共有

บทที่ 4

作者: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“ขอร้องแม่เจ้าสิ!” เฉินฝานยกอีกถ้วยหนึ่งขึ้น

“ปึก!”

“ดูซิว่าข้าจะกล้าตีเจ้าหรือไม่ ?”

“อ๊าก!” จูต้าอันที่ไม่ทันระวังตัวส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ต่อมาเขาพยายามจะลุกขึ้น แต่เฉินฝานไม่ให้โอกาสเขาเลย

“ปึก!”

“กล้าไหม!”

“ปึก!”

“กล้าไหม!”

เขาพูดคำว่ากล้าไหมหนึ่งครั้ง ก็ฟาดจูต้าอันหนึ่งครั้ง

กำลังมือที่เฉินฝานฟาดลงไปหนักขึ้นทุกครั้ง

ศีรษะของจูต้าอันกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เลือดไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาปากแข็งในตอนเริ่มต้น แต่ภายหลังส่งเสียงร้องเจ็บปวดดังสนั่นและร้องขอความเมตตาไม่หยุด

ชายสองคนที่มาจากหอนางโลมอี๋ชุนย่วนวางมือลงและมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยจูต้าอันสักคน

ไอ้เฉินฝานนี่ เหตุใดถึงไม่เหมือนอย่างที่รู้จัก

เฉินฝานที่พวกเขารู้จัก นอกจากผู้หญิงในเรือนตนเองแล้วก็สู้ใครไม่ได้เลย คำว่าอันธพาลของหมู่บ้านล้วนได้มาเพราะอยู่กับจูต้าอันและล้วนเพราะมีจูต้าอันคอยหนุนหลัง

ทำไมตอนนี้กลับ……

“ปึกๆๆ!” เฉินฝานยังทุบไม่หยุด

“นายท่านเจ้าคะ นายท่าน!” ฉินเย่ว์โหรวนั่งลงข้างเฉินฝาน “หยุดตีได้แล้ว หยุดตีได้แล้ว ถ้ายังตีต่อไปเขาจะตายได้นะเจ้าคะ!”

ครอบครัวไม่อาจไร้ผู้นำ หากเฉินฝานเข้าคุก พวกเขาจะกลายเป็นผู้หญิงไร้นาย

ผู้หญิงที่ไร้นาย ใคร ๆ ก็จะมารังแก

“พวกเจ้า!” เฉินฝานวางมือพร้อมสาดสายตาไปยังผู้ชายจากอี๋ชุนย่วนสองคนอย่างเยือกเย็น

ใบหน้าของเฉินฝานเต็มไปด้วยเลือดของจูต้าอัน สยดสยองน่ากลัว

แม้แต่ชายหนุ่มจากอี๋ชุนย่วนทั้งสองคนก็ยังตกใจกลัวจนต้องถอยหลัง

พวกเขาใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นคนทุบคนอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้

“ลากกลับไปซะ อย่าทำให้ห้องข้าเปื้อนล่ะ!”

ชายหนุ่มจากอี๋ชุนย่วนลากจูต้าอันออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากจูต้าอันออกไปแล้ว เฉินฝานเช็ดเลือดเปื้อนบนใบหน้าและเดินกลับไปนั่งตรงหน้าฉินเย่ว์โหรวที่ยังนั่งอยู่กับพื้น

“ที่พื้นมันเย็น เย่ว์โหรว ร่างกายของเจ้าไม่สู้ดีนัก รีบลุกขึ้นเถอะ!”

เฉินฝานยื่นมือให้ แต่กลับถูกฉินเย่ว์โหรวหลบอย่างคล่องแคล่ว

“นายท่านนั่งเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าน้อยไปตักน้ำมาให้ท่านล้างหน้าเจ้าค่ะ”

แม้ว่าเสียงของฉินเย่ว์โหรวยังคงอ่อนหวานเหมือนเดิม สีหน้าก็ยังอ่อนโยนนอบน้อมไม่เปลี่ยน แต่เฉินฝานสัมผัสได้ถึงความห่างเหินจากน้ำเสียงที่พูด

นางยังรู้สึกโกรธที่เขาขายนาง

ช้าก่อน

คนที่ขายฉินเย่ว์โหรวคือเจ้าของร่างเดิมไม่ใช่เขาเสียหน่อย!

“ข้าไม่ได้……”

ฉินเย่ว์โหรวไม่รอฟังคำอธิบายของเฉินฝาน แต่นางหันหลังเดินไปตักน้ำทันที

เมื่อเห็นแผ่นหลังที่เดินกะเผลกของฉินเย่ว์โหรวแล้ว เขาพลางยักไหล่อย่างจนใจ

ช่างเถอะ ไม่อธิบายล่ะ อธิบายไปก็ไม่เข้าใจ เมื่อมาใช้ร่างกายของเจ้าของร่างเดิม คงต้องแบกความผิดนี้ไว้ก่อนชั่วคราว

หลังจากฉินเย่ว์โหรวล้างหน้าเปื้อนเลือดของเฉินฝานจนสะอาดแล้ว นางก็ไปเก็บกวาดห้องต่อ

เฉินฝานไม่ได้เข้าไปช่วย ประการที่หนึ่งเพราะฉินเย่ว์โหรวไม่ต้อนรับเขา ประการที่สองเพราะร่างกายยังไม่สู้ดีนัก

เขาเพิ่งทะลุมิติข้ามมาไม่นาน ความทรงจำอันวุ่นวายของเจ้าของร่างเดิมทำให้เขาปวดหัวตื้อไม่หาย ยังไม่ทันปรับตัวดีจูต้าอันก็พาคนเข้ามา

ร่างกายของเจ้าของร่างเดิมทั้งซูบผอมและอ่อนแอ เมื่อครู่นี้ก็เพิ่งใช้กำลังทุบจูต้าอันไปอย่างหนัก ตอนนี้รู้สึกทนไม่ไหวเล็กน้อย

ทันใดนั้น ก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้นกลางห้อง

ฉินเย่ว์โหรวหันหน้ามองเฉินฝานด้วยสีหน้าเกรงกลัว

เฉินฝานกุมท้องแล้วยิ้มเหยาะ “เอ่อ…….เมื่อครู่นี้ข้าใช้กำลังมากไปหน่อยเลยรู้สึกหิวเล็กน้อยน่ะ”

“นายท่าน ข้าน้อยจะรีบไปเตรียมอาหารมาให้เจ้าค่ะ”

ฉินเย่ว์โหรววางมือจากสิ่งที่ทำและเดินออกไปอย่างรีบร้อน ขาของนางไม่สันทัดตั้งแต่แรก พอรีบเร่งก็แย่กว่าเดิม นางเดินไปไม่กี่ก้าวก็สะดุดล้มไปกับพื้นทันที

“ทำไมไม่ระวังขนาดนี้” เฉินฝานเร่งเข้าไปจะช่วยนาง

ฉินเย่ว์โหรวพลันลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนกขณะที่เฉินฝานยังไม่ทันเข้าใกล้ “นายท่าน ข้าน้อยขออภัย ๆ ข้าน้อยเป็นคนโง่เขลา ข้าทำให้นายท่านหิวแล้วยังไม่มีอะไรกินอีก ได้โปรดท่านอย่าโกรธนะเจ้าคะ!”

