันก็ไม่ใช่แค่จุ๊บเลยสักนิด สติของผมมึนเบลอ ผมรู้สึกดี แล้วก็ให้ตายเถอะ รู้สึกพะอืดพะอมอีกแล้ว อย่าจับกลิ้งนักได้ไหม

“อื้ม พี่ว-” ผมพยายามส่งเสียงแม้ริมฝีปากของอีกฝ่ายจะปิดปากของผมเอาไว้สนิท พอลิ้นที่ร้อนเป็นพิเศษพยายามเลื้อยเข้ามา ผมก็ล็อกเอาท์ออกจากโหมดสุนัขแล้วผลักเขาออกเต็มแรง ผมปิดปากลุกขึ้นนั่ง

ถ้าผมจะสังเกตสักหน่อยคงเห็นว่าใบหน้าเขามีแต่ความประหม่า แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาสังเกตอะไรทั้งนั้น

“หมิง…พี่ขอ-” เขาทำเสียงอ่อย

“ไม่ พี่- อุ๊บ” ขอโทษครับ ผมอดทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว

กลางดึกคืนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร บนท้องฟ้ามืดสนิท ในบ้านเปิดไฟสว่างโล่ง สายรุ้งงดงามพาดผ่านอากาศ ตกลงสู่อาภรณ์ไม่เรียบร้อยของชายสองคน สายรุ้งแต่งแต้มความงดงามอวลกลิ่นรัญจวนกระเพาะ หยุดทุกลมหายใจเอาไว้ด้วยการเคลื่อนไหวเดียว

.

อ่า… นั่นแหละ ผมนึกออกแล้ว ผมพยายามเซนเซอร์เอาไว้ไม่ให้มันน่าเกลียดเกินไปแต่ก็นั่นแหละครับ อ้วกแตก หลังจากนั้นก็โดนเขาลากเข้าห้องน้ำ ผมไหลเป็นของเหลวนั่งกอดชักโครก อาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง ผมหมดแรงแทบจะสลบลงตรงนั้น พี่วศินใจดีคอยลูบหลังแล้วยังจับผมปอกเปลือกเปื้อนอาเจียน จากนั้นจึงแบกผมที่เมาเป็นหมาขึ้นมาวางไว้บนห้องนอน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวอยู่ในตอนนี้นั่นเอง

เฮ้อ ดีจัง นึกว่าเมาจนเผลอมีอะไรกับพี่วศินไปแล้วเสียอีก

ฮ่าๆ ฮ่าๆ

ดีจังพ่อมึงอ้ะ

ผมกลับมานอนทึ้งหัวตัวเอง อยากจะกรี๊ดให้สุดเสียงแต่ก็ทำไม่ได้ หมาน้อยแสนซนตัวนั้นออกจากร่างผมไปแล้ว ตอนนี้ผมสร่างเมามีสติกลับมาเป็นมนุษย์เต็มร้อย นึกจนหัวแทบแตกก็นึกไม่ออกว่าถ้าพี่วศินกลับมาจะทำยังไงดี ครั้งนี้เราเล่นเลยเถิดเกินไปมาก เลยเถิดจนจะบอกว่าเล่นก็ยังกระดากปากตัวเอง

แหม อ้างว่าเมาแล้วจำไม่ได้ดีไหมนะ คลาสสิคแต่ก็สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว

ผมนอนกัดเล็บ คิดทบทวนว่าจะจำอะไรไม่ได้บ้าง แต่นึกถึงภาพนั้นขึ้นมาผมก็ประสาทกินอีกรอบ เลียปากบ้าบออะไรกัน ผมโดนจูบเต็มๆเลยเหอะ จูบจนปากแตกด้วยซ้ำ ดูยังไงพี่วศินก็ไม่ได้เมาขนาดนั้น นี่มันฉวยโอกาสคนเมาชัดๆ

อ๊า จะมีหน้าไปพูดอย่างนั้นได้ยังไง ผมต่างหากที่ฉวยโอกาสที่ตัวเองเมาไปลวนลามเขา!

ผมกัดปากตัวเอง ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านระหว่างเฝ้าระวังภัย (aka พี่วศิน) จึงลืมตาสำรวจภายในห้อง ห้องนี้มีเตียงควีนไซส์ที่ผมนอนอยู่หนึ่งหลัง ผ้านวมที่ผมห่มอยู่มีกลิ่นหอมปนกับกลิ่นอับเล็กน้อยเหมือนถูกเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน เช่นเดียวกับสภาพรอบๆห้องที่ไม่มีร่องรอยการใช้งานมากนัก บนโต๊ะเครื่องแป้งว่างโล่ง ตะขอบนผนังก็ไม่มีอะไรแขวนไว้ ที่มุมหนึ่งในห้องมีชั้นหนังสือและกล่องพลาสติกขนาดกลางวางเรียงรายซ้อนกันอยู่ ดูยังไงห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องที่พี่วศินจะใช้ประจำแน่

ผมน่าจะถูกพามาพักที่ห้องนอนแขก ถ้าอย่างนั้น หลังจากอาบน้ำเสร็จ พี่เขาคงไม่ได้กลับมาห้องนี้อีก ผมถอนหายใจ ตัดสินใจผลักภาระหนักใจทุกอย่างให้ตัวเองในเช้าวันถัดไปเป็นคนรับมือ เมื่อรอสักพักใหญ่จนแน่ใจแล้วว่าเขาไม่มาผมจึงเดินไปปิดสวิตช์ไฟดวงกลางห้องเตรียมเข้านอน

แล้วตอนที่ผมกำลังจะปิดสวิตช์ข้างๆประตู ประตูก็เปิด

พี่วศินโผล่หัวมาในสภาพผมเปียก “ตื่นแล้วเหรอ”

“เฮ้ย!” 

