แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”

“……” เฉินฝานทำหน้ามึนงง นางมีความผิดอะไร!

เขาโน้มตัวจะพยุงฉินเย่ว์โหรวให้ลุกขึ้น ปรากฏว่านางโขกศีรษะกับพื้นโป๊ก ๆ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสถึงตัว

“ข้าน้อยรู้ว่านายท่านรังเกียจฝีมือของข้าน้อยเสมอมา ข้าน้อยจะไปร่ำเรียนกับกลุ่มสตรีในชุมชนเจ้าค่ะ”

“ก่อนหน้านี้ ท่านลงโทษจนขาขวาของข้าน้อยหักแล้ว หากท่านลงโทษจนขาซ้ายของข้าหักอีก ข้าน้อยก็จะปรนนิบัติท่านไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ”

!!!

แท้จริงแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนตีขานางหัก!!

เมื่อมองขาขวาที่หักของฉินเย่ว์โหรว พลางมีเสียงหวีดดังขึ้นในหัวของเฉินฝาน

คนสวยขนาดนี้ทั้งคน ยังนอบน้อมอ่อนโยนเช่นนี้อีก มีแต่อยากเอ็นดู เจ้าของร่างเดิมคิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงกล้าลงมือเช่นนี้!

“เมื่อขาเจ้าไม่สะดวก งั้นก็ลุกขึ้นเถิด!”

ฉินเย่ว์โหรวตัวสั่นและกลัวเฉินฝานมาก นางแทบไม่ได้รู้ว่าเฉินฝานพูดอะไร “ได้โปรดนายท่าน อย่าทุบตีข้าเลย อย่าทุบข้าเลย”

ร่างกายที่สั่นจนควบคุมไม่ได้และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัว

เห็นได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมทุบตีนางเป็นประจำจนนางกลัว

เฉินฝานพูดสามครั้งติดต่อกันว่าจะไม่ทุบตี จากนั้นฉินเย่ว์โหรวก็หยุดขอความเมตตาพร้อมเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังและมองเฉินฝานด้วยความไม่เชื่อสายตาเล็กน้อย

“นายท่าน ท่าน……จะไม่ทุบตีข้าน้อยหรือเจ้าคะ!”

“เฉินฝาน เฉินฝาน!”

เฉินฝานกำลังจะตอบคำถามฉินเย่ว์โหรว พลันมีเสียงรีบร้อนดังขึ้นจากด้านนอกประตู

ฉินเย่ว์โหรวที่คุกเข่าอยู่กับพื้นรีบลุกขึ้นไปยังประตูและช่วยเฉินฝานเปิดม่านกั้นประตู

“ขอบใจนะ!” เฉินฝานพยักหน้าเบา ๆ ให้กับฉินเย่ว์โหรวและเดินผ่านนางไป

ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่ด้านหลังเฉินฝาน นางมองดูเขาด้วยความประหลาดใจและสับสนโดยไม่รู้สึกตัวเป็นเวลานานมาก

นายท่านไม่ทุบตีนางและยังพูดกับนางอีกว่า……ขอบใจนะ!

หลังจากตกลงไปที่หุบเขา นิสัยของนายท่านเปลี่ยนไปด้วย?

หากเป็นเช่นนั้นจริง คงจะดีมาก

ฉินเย่ว์โหรวตบหน้าตัวเอง

ฉินเย่ว์โหรว ๆ หยุดฝันลม ๆ แร้ง ๆ ได้แล้วหน่า

เฉินฝานกลายเป็นคนดี เป็นเรื่องยากกว่าขึ้นสวรรค์อีก!

……

ในสวนนั้น มีผู้ชายร่างใหญ่สามคนยืนอยู่ คนหนึ่งสูงกว่าอีกคนหนึ่ง คนที่ยืนข้างหน้าสุดมีรูปร่างราวกับปีศาจร้าย มองแล้วรู้เลยว่าไม่ควรมีเรื่องด้วย

คนพวกนี้คือใครกัน!

เฉินฝานหันหน้าจะถามฉินเย่ว์โหรวแต่กลับพบว่านางแสดงสีหน้ากังวลใจ สองมือประสานกุมไว้แน่นหนา ในสายตาที่มองสบกันกับเฉินฟาน มีความโศกเศร้า ความไม่พอใจและการขอความช่วยเหลือ

นี่มันอะไรกัน!

“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ ข้าเรียกตั้งนานกว่าจะออกมาได้!” ชายคนนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าเฉินฝานและแสดงฟันเหลือง จากนั้นแกว่งของในมือพร้อมกล่าว “ข้าเอาอาหารและเหล้ามาแล้ว คนก็พามาให้เจ้าด้วย”

พูดจบ เขาเรียกสองคนด้านหลังเข้าไปข้างในโดยไม่รอเฉินฝานตอบรับ

“พวกเรารู้จักกันรึ!”

เฉินฝานไม่ชอบใจ ที่นี่คือเรือนของเขา คนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขาทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่ ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกนั้นทำให้ภรรยาของเขาตกใจ

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผู้ชายสามคนพลันหยุดชะงัก

“เจ้านี่มัน……เห้ย!” ชายฟันเหลืองยกมือขึ้นโบกอย่างไม่สนใจพร้อมพูดกับผู้ชายที่มาด้วยกัน “เมื่อวานไอ้หมอนี่ตกลงไปที่หุบเขา ตอนนี้สมองฟั่นเฟือน ไม่ต้องไปสนใจ พวกเจ้าเข้าไปนั่งก่อน”

พูดจบ ชายฟันเหลืองหันหน้าเข้าหาฉินเย่ว์โหรวที่ยืนอยู่หลังม่านกั้นและต่อว่าเสียงดังลั่น “นังเมียชั้นต่ำตาบอด ไม่เห็นอาหารและเหล้าในมือข้ารึไง! ยังไม่รีบเอาไปจัดการอีก ใช้ไม่ได้เลยสักนิด ถ้ารู้เร็วกว่านี้จะได้บอกให้น้องฝานเอาเจ้าไปขายทิ้งซะ!”

