Share

บทที่ 11

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม!

เหม่อลอยเพียงครู่เดียว ฉินเย่ว์เจียวก็ขยับมาอยู่ข้างเขาแล้ว นางเปิดผ้าห่มครึ่งหนึ่งแล้วห่มไว้บนตัวเฉินฝาน

อบอุ่นและมีกลิ่นหอม

กลิ่นหอมจากตัวฉินเย่ว์เจียวพอ ๆ กับนิสัยดุดันของนาง

เข้มข้น เร่าร้อน!

เฉินฝานถึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ผู้ชายแผ่นดินนี้ช่างมีความสุขจริงๆ !

ช่วงเวลาที่เฉินฝานประทับใจ ข้างกายของเขาพลันว่างเปล่า……

รู้สึกตัวอีกที ฉินเย่ว์เจียวลงจากเตียงเตาไปแล้ว

เวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าเฉินฝานจะรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้ฉินเย่ว์เจียวเพียงแค่ช่วยให้ความอบอุ่นกับผ้าห่มเท่านั้น

เขาคิดว่า……พูดตามตรง เขารู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในเล็กน้อย

“แค่ก ๆ !”

“ยังอุ่นไม่พอรึ” ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาถาม

“พอแล้ว ๆ!” เฉินฝานรีบตอบ

พูดจบ ความจริงแล้วข้างในรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เฉินฝาน กลัวอะไรวะ ต้องพูดว่าไม่พอสิ

เตียงเตาใหญ่มาก สองพี่น้องตระกูลฉินคงจะนอนอีกฝั่ง แต่เวลาผ่านไปพักใหญ่ เฉินฝานก็ไม่เห็นสองเงาของพี่น้องตระกูลฉิน

พลันมีเสียงแซก ๆ ดังมาจากพื้น เฉินฝานชะโงกหัวตามที่มาของเสียง

สองพี่น้องตระกูลฉินปูหญ้าอยู่ตรงมุมที่ใกล้เขาที่สุด พวกนางม้วนตัวอยู่บนเตียงหญ้า ผ้าห่มบนตัวบางกว่าและผุพังกว่าของเขามาก

ฉินเย่ว์โหรวกลัวหนาว ฉินเย่ว์เจียวจึงคลุมผ้าห่มให้นางเป็นส่วนใหญ่

เฉินฝานมองแล้วรู้สึกไม่สบายใจมาก

แม้จะก่อไฟเตียงเตาแล้ว แต่อุณหภูมิลงต่ำเมื่อถึงยามดึก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เฉินฝานจึงไม่ได้ใส่มูลวัวเข้าไปมาก

“ทำไมพวกเจ้าไม่ขึ้นมานอนบนเตียงเตาล่ะ!”

“ข้ารับปากว่าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”

เฉินฝานกลัวสองพี่น้องเข้าใจผิดจึงกล่าวเสริม

สองพี่น้องมองเฉินฝานราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อน

ตั้งแต่แต่งงานเข้ามา พวกนางนอนพื้นมาตลอด ไม่ใช่เพราะพวกนางไม่อยากนอนเตียงเตาแต่เพราะเฉินฝานไม่อนุญาต

“เห้อ!”

เฉินฝานตบหน้าผากแปะ ๆ เจ้าของร่างเดิมไม่อนุญาตให้สองพี่น้องขึ้นมาบนเตียงเตา เขาจำเรื่องนี้ได้แล้ว

“ข้าขอสั่งพวกเจ้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปต้องขึ้นมานอนบนเตียงเตา ห้ามขัดคำสั่ง!”

เฉินฝานย้ำว่าห้ามขัดคำสั่งถึงสามครั้ง สองพี่น้องถึงย้ายขึ้นมาบนเตียงเตาด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย จากนั้นก็นอนลงตรงที่ห่างเฉินฝานมากที่สุด

ค่ำคืนนี้ เฉินฝานไม่รู้ว่าสองพี่น้องที่อยู่ห่างจากเขาหลับลงหรือไม่ แต่เขาหลับไม่ลง

เขาจัดการความทรงจำในสมองอยู่นานถึงพบสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมไม่แตะต้องพวกนาง

เมื่อสมัยเจ้าของร่างเดิมยังเป็นเด็ก เขาเคยถูกผู้หญิงโตกว่ารังแก ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มีอาการทางจิต

เขาแต่งภรรยานอกจากเป็นการจัดสรรจากราชสำนักแล้ว เขายังต้องการให้ภรรยาหาเงินให้เขา ปรนนิบัติรับใช้เขา