“หมิง!”

ผมตกใจจนแทบหัวใจวาย ขาที่ก้าวถอยหลังหลบประตูที่ถูกผลักเข้ามาพันกันจนสะดุดล้ม เหมือนกับละครหลังข่าวไม่มีผิด มืออุ่นๆคู่นั้นคว้ามือผมเอาไว้ทันผมเลยกลับมายืนบนเท้าตัวเองอีกครั้งได้ ขอบคุณนะที่ไม่ถึงขั้นล้มกลิ้งมาคร่อมผมด้วยตามสูตร ไม่อย่างนั้นผมหัวใจวายตายจริงๆแน่

“ตกใจอะไรขนาดนั้น” พี่วศินปล่อยมือ 

“ให้ผมตกใจเถอะ ประตูจะฟาดหน้าอยู่แล้ว” ผมบ่น แล้วก็สัมผัสได้ว่าเขามองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ให้ตาย ผมใส่แค่กางเกงในตัวเดียวนี่หว่า นึกขึ้นได้ผมก็รีบวิ่งกลับไปมุดผ้านวมทันที พอโผล่หน้าออกมาได้ พี่วศินก็ยังยืนขวางประตูอยู่ที่เดิม 

“ชุดหมิงพี่ปั่นอยู่ เดี๋ยวพี่ให้ยืมชุดพี่ก่อนแล้วกัน รอแป๊บ” ว่าแล้วเขาก็หายไป ไม่นานพี่วศินก็กลับมาพร้อมกับเสื้อยืดกางเกงขาสั้น เขาเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู

“ขอบคุณครับ” ผมรับเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็วแก้เขิน ความเงียบโรยตัวระหว่างเราอย่างรวดเร็ว

เป็นพี่วศินที่ตัดสินใจทำลายความเงียบสั้นๆนั้น “นึกว่าหลับไปแล้ว แต่เห็นไฟเปิดอยู่เลยเข้ามาดูซะหน่อย สร่างรึยังเรา”

ผมพยักหน้า “เต็มตาแล้วพี่”

“เมาเป็นหมาเลยนะ”

“ขอโทษครับ” ผมคอตก กลอกตาไปมา “ทำให้พี่ลำบากเยอะเลย ขอบคุณที่เก็บศพผมกลับมานะครับ”

“ก็ไม่ถึงขั้นเป็นศพน่ะนะ” เขาปฏิเสธคำพูดผม ดวงตาสีดำวาววับน่ากลัว

สายตานั้นทำผมขนลุกเกรียว เจ้านาย ผมพยายามจะทำเป็นจำไม่ได้อยู่ ช่วยให้ความร่วมมือไม่ขุดคุ้ยมันทีได้ไหม

“ฮะๆ ผมภาพตัดจำอะไรไม่ได้เลยอ่า” ผมเฉไฉ

“จำไม่ได้เลยเหรอ” เขายื่นหน้าเข้ามา

“ไม่เลยสักนิด” ผมขยับหนี ไม่กล้าแม้แต่จะมองตา

“มาทำกับพี่ขนาดนั้นแล้วจำไม่ได้พี่เสียใจนะ” เขาพูดเสียงอ่อยผิดกับสายตาแสนกดดันคู่นั้น ผมผรุสวาทอยู่ในใจ ไอ้เหี้ย ขอร้อง ปล่อยกูไปเถอะ

สู้เขาหมิง แกทำได้ ใช้ลูกอ้อนที่แกถนัดไง “ผมคงรบกวนพี่หนักมากแน่เลย ขอโทษจริงๆครับ”

“ขอโทษเรื่องอะไรรู้หรือเปล่าก่อน” แขนล่ำลงน้ำหนักอยู่ข้างตัวผม

ตอบว่าอะไรดีวะ ผมเสียงสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ผมจำไม่ได้…”

“พี่ช่วยเตือนความจำให้ดีมั้ย” เขากระซิบข้างหู เสียงทุ้มทำเอาผมตัวสั่น

ผมย่นคอ ไม่น่ารอดแล้ว ยอมแพ้ดีไหมวะ “มะ- ไม่เอาได้มั้ยครับ”

“หึ” เสียงทุ้มข้างหูเย็นเฉียบ มืออุ่นยึดข้อมือของผมเอาไว้แน่น รอยยิ้มบนใบหน้าเขาไม่ใช่รอยยิ้มของ ‘พี่ชายใจดี’ ที่ผมคุ้นเคย เขาจ้องตาผมอยู่อย่างนั้น แสดงสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน 

พี่วศิน “หมานิสัยไม่ดี”