ร่างซูบผอมบางที่อยู่ตรงม่านกั้นประตูพลันสะดุ้งตกใจ

ฉินเย่ว์โหรวเดินออกมาจากม่านกั้นประตูด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว น้ำตายังคงเอ่อล้นเต็มดวงตา

นางรับอาหารและเหล้าจากมือของชายฟันเหลืองเสร็จ ฉินเย่ว์โหรวก็เดินกะเผลกตรงไปยังห้องครัว

ความโกรธของเฉินฝานเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ พวกไร้ปัญญา เป็นผู้ชายแต่รังแกผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้ยังเป็นภรรยาของเขาอีก

ไอ้ผู้ชายนี่เป็นใครกันแน่ มาหาโดยไม่ได้รับเชิญ อีกทั้งยังกล้าออกคำสั่งกับผู้หญิงของเขา

“เห้อ!”

เฉินฝานกำลังจะแสดงความโมโห ชายฟันเหลืองมองแผ่นหลังฉินเย่ว์โหรวที่เดินกะเผลกแล้วถอนหายใจ “ข้าว่านะเฉินฝาน เจ้าอดทนสักหน่อยไม่ได้เชียวรึ! ฉินสี่ขาหักแล้วน่าเสียดายไม่น้อย!”

“จริงด้วย!”

ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังชายฟันเหลืองพยักหน้าเห็นด้วยและรู้สึกน่าเสียดาย

เฉินฝานมองผู้ชายสามคนนั้นอย่างสงสัย ฟังจากน้ำเสียงแล้ว สิ่งที่พวกเขาเสียดายไม่ใช่การเห็นอกเห็นใจฉินเย่ว์โหรว

“อย่ายืนกันอีกเลย พวกเราเข้าไปนั่งข้างในเถอะ เฉินฝาน ข้าดูสภาพเจ้าแล้วคงยังไม่หายดีเป็นแน่ เจ้าก็เข้าไปนั่งเถอะ”

ชายฟันเหลืองทำตัวเหมือนเจ้าของเรือนดึงเฉินฝานเข้าไปข้างใน

เฉินฝานนั่งลงมองชายสามคนนิ่ง รู้เขารู้เรา เขาต้องรู้ให้ได้ว่าคนพวกนี้เป็นใครและมาด้วยจุดประสงค์อะไร

เขาจัดการความทรงจำพักใหญ่

ผู้ชายสามคนนี้ เขารู้จักแค่ชายฟันเหลืองที่เป็นหัวหน้า มีนามว่าจู้ต้าอัน เขาและเจ้าของร่างเดิมเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน

ทั้งสองคนมีนิสัยคล้ายกัน ทั้งเกียจคร้านและไม่เอาไหน รู้จักแค่กิน ดื่ม เที่ยวและเล่นพนัน งานบ้านในเรือนยกให้เป็นหน้าที่ของภรรยาทั้งหมด มิหนำซ้ำยังดูถูกว่าเหล่าภรรยาหาเงินทองได้น้อย ไม่ได้ดั่งใจเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ทุบตีก็ต่อว่าตำหนิ ทุบตีจนไม่ใช่มือหักก็ขาหัก

จูต้าอันกับเจ้าของร่างเดิมทำตัวกร่างเช่นนี้ก็เพราะรู้ว่าไม่มีใครกล้าฟ้องพวกเขากับทางราชการ

รัชสมัยต้าชิ่งมีผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิงตั้งแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ก็อยู่ในสภาวะสงครามกับเมืองรอบ ๆ และยังประสบภัยพิบัติอีก ทุกวันนี้ชายหนุ่มในราชสำนักลดฮวบอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงจำนวนมากที่ถึงวัยออกเรือนแต่ไม่มีใครรับไปเป็นภรรยา

สภาพเมืองย่ำแย่ ขาดแคลนเสบียงอาหารอย่างหนักทุกครัวเรือน ครอบครัวที่ใจเด็ดก็ทำการขับไล่ผู้หญิงที่ไม่มีใครแต่งงานด้วย คนที่มีหน้าตาสวยยังสามารถขายตัวตามซ่อง คนที่ไม่สวยทำได้เพียงเร่ร่อนไปทั่ว ในทุก ๆ ปีมีหญิงเร่ร่อนอดตายเป็นจำนวนมาก

ต่อให้เป็นหญิงสาวที่ไม่ได้ถูกขับไล่ออกไป แต่พวกนางกลัวตนเองเป็นภาระให้กับครอบครัว ส่วนมากก็เลือกจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

ด้วยเหตุนี้ ฮ่องเต้ของต้าชิ่งจึงได้ประกาศพระราชโองการไว้หนึ่งฉบับ

ราชสำนักจะเป็นผู้จัดสรรภรรยาให้ นอกเหนือจากภรรยาที่ทางราชสำนักจัดสรรให้แล้ว ยังสนับสนุนให้ชายหนุ่มแต่งภรรยาหลายคน ผู้ใดแต่งภรรยาสามคนขึ้นไป รับรางวัล!

รางวัลที่ฮ่องเต้จะประทานให้ เริ่มจากเงินหนึ่งตำลึงในตอนแรกเพิ่มขึ้นมากถึงเงินสิบตำลึงในภายหลัง แต่ภายในราชสำนักก็ยังไม่มีชายหนุ่มคนไหนยอมแต่งภรรยาเพิ่มขึ้นเลย

ทุกวันนี้สถานการณ์ย่ำแย่ ครัวเรือนไหน ๆ ก็มีแต่ใช้ชีวิตไม่ฟุ่มเฟือยรัดเข็มขัดให้แน่น ใครจะกล้าแต่งภรรยาเพิ่ม

จำนวนผู้ชายร่อยหรอ เฉินฝานกับจู้ต้าอันแต่งภรรยามากกว่าสามคนทั้งคู่ ต่อให้ไปฟ้องที่ว่าการ อย่างมากที่ว่าการก็เพียงลงโทษพวกเขาตามกฎก็เท่านั้น

จูต้าอันกวาดสายตามองออกไป “น้องฝาน นังฉินสามของเจ้าล่ะ วันนี้ไม่อยู่ที่เรือนหรอกรึ!”

“ฉินสาม!”

นังนั่น!

อย่าบอกนะว่า เขาไม่ได้มีภรรยาคนเดียว!

“ไม่ใช่แล้วล่ะ” จูต้าอันส่ายหัว “ข้าว่านะน้องฝาน สมองของเจ้าใช้การไม่ได้หลังจากตกไปที่หุบเขาแล้วจริง ๆ รึ”

เฉินฝานเขม่นตาใส่ “พูดจาเป็นหรือไม่ สมองเจ้าสิใช้การไม่ได้!”