……

ไก่ขันไม่นาน ฉินเย่ว์เจียวก็ตื่นแล้ว นางมองฉินเย่ว์โหรวที่นอนข้าง ๆ

คงเป็นเพราะความอุ่นจากเตา ทำให้ใบหน้าของนางเป็นสีแดงก่ำและหลับลึกมากกว่าครั้งไหน ๆ

ถ้าเป็นเช่นนี้ทุกวันก็คงจะดี

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีข้าวสารในโอ่งแล้ว หัวใจของฉินเย่ว์เจียวบีบตัวกะทะหัน

นางไม่อาจทนมองน้องสาวทุกข์ทรมานอีกต่อไป ไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหน วันนี้นางก็จะออกไปล่าสัตว์ให้จงได้

เมื่อคลุมผ้าห่มให้ฉินเย่ว์โหรวเสร็จ ฉินเย่ว์เจียวก็ลุกขึ้นเบา ๆ

“เย่ว์เจียว”

ฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งลงจากเตียงเตาตกใจสะดุ้ง

ในเวลาเดียวกัน เฉินฝานเปิดม่านกั้นประตูเข้ามาพอดี

“นายท่าน ทำไมตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

นางไม่เคยคิดเลยว่าเฉินฝานจะตื่นเช้าเพียงนี้ นางเลยไม่ได้สังเกตอีกฝั่งว่าเขาไม่อยู่บนเตียงเตาแล้ว

“อืม!” เฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าตื่นตั้งนานแล้วล่ะ กำลังรอเจ้าน่ะ”

“รอข้าน้อย!” ฉินเย่ว์เจียวทั้งงุนงงและสงสัย

“ใช่น่ะสิ!” เฉินฝานนั่งข้างเตียงเตาแล้วเปลี่ยนร้องเท้าผ้าที่แน่นหนากว่า

สายตาของฉินเย่ว์เจียวถูกผ้าห่มข้างหลังเฉินฝานดึงดูด

เขาเป็นคนพับผ้าห่มนั่นรึ!

เขาพับผ้าห่มเป็นด้วย!

เป็นก้อนสี่เหลี่ยมอย่างกับเต้าหู้ เขาทำมันได้อย่างไร!

ต่อมา ฉินเย่ว์เจียวเคยแอบลองพับ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็พับไม่ได้อย่างที่เฉินฝานทำ

ไม่เพียงแค่ฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์โหรวที่ตื่นนอนแล้วเห็นผ้าห่มของเฉินฝาน นางก็ทำตามแล้วแต่ก็ไม่ได้เหมือนกัน

“ยังนิ่งอยู่ทำไมเล่า เจ้าไม่ได้จะไปล่าสัตว์หรอกรึ!”

“อ่อ ๆ” เมื่อฉินเย่ว์เจียวได้สติ นางก็รีบเดินออกไป เมื่อเดินถึงหน้าประตูนางพลันตะลึงอีกครั้ง “นายท่าน รู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าข้าน้อยจะไปล่าสัตว์”

“แฮะ!” เฉินฝานยิ้มแห้งจากนั้นกดเสียงต่ำลงเพราะกลัวจะรบกวนฉินเย่ว์โหรว “ความคิดง่าย ๆ ที่มาจากยัยเด็กไร้เดียงสาอย่างเจ้า มีหรือข้าจะไม่เข้าใจ!”

ที่นี่ก็เหมือนสมัยโบราณของจีน ทุกคนต่างแต่งงานเร็ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวก็เป็นหญิงสาวอายุเพียงสิบขวบ

เฉินฝานในยุคปัจจุบันอายุมากกว่ายี่สิบห้าแล้ว

ดังนั้น เวลาฉินเย่ว์เจียวอยู่ตรงหน้าเขา ก็คือเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง

“ข้ารู้ด้วยว่าที่ ๆ เจ้าจะไปภูเขาหัวเสือ”

เมื่อคืนนอนไม่หลับ เฉินฝานจึงจัดการความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

แม้ว่ายังไม่ครบถ้วนดี อย่างเช่นว่าเขามีภรรยากี่คน ตอนนี้พวกนางอยู่ที่ไหน สิ่งเหล่านี้เขายังนึกไม่ออก

แต่เขาจำสภาพแวดล้อมแถวนี้ได้ทั้งหมดแล้ว

สองพี่น้องตระกูลฉินดีต่อกันมาก เมื่อกลัวว่าเขาจะไม่มีอะไรกินแล้วลงมือกับฉินเย่ว์โหรว ฉินเย่ว์เจียวย่อมตื่นแต่เช้าไปล่าสัตว์แน่ ซึ่งสถานที่ที่จะมีสัตว์ให้ล่าในเวลานี้ก็คงเป็นภูเขาหัวเสือ