เจ้านายครับ อย่าทำโทษผมเลยครับ ผมผิดไปแล้ว

Related chapters

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 4 เจ้านาย

    เจ้านาย ป๊อก “โอ๊ย!” ผมโดนดีดหน้าผาก ความเจ็บทำให้ผมคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ “พี่วศิน เจ็บนะ!” “พี่ก็เจ็บเหมือนกัน” ตอแหล คนใจดีก่อนหน้านี้หายไปไหนวะ ผมโวยวาย “เจ็บอะไร ดีดผมแล้วพี่เจ็บอะไร” “เจ็บใจ” เขาตอบหน้านิ่งๆ “ขอร้องเลย” ผมทำหน้าเอือมกลับไปให้เขา มุกน้ำเน่าเหี้ยอะไรนี่ “...” “...” เรานั่งจ้องตาเงียบๆกันสักพัก เขายังยึดข้อมือผมเอาไว้อยู่ ดวงตาสีดำกดดันจนผมต้องหลบตาสารภาพบาป “เราก็แค่เล่นกันตอนเมาไม่ใช่เหรอ” พี่วศินถอยกลับไปนั่งตามสบาย เขาทำหน้าบึ้ง “หมาขี้โกหก” “ก็ผมสนุกเกินไปหน่อย” ผมเถียงข้างๆคูๆ “พี่จะเลี้ยงผมจริงๆรึไงเล่า” “เลี้ยงได้สบายมาก” เขายืนยัน “ไม่เอาแล้วเหรอเจ้านายรวยๆน่ะ” “เอา” ไอ้ห่า สัญชาตญาณไวกว่าสมองสุดๆ ผมหันกลับไปมองหน้าเขา บอกไม่ถูกว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่แต่พี่วศินมองแล้วเผลอยิ้มออกมา “แล้วจะแกล้งลืมทำไม” ป๊อก

    Last Updated : 2024-10-29
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 5 พี่ขออย่างเดียว

    พี่ขออย่างเดียว ได้เป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเจ้านายใจดีมีฐานะ ชีวิตในฝันของผมมันง่ายแค่นี้เอง จากฝันลมๆแล้งๆ ของคนขี้บ่น สุดท้ายจับพลัดจับผลูจนเป็นจริงขึ้นมาได้แบบงงๆ แต่ถึงกระนั้น พอผมเริ่มชีวิตใหม่ในฐานะสุนัขวันแรกก็โดนเจ้าของทิ้งให้เฝ้าบ้านเสียแล้ว ทีแรกผมตั้งใจจะนอนตื่นสายอย่างไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน แต่พี่วศินเคาะประตูปลุกผมให้ตื่นไปกินข้าวเสียก่อนก็เลยต้องตื่น เขาทำอาหารเช้าง่ายๆไว้ให้ อา… เลี้ยงดียิ่งกว่าผมใช้ชีวิตอยู่เองจริงๆ ผมเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำ ตอนที่เดินมาถึงโต๊ะอาหารที่มีโจ๊กหมูส่งกลิ่นหอม พี่วศินก็เตรียมตัวพร้อมออกจากบ้านแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตผูกไทด์ทับด้วยสูท ผมสั้นสีดำที่ปกติมักจะปล่อยไว้ตามสบายก็ถูกเซ็ตขึ้นเรียบร้อย ดูเนี้ยบกว่าปกติที่ผมเคยเห็น “นี่พี่ทำเองเลยเหรอ” ผมก้มมองชามโจ๊กบนโต๊ะอาหาร “พี่ซื้อมาน่ะ” เขาเฉลย “อ๋อ” ผมไม่แปลกใจ “ส่วนมื้อกลางวันอยากกินอะไรสั่งเอานะ” พี่วศินพูดพลางยื่นบัตรแข็งใบหนึ่งวางบนโต๊ะข้างๆชามโจ๊ก “ใช้บัตรพี่ได้เลยตามสบาย” “โห

    Last Updated : 2024-10-29
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 6 กายภาพล้วนๆ

    กายภาพล้วนๆ มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยเล่าให้ฟัง วันที่ผมอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้เพียงลำพัง ในเวลาที่ผมเบื่อเกินกว่าจะทำอะไร ผมพาตัวเองมาหากิจวัตรเดิมๆที่ต้องใช้ในเวลาที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวที่สุด ผมปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความต้องการ ผมไม่ได้จินตนาการถึงคนที่ออกไปทำงานนอกบ้านด้วยชุดทำงานทะมัดทะแมงคนนั้น เขามีส่วนให้ผมคิดถึงบ้างก็จริง แต่เหตุผลหลักเป็นเรื่องของธรรมชาติล้วนๆ ผมนอนไถหน้าจอสมาร์ทโฟนอยู่ในห้องส่วนตัวปิดมิดชิดที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เอนหลังพิงหัวเตียง แผ่นหลังและต้นคอของผมโค้งงอในท่าที่นักกายภาพบำบัดจะต้องโกรธ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ผมสนแต่การเคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมเล็กๆเท่านั้น มันไม่ใช่ความปรารถนาที่หาทางออกไม่ได้ มันไม่ใช่อะไรที่เข้มข้นปานนั้น เป็นเพียงความเคยชินที่วูบผ่านมาผ่านไปในชีวิตของผมโดยทิ้งร่องรอยเพียงเบาบางเอาไว้ ผมเลื่อนนิ้วกดดูคลิปที่ตนสนใจ ปล่อยให้ภาพเคลื่อนไหวเหล่านั้นกระตุ้นเร้าอารมณ์ของตัวเองด้วยความเต็มใจ เม็ดเลือดเดินทางเร็วรี่อยู่ในร่างกาย มันรวมกันก่อการประท้วง ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วล้วงมือเข้าไ