“ข้า……” เฉินฝานมองฉินเย่ว์โหรวที่กล่าวขอโทษไม่หยุดพลางทำหน้าจนใจ

เขาแสดงสีหน้าอะไรผิดหรือ ถึงทำให้นางรู้สึกว่าเขากำลังโกรธ!

ทันใดนั้น พลันมีความทรงจำผุดขึ้นมา

ก่อนที่เฉินฝานจะทะลุมิติมาที่นี่ เวลาเจ้าของร่างเดิมหิว หากฉินเย่ว์โหรวนำอาหารมาให้ไม่ทัน เขาก็จะทุบตีนางอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่รีรอทันที

ฉินเย่ว์โหรวในเวลานี้ไม่ต่างจากนกที่ตื่นธนู ในสายตาของนาง ทุกอิริยาบถของเฉินฝานเป็นท่าทางจะทุบตีนางทั้งหมด

“นายท่าน โปรดรอข้าอีกเพียงครู่เดียว รอไม่นาน รอไม่นานเจ้าค่ะ!”

ฉินเย่ว์โหรววิ่งเร็วกว่าเมื่อครู่นี้ แผ่นหลังที่เดินกะเผลกและสั่นไหวของนาง ดูโคลงเคลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก

เฉินฝานมองแล้วรู้สึกแย่จนพูดไม่ออก

ช่างเป็นคนน่าสงสารเหลือเกิน

ดวงอาทิตย์บนฟ้า ร่วงสู่ขอบภูเขาไปแล้ว

ฉินเย่ว์โหรวกำลังทำงานอยู่ในครัว เฉินฝานรอในห้องจนรู้สึกเบื่อเขาจึงเดินออกไป

เพิ่งทะลุมิติก็มีเรื่องต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น เขายังไม่ทันได้เห็นเลยว่าตนเองมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

กำแพงอิฐหลังคาสังกะสีจำนวนห้าหลังกับห้องครัวหนึ่งห้อง ห้องครัวก่ออิฐหลังคาสังกะสีเหมือนกัน

เพียงแต่ว่า……

นอกจากห้องที่เขาอยู่เมื่อครู่นี้ ห้องที่เหลือ ไม่มีหลังคาหรือไม่ก็กำแพงสึกหรอไม่สมบูรณ์

หากลมพัดแรงหน่อย ก็จะมีเสียงกรอบแกรบดังออกมา

ไม่ต้องพูดถึงฤดูฝน แค่ลมฤดูหนาวนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะทนไหวหรือไม่

ส่วนภายในห้อง……

ไม่ต้องพูดถึงเครื่องใช้ในเรือน เสื้อผ้าที่สภาพดีก็มีไม่กี่ตัว เวลาคนอื่นทะลุมิติไม่ได้เป็นองค์ชายก็ได้เป็นคุณชายสูงส่ง พอถึงคราวของเขาทำไมถึง……

ให้ตายเถอะ เป็นฉากเปิดที่บัดซบมาก

“นายท่าน”

เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังขึ้น เฉินฝานจึงหันกลับไปก็พบว่าฉินเย่ว์โหรวเข้าไปห้องใหญ่และยืนเรียกเขาอยู่ตรงขอบประตู

แสงสุดท้ายของตะวันส่องบนตัวนางจนสะท้อนเป็นเงาจาง ๆ

รูปหน้าสะสวยไร้ที่ติกับทรวดทรงสะโอดสะองร่างนั้น

ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก

หญิงงามเช่นนี้กลับยังบริสุทธิ์!!!

สุดที่จะนึกได้จริง ๆ

แม้จำไม่ได้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่อยากได้นางด้วยเหตุผลใด แต่ความทรงจำที่มีตอนนี้บอกกับเขาว่า เจ้าของร่างเดิมไม่เคยแตะต้องตัวนางจริง ๆ

“นายท่าน”

ฉินเย่ว์โหรวขานเรียกติดต่อกันถึงสามครั้ง

“อื้ม มาแล้ว!”

เฉินฝานเร่งเท้าเดินเข้าไป

ฉินเย่ว์โหรวยกอาหารเข้ามาข้างใน

เฉินฝานขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องใหญ่

บนโต๊ะเล็กมีผัดหมูลวกกับข้าวหนึ่งถ้วย

เนื้อหมูจานนั้น หากเฉินฝานจำไม่ผิด มันคือหมูที่ตกพื้นตอนที่เขากับจูต้าอันปะทะกันเมื่อครู่นี้

ฉินเย่ว์โหรวเก็บไปล้างแล้วผัดใหม่ให้เขา

เรือนนี้……คงยากจนกว่าที่เขาเห็นอีก

หลังจากเฉินฝานนั่งลง ฉินเย่ว์โหรวพลันคุกเข่าลงตรงหน้า

“……” เฉินฝานกำลังจะถามเหตุผลการคุกเข่าของฉินเย่ว์โหรว เขายังไม่ทันเอ่ยคำใด ฉินเย่ว์โหรวก็หยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมาแล้วคีบกับใส่ถ้วยข้าว จากนั้นยื่นให้เฉินฝาน

“นายท่าน เชิญกินข้าวเจ้าค่ะ!”