จูต้าอันตอบโต้ทันที “ถ้าสมองยังใช้การได้ แล้วทำไมถึงจำฉินสามไม่ได้ล่ะ! เจ้าไม่เพียงแต่จำฉินสามไม่ได้ แต่ยังเกรงอกเกรงใจกับนังพิการฉินสี่อีก ไม่ตบตีไม่ดุด่า”

ฉินสี่ นังพิการ!

คนที่จูต้าอันกำลังพูดถึงคงเป็นฉินเย่ว์โหรวที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว

“เจ้านี่มันรู้จักคำว่ามารยาทบ้างหรือไม่ เมียข้าชื่อเย่ว์โหรว ไม่ใช่นังพิการ!”

“ให้ข้าดูหน่อย ๆ” จูต้าอันแสดงสีหน้าดุจผู้เหนือกว่า “ยังพูดอีกว่าสมองใช้การได้ ปกติเจ้ารังเกียจฉินสี่ที่สุด เจ้ารังเกียจที่นางซูบผอม ลงนาทำงานหนักไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีพวกฉินสาม เจ้าหย่ากับนางและทิ้งนางไปนานแล้ว”

“อ๋อ!” จูต้าอันพูดอยู่พลาง ๆ ก็อ๋อขึ้นมาแล้วชี้หน้าเฉินฝาน “ข้ารู้แล้วว่าเจ้านัดพวกข้าวันนี้ทำไม เพราะฉินสามไม่อยู่ที่เรือน เจ้ากลัวนางนั่นเอง”

“……” ความทรงจำเรื่องนี้ ไม่มีในสมองของเฉินฝานเลยสักนิด

ฉินสาม

จูต้าอันพูดถึงฉินสามทุกประโยค

นางคือพี่สาวของเย่ว์โหรวรึ! และเป็นภรรยาของเขาด้วยรึ นางเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาเป็นอย่างไรกันนะ!

“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงฉินสามล่ะ มาคุยเรื่องของวันนี้กันเถอะ” จูต้าอันหันไปหาผู้ชายอีกสองคนที่เขามาด้วย “เป็นอย่างไร ข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้าใช่หรือไม่ นังฉินเย่ว์โหรวมีหน้าตา……”

“นายท่าน”

เสียงหวานนุ่มนวลของฉินเย่ว์โหรวพูดขัดจังหวะจูต้าอัน นางยกโต๊ะเล็กที่มีกับข้าวสามอย่างเพิ่งทำเสร็จเดินเข้ามา

มือที่ยกโต๊ะกับเท้าที่ไม่สะดวก ทำให้นางต้องดูแลอาหารบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ฉินเย่ว์โหรวเดินกะเผลกเข้ามาข้างใน

เฉินฝานรีบลุกขึ้นรับโต๊ะเล็กจากมือฉินเย่ว์โหรว “ข้าช่วย!”

ฉินเย่ว์โหรวชะงักเล็กน้อย ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นยังแฝงไว้ด้วยความงุนงงและความประทับใจเล็กน้อย

เฉินฝานไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่นางยกอาหารช้า แต่ยังลุกขึ้นช่วยนางและพูดกับนางอย่างสุภาพ

เขา......ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริง ๆ

“เนื้อผิวทั้งขาวและละเอียดอ่อน หน้าตาก็สะสวยงดงาม ต้าอันพูดไว้ไม่ผิด เป็นหญิงงามที่หายากจริง ๆ น่าเสียดายที่ขาถูกทุบตีจนหัก ไม่เช่นนั้น……”

จูต้าอันจับจ้องฉินเย่ว์ ผู้ชายสองคนที่เขาพามาด้วย ก็จับจ้องบนตัวฉินเย่ว์โหรวไปมาอย่างไม่มีเจตนาดี

แม้ว่ายุคปัจจุบันเฉินฝานไม่เคยมีแฟน แต่เขาไม่ใช่คนโง่ จุดประสงค์การมาของพวกนี้ก็คือฉินเย่ว์โหรว

เจ้าของร่างเดิมมันไม่ใช่คน ตอนเกิดใหม่ลืมพกสมองมาด้วยหรืออย่างไร นับถือคนที่คิดไม่ซื่อกับภรรยาของตัวเองว่าเป็นพี่น้องกัน!

เฉินฝานกวาดสายตาเย็นชามองหน้าผู้ชายสามคนตรงหน้า

“ไสหัวออกไปให้หมด!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (7)
goodnovel comment avatar
Arun Immeunwai
อ่านถึงบท ห้าร้อยหกสิบกว่า มาบอกว่าเปลี่ยนล็อกอิน เข้าระบบ คืออะไร ทั้งที่เข้าอ่านประจำทุกวัน
goodnovel comment avatar
Teerawat Sutee Bunthob
สนุกมากเลยครับ เตรียมเงินไว้เติมเหรียญ อ่านเรื่องสนุกๆๆแบบนี้...️
goodnovel comment avatar
ไมตรี ไมตรี
เวลาเปิดใหม่ทำไมไม่ไปหน้าสุดท้ายที่อ่านเลย ขี้เกียจเลื่อน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 3

    เฉินฝานพลันตะโกนเสียงแข็ง จูต้าอันกับผู้ชายอีกสองคนถึงกับสะดุ้งตกใจไอ้หมอนี่ กล้าพูดจาเสียงดังกับพวกเขา!ภายในห้องเงียบสงบในทันใด“เฉินฝาน!” จูต้าอันแสดงหน้าถมึงทึง “ตั้งแต่พวกเราเข้ามา เจ้าก็ทำกร่างตลอด เมื่อครู่นี้ข้าถือว่าเจ้าเพิ่งตกเขากลับมาร่างกายยังไม่หายดี แต่เจ้าอย่าทำตัวไว้หน้าแล้วไม่สนใจ ข้าขอพูดไว้ตรงนี้ ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ เมื่อเจ้ารับเงินไปแล้วก็ต้องทำตามที่ตกลงไว้”ตอนที่จูต้าอันกำลังพูด ผู้ชายสองคนด้านหลังยืนขึ้นแล้วผู้ชายสองคนนั้น ทั้งตัวสูงและบึกบึนหากเกิดการปะทะขึ้นมาจริง ๆ เขาสามารถเอาตัวรอดได้ เพียงแต่ว่า……เฉินฝานชำเลืองมองฉินเย่ว์โหรวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้าง“โหย ดูสมองข้าสิ!” เฉินฝานกุมหัวแสดงสีหน้าเหมือนเจ็บปวด “หลังจากตกเขาและฟื้นขึ้นมาข้าก็ไข้ขึ้นไม่หยุด จนป่านนี้หัวของข้าก็ยังเจ็บตื้อ ๆ ไม่หาย และลืมเรื่องต่าง ๆ ไปเยอะมาก ข้าขออภัยด้วย”เมื่อเห็นสีหน้าของชายสามคนผ่อนคลายลง เฉินฝานพลางรีบเอ่ยถามจูต้าอัน “พี่จู ก่อนหน้านี้ข้าตกลงกับพี่เรื่องอะไรนะ!”“หากเป็นเช่นนั้น……ก็ช่างเถอะ!” จูต้าอันส่งสัญญาณให้สองคนนั่งลง “ตกเขาฤดูหนาวแต่ไม่ถูกหมาป่าคาบ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 4