    Last Updated : 2024-10-29
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 7 เผย

    เผยพี่มะลิเคยแนะนำลูกสาวให้พวกเรารู้จักครั้งหนึ่ง เด็กหญิงมีชื่อว่ามานี อายุแปดขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่สามมานีเติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวโดยมีคุณตาคุณยายเป็นอีกกำลังสำคัญ พี่มะลิไม่เคยเล่าเรื่องพ่อของมานีให้ฟัง พวกเราเองก็ไม่เคยถาม รู้เพียงแค่มานีเป็นเด็กโตเร็วที่ได้รับความรักเต็มเปี่ยม เด็กหญิงเชื่อว่าตัวเองโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว และเธอก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะดูแลคุณแม่ที่ทำงานสายตัวแทบขาดคนเดียวของเธอด้วยผมเคยสงสัยว่าทำไมพี่มะลิถึงออกมาเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ ได้บ่อยทั้งที่มีลูกเล็ก พี่มะลิส่ายหน้าแล้วเล่าให้ฟังด้วยความภูมิใจกึ่งหวั่นใจ“มานีบอกว่าแม่ไปเที่ยวเถอะค่ะ มานีจะดูละครกับคุณยาย ดูยัยเด็กนี่พูดสิ” พี่มะลิหัวเราะ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือจะเครียดดี “ตอนขายประกันใหม่ๆพี่นัดลูกค้าช่วงค่ำถึงดึกบ่อย มัวแต่ทำงานไม่ลืมหูลืมตา รู้ตัวอีกทีมานีก็ชินแล้วที่พี่ไม่อยู่บ้านเวลานี้ พอพี่กลับไปหาลูกลูกก็บอกว่าไม่ต้องหรอกค่ะ มานีไม่เหงา ว่างั้นแน่ะ”“โคตรเก่ง” ผมจุปากชม “แต่จริงๆ มานีอาจจะอยากให้พี่อยู่หรือเปล่า”“พี่เคยอยู่แล้ว” ใบหน้าพี่มะลิมีร่องรอยดำทะมึน เธอกระดกเบียร์ดำเข้าไปอีก “

    Last Updated : 2024-10-29
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 8 มารร้าย

    มารร้ายมันใหญ่อย่างที่ผมคิด สีออกคล้ำกว่าผิวกายเขาเล็กน้อย ครั้งก่อนผมขัดอกขัดใจที่โดนจับปอกจนล่อนจ้อนอยู่คนเดียว ไม่ได้เห็นอะไรๆของอีกฝ่ายสักนิด แต่ครั้งนี้มันเด้งผึงอยู่ตรงหน้าเต็มๆตาแล้ว ผมอดกลืนน้ำลายไม่ได้ความร้อนแนบอยู่ข้างแก้มผม ผมกุมมันเอาไว้แล้วแลบลิ้นเลียจากโคน พี่วศินเป็นคนที่อุณหภูมิร่างกายอุ่นกว่าชาวบ้าน เจ้าตรงนี้จึงร้อนกว่าใครๆเช่นกัน ปลายลิ้นผมฉวัดเฉวียนหยอกล้อตั้งแต่โคนจรดปลายเหมือนกับแมลงน่ารำคาญ พี่วศินขมวดคิ้วอย่างขัดใจอยู่บนนั้น ผมอมยิ้มมองเขาแล้วจึงครอบริมฝีปากลงไป“หมิง…” เขาครางเสียงต่ำจริงๆแล้วอวัยวะของคนมันไม่มีรสชาติอะไรหรอก แต่ผมดูดกลืนมันราวกับเอร็ดอร่อยเต็มที ลิ้นของผมลากไปรอบๆความอบอุ่นในปากในขณะเดียวกันกับมือที่ขยับขึ้นลง พี่วศินก้มมองผมเสมือนว่านี่เป็นทิวทัศน์ที่งดงาม ผมเอียงคอสบตาเขาแล้วดันส่วนปลายให้ลึกลงไปยิ่งขึ้นจนถึงคอ ดูดมันเหมือนกับไอศกรีมแท่งหนึ่งแล้วจึงดึงออกมา เมื่อหัวหยักสัมผัสกับริมฝีปากและลิ้นเรียวผมก็ดันมันกลับเข้าไปในคออีก สลับไปมาอยู่เช่นนั้นผมทำงานขยันขันแข็ง ไม่ใช่เพื่อเงินแต่เพื่อสนองราคะของตัวเองเมื่อผมสัมผัสได้ถึงความสั่นสะเทื

    Last Updated : 2024-10-29
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 9 ตามรังควาน