“……”

“นายท่าน”

เฉินฝานรับถ้วยข้าวจากมือฉินเย่ว์โหรวมาแล้ว นางพลางกล่าวต่อ “ถ้าท่านกินเสร็จแล้ว เรียกข้าน้อยนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าน้อยมาเก็บเจ้าค่ะ”

พูดจบ นางยืนขึ้นและถอยไปอยู่ด้านนอกประตู

“เย่ว์โหรว เจ้านั่งลงแล้วกินด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าว

มือที่ปัดม่านกั้นประตูของฉินเย่ว์โหรวพลันชะงัก “นายท่าน ข้าน้อยเป็นผู้หญิง ไม่สามารถกินข้าวร่วมโต๊ะกับท่านได้เจ้าค่ะ”

พูดเสร็จ ฉินเย่ว์โหรวเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้เฉินฝานตอบกลับ

“เห้อ……”

มือที่ชูขึ้นมาของเฉินฝานวางลงในที่สุด

เขายอมแพ้แล้ว ฉินเย่ว์โหรวไม่รู้ว่าเขาไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม นางกลัวเขามากถึงเพียงนั้น ไม่กล้าร่วมโต๊ะกับเขาแน่นอน

ช่างเถอะ ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน เร่งไม่ได้

ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าบูด เฉินฝานจึงยืนขึ้นมัดม่านกั้นประตู

เวลานี้ ฉินเย่ว์โหรวกำลังกินข้าวอยู่ข้างหน้าประตูห้องครัว นางตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเฉินฝาน

“นายท่านมีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ” นางพูดไปพลางวางถ้วยตนเองลงและจะเดินไปหา

“ไม่มีอะไร!” ฉินฝานรีบปฏิเสธและเอ่ยห้าม “เจ้ากินเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า”

เฉินฝานนั่งกินในห้องใหญ่ ส่วนฉินเย่ว์โหรวนั่งกินอยู่ข้างหน้าประตูห้องครัว ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงข้ามกันไกล ๆ

ฉินเย่ว์โหรวไม่กล้ามองหน้าเฉินฝานแม้แต่แวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

ไม่รู้ว่าในถ้วยข้าวของฉินเย่ว์โหรวคืออาหารอะไร จากสีหน้าทุกข์ทรมานที่แสดงออกมาเป็นพัก ๆ ทำให้รู้ว่าอาหารในถ้วยไม่ใช่อาหารปกติอะไร

ปกติภรรยาของเขากินอะไรกันนะ เฉินฝานกินไปพลางนึกทวนความทรงจำ

เฉินฝานยิ่งนึกทวนกลางอกของเขาก็ยิ่งแน่นไม่สบาย

ถ้าเขาเดาไม่ผิด เสบียงอาหารในเรือนถูกเขาเล่นพนันแพ้ไปเกือบหมดแล้ว

ข้าวสารไม่เพียงพอ แต่เจ้าของร่างเดิมจะกินข้าวให้ได้ วันไหนไม่ได้กิน เขาจะทุบตีฉินเย่ว์โหรวกับคนอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย

เพื่อให้เจ้าของร่างเดิมมีข้าวกิน ฉินเย่ว์โหรวและคนอื่นไม่กล้ากิน ปกติพวกเขาจะกินแค่เปลือกข้าวสารกับผักป่า ในความเป็นจริงแม้แต่เปลือกข้าวสาวก็ไม่มีให้พวกเขาได้กิน ส่วนใหญ่จะกินแต่ผักป่า

เมื่อมองฉินเย่ว์โหรวที่ซูบผอมและอ่อนแอ เฉินฝานที่กลืนแทบไม่ลงพลางวางตะเกียบและถ้วยในมือ

“นายท่าน กินเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ!”

ฉินเย่ว์โหรววางถ้วยและตะเกียบในมือด้วยทันที เมื่อเห็นว่ายังมีอาหารอยู่ในถ้วยก็ชะงักเล็กน้อย

“นายท่าน……”

“เจ้านั่งลงแล้วกินอาหารพวกนี้ซะ!” เฉินฝานพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง

เขารู้ดี ถ้าเขาไม่ดุ ฉินเย่ว์โหรวที่กลัวเขาเอามากไม่มีวันเชื่อฟังเขาเป็นแน่

“หา!” ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝานอย่างไม่เชื่อสายตา

วันนี้นายท่านต่างจากวันปกติจริง ๆ ไม่ตบตีนางไม่ดุด่านาง ยังปะทะกับจูต้าอันเพราะนาง ตอนนี้ยังสั่งให้นางกินข้าวด้วย

นายท่าน……ดี ขึ้นแล้วจริง ๆ!

ไม่ ไม่ใช่!

ฉินเย่ว์โหรวส่ายศีรษะอย่างรุนแรง ฉินเย่ว์โหรว ๆ หยุดคิดเพ้อฝันลม ๆ แร้ง ๆ ได้แล้ว แต่งเข้ามาแล้วตั้งครึ่งปี ถูกทุบตีและดุด่าไม่พอรึ!

วันนี้เขาเกือบขายตนเองแล้วด้วย

ขาย!

ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝานอย่างตื่นตัว

ทำดีกับนางโดยไร้เหตุไร้ผล คงไม่ได้คิดจะทำอะไรอีกกระมัง

“มองข้าทำไม รีบกินซะ!” ครั้งนี้เฉินฝานพูดเสียงดังกว่าเดิม ถ้ายังไม่กินอีก อาหารในถ้วยคงเย็นแน่

“เฉินฝานไอ้สมควรตาย ฉวยโอกาสที่ข้าไม่อยู่ขายน้องสี่ของข้ารึ!”

เฉินฝานเพิ่งพูดจบก็มีเสียงตะโกนดังสนั่นดังเข้ามาจากข้างนอก
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (3)
goodnovel comment avatar
Somchai Juejoi
เศร้าใจ อ่านแล้วหดหู่
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
ยอดเยี่ยมครับชื่นชมๆครับ
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
すべてのコメントを表示

関連チャプター

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 5

    “วืด”“ตุบ!” ธนูดอกหนึ่งเสียบตรงบานประตูเฉินฝานมองลูกธนูที่อยู่ห่างเขาไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรอย่างตาโต เขามีความรู้สึกเหมือนรอดพ้นเคราะห์กรรม หากธนูลูกนี้เฉียงอีกเพียงเล็กน้อย……ใคร!ใครสามหาวถึงเพียงนี้!คนสูงโปร่งรูปสวยคนหนึ่งพลันแสดงตัวขึ้นตรงหน้าเฉินฝาน“พี่สาม!”เฉินฝานยังไม่ทันได้ตอบโต้ ฉินเย่ว์โหรวก็วิ่งไปพี่สาม!ฉินเย่ว์เจียว?ในความทรงจำ ฉินเย่ว์เจียวเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของฉินเย่ว์โหรว ภรรยาอีกคนของเขาเฉินฝานมองฉินเย่ว์โหรวอย่างละเอียดมองจากสายตาน่าจะสูงราว 170 เซนติเมตร ความสูงนี้ ในสมัยโบราณถือว่าสูงมากรูปหน้าคล้ายคลึงกับฉินเย่ว์โหรวแต่ก็มีความแตกต่างนางมีโครงหน้าชัดกว่า ร่างกายอวบอิ่มกว่าฉินเย่ว์โหรว สีผิวค่อนไปทางเหลืองข้าวสาลี ประกอบกับความสูงของนางแล้ว ช่างชวนให้รู้สึกมีความองอาจ เย้ายวนแทบทุกอิริยาบถอาจเป็นเพราะวิ่งเร็ว สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวจึงแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อหยดลงจากหน้าผาก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เสื้อผ้าก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ……เห้อ!เฉินฝานหันหน้าหนีอย่างเร็วหากพูดว่าฉินเย่ว์โหรวที่อ่อนแอแต่อ่อนโยนทำให้รู้สึกอยากปกป้อง ถ้าเช่นนั้นฉินเย่ว์เจียวท