    “ขอร้องแม่เจ้าสิ!” เฉินฝานยกอีกถ้วยหนึ่งขึ้น“ปึก!”“ดูซิว่าข้าจะกล้าตีเจ้าหรือไม่ ?”“อ๊าก!” จูต้าอันที่ไม่ทันระวังตัวส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ต่อมาเขาพยายามจะลุกขึ้น แต่เฉินฝานไม่ให้โอกาสเขาเลย“ปึก!”“กล้าไหม!”“ปึก!”“กล้าไหม!”เขาพูดคำว่ากล้าไหมหนึ่งครั้ง ก็ฟาดจูต้าอันหนึ่งครั้งกำลังมือที่เฉินฝานฟาดลงไปหนักขึ้นทุกครั้งศีรษะของจูต้าอันกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาปากแข็งในตอนเริ่มต้น แต่ภายหลังส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังสนั่นและร้องขอความเมตตาไม่หยุดชายสองคนที่มาจากหอนางโลมอี๋ชุนย่วนวางมือลงและมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยจูต้าอันสักคนไอ้เฉินฝานนี่ เหตุใดถึงไม่เหมือนอย่างที่รู้จักเฉินฝานที่พวกเขารู้จัก นอกจากผู้หญิงในเรือนตนเองแล้วก็สู้ใครไม่ได้เลย คำว่าอันธพาลของหมู่บ้านล้วนได้มาเพราะอยู่กับจูต้าอันและล้วนเพราะมีจูต้าอันคอยหนุนหลังทำไมตอนนี้กลับ……“ปึกๆๆ!” เฉินฝานยังทุบไม่หยุด“นายท่านเจ้าคะ นายท่าน!” ฉินเย่ว์โหรวนั่งลงข้างเฉินฝาน “หยุดตีได้แล้ว หยุดตีได้แล้ว ถ้ายังตีต่อไปเขาจะตายได้นะเจ้าคะ!”ครอบครัวไม่อาจไร้ผู้นำ หากเฉินฝานเข้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 5

    “วืด”“ตุบ!” ธนูดอกหนึ่งเสียบตรงบานประตูเฉินฝานมองลูกธนูที่อยู่ห่างเขาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรอย่างตาโต เขามีความรู้สึกเหมือนรอดพ้นเคราะห์กรรม หากธนูลูกนี้เฉียงอีกเพียงเล็กน้อย……ใคร!ใครสามหาวถึงเพียงนี้!คนสูงโปร่งรูปสวยคนหนึ่งพลันแสดงตัวขึ้นตรงหน้าเฉินฝาน“พี่สาม!”เฉินฝานยังไม่ทันได้ตอบโต้ ฉินเย่ว์โหรวก็วิ่งไปพี่สาม!ฉินเย่ว์เจียว?ในความทรงจำ ฉินเย่ว์เจียวเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของฉินเย่ว์โหรว ภรรยาอีกคนของเขาเฉินฝานมองฉินเย่ว์โหรวอย่างละเอียดมองจากสายตาน่าจะสูงราว 170 เซนติเมตร ความสูงนี้ ในสมัยโบราณถือว่าสูงมากรูปหน้าคล้ายคลึงกับฉินเย่ว์โหรวแต่ก็มีความแตกต่างนางมีโครงหน้าชัดกว่า ร่างกายอวบอิ่มกว่าฉินเย่ว์โหรว สีผิวค่อนไปทางเหลืองข้าวสาลี ประกอบกับความสูงของนางแล้ว ช่างชวนให้รู้สึกมีความองอาจ เย้ายวนแทบทุกอิริยาบถอาจเป็นเพราะวิ่งเร็ว สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวจึงแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อหยดลงจากหน้าผาก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ……เห้อ!เฉินฝานหันหน้าหนีอย่างเร็วหากพูดว่าฉินเย่ว์โหรวที่อ่อนแอแต่อ่อนโยนทำให้รู้สึกอยากปกป้อง ถ้าเช่นนั้นฉินเย่ว์เจียวท

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 6

    เมื่อมาถึงยามนี้ ฉินเย่ว์เจียวไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก นางถอดด้ามธนูออกจากคันธนู กำไว้ในมือแน่น ขณะที่จ้องเฉินฝานถมึงทึงเฉินฝานยังรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่ต้องพูดถึงฉินเย่ว์เจียวเลย เขาฟังแล้วยังอยากบีบคอนายท่านคนเดิมให้ตายไปเสียฉินเย่ว์โหรวลดแขนที่กางออกลงอย่างช้า ๆ แสงในดวงตาหรี่ลงทีละน้อย ฉินเย่ว์เจียวพูดถูก ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้พวกนางไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ เลยสักวันหลายครั้งที่นางเองก็สงสัย ความตายนั้นดีกว่าการมีชีวิตอยู่หรือไม่“น้องสี่ เจ้ามายืนข้างข้า” ฉินเย่ว์เจียวดันฉินเย่ว์โหรวไปด้านข้าง พลางชี้ด้ามธนูและคันธนูไปยังเฉินฝานอีกครั้ง“อา!” ฉินเย่ว์โหรวหลับตาไม่กล้ามองผ่านไปชั่วพริบตา“ท่าน......”ฉินเย่ว์เจียวจ้องมองเฉินฝานตรงหน้านางอย่างว่างเปล่า ในขณะนี้เฉินฝานกำลังจับมือของนางที่ถือคันธนูอยู่“เหตุใดท่านถึง ถึงได้...” ฉินเย่ว์เจียวเอ่ยขึ้นตะกุกตะกักเขาเข้ามาตรงหน้านางและจับมือนางได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เขาจะมีทักษะเช่นนี้ได้อย่างไรหากเขามีทักษะเช่นนี้ ฉินเย่ว์โหรวคงถูกขายไปนานแล้ว จะรอให้นางออกไปแล้วค่อยแอบขายฉินเย่ว์โหรวทำไมกัน“เย่ว์.