    ตามรังควานผมไม่อาจเรียกสิ่งนี้ว่าการตื่น เรียกว่าฟื้นจะเหมาะสมกว่าร่างกายผมร้าวระบมเหมือนเพิ่งไปปั่นจักรยานบนเขามาสามสิบกิโลเมตรโดยไม่ได้เตรียมร่างกายให้พร้อม ผมไม่อยากจะขยับตัวแม้สักมิลลิเมตรแต่ก็ต้องฝืนขยับเพราะปวดฉี่ ผมมองไม่ออกว่าตอนนี้กี่โมงแล้วเพราะม่านคุณภาพดีของโรงแรม แสงสว่างพยายามแหวกม่านหนามาให้ถึงเตียงอย่างสุดความสามารถแต่ก็ทำได้เพียงสะท้อนอยู่บนพื้นเป็นเส้นแสงสีขาวเล็กๆ เท่านั้น ผมค่อยๆกระดิกร่างกายที่อ่อนล้าทีละส่วนแล้วขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียง ตอนที่ยันแขนตัวเองเพื่อลุกขึ้นจึงเพิ่งสังเกตว่าความหนักหน่วงที่ถ่วงร่างกายผมเอาไว้ไม่ใช่เพียงความอ่อนล้า แต่เป็นแขนแข็งแรงอีกข้างที่พาดไว้บนเอวผมจากด้านหลังผิวสีแทนของพี่วศินตัดกับหน้าท้องขาวๆของผม บนหน้าท้องขาวมีรอยจูบและรอยอื่นๆฝากเอาไว้อย่างน่ากระดาก พี่วศินที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังยังคงนอนหลับลึกอย่างเป็นสุข เห็นเขาแล้วผมก็อดหงุดหงิดนิดๆ ไม่ได้ผมลอดตัวออกมาจากวงแขนของพี่วศินอย่างยากลำบาก ตอนที่ก้าวถึงพื้นได้ร่างกายผมก็โอนเอน เซถลาแทบคว่ำเพราะขาไม่มีแรง ด้วยเหตุนั้นผมจึงเท้าแขนกับผนังห้อง พยุงพาตัวเองไปถึงห้องน้ำในที่สุดทุกก้าว

    Last Updated : 2024-11-01
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 10 แม่เลี้ยงเดี่ยว

    แม่เลี้ยงเดี่ยว โชคดีที่เรื่องวิวาทระหว่างพี่เจฟกับน็อตไม่ส่งผลกระทบกับคนรอบข้างนัก เพราะพวกเรามากันเร็วในร้านจึงยังไม่ทันมีคน อีกทั้งน็อตก็(ดูเหมือนจะ)ไม่เอาเรื่องแล้วล่าถอยไปเงียบๆ พี่เตเจ้าของร้านจึงไม่ต้องรับมือกับปัญหาน่าปวดหัวที่ตามมามากนัก พี่มะลิไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เข้าร้านมา เธอเพียงนั่งอยู่เงียบๆ ปรับลมหายใจเข้าออกเท่านั้น คล้ายคนจะร้องไห้แต่ก็ฝืนอดทนให้น้ำตาไม่ไหลเราทุกคนสนิทกันพอประมาณ แต่พอเป็นเรื่องส่วนตัวที่อีกฝ่ายไม่เคยเล่า ผู้ชายสามหน่อที่เหลืออย่างพวกผมก็ออกจะประดักประเดิดทำตัวไม่ถูกกันนิดหน่อย ยิ่งมีผู้หญิงทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงหน้าพวกผมยิ่งตัวแข็งเป็นหิน อย่างไรเสียน้ำตาหญิงสาวก็เป็นของที่ผู้ชายแพ้ทางจริงๆ“ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนไหมมึง” พี่เจฟที่สนิทกับพี่มะลิที่สุดถอนหายใจแล้วออกปากเป็นคนแรก “จริงพี่ กับพวกผมไม่ต้องฮึบหรอก” ผมพยายามพูดเผื่อจะทำให้พี่มะลิรู้สึกวางใจมากขึ้น“ผู้ชายคนนั้นใครน่ะมะลิ” ส่วนพี่วศินไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ยิงคำถามตรงๆไม่อ้อมค้อม ถึงจะดูไม่ใส่ใจแต่ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็ยังบีบหัวไหล่พี่มะลิเอาไว้เบาๆพี่มะลิสูดล

    Last Updated : 2024-11-01
  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 11 กรูมมิ่ง

    กรูมมิ่ง ช่วงหลังมานี้เหมือนงานที่บริษัทพี่วศินจะไม่ยุ่งมากนักเหมือนช่วงแรกที่ผมเข้ามาอยู่บ้านนี้ บางวันเขาจึงไม่ได้เข้าออฟฟิศแล้วทำงานจากที่บ้านบ้างตามประสาหนุ่มไอที พี่วศินดูจะมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อไม่ต้องรีบตื่นรีบเดินทางไปทำงาน“หมิงตื่นยัง” พี่วศินเคาะประตูห้องแค่สองสามทีแล้วก็เปิดเข้ามาโดยง่ายเพราะผมไม่ได้ล็อคประตู ประสาทสัมผัสของผมได้ยินและรับรู้การกระทำของเขาแต่ก็ยังไม่อยากลืมตา เตียงยวบเมื่อพี่วศินเดินมานั่งบนเตียงแล้วปลุกผมอย่างใจเย็น“ตื่นไปแปรงฟันเร็ว ไหนบอกว่าวันนี้จะไปวิ่งกับพี่ไง” เขาทวงผมกะพริบตาปริบๆแล้วฝืนลืมตา พี่วศินส่งรอยยิ้มสดใสให้ผมแต่เช้า ทั้งรอยยิ้มและแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาเจิดจ้า บรรยากาศอบอุ่นในห้องทำให้เขาต่างหากที่ดูเหมือนหมาตัวใหญ่ เหมือนมากกว่าผมเยอะได้ยินเขาทวงผมก็นึกถึงตัวเองเมื่อหลายคืนก่อน บทสนทนาจากเรื่องต่อยเป็นหรือไม่เป็น ลามไปถึงเรื่องหุ่นและการออกกำลังกาย พอพูดว่าอิจฉาหุ่นของเขา พี่วศินก็ยิ้มแฉ่งชวนผมไปออกกำลังกายทันที ผมที่คิดว่าควรฮึดออกกำลังกายบ้างสักตั้งจึงตอบตกลงด้วยความมั่นใจ ยังมีหน้าไปบอกเขาอีกต่างหากว่าให้เคี่ยวเข็ญผมด