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 6

    เมื่อมาถึงยามนี้ ฉินเย่ว์เจียวไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก นางถอดด้ามธนูออกจากคันธนู กำไว้ในมือแน่น ขณะที่จ้องเฉินฝานถมึงทึงเฉินฝานยังรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่ต้องพูดถึงฉินเย่ว์เจียวเลย เขาฟังแล้วยังอยากบีบคอนายท่านคนเดิมให้ตายไปเสียฉินเย่ว์โหรวลดแขนที่กางออกลงอย่างช้า ๆ แสงในดวงตาหรี่ลงทีละน้อย ฉินเย่ว์เจียวพูดถูก ตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้พวกนางไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ เลยสักวันหลายครั้งที่นางเองก็สงสัย ความตายนั้นดีกว่าการมีชีวิตอยู่หรือไม่“น้องสี่ เจ้ามายืนข้างข้า” ฉินเย่ว์เจียวดันฉินเย่ว์โหรวไปด้านข้าง พลางชี้ด้ามธนูและคันธนูไปยังเฉินฝานอีกครั้ง“อา!” ฉินเย่ว์โหรวหลับตาไม่กล้ามองผ่านไปชั่วพริบตา“ท่าน......”ฉินเย่ว์เจียวจ้องมองเฉินฝานตรงหน้านางอย่างว่างเปล่า ในขณะนี้เฉินฝานกำลังจับมือของนางที่ถือคันธนูอยู่“เหตุใดท่านถึง ถึงได้...” ฉินเย่ว์เจียวเอ่ยขึ้นตะกุกตะกักเขาเข้ามาตรงหน้านางและจับมือนางได้รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร เขาจะมีทักษะเช่นนี้ได้อย่างไรหากเขามีทักษะเช่นนี้ ฉินเย่ว์โหรวคงถูกขายไปนานแล้ว จะรอให้นางออกไปแล้วค่อยแอบขายฉินเย่ว์โหรวทำไมกัน“เย่ว์.

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 7

    หลังจากที่ฉินเย่ว์เจียวออกไปข้างนอก ฉินเย่ว์โหรวก็ยกอาหารที่เฉินฝานกินไปได้ครึ่งหนึ่งออกไปขึ้นโต๊ะ“นายท่าน ข้าน้อยอุ่นข้าวแล้ว ท่านทานเถอะเจ้าค่ะ!”พูดจบก็วางอาหารแล้วหมุนตัวจะออกไปหลังออกจากห้องหลัก ฉินเย่ว์โหรวเรียกฉินเย่ว์เจียวให้ไปกินข้าวเย็นสองพี่น้องไม่ได้เข้าไปกินอาหารในห้องหลัก พวกนางเดินเข้าไปในครัว หนึ่งคนถือหนึ่งชามกินอาหารเฉินฝานนั่งลง มองชามข้าวใบเล็กตรงหน้าเขาแล้วยิ้มอย่างจนใจ ชามข้าวนี้ของเขา กินแล้วช่างเต็มไปด้วยความพลิกผันเหลือแสนเสียจริง กินตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นก็ยังกินไม่หมดเลยในขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่น เฉินฝานก็เงยหน้าขึ้น อีกฟากหนึ่งของห้องครัว สีหน้าอันเจ็บปวดของสองพี่น้องฉินที่กลืนอาหารอย่างขมขื่นก็ตกอยู่ในสายตาของเขาเมื่อคิดว่าสิ่งที่อยู่ในชามของพวกนางไม่ใช่ข้าวขัดสีแต่คือผักป่า เขาก็กินไม่ลงเดิมทีเขาต้องการเรียกพวกนางมากินข้าวด้วยกัน แต่เมื่อมองดูชามข้าวขนาดเล็กบนโต๊ะแล้ว คิดอีกที ฉินเย่ว์โหรวคงกลัวว่าเขาจะ...“ตึง!”เฉินฝานกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะเป็นดังคาด ฉินเย่ว์โหรวที่อยู่อีกฟากของห้องครัวตกใจจนผุดลุกขึ้นยืน ฉินเย่ว์เจียวก็ยืนขึ้นตาม นางดึงฉินเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 8

    เฉินฝานย่อมฟังออกถึงความสงสัยของฉินเย่ว์โหรว เขายิ้มแล้วพูด "ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นนายท่านของพวกเจ้านะ"ยุคปัจจุบันเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน จะมีงานบ้านใดที่ไม่เคยทำเล่าฉินเย่ว์โหรวยังคงไม่ขยับนายท่าน...เขา เขายิ้มให้นางจริง ๆนางกำลังฝันอยู่หรือเปล่า“เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว”จนกระทั่งเฉินฝานเรียกนางเป็นครั้งที่สาม ฉินเย่ว์โหรวก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง“จะ จะจุดไฟทันทีเลยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวรีบ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อยเนื้อที่จูต้าอันนำมาด้วยในวันนี้ครึ่งหนึ่งมีไขมันในยุคนี้ เนื้อติดมันแพงกว่าเนื้อไม่ติดมันเฉินฝานหั่นเนื้อมันออกทีละน้อย แล้วใส่ลงในหม้อ ทอดจนออกน้ำมันกลิ่นหอมของน้ำมันผุดออกมาจากหม้อ ฉินเย่ว์โหรวก็แอบกลืนน้ำลายเต็มปากในขณะที่นางกำลังจุดไฟฉินเย่ว์เจียวซึ่งยืนอยู่ข้างกรอบประตูก็อดไม่ได้เช่นกันมันหอมมากหนึ่งปีแล้วที่ไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์เลย สองพี่น้องรู้สึกหิวไขมันไม่เยอะ จึงกลั่นน้ำมันได้ไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลยเฉินฝานเทเนื้อที่เหลือลงในหม้อพร้อมกับผักป่าทันทีที่ผักป่าถูกเทลงในหม้อ แสงในดวงตาของสองพี่น้องฉินทั้งก็หรี่ลงเฉินฝานไ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 9