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 7

    หลังจากที่ฉินเย่ว์เจียวออกไปข้างนอก ฉินเย่ว์โหรวก็ยกอาหารที่เฉินฝานกินไปได้ครึ่งหนึ่งออกไปขึ้นโต๊ะ“นายท่าน ข้าน้อยอุ่นข้าวแล้ว ท่านทานเถอะเจ้าค่ะ!”พูดจบก็วางอาหารแล้วหมุนตัวจะออกไปหลังออกจากห้องหลัก ฉินเย่ว์โหรวเรียกฉินเย่ว์เจียวให้ไปกินข้าวเย็นสองพี่น้องไม่ได้เข้าไปกินอาหารในห้องหลัก พวกนางเดินเข้าไปในครัว หนึ่งคนถือหนึ่งชามกินอาหารเฉินฝานนั่งลง มองชามข้าวใบเล็กตรงหน้าเขาแล้วยิ้มอย่างจนใจ ชามข้าวนี้ของเขา กินแล้วช่างเต็มไปด้วยความพลิกผันเหลือแสนเสียจริง กินตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นก็ยังกินไม่หมดเลยในขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น เฉินฝานก็เงยหน้าขึ้น อีกฟากหนึ่งของห้องครัว สีหน้าอันเจ็บปวดของสองพี่น้องฉินที่กลืนอาหารอย่างขมขื่นก็ตกอยู่ในสายตาของเขาเมื่อคิดว่าสิ่งที่อยู่ในชามของพวกนางไม่ใช่ข้าวขัดสีแต่คือผักป่า เขาก็กินไม่ลงเดิมทีเขาต้องการเรียกพวกนางมากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อมองดูชามข้าวขนาดเล็กบนโต๊ะแล้ว คิดอีกที ฉินเย่ว์โหรวคงกลัวว่าเขาจะ...“ตึง!”เฉินฝานกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะเป็นดังคาด ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่อีกฟากของห้องครัวตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน ฉินเย่ว์เจียวก็ยืนขึ้นตาม นางดึงฉินเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 8

    เฉินฝานย่อมฟังออกถึงความสงสัยของฉินเย่ว์โหรว เขายิ้มแล้วพูด "ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นนายท่านของพวกเจ้านะ"ยุคปัจจุบันเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน จะมีงานบ้านใดที่ไม่เคยทำเล่าฉินเย่ว์โหรวยังคงไม่ขยับนายท่าน...เขา เขายิ้มให้นางจริง ๆนางกำลังฝันอยู่หรือเปล่า“เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว”จนกระทั่งเฉินฝานเรียกนางเป็นครั้งที่สาม ฉินเย่ว์โหรวก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง“จะ จะจุดไฟทันทีเลยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวรีบ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อยเนื้อที่จูต้าอันนำมาด้วยในวันนี้ครึ่งหนึ่งมีไขมันในยุคนี้ เนื้อติดมันแพงกว่าเนื้อไม่ติดมันเฉินฝานหั่นเนื้อมันออกทีละน้อย แล้วใส่ลงในหม้อ ทอดจนออกน้ำมันกลิ่นหอมของน้ำมันผุดออกมาจากหม้อ ฉินเย่ว์โหรวก็แอบกลืนน้ำลายเต็มปากในขณะที่นางกำลังจุดไฟฉินเย่ว์เจียวซึ่งยืนอยู่ข้างกรอบประตูก็อดไม่ได้เช่นกันมันหอมมากหนึ่งปีแล้วที่ไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์เลย สองพี่น้องรู้สึกหิวไขมันไม่เยอะ จึงกลั่นน้ำมันได้ไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลยเฉินฝานเทเนื้อที่เหลือลงในหม้อพร้อมกับผักป่าทันทีที่ผักป่าถูกเทลงในหม้อ แสงในดวงตาของสองพี่น้องฉินทั้งก็หรี่ลงเฉินฝานไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 9

    “นายท่าน ท่านทำของหล่นหรือ” ฉินเย่ว์โหรวเดินตามเฉินฝานแล้วถามเบา ๆ“ข้าหา...หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว!”เฉินฝานหันกลับมาอย่างมีความสุข ในมือของเขามีของสีดำสนิทอยู่สองก้อนของสีดำนั้นก็คือ...มูล?มูล!มูลก้อนใหญ่สองก้อน มูลวัวทั้งดำและแห้งสองก้อน“เฉินฝาน” ฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานด้วยชื่ออีกครั้ง นางปกป้องฉินเย่ว์โหรว “ท่านคิดจะทำอะไรอีก”มือของฉินเย่ว์โหรวจับชายเสื้อของฉินเย่ว์เจียวไว้แน่น ดวงตาราวกับดวงดาราของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ลมหายใจสั่นเทาเมื่อเดือนที่แล้วเฉินฝานออกไปเล่นพนันและแพ้กลับมา ครั้นตื่นขึ้นมา กลางดึกเขาระบายความโกรธทั้งหมดใส่ฉินเย่ว์โหรว ด่านางที่แม้แต่อุ่นเตียงก็ทำไม่ได้ จากนั้นก็ลากนางไปที่ครัว ยัดขี้เถ้าเข้าปากนางตอนนี้เฉินฝานคงจะไม่ระบายความโกรธใส่นางอีกและยัดมูลวัวเข้าปากนางกระมัง...“เฉินฝาน ถ้าท่านทำร้ายน้องสี่ของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวตะโกนด้วยความโกรธแค้นราวกับว่านางยอมตายโดยไม่ยี่หระใด ๆ ทั้งสิ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว นางจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อีกเฉินฝานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เย่ว์เจียว เจ้าเป็นหญิงสาว อย่าคิดแต่เรื่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 10