    Last Updated : 2024-11-03

Latest chapter

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   ตอนพิเศษ Deep Dive

    Deep Diveดวงไฟรอบสระกลายเป็นสปอตไลท์ พื้นที่ตั้งแต่ชานเรือนจนถึงสระว่ายน้ำกลายเป็นเวที เสียงลมเสียงคลื่นคือดนตรีประกอบ ผมและพี่วศินคือนักแสดงเจ้าบทบาทผู้ครอบครองเวทีอันแสนกว้างขวางนี้โดยมีมวลเมฆและดวงดาราเป็นผู้ชมเปรียบดังเราเป็นนักแสดงผู้เต้นรำอยู่บนปลายเท้า แสงไฟสีนวลฉายฉานทว่าอาภรณ์ฉูดฉาดระยิบระยับกลับไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการแสดงนี้ ด้วยกายกึ่งเปลือย ปลายนิ้วผมสัมผัสกับปลายนิ้วเขา เราจับจูงก้าวกระโดดและหมุนคว้าง ปลายเท้าผมเหยียบอยู่บนเท้าของเขา ระบำและดำผุดดำว่ายไล่จับกันราวกับพระ-นางในโรงละครผมแนบกายเบียดชิดกับกล้ามอกแน่นตึงสีน้ำผึ้งที่ผมหลงใหล แลกปลายลิ้นแหลมของตนกับปลายลิ้นป้านหนาของเขา มันยื่นออกมาจากปากแตะต้องเกี่ยวกระหวัดกันอย่างคุ้นเคยยินดี น้ำอุ่นในสระประคองกายสองเราเอาไว้อย่างอ่อนโยน ผิดกับพี่วศินที่ลากผมไปมาจนทั่วสระแล้วจึงกักขักผมไว้ในสองแขนของเขา กดร่างผมจนติดขอบสระไม่อาจขยับเขยื้อนหลบเขาไปทางไหนได้อีกผมบีบนวดแผ่นอกหนาของเขาอย่างมัวเม

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   ตอนพิเศษ ใต้สมุทร

    ใต้สมุทรความรู้สึกตอนหย่อนตัวลงมาในน้ำเย็นๆน่าสะพรึงกลัวเล็กน้อย มวลน้ำมหาศาลโอบอุ้มร่างกายผมเอาไว้อย่างเป็นมิตร แต่ความรู้สึกเคว้งคว้างเท้าไม่ติดพื้นกลับทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้ใจนัก ผมสาวเชือกเส้นใหญ่ที่ผูกไว้กับเรือเคลื่อนไปด้านหน้า ยื่นมือให้พี่วศินที่รอรับอยู่บริเวณปลายเชือก เมื่อฝ่ามืออุ่นข้างนั้นกุมมือผมไว้ผมจึงรู้สึกสงบใจลงได้นิดหนึ่งผมกระชับสน็อกเกิล อมท่อช่วยหายใจไว้ในปากแล้วจุ่มหน้าตัวเองลงไปในน้ำทะเล โลกใต้น้ำที่เราตั้งใจมาดูจึงเผยตัวต่อหน้าผมในทันใด เสียงที่เคยอึกทึกภายนอกพลันเงียบสงัดกลายเป็นเสียงอื้ออึงอล สีฟ้าปกคลุมไปทั้งผืนน้ำ ใต้เท้าของผมเคว้างคว้างพื้นทะเลอยู่ต่ำลงไปกว่าห้าเมตร ปะการังและฝูงปลาใช้ชีวิตของมันอย่างไม่แยแสผู้คนอยู่ตรงนั้นพี่วศินก้มหน้าลงมาเช่นเดียวกัน เราพากันว่ายไปตามแนวปะการัง ผมขนานกายตัวเองไปกับผิวน้ำ สะบัดปลายเท้าโจนจ้วงแขนยาวไปเบื้องหน้า เพ่งมองโลกสีน้ำเงินแปลกตาผ่านแว่นใส เบื้องล่างนั้นคือชุมชนสัตว์น้อยใหญ่ ฝูงปลาเดินทางซ้ายขวาอย่างพร้อมเพร