    “นายท่าน ท่านทำของหล่นหรือ” ฉินเย่ว์โหรวเดินตามเฉินฝานแล้วถามเบา ๆ“ข้าหา...หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว!”เฉินฝานหันกลับมาอย่างมีความสุข ในมือของเขามีของสีดำสนิทอยู่สองก้อนของสีดำนั้นก็คือ...มูล?มูล!มูลก้อนใหญ่สองก้อน มูลวัวทั้งดำและแห้งสองก้อน“เฉินฝาน” ฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานด้วยชื่ออีกครั้ง นางปกป้องฉินเย่ว์โหรว “ท่านคิดจะทำอะไรอีก”มือของฉินเย่ว์โหรวจับชายเสื้อของฉินเย่ว์เจียวไว้แน่น ดวงตาราวกับดวงดาราของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ลมหายใจสั่นเทาเมื่อเดือนที่แล้วเฉินฝานออกไปเล่นพนันและแพ้กลับมา ครั้นตื่นขึ้นมา กลางดึกเขาระบายความโกรธทั้งหมดใส่ฉินเย่ว์โหรว ด่านางที่แม้แต่อุ่นเตียงก็ทำไม่ได้ จากนั้นก็ลากนางไปที่ครัว ยัดขี้เถ้าเข้าปากนางตอนนี้เฉินฝานคงจะไม่ระบายความโกรธใส่นางอีกและยัดมูลวัวเข้าปากนางกระมัง...“เฉินฝาน ถ้าท่านทำร้ายน้องสี่ของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวตะโกนด้วยความโกรธแค้นราวกับว่านางยอมตายโดยไม่ยี่หระใด ๆ ทั้งสิ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว นางจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อีกเฉินฝานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เย่ว์เจียว เจ้าเป็นหญิงสาว อย่าคิดแต่เรื่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 10

    นี่มันอะไรกันเนี่ย?เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถาม “เย่ว์เจียว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือว่าถ้าข้าหาบ ทางการจะมาจับกุมฉินเย่ว์โหรวหรือ”“หึ!” ฉินเย่ว์เจียวส่งเสียงไม่พอใจ “ทำไมถึงแสร้งโง่ สมองท่านพังไปแล้วจริง ๆ หรือไร”!!!เฉินฝานตกตะลึง หรือจะเป็นเรื่องจริงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมีจำกัด เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆประเทศนี้มันแปลก ๆ ผู้ชายทำงานไม่ได้แล้วหรือไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายมีน้อยเพียงนี้ในความเป็นจริง ผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งสามารถทำงานได้ แล้วก็ยังถือว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งเพื่อความสวยงามอีกด้วยแต่ถ้าเฉินฝานเป็นฝ่ายเก็บมูลวัว ส่วนฉินเย่ว์โหรวกลับไปมือเปล่ามันคงจะผิดปกติผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งมีสถานะสูงส่ง รู้สึกว่าผู้หญิงเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้ชาย หากเฉินฝานหาบ ฉินเย่ว์โหรวเดินกลับมือเปล่า เช่นนั้นนางจะต้องถูกผู้อื่นสาปส่งนับไม่ถ้วน จากนั้นอาจถูกฟ้องไปยังทางการโดยผู้ชายในหมู่บ้าน ถึงยามนั้นจะต้องมีบทลงโทษกฎหมายอาญากว่ายี่สิบข้อหาด้วยร่างกายปัจจุบันของฉินเย่ว์โหรว ไม่มีทางที่จะสามารถต้านทานการลงโทษเจ้าหน้าที่ได้เฉินฝานไม่รู้อะไรเลย นอกจากกังวลว่าจะมีคนฟ้องท

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 11

    ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม!เหม่อลอยเพียงครู่เดียว ฉินเย่ว์เจียวก็ขยับมาอยู่ข้างเขาแล้ว นางเปิดผ้าห่มครึ่งหนึ่งแล้วห่มไว้บนตัวเฉินฝานอบอุ่นและมีกลิ่นหอมกลิ่นหอมจากตัวฉินเย่ว์เจียวพอ ๆ กับนิสัยดุดันของนางเข้มข้น เร่าร้อน!เฉินฝานถึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจผู้ชายแผ่นดินนี้ช่างมีความสุขจริงๆ !ช่วงเวลาที่เฉินฝานประทับใจ ข้างกายของเขาพลันว่างเปล่า……รู้สึกตัวอีกที ฉินเย่ว์เจียวลงจากเตียงเตาไปแล้วเวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าเฉินฝานจะรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้ฉินเย่ว์เจียวเพียงแค่ช่วยให้ความอบอุ่นกับผ้าห่มเท่านั้นเขาคิดว่า……พูดตามตรง เขารู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในเล็กน้อย“แค่ก ๆ !”“ยังอุ่นไม่พอรึ” ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาถาม“พอแล้ว ๆ!” เฉินฝานรีบตอบพูดจบ ความจริงแล้วข้างในรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเฉินฝาน กลัวอะไรวะ ต้องพูดว่าไม่พอสิเตียงเตาใหญ่มาก สองพี่น้องตระกูลฉินคงจะนอนอีกฝั่ง แต่เวลาผ่านไปพักใหญ่ เฉินฝานก็ไม่เห็นสองเงาของพี่น้องตระกูลฉินพลันมีเสียงแซก ๆ ดังมาจากพื้น เฉินฝานชะโงกหัวตามที่มาของเสียงสองพี่น้องตระกูลฉินปูหญ้าอยู่ตรงมุมที่ใกล้เขาที่สุด พวกนางม้วนตัวอยู่บนเตียงหญ้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 12

    เฉินฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของฉินเย่ว์เจียวมีอาการสั่นเล็กน้อยเมื่อหันกลับก็พบว่ามีเหงื่อเต็มหน้าผากฉินเย่ว์เจียวฉินเย่ว์เจียวแสดงสีหน้าท่าทางเป็นความกล้าหาญทันทีที่เห็นเฉินฝานหันกลับมาท่าทางดื้อรั้นของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานหัวเราะ“นั่นมันเสือ จะกลัวขายหน้าทำไม ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวแน่น “อยู่ใกล้ข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องฝืน พวกเราไม่ต้องเข้าไปลึกมาก แค่มองรอบ ๆ ว่ามีพวกกระต่ายป่าหรือนกป่าหรือไม่ก็พอ จับสักตัวสองตัวพวกเราก็กลับ ห้ามโลภเด็ดขาด”ภูเขาหัวเสือเพราะว่ามีเสือ คนจึงขึ้นมาน้อย พวกเฉินฝานจับไก่ป่าได้สามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว“สวบ!”ฝีมือการยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวไม่เลวจริง ๆ นางยิงกระต่ายได้อีกหนึ่งตัว“ยิงโดนแล้ว ข้ายิงโดนอีกแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียววิ่งไปเก็บกระต่ายอย่างดีใจ“เย่ว์เจียว กลับมา……”“โฮก!”เสียงของเฉินฝานถูกเสียงโฮกของเสือกลบตรงหน้ามีเสือกระโจนออกมากะทะหันตัวหนึ่ง มันจ้องเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวไม่ขยับฉินเย่ว์เจียวชูคันธนูขึ้นตามสัญชาตญาณ“อย่าขยับ!” เฉินฝานตะโกนห้ามฉินเย่ว์เจียวพุ่มหญ้าด้านหลังเสือมีความ

最新チャプター

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1226

    ในใจของชิงหนิง เถียนเสี่ยวอวี่คือผู้ดูแล และเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต และเป็นญาติพี่น้องของนางอีกด้วยนางโดนเสิ่นหยวนเลี่ยงใช้อุบายชั่วร้ายเช่นนั้นทอดทิ้ง หากไม่มีเถียนเสี่ยวอวี่เยียวยาจิตใจให้นาง นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้เลย เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เพียงเยียวยาจิตใจที่เหี่ยวเฉา นางยังมอบความรักความห่วงใยดั่งญาติพี่น้องให้ด้วย ชิงหนิงที่ถูกฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าชั้นยอดมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยสัมผัสความรักความห่วงใยของญาติสนิทที่แท้จริงมาก่อนเฉินฝานที่อยู่ด้านนอกเรือนพักได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเถียนเสี่ยวอวี่ถึงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามครึ่ง (เทียบเท่ากับสามชั่วโมงในปัจจุบัน) ในการทำอาหารหนึ่งมื้อ ที่แท้เห็ดปลวกกับผักกูดเหล่านั้นเป็นของที่นางตั้งใจวิ่งออกไปเก็บมาเมื่อครู่นี้เถียนเสี่ยวอวี่ช่วยปรับหมวกแม่ชีบนศีรษะของชิงหนิงให้ตรงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “ชิงหนิง เจ้าพูดเกินไปแล้วนะ ข้าแค่ไปเก็บเห็ดปลวก จะตายได้อย่างไรกัน?”เมื่อเห็นเถียนเสี่ยวอวี่มีท่าทางเช่นนี้ ชิงหนิงก็โกรธมากยิ่งขึ้น “จุดที่เจ้าเพิ่งล้มจนได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่นี้ หากไปข้างหน้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1225

    ด้วยทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ อารมณ์ของเฉินฝานจึงดีขึ้นพรวดพราดเช่นกันสำนักชีชิงเมี่ยวมีแต่แม่ชี แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะงดงามอีกเพียงใด เขาก็ไม่สะดวกที่จะเดินมากนัก กอปรกับบาดแผลที่บั้นท้ายยังคงเจ็บมาก เมื่อเดินวนละแวกอุโบสถ เฉินฝานก็เดินกลับไปขณะที่ใกล้จะเข้าไปในเรือนพัก เฉินฝานก็เดินเลี้ยวไปทางทิศเหนือ เขาจำได้ว่าเถียนเสี่ยวอวี่มาจากทางนี้ ไม่ไกลมากนัก เมื่อเดินเลี้ยวหัวมุม เฉินฝานก็เห็นเถียนเสี่ยวอวี่ตอนนี้นางกำลังหาบน้ำอยู่ นางมีรูปร่างเล็ก การหาบน้ำสองถังใหญ่ดูกินแรงมาก น้ำในถังสาดลงพื้น โคลนกระเด็นโดนจีวรของนางจนสกปรกไปหลายจุดเฉินฝานเร่งฝีเท้าตามสัญชาตญาณ อยากจะเข้าไปช่วย เขาเพิ่งจะยกเท้าขึ้นมา ความเจ็บแปลบส่งมาจากที่บั้นท้าย ทำให้เขาจำใจได้แต่ชะลอฝีเท้าลง ในตอนนี้เอง มีเงาร่างหนึ่งทะยานผ่านตัวเฉินฝานไปอย่างรวดเร็ว “ผู้ดูแล เฮ้อ งานหนักอย่างหาบน้ำเช่นนี้ ให้ข้าทำก็ได้”คนที่พุ่งผ่านตัวเฉินฝานคือเหอเสี่ยวเยี่ยนที่โดนเสิ่นหยวนเลี่ยงทอดทิ้ง บัดนี้นางคือแม่ชีชิงหนิงแห่งสำนักชีชิงเมี่ยว นางแบกฟืนมัดใหญ่ไว้บนบ่า ฟืนมัดนั้นประกอบด้วยไม้หลากหลายชนิด ดูท่าทางเหมือนเพิ่งจะหามาจา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1224

    เฉินฝานทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ“เสี่ยวอวี่ เป็นอะไรไปหรือ? มีเรื่องเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”เฉินฝานข่มกลั้นความเจ็บปวดที่บั้นท้าย เดินตามเถียนเสี่ยวอวี่ออกไปเถียนเสี่ยวอวี่รีบหันหน้ากลับมา “ใต้เท้า ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดหรอก เย็นแล้ว ข้าจะไปทำอาหารให้ท่าน” “หา?”เฉินฝานยังคิดจะถามว่าในฐานะที่นางเป็นผู้ดูแล เหตุใดยังต้องไปทำอาหารด้วยตนเอง เขายังไม่ทันเอ่ยคำพูดออกมา เถียนเสี่ยวอวี่ก็วิ่งไปไกลแล้ว หลังจากที่เถียนเสี่ยวอวี่ออกไปแล้ว ชิงหนิงก็ตามไปด้วยเช่นกัน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่งเต็ม ๆ เถียนเสี่ยวอวี่ถึงค่อยปรากฏตัวอีกครั้ง นางถือถาดไม้ไว้ในมือ มีข้าวหนึ่งชามและกับข้าวสองชามอยู่บนถาด “ใต้เท้า ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?” เถียนเสี่ยวอวี่วางอาหารลงตรงหน้าเฉินฝาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในใจเฉินฝานไม่พูดอันใด เหลือบมองอาหารตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองเถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความจริงจังเถียนเสี่ยวอวี่ที่รีบร้อนมานั้นดูทุลักทุเลอยู่บ้าง หมวกแม่ชีบนศีรษะเอียงไปทางด้านข้าง หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ แก้มขาวผ่องเปื้อนเขม่าดำอยู่หลายจุด ดูคล้ายกับแมวลายตัวน้อยแม้ว่านางจะดูทุลักทุเล แต