    นี่มันอะไรกันเนี่ย?เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถาม “เย่ว์เจียว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือว่าถ้าข้าหาบ ทางการจะมาจับกุมฉินเย่ว์โหรวหรือ”“หึ!” ฉินเย่ว์เจียวส่งเสียงไม่พอใจ “ทำไมถึงแสร้งโง่ สมองท่านพังไปแล้วจริง ๆ หรือไร”!!!เฉินฝานตกตะลึง หรือจะเป็นเรื่องจริงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมีจำกัด เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆประเทศนี้มันแปลก ๆ ผู้ชายทำงานไม่ได้แล้วหรือไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายมีน้อยเพียงนี้ในความเป็นจริง ผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งสามารถทำงานได้ แล้วก็ยังถือว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งเพื่อความสวยงามอีกด้วยแต่ถ้าเฉินฝานเป็นฝ่ายเก็บมูลวัว ส่วนฉินเย่ว์โหรวกลับไปมือเปล่ามันคงจะผิดปกติผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งมีสถานะสูงส่ง รู้สึกว่าผู้หญิงเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้ชาย หากเฉินฝานหาบ ฉินเย่ว์โหรวเดินกลับมือเปล่า เช่นนั้นนางจะต้องถูกผู้อื่นสาปส่งนับไม่ถ้วน จากนั้นอาจถูกฟ้องไปยังทางการโดยผู้ชายในหมู่บ้าน ถึงยามนั้นจะต้องมีบทลงโทษกฎหมายอาญากว่ายี่สิบข้อหาด้วยร่างกายปัจจุบันของฉินเย่ว์โหรว ไม่มีทางที่จะสามารถต้านทานการลงโทษเจ้าหน้าที่ได้เฉินฝานไม่รู้อะไรเลย นอกจากกังวลว่าจะมีคนฟ้องท

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1226

    ในใจของชิงหนิง เถียนเสี่ยวอวี่คือผู้ดูแล และเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต และเป็นญาติพี่น้องของนางอีกด้วยนางโดนเสิ่นหยวนเลี่ยงใช้อุบายชั่วร้ายเช่นนั้นทอดทิ้ง หากไม่มีเถียนเสี่ยวอวี่เยียวยาจิตใจให้นาง นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้เลย เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เพียงเยียวยาจิตใจที่เหี่ยวเฉา นางยังมอบความรักความห่วงใยดั่งญาติพี่น้องให้ด้วย ชิงหนิงที่ถูกฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าชั้นยอดมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยสัมผัสความรักความห่วงใยของญาติสนิทที่แท้จริงมาก่อนเฉินฝานที่อยู่ด้านนอกเรือนพักได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเถียนเสี่ยวอวี่ถึงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามครึ่ง (เทียบเท่ากับสามชั่วโมงในปัจจุบัน) ในการทำอาหารหนึ่งมื้อ ที่แท้เห็ดปลวกกับผักกูดเหล่านั้นเป็นของที่นางตั้งใจวิ่งออกไปเก็บมาเมื่อครู่นี้เถียนเสี่ยวอวี่ช่วยปรับหมวกแม่ชีบนศีรษะของชิงหนิงให้ตรงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “ชิงหนิง เจ้าพูดเกินไปแล้วนะ ข้าแค่ไปเก็บเห็ดปลวก จะตายได้อย่างไรกัน?”เมื่อเห็นเถียนเสี่ยวอวี่มีท่าทางเช่นนี้ ชิงหนิงก็โกรธมากยิ่งขึ้น “จุดที่เจ้าเพิ่งล้มจนได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่นี้ หากไปข้างหน้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1225

    ด้วยทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ อารมณ์ของเฉินฝานจึงดีขึ้นพรวดพราดเช่นกันสำนักชีชิงเมี่ยวมีแต่แม่ชี แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะงดงามอีกเพียงใด เขาก็ไม่สะดวกที่จะเดินมากนัก กอปรกับบาดแผลที่บั้นท้ายยังคงเจ็บมาก เมื่อเดินวนละแวกอุโบสถ เฉินฝานก็เดินกลับไปขณะที่ใกล้จะเข้าไปในเรือนพัก เฉินฝานก็เดินเลี้ยวไปทางทิศเหนือ เขาจำได้ว่าเถียนเสี่ยวอวี่มาจากทางนี้ ไม่ไกลมากนัก เมื่อเดินเลี้ยวหัวมุม เฉินฝานก็เห็นเถียนเสี่ยวอวี่ตอนนี้นางกำลังหาบน้ำอยู่ นางมีรูปร่างเล็ก การหาบน้ำสองถังใหญ่ดูกินแรงมาก น้ำในถังสาดลงพื้น โคลนกระเด็นโดนจีวรของนางจนสกปรกไปหลายจุดเฉินฝานเร่งฝีเท้าตามสัญชาตญาณ อยากจะเข้าไปช่วย เขาเพิ่งจะยกเท้าขึ้นมา ความเจ็บแปลบส่งมาจากที่บั้นท้าย ทำให้เขาจำใจได้แต่ชะลอฝีเท้าลง ในตอนนี้เอง มีเงาร่างหนึ่งทะยานผ่านตัวเฉินฝานไปอย่างรวดเร็ว “ผู้ดูแล เฮ้อ งานหนักอย่างหาบน้ำเช่นนี้ ให้ข้าทำก็ได้”คนที่พุ่งผ่านตัวเฉินฝานคือเหอเสี่ยวเยี่ยนที่โดนเสิ่นหยวนเลี่ยงทอดทิ้ง บัดนี้นางคือแม่ชีชิงหนิงแห่งสำนักชีชิงเมี่ยว นางแบกฟืนมัดใหญ่ไว้บนบ่า ฟืนมัดนั้นประกอบด้วยไม้หลากหลายชนิด ดูท่าทางเหมือนเพิ่งจะหามาจา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1224

    เฉินฝานทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ“เสี่ยวอวี่ เป็นอะไรไปหรือ? มีเรื่องเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”เฉินฝานข่มกลั้นความเจ็บปวดที่บั้นท้าย เดินตามเถียนเสี่ยวอวี่ออกไปเถียนเสี่ยวอวี่รีบหันหน้ากลับมา “ใต้เท้า ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดหรอก เย็นแล้ว ข้าจะไปทำอาหารให้ท่าน” “หา?”เฉินฝานยังคิดจะถามว่าในฐานะที่นางเป็นผู้ดูแล เหตุใดยังต้องไปทำอาหารด้วยตนเอง เขายังไม่ทันเอ่ยคำพูดออกมา เถียนเสี่ยวอวี่ก็วิ่งไปไกลแล้ว หลังจากที่เถียนเสี่ยวอวี่ออกไปแล้ว ชิงหนิงก็ตามไปด้วยเช่นกัน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่งเต็ม ๆ เถียนเสี่ยวอวี่ถึงค่อยปรากฏตัวอีกครั้ง นางถือถาดไม้ไว้ในมือ มีข้าวหนึ่งชามและกับข้าวสองชามอยู่บนถาด “ใต้เท้า ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?” เถียนเสี่ยวอวี่วางอาหารลงตรงหน้าเฉินฝาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในใจเฉินฝานไม่พูดอันใด เหลือบมองอาหารตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองเถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความจริงจังเถียนเสี่ยวอวี่ที่รีบร้อนมานั้นดูทุลักทุเลอยู่บ้าง หมวกแม่ชีบนศีรษะเอียงไปทางด้านข้าง หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ แก้มขาวผ่องเปื้อนเขม่าดำอยู่หลายจุด ดูคล้ายกับแมวลายตัวน้อยแม้ว่านางจะดูทุลักทุเล แต