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   ตอนพิเศษ ไอทะเล

    ไอทะเลกลับมาจากจันทบุรีคราวนั้น เราตกลงกันไว้ว่าจะต้องจัดทริปไปเที่ยวกันแบบจริงจังอีกครั้งให้ได้ ผมและพี่วศินช่วยกันออกความเห็น ด้วยงบประมาณอันล้นเหลือ(ของพี่วศิน) ทำให้เรามีตัวเลือกมากมายจนเอามาพูดคุยกันได้ไม่รู้จบ“ให้ผมช่วยออกด้วยไม่ดีกว่าเหรอ” คนที่ชินกับการหารเท่าอย่างผมรู้สึกแปลกๆ เพิ่งได้ใช้เงินตัวเองบ้างไม่กี่เดือนพี่วศินก็จะเลี้ยงอีกแล้ว ถึงแต่แรกจะเป็นผมที่มาอ้อนขอให้เขาเลี้ยงก็เถอะ จิตสำนึกของผมมันไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้จริงๆนี่นาแต่ถ้าเขาเต็มใจ ผมก็ไม่ขัดนะ(ฮา)“หมิงบอกพี่ว่าอยากมีเงินเก็บนี่นา” พี่วศินพูดเรียบเรื่อยระหว่างพับแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นเหนือข้อศอก อวดท่อนแขนสีน้ำผึ้งที่มีแนวมัดกล้ามสวยงาม ระหว่างสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอยู่หน้ากระจก ดวงตาสีดำก็สะท้อนแสงเช้าเป็นประกาย พี่วศินพูดยิ้มๆเผยลักยิ้มที่แก้มขวา “ส่วนพี่มีเงินเก็บแล้ว พี่อยากใช้ครับ”ผมนั่งเท้าคางมองคนวัยสามสิ

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายเสียงกระดิ่งลมดังไพเราะเมื่อประตูกระจกของร้านถูกผลักเข้ามา หญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองสวมชุดเดรสสีแดงเลือดนกเข้ากันกับริมฝีปากสีแดงสด พี่มะลิหอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง เธอตามมาเป็นคนสุดท้ายหลังจากปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งสามนั่งรอมาเกือบชั่วโมงผมกับพี่วศินมาถึงเป็นกลุ่มแรก เราดื่มเบียร์แก้วแรกหมดไปแล้วจึงกำลังสั่งแก้วที่สอง ช่วงปลายหน้าฝนมรสุมพัดเข้าประเทศไทยลูกแล้วลูกเล่า บรรยากาศด้านนอกร้านจึงมืดครึ้มเปียกชื้น โชคดีที่พี่มะลิมาถึงตอนที่ฝนซาแล้วจึงไม่ลำบากมากนัก ผิดกับพี่เจฟที่มาถึงก่อนหน้านี้ไม่นาน จังหวะนั้นตรงกับช่วงที่ฝนกำลังสาดพอดี เสื้อผ้าของพี่เจฟจึงมีรอยน้ำประพรมไปทั่ว ร่มพับคันน้อยที่เจ้าตัวมีอยู่ดูท่าจะช่วยไม่ได้มากนัก“มึงเป็นคนนัดแท้ๆนะ” พี่เจฟค่อนขอดเป็นคนแรก ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นเหล่มองเพื่อนสาวที่ยังสวยเช้งด้วยความไม่พอใจนัก คงจะน้อยใจในโชคชะตาที่ตัวเองเปียกอยู่คนเดียวพี่มะลิแยกเขี้ยวใส่ทันควัน หญิงสาววางถุงกระดาษและถุงพลาสติก

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 31 เคียงข้าง

    เคียงข้างผมปรายสายตามามองเล็บมือตัวเอง “ตอนย้ายมากรุงเทพพี่ไม่ได้บอกใครเลยเหรอ”“ไม่เลย” พี่วศินกะพริบตาช้าๆ“ทั้งๆที่พี่ดูสนิทกับเพื่อนขนาดนั้นเลยนะ” ผมไม่ค่อยจะเข้าใจเขานัก หากเป็นผมในวัยเดียวกัน สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดแทบจะเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ “ขนาดพี่ไม่ติดต่อกับเขาเป็นสิบๆปี เพื่อนพี่ยังดูสนิทกับพี่อยู่เลย”“ตอนนั้นพี่ภาพลักษณ์ดีละมั้ง แต่เพราะแบบนั้นพี่ก็ยิ่งไม่อยากบอก ไม่อยากจะอธิบายอะไร” นิ้วยาวของพี่วศินลูบศีรษะผมไปด้วยระหว่างที่พูด สีหน้าของเขาผ่อนคลายกว่าครั้งก่อนมาก“แล้วตอนนี้ล่ะ” ผมกัดริมฝีปาก สำลักความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา “่ตอนที่เพื่อนเรียกชื่อเล่นพี่… พี่ยังรู้สึกแย่อยู่ไหม”พี่วศินเลิกคิ้ว เขาเบนสายตาขึ้นด้านบนคล้ายกับใช้ความคิด “จริงๆ ก็ไม่นะ กับพวกนั้นมันชินแล้วน่ะ อีกอย่างมันก็ผ่านมานานมากแล้วด้วย”“งั้นเหรอ” ผมเบาเสียง น้ำย่อยและความกังวลตีรวนกันอยู่ในท้อง ยิ่งคิดว่าอยา

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 30 เอาแต่ใจ

    เอาแต่ใจพวกเราใช้เวลาที่คาเฟ่นานกว่าที่คาดเพราะคุยกับพี่เบนเสียยืดยาว พี่วศินกับพี่เบนต่างฝ่ายต่างทำท่าทางเหมือนไม่อยากจะเสวนากันแต่สุดท้ายกว่าจะได้ออกจากร้านก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆ ก่อนเราเดินทางกลับกรุงเทพ พี่เบนยังขอคอนแท็คพี่วศินเอาไว้ด้วย แม้จะทำหน้าบึ้งก็เถอะ“มีเฟสหรือไอจีป้ะ”“หา” พี่วศินเลิกคิ้ว ทำหน้ายุ่ง “ก็มีแหละ แต่ไม่ได้เล่นหรอกนะ”“เออเอามาเหอะ” พี่เบนยื่นมือถือมาให้พี่วศินพิมพ์ชื่อเฟสตัวเองส่งๆ แล้วจึงยื่นมือตัวเองมาจับมือผมอีกที หวา มือนุ่มจัง “ไม่ใช่ว่าพี่จะอะไรนะน้องหมิง แต่ไอ้นี่มันหายไปเหมือนตายอ้ะ อย่างน้อยก็อยากอัพเดทกับเพื่อนบ้างว่าเมยมันยังมีชีวิตอยู่”“เข้าใจครับ” ผมยิ้มตาหยี“อย่ามาแตะดิ๊” และเป็นอีกครั้งที่พี่วศินปัดมือพี่เบนทิ้งอย่างไม่ไยดีแล้วยัดมือถือคืนอีกฝ่ายไป“หวงเป็นหมาเลยไอ้