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1223

    “เจ้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยร้องขอสิ่งใดแม้แต่น้อย” หลิงเฟิงถลึงตาใส่เถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความเสียใจที่อีกฝ่ายไม่อาจเป็นดั่งที่หวังไว้ นางช่วยระบายความแค้นให้เถียนเสี่ยวอวี่ โอกาสในการกดขี่คงจิ้งเช่นนี้ นางกลับปล่อยไปอย่างง่ายดาย เถียนเสี่ยวอวี่ยิ้มบาง ๆ “อาจารย์อาท่านผิดแล้ว ความทะเยอทะยานของศิษย์สูงมากเลยนะเจ้าคะ” หากหลิงเฟิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินฝาน คงไม่พูดจาประชดเถียนเสี่ยวอวี่อย่างแน่นอน“เจ้าก็ยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้นะ เฮ้อ~” หลิงเฟิงถอนหายใจ “แล้วแต่เจ้าเถิด” ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักถูกใจนิสัยอ่อนโยนเยือกเย็นและไม่แก่งแย่งชิงอำนาจของเถียนเสี่ยวอวี่ถึงให้นางเป็นผู้สืบทอดมิใช่หรือ นางยังจะทำอย่างไรได้อีกเพียงแต่ว่าต่อไปเมื่อนางกับศิษย์พี่ไม่อยู่แล้ว เถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสำนักชีจะยิ่ง...เฮ้อ หลิงเฟิงส่ายหน้าเรื่องในอนาคตนั้น นางก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว กังวลมากมายถึงเพียงนั้นไปเพื่ออันใด ต่อไปเถียนเสี่ยวอวี่จะดีหรือร้ายก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง“แต่ว่าอาจารย์อา เขาเป็นบุรุษนะเจ้าคะ การให้บุรุษอยู่ที่นี่ มันผิดกฎ” คงจิ้งขวางหน้าหลิงเฟิงไว้ ดึงดันจะไล่เฉินฝานออกไปบอกเห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1222

    “มีทางรักษาอาการป่วยของท่านอาจารย์แล้วหรือเจ้าคะ” แววตาของเถียนเสี่ยวอวี่ส่องประกายขึ้นมาในพริบตา ตอนที่อยู่ในเมืองลู่ตู เถียวเสี่ยวอวี่เคยได้ยินเฉินฝานพูดว่ามารดาของหวงหวั่นเอ๋อร์เก่งกาจมากนัก ปรุงยาไว้มากมาย ยาบางตัวสามารถรักษาโรคที่ยากจะรักษาได้หลายโรคหลิงเฟิงพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่แล้ว ๆ หลังจากที่ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักกินยาของแม่นางหวงแล้ว สีหน้าก็แดงเปล่งปลั่งขึ้นมาก บัดนี้ร่างกายแข็งแรง และไม่หอบหายใจด้วย ลงจากเตียงเคลื่อนไหวได้แล้ว”“เช่นนั้นช่างดีเหลือเกิน!”เถียนเสี่ยวอวี่พูดพลางเดินไปที่เรือนของหลิงอวี้ แต่นางเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนหลิงเฟิงขวางไว้“ผู้ดูแล เจ้าจงหยุดก่อน แม่นางหวงบอกว่าตอนนี้ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักต้องพักผ่อน นางไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนศิษย์พี่ และไม่ให้ศิษย์พี่ออกมา ศิษย์พี่ให้ข้ามาบอกข่าวนี้แก่พวกเจ้า หวังให้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนาง” “เจ้าค่ะ ศิษย์จะเชื่อฟังอาจารย์” เถียนเสี่ยวอวี่หยุดฝีเท้า นางเชื่อฟังคำพูดของหลิงเฟิงเป็นเพราะว่าเชื่อใจหวงหวั่นเอ๋อร์ หลิงเฟิงรายงานข่าวดีจบแล้วก็กลับไป ขณะเดินผ่านคงจิ้งนางหยุดเดินฉับพลัน ก่อนจะเอ่ยปากตำหนิโดยตรงว่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1221

    “แค่ก ๆ ๆ...” เพิ่งจะถามหวงหวั่นเอ๋อร์จบ หลิงอวี้ก็ไอขึ้นมาฉับพลัน หาไม่ใช่เพราะหลิงเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างประคองไว้ เกรงว่าคงจะล้มลงไปแล้ว“ยายชีเฒ่า ข้าเห็นว่าเจ้าแก่จวนจะลงโลงแล้ว ยังจะกังวลมากมายถึงเพียงนั้นเพื่ออันใด?”หวงหวั่นเอ๋อร์กระโดดลงมาจากหลังคา ก่อนจะทะยานไปหาหลิงอวี้ดังฟิ้ว “แม่นางหวง อย่าได้ลงมือรุนแรงกับท่านอาจารย์” เฉินฝานรีบเตือนหวงหวั่นเอ๋อร์ กลัวว่านางจะลงมืออย่างไม่เหมาะสม ขณะที่เฉินฝานพูดอยู่นั้น หวงหวั่นเอ๋อร์ก็อุ้มหลิงอวี้ขึ้นมาแล้วทะยานเหนือศีรษะแม่ชีมากมาย“ยายเฒ่านี่น่ารำคาญเกินไปแล้ว สมควรสั่งสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง” เมื่อทุกคนได้สติกลับมา ก็ได้ยินเพียงเสียงกระจ่างใสของหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น ส่วนร่างของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว“สวรรค์ ท่านหัวหน้าสำนัก ท่านหัวหน้าสำนัก!”หลิงเฟิงร้องเสียงดังพลางตามออกไป นอกจากพวกคงจิ้งแล้ว แม่ชีส่วนใหญ่ล้วนตามออกไปกันหมด“แม่นางหวงจะพาอาจารย์ของข้าไปที่ใดกัน? ร่างกายของอาจารย์ทนรับการกระทบกระเทือนไม่ไหว” เถียนเสี่ยวอวี่เองก็ทำหน้ากังวลและร้อนใจ พูดพลางวิ่งออกไปเช่นกัน “ไม่เป็นไร!” เฉินฝานดึงเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1220