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1223

    “เจ้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยร้องขอสิ่งใดแม้แต่น้อย” หลิงเฟิงถลึงตาใส่เถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความเสียใจที่อีกฝ่ายไม่อาจเป็นดั่งที่หวังไว้ นางช่วยระบายความแค้นให้เถียนเสี่ยวอวี่ โอกาสในการกดขี่คงจิ้งเช่นนี้ นางกลับปล่อยไปอย่างง่ายดาย เถียนเสี่ยวอวี่ยิ้มบาง ๆ “อาจารย์อาท่านผิดแล้ว ความทะเยอทะยานของศิษย์สูงมากเลยนะเจ้าคะ” หากหลิงเฟิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินฝาน คงไม่พูดจาประชดเถียนเสี่ยวอวี่อย่างแน่นอน“เจ้าก็ยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้นะ เฮ้อ~” หลิงเฟิงถอนหายใจ “แล้วแต่เจ้าเถิด” ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักถูกใจนิสัยอ่อนโยนเยือกเย็นและไม่แก่งแย่งชิงอำนาจของเถียนเสี่ยวอวี่ถึงให้นางเป็นผู้สืบทอดมิใช่หรือ นางยังจะทำอย่างไรได้อีกเพียงแต่ว่าต่อไปเมื่อนางกับศิษย์พี่ไม่อยู่แล้ว เถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสำนักชีจะยิ่ง...เฮ้อ หลิงเฟิงส่ายหน้าเรื่องในอนาคตนั้น นางก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว กังวลมากมายถึงเพียงนั้นไปเพื่ออันใด ต่อไปเถียนเสี่ยวอวี่จะดีหรือร้ายก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง“แต่ว่าอาจารย์อา เขาเป็นบุรุษนะเจ้าคะ การให้บุรุษอยู่ที่นี่ มันผิดกฎ” คงจิ้งขวางหน้าหลิงเฟิงไว้ ดึงดันจะไล่เฉินฝานออกไปบอกเห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1222

    “มีทางรักษาอาการป่วยของท่านอาจารย์แล้วหรือเจ้าคะ” แววตาของเถียนเสี่ยวอวี่ส่องประกายขึ้นมาในพริบตา ตอนที่อยู่ในเมืองลู่ตู เถียวเสี่ยวอวี่เคยได้ยินเฉินฝานพูดว่ามารดาของหวงหวั่นเอ๋อร์เก่งกาจมากนัก ปรุงยาไว้มากมาย ยาบางตัวสามารถรักษาโรคที่ยากจะรักษาได้หลายโรคหลิงเฟิงพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่แล้ว ๆ หลังจากที่ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักกินยาของแม่นางหวงแล้ว สีหน้าก็แดงเปล่งปลั่งขึ้นมาก บัดนี้ร่างกายแข็งแรง และไม่หอบหายใจด้วย ลงจากเตียงเคลื่อนไหวได้แล้ว”“เช่นนั้นช่างดีเหลือเกิน!”เถียนเสี่ยวอวี่พูดพลางเดินไปที่เรือนของหลิงอวี้ แต่นางเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนหลิงเฟิงขวางไว้“ผู้ดูแล เจ้าจงหยุดก่อน แม่นางหวงบอกว่าตอนนี้ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักต้องพักผ่อน นางไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนศิษย์พี่ และไม่ให้ศิษย์พี่ออกมา ศิษย์พี่ให้ข้ามาบอกข่าวนี้แก่พวกเจ้า หวังให้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนาง” “เจ้าค่ะ ศิษย์จะเชื่อฟังอาจารย์” เถียนเสี่ยวอวี่หยุดฝีเท้า นางเชื่อฟังคำพูดของหลิงเฟิงเป็นเพราะว่าเชื่อใจหวงหวั่นเอ๋อร์ หลิงเฟิงรายงานข่าวดีจบแล้วก็กลับไป ขณะเดินผ่านคงจิ้งนางหยุดเดินฉับพลัน ก่อนจะเอ่ยปากตำหนิโดยตรงว่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1221

    “แค่ก ๆ ๆ...” เพิ่งจะถามหวงหวั่นเอ๋อร์จบ หลิงอวี้ก็ไอขึ้นมาฉับพลัน หาไม่ใช่เพราะหลิงเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างประคองไว้ เกรงว่าคงจะล้มลงไปแล้ว“ยายชีเฒ่า ข้าเห็นว่าเจ้าแก่จวนจะลงโลงแล้ว ยังจะกังวลมากมายถึงเพียงนั้นเพื่ออันใด?”หวงหวั่นเอ๋อร์กระโดดลงมาจากหลังคา ก่อนจะทะยานไปหาหลิงอวี้ดังฟิ้ว “แม่นางหวง อย่าได้ลงมือรุนแรงกับท่านอาจารย์” เฉินฝานรีบเตือนหวงหวั่นเอ๋อร์ กลัวว่านางจะลงมืออย่างไม่เหมาะสม ขณะที่เฉินฝานพูดอยู่นั้น หวงหวั่นเอ๋อร์ก็อุ้มหลิงอวี้ขึ้นมาแล้วทะยานเหนือศีรษะแม่ชีมากมาย“ยายเฒ่านี่น่ารำคาญเกินไปแล้ว สมควรสั่งสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง” เมื่อทุกคนได้สติกลับมา ก็ได้ยินเพียงเสียงกระจ่างใสของหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น ส่วนร่างของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว“สวรรค์ ท่านหัวหน้าสำนัก ท่านหัวหน้าสำนัก!”หลิงเฟิงร้องเสียงดังพลางตามออกไป นอกจากพวกคงจิ้งแล้ว แม่ชีส่วนใหญ่ล้วนตามออกไปกันหมด“แม่นางหวงจะพาอาจารย์ของข้าไปที่ใดกัน? ร่างกายของอาจารย์ทนรับการกระทบกระเทือนไม่ไหว” เถียนเสี่ยวอวี่เองก็ทำหน้ากังวลและร้อนใจ พูดพลางวิ่งออกไปเช่นกัน “ไม่เป็นไร!” เฉินฝานดึงเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1220