ภูเขาหัวเสือ เป็นสถานที่สมดังชื่อนั่นก็คือมีเสืออยู่บนนั้น ว่ากันว่ามีอย่างน้อยสามตัวขึ้นไป ต่อให้เป็นนักล่าฝีมือฉกาจมีประสบการณ์ก็ไม่ควรขึ้นไปคนเดียว ต่อให้ฝีมือยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวเก่งไม่เบา แต่นางเพิ่งมีอายุได้สิบกว่าปี หากไปคนเดียวจะอันตรายเกินไป

หลังจากฉินเย่ว์เจียวชำละตัวเสร็จ เฉินฝานก็เดินออกมาจากห้อง

“ไปกัน ข้าไปกับเจ้าด้วย!”

“ท่านวางแผนอะไรอยู่กันแน่” ฉินเย่ว์เจียวมองเฉินฝานด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “ใช้โอกาสที่ข้าน้อยไม่อยู่ ให้คนอี๋ชุนย่วนมาพาน้องสี่ไปใช่หรือไม่”

“หืม!” เฉินฝานส่ายหัวและยิ้ม “กระบวนการคิดนี้ของเจ้าไม่ถูกต้อง ถ้าเจ้าจะออกล่าสัตว์ เจ้าไม่อยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ข้าจะให้คนของอี๋ชุนย่วนมาพาเย่ว์โหรวไปแล้วทำไมต้องตามเจ้าไปที่ภูเขาหัวเสือด้วยล่ะ”

กระบวนการคิด?

คือสิ่งใด?

“ไปกันเถอะ” ขณะที่ฉินเย่ว์เจียวกำลังงุนงงไม่เข้าใจ เฉินฝานเดินมากุมมือฉินเย่ว์เจียว “พวกเรารีบไปรีบกลับ”

เพราะถ้ากลับช้าไป คนของอี๋ชุนย่วนคงได้มาที่นี่จริง ๆ

เมื่อวานเขาข่มขู่พวกนั้นได้เพียงชั่วคราว เจ้าของร่างเดิมรับเงินมาแล้ว หอนางโลมอี๋ชุนย่วนไม่มีวันปล่อยไปง่าย ๆ แน่

“ปล่อยข้านะ ข้าเดินเองได้!”

เฉินฝานหันกลับมาก็พบใบหน้ารูปไข่ที่เขินอายและโมโห

วินาทีนี้ เขาละทิ้งความคิดปล่อยมือทันที

เฉินฝานเพิ่มแรงมือมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่ปล่อย!”

“ท่าน……”

ฉินเย่ว์เจียวกระทืบเท้าจ้องเขม่นเฉินฝาน

“เจ้าทำท่าเช่นนี้แล้วสวยจริง ๆ”

พูดจบ เฉินฝานไม่สนใจใบหน้าที่แดงระเรื่อของฉินเย่ว์เจียว เขากุมมือฉินเย่ว์เจียวและย่างเท้าเดินไปข้างหน้า

ตอนเริ่มต้น ฉินเย่ว์เจียวยังเดินช้ามาก แต่พอเลี้ยวมุมเสร็จ เมื่อเดินถึงถนนที่ต้องผ่านหมู่บ้าน นางเดินเร็วยิ่งกว่าเฉินฝาน

คนที่ไม่รู้เรื่อง คงคิดว่านางเป็นคนจับมือเฉินฝานและพาเขาเดิน

เฉินฝานมองฉินเย่ว์เจียวที่ก้มหน้าเดินเร็วแล้วพลางยิ้มอ่อน

เขารู้ว่ายัยเด็กคนนี้เดินเร็วเพราะกลัวชาวบ้านจะเห็น

เฉินฝานจับมือฉินเย่ว์เจียวแน่นและไม่วางมือตลอดทาง

แรกเริ่มเพราะคิดจะแกล้งนาง เขาชอบท่าทางที่ฉินเย่ว์เจียวโมโหหน้าแดง แต่ภายหลังเมื่อใกล้จะถึงภูเขาหัวเสือเพราะกลัวว่าจะมีอันตราย

“โฮก!” พวกเขาเดินเข้ามาไม่นานก็มีเสียงร้องของเสือดังมาจากข้างหน้า

ดูเหมือนว่าความอันตรายในภูเขาหัวเสือสูงกว่าที่เฉินฝานคิดไว้มาก!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
warutty soawinee
กวยกดเลือกตอนยังไงวะกุต้องเลื่อนจากตอนที่1เลยเหรอ
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
ชื่นชอบมากกกกกกกกครับ
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สุกสนุกสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 12

    เฉินฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของฉินเย่ว์เจียวมีอาการสั่นเล็กน้อยเมื่อหันกลับก็พบว่ามีเหงื่อเต็มหน้าผากฉินเย่ว์เจียวฉินเย่ว์เจียวแสดงสีหน้าท่าทางเป็นความกล้าหาญทันทีที่เห็นเฉินฝานหันกลับมาท่าทางดื้อรั้นของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานหัวเราะ“นั่นมันเสือ จะกลัวขายหน้าทำไม ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวแน่น “อยู่ใกล้ข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องฝืน พวกเราไม่ต้องเข้าไปลึกมาก แค่มองรอบ ๆ ว่ามีพวกกระต่ายป่าหรือนกป่าหรือไม่ก็พอ จับสักตัวสองตัวพวกเราก็กลับ ห้ามโลภเด็ดขาด”ภูเขาหัวเสือเพราะว่ามีเสือ คนจึงขึ้นมาน้อย พวกเฉินฝานจับไก่ป่าได้สามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว“สวบ!”ฝีมือการยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวไม่เลวจริง ๆ นางยิงกระต่ายได้อีกหนึ่งตัว“ยิงโดนแล้ว ข้ายิงโดนอีกแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียววิ่งไปเก็บกระต่ายอย่างดีใจ“เย่ว์เจียว กลับมา……”“โฮก!”เสียงของเฉินฝานถูกเสียงโฮกของเสือกลบตรงหน้ามีเสือกระโจนออกมากะทะหันตัวหนึ่ง มันจ้องเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวไม่ขยับฉินเย่ว์เจียวชูคันธนูขึ้นตามสัญชาตญาณ“อย่าขยับ!” เฉินฝานตะโกนห้ามฉินเย่ว์เจียวพุ่มหญ้าด้านหลังเสือมีความ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 13

    “พี่สาม สิ่งที่นายท่านยัดเข้าไปในท้องปลาคือหญ้าเซียนนู๋หรือไม่ หญ้านั่นกินได้ด้วยหรือ!”ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรเสีย นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าเซียนนู๋กินได้“พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวชี้ไปที่กองมันสำปะหลังในลานสวน “นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”“ข้าไม่รู้” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัว“เหมือนท่อนไม้เลย ใช้เป็นฟืนรึ!”“ไม่ใช่!” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวอีก “นายท่านบอกว่าเป็นของกิน”“ของกิน! ท่อนไม้กินได้ด้วยหรือเจ้าคะ!”“กินได้สิ! มันไม่ได้เรียกว่าท่อนไม้ มันชื่อว่ามันสำปะหลัง” เฉินฝานยืนขึ้นแล้วไปหยิบมันสำปะหลังสามอันยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรมา “มา พวกเจ้ามานี่แล้วเอามันสำปะหลังสามอันนี้ไปขูดเปลือกออกซะ จากนั้นนำไปต้มนะ”มันสำปะหลังในหม้อต้มสุกอย่างรวดเร็ว ปลาเผาบนถ่านก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล เฉินฝานโรสเกลือลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาเผาลอยออกอบอวลไปทั่วเรือนในทันใด“หอมจัง!”แม้ว่าฉินเย่ว์โหรวออกเรือนเป็นภรรยาคนแล้ว แต่นางยังเด็กมาก นางจ้องปลาเผาที่อยู่บนฝืนไม่ขยับพลางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้ฉินเย่ว์เจียวโตกว่าเล็กน้อย จึงไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่าฉินเย่ว์โหรว แต่นางแอบกลืนน้ำลายไปหล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 14

    กินอาหารง่าย ๆ เสร็จ เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็เตรียมตัวจะไปขายไก่ป่ากับกระต่ายในเมืองฉินเย่ว์โหรวร่างกายอ่อนแอจึงอยู่เฝ้าเรือนแทนหมู่บ้านซานเหออยู่ในเมืองที่มีชื่อว่าเมืองหลีผิง จากหมู่บ้านซานเหอไปยังตลาดในเมืองเพียงสิบกว่าลี้ ระยะห่างไม่ไกลมากนักคนชนบทเป็นคนตื่นเช้า เมื่อเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวเดินมาถึง ในตลาดก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกขายของต่าง ๆ ดังไม่ขาดสายสำหรับฉินเย่ว์เจียวแล้ว การขายไก่ป่