    “ตอนข้าอารมณ์ไม่ดี ชอบใช้ความรุนแรง เจ้าไม่พอใจใช่หรือไม่ ไม่พอใจก็มาสู้กับข้าสักตั้ง!”เสียงใสดังมาจากหลังคาห้องของเถียนเสี่ยวอวี่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงหญิงสาวในชุดสีน้ำเงิน นั่งไขว่ห้างอยู่บนหลังคา เพราะคาบใบไม้ไว้ที่ปาก ตอนนางพูดจึงให้ความรู้สึกท้าทายอย่างมาก“อมิตาพุทธ” สองมือของคงจิ้งประสานเข้าด้วยกัน พยักหน้าให้หวงหวั่นเอ๋อร์เล็กน้อย “แม่นาง ข้ารู้ว่าแม่นางฝีมือไม่ธรรมดา แต่ว่า ท่านช่วยใครไม่ดีเล่า? เหตุใดต้องช่วยหญิงชั่วชายโฉดในห้องนั้นด้วย? นางกำลังยั่วยวนนายท่านของแม่นาง”ตอนเถียนเสี่ยวอวี่พยุงเฉินฝานเข้ามาในสำนัก คงจิ้งเห็นความเก่งกาจของหวงหวั่นเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นจึงชักนำให้พวกชิงผิงไปฟ้องหลิงอวี้นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หวงหวั่นเอ๋อร์จะไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งหลิงอวี้เมื่อไม้แข็งไม่ได้ คงจิ้งเริ่มต่อสู้ด้วยจิตใจ บอกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝานในแคว้นต้าชิ่ง สาวใช้ของบุรุษ แม้วรยุทธ์จะสูงส่งเพียงใดก็เป็นเพียงสมบัติของบุรุษ คงจิ้งมั่นใจว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝาน ยิ่งมั่นใจว่าหวงหวั่นเอ๋อร์จะต้องหึงหวงแน่นอน“หญิงชั่วชายโฉด? ใครกัน?”หวงหวั่นเอ๋อร์มองไปที่คงจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1219

    หรือว่า หรือว่าเสี่ยวอวี่สติเลอะเลือนอีกแล้วหลิงอวี้ไม่พูดสิ่งใด ทั้งยังไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีตของเถียนเสี่ยวอวี่ แต่หลิงอวี้ตระหนักรู้ดีแก่ใจ เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นมาก่อน“ท่านเจ้าอาวาส หมอบอกแล้วว่า ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อน ไม่อาจลงจากเตียงได้” หลิงเฟิงรีบพยุงหลิงอวี้ลงจากเตียง“หลิงเฟิง ข้าไม่วางใจ เร็วเข้า เจ้าพยุงข้าไปดูเขาเร็วเข้า”“ท่านเจ้าอาวาส ข้าพยุงท่าน” เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี้จะไปด้วยตนเอง ชิงผิงรีบวิ่งมาพยุงหลิงอวี้ด้วยสีหน้าดีใจรีบไปห้องพักของเถียนเสี่ยวอวี่ หลิงอวี้ไม่ได้ห้ามหลิงอวี้ ปล่อยให้นางพยุงเพิ่งเข้าไปในเรือนของเถียนเสี่ยวอวี่ ชิงหนิงรีบเดินมาต้อนรับทันที “ชิงหนิงน้อมคารวะท่านเจ้าอาวาส”“เจ้าคือชิงหนิงที่คงอันริษยาหรือ?” หลิงอวี้มองชิงหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องของชิงหนิง หลิงอวี้ไม่ค่อยกระจ่างชัดเท่าใดนัก รู้เพียงว่านางถูกสามีทอดทิ้ง ตอนฆ่าตัวตายมีคนช่วยชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปให้เถียนเสี่ยวอวี่ที่กำลังออกเดินทางชิงหนิงย่อตัวพยักหน้า “ศิษย์เองเจ้าค่ะ”“อื้ม” สายตาของหลิวอวี้ชำเลืองไปที่ชิงหนิง มองไปที่ห้องของเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1218

    “นี่เรียกว่าเจ้าของกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมเท่านั้น” สำหรับเรื่องที่เถียนเสี่ยวอวี่ได้เป็นผู้ดูแล คงจิ้งไม่พอใจอย่างมากนางอายุมากกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ ทั้งยังเข้าไปอยู่ในสำนักนานกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ถึงสิบปี เถียนเสี่ยวอวี่เรียกนางว่าศิษย์พี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นางช่วยท่านเจ้าอาวาสทำทุกอย่าง เมื่อปีกลายท่านเจ้าอาวาสสุขภาพไม่แข็งแรง ทุกคนล้วนคิดว่าคงจิ้งจะได้กลายเป็นผู้ดูแลของสำนัก ตัวคงจิ้งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นางมักวางตัวเป็นผู้ดูแล คอยสั่งแม่ชีในสำนักทำนั่นทำนี่ทว่าคิดไม่ถึงท่านเจ้าอาวาสกลับยกตำแหน่งผู้ดูแลให้กับเถียนเสี่ยวอวี่ซึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักไม่ถึงสามปีแม่ชีส่วนใหญ่ในสำนักล้วนไม่เชื่อฟังเถียนเสี่ยวอวี่ คงจิ้งยิ่งไม่ให้ความร่วมมือ เมื่อครั้นตอนท่านเจ้าอาวาสยังไม่ป่วยหนัก พวกคงจิ้งไม่ค่อยกล้าเหิมเกริมเท่าใดนัก ทว่าหลังจากท่านเจ้าอาวาสป่วยหนัก พวกนางไม่เพียงไม่เห็นเถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสายตา ทั้งยังกลั่นแกล้งนางทั้งต่อหน้าและลับหลังหลังคาห้องที่หวงหวั่นเอ๋อร์นอนเป็นห้องของท่านเจ้าอาวาสพอดี เมื่อได้ยินเสียงข้างล่าง นางเปิดกระเบื้องหนึ่งอันพร้อมฟังครู่หนึ่ง จากนั้นปิดกระเบื

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status