    “ตอนข้าอารมณ์ไม่ดี ชอบใช้ความรุนแรง เจ้าไม่พอใจใช่หรือไม่ ไม่พอใจก็มาสู้กับข้าสักตั้ง!”เสียงใสดังมาจากหลังคาห้องของเถียนเสี่ยวอวี่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงหญิงสาวในชุดสีน้ำเงิน นั่งไขว่ห้างอยู่บนหลังคา เพราะคาบใบไม้ไว้ที่ปาก ตอนนางพูดจึงให้ความรู้สึกท้าทายอย่างมาก“อมิตาพุทธ” สองมือของคงจิ้งประสานเข้าด้วยกัน พยักหน้าให้หวงหวั่นเอ๋อร์เล็กน้อย “แม่นาง ข้ารู้ว่าแม่นางฝีมือไม่ธรรมดา แต่ว่า ท่านช่วยใครไม่ดีเล่า? เหตุใดต้องช่วยหญิงชั่วชายโฉดในห้องนั้นด้วย? นางกำลังยั่วยวนนายท่านของแม่นาง”ตอนเถียนเสี่ยวอวี่พยุงเฉินฝานเข้ามาในสำนัก คงจิ้งเห็นความเก่งกาจของหวงหวั่นเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นจึงชักนำให้พวกชิงผิงไปฟ้องหลิงอวี้นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หวงหวั่นเอ๋อร์จะไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งหลิงอวี้เมื่อไม้แข็งไม่ได้ คงจิ้งเริ่มต่อสู้ด้วยจิตใจ บอกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝานในแคว้นต้าชิ่ง สาวใช้ของบุรุษ แม้วรยุทธ์จะสูงส่งเพียงใดก็เป็นเพียงสมบัติของบุรุษ คงจิ้งมั่นใจว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝาน ยิ่งมั่นใจว่าหวงหวั่นเอ๋อร์จะต้องหึงหวงแน่นอน“หญิงชั่วชายโฉด? ใครกัน?”หวงหวั่นเอ๋อร์มองไปที่คงจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1219

    หรือว่า หรือว่าเสี่ยวอวี่สติเลอะเลือนอีกแล้วหลิงอวี้ไม่พูดสิ่งใด ทั้งยังไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีตของเถียนเสี่ยวอวี่ แต่หลิงอวี้ตระหนักรู้ดีแก่ใจ เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นมาก่อน“ท่านเจ้าอาวาส หมอบอกแล้วว่า ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อน ไม่อาจลงจากเตียงได้” หลิงเฟิงรีบพยุงหลิงอวี้ลงจากเตียง“หลิงเฟิง ข้าไม่วางใจ เร็วเข้า เจ้าพยุงข้าไปดูเขาเร็วเข้า”“ท่านเจ้าอาวาส ข้าพยุงท่าน” เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี้จะไปด้วยตนเอง ชิงผิงรีบวิ่งมาพยุงหลิงอวี้ด้วยสีหน้าดีใจรีบไปห้องพักของเถียนเสี่ยวอวี่ หลิงอวี้ไม่ได้ห้ามหลิงอวี้ ปล่อยให้นางพยุงเพิ่งเข้าไปในเรือนของเถียนเสี่ยวอวี่ ชิงหนิงรีบเดินมาต้อนรับทันที “ชิงหนิงน้อมคารวะท่านเจ้าอาวาส”“เจ้าคือชิงหนิงที่คงอันริษยาหรือ?” หลิงอวี้มองชิงหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องของชิงหนิง หลิงอวี้ไม่ค่อยกระจ่างชัดเท่าใดนัก รู้เพียงว่านางถูกสามีทอดทิ้ง ตอนฆ่าตัวตายมีคนช่วยชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปให้เถียนเสี่ยวอวี่ที่กำลังออกเดินทางชิงหนิงย่อตัวพยักหน้า “ศิษย์เองเจ้าค่ะ”“อื้ม” สายตาของหลิวอวี้ชำเลืองไปที่ชิงหนิง มองไปที่ห้องของเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1218

    “นี่เรียกว่าเจ้าของกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมเท่านั้น” สำหรับเรื่องที่เถียนเสี่ยวอวี่ได้เป็นผู้ดูแล คงจิ้งไม่พอใจอย่างมากนางอายุมากกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ ทั้งยังเข้าไปอยู่ในสำนักนานกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ถึงสิบปี เถียนเสี่ยวอวี่เรียกนางว่าศิษย์พี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นางช่วยท่านเจ้าอาวาสทำทุกอย่าง เมื่อปีกลายท่านเจ้าอาวาสสุขภาพไม่แข็งแรง ทุกคนล้วนคิดว่าคงจิ้งจะได้กลายเป็นผู้ดูแลของสำนัก ตัวคงจิ้งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นางมักวางตัวเป็นผู้ดูแล คอยสั่งแม่ชีในสำนักทำนั่นทำนี่ทว่าคิดไม่ถึงท่านเจ้าอาวาสกลับยกตำแหน่งผู้ดูแลให้กับเถียนเสี่ยวอวี่ซึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักไม่ถึงสามปีแม่ชีส่วนใหญ่ในสำนักล้วนไม่เชื่อฟังเถียนเสี่ยวอวี่ คงจิ้งยิ่งไม่ให้ความร่วมมือ เมื่อครั้นตอนท่านเจ้าอาวาสยังไม่ป่วยหนัก พวกคงจิ้งไม่ค่อยกล้าเหิมเกริมเท่าใดนัก ทว่าหลังจากท่านเจ้าอาวาสป่วยหนัก พวกนางไม่เพียงไม่เห็นเถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสายตา ทั้งยังกลั่นแกล้งนางทั้งต่อหน้าและลับหลังหลังคาห้องที่หวงหวั่นเอ๋อร์นอนเป็นห้องของท่านเจ้าอาวาสพอดี เมื่อได้ยินเสียงข้างล่าง นางเปิดกระเบื้องหนึ่งอันพร้อมฟังครู่หนึ่ง จากนั้นปิดกระเบื

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status