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 29 Specialty Coffee

    Specialty Coffee ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยจุมพิตที่แก้มขวา เมื่อลืมตาดูก็เห็นพี่วศินอยู่ในชุดพร้อมออกเดินทางแล้ว ผมคิดว่าตัวเองตื่นสายจึงผุดลุกขึ้นนั่ง ทว่าความปวดร้าวที่บั้นท้ายร่วมกับฝ่ามือใหญ่ของพี่วศินกลับยันกายผมให้นอนลงบนเตียงเหมือนเก่า “นอนเถอะเจ้าหมา เดี๋ยวพี่ไปที่ดินเอง”ผมยังเมาขี้ตา กึ่งเป็นห่วงกึ่งดีใจจึงจับมือเขาเอาไว้ “จะดีเหรอ”“ดีสิ พี่ไปไม่นานก็กลับแล้ว” เขาว่า “ให้หมิงพักดีกว่า เดี๋ยวจะสะบักสะบอมเกิน”“รู้ตัวเหมือนกันนะว่าเล่นผมซะเยิน”“ก็เราชอบไม่ใช่เหรอครับ”“ชอบที่สุด” ผมยิ้มเผล่ทั้งที่ตายังปิด&l

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 28 จันทร์กระเพื่อม

    จันทร์กระเพื่อม“ผมก็ต้องทำแบบนี้สิ… พี่จะได้เสร็จเร็วๆไง”เด็กตรงหน้าเอ่ยวาจายั่วเย้าพร้อมส่งรอยยิ้มยั่วยวน ความซุกซนในแววตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเอาเสียให้ได้วศินรู้สึกเหมือนแก่ลงสิบปีเขาอายุแค่สามสิบแปด อย่างเขาไม่อาจเรียกได้ว่าแก่ ยังห่างไกลจากคำนั้นอยู่มากแท้ๆ แต่ในหมู่คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ใครๆก็ล้วนแต่พูดว่าตนเองรู้สึกแก่กันทั้งนั้น เขาตามกระแสที่ชาวบ้านคุยกันก็ไม่ค่อยจะทัน ยิ่งเมื่อคบหาสมาคมกับเด็กรุ่นน้อง การเป็นพี่คนโตในที่ทำงานก็ยิ่งกล่อมให้เขาเข้าใจว่าตัวเองแก่อย่างที่ปากว่าจริงๆไปอีกแล้วการคบหาดูใจกับคนที่อายุน้อยกว่าเก้าปีเป็นอย่างไรงั้นหรือก็คงคล้ายๆกับการถูกแวมไพร์น้อยดูดเลือดกระมังชีวิตที่เคยนิ่งสงบเพราะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างไว้จนอยู่ตัวพอประมาณพลันถูกความสดใสมีชีวิตชีวาของเจ้าหมาเด็กเข้ามาเล่นงาน คลื่นอารมณ์ที่เค

  • เจ้านายใจดีช่วยเลี้ยงผมทีได้ไหมครับ   บทที่ 27 แรมริมน้ำ

    แรมริมน้ำเรื่องราวทั้งหมดคล้ายจะคลี่คลายลงได้ด้วยดี นอกจากนัดหมายที่สำนักงานที่ดินในเช้าวันพรุ่งนี้ ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องมาเกี่ยวพันกันอีกอย่างที่พี่วศินต้องการตั้งแต่ขับรถออกมาจากวัด พี่วศินก็ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เขาบอกผมว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ดูไม่สบายอกสบายใจแบบนั้น“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมหันไปมองตาพลางแตะมือไปที่หน้าขาของเขาพี่วศินเหมือนทำหน้าไม่ถูก “อ๋อ อืม” เขายื่นมือหนึ่งมาจับมือผมที่ยื่นไปเมื่อสักครู่ มือใหญ่ของเขาเย็นเฉียบเพราะลมแอร์ “มันเหมือนจะโล่งแต่ก็ไม่โล่งยังไงก็ไม่รู้น่ะ”“ทำไมล่ะ”“ไอ้พี่แชมป์มันแปลกเกิน” พี่วศินเปรยก่อนเบ้ปากทันควัน “เชี่ย บาปมั้ยวะ”ผมหัวเราะ “ไม่เห็นเหมือนที่เล่าให้ฟังเลย ผมเตรียมมาต่อยเขาแท้ๆนะเนี่ย”“ห่มผ้าเหลืองมาขนาดนั้นอยากต่อยก็ต่อยไม่ลงน่ะสิ” พี่วศินวิจารณ์พลางส่ายหน้า “ความจริงมั

DMCA.com Protection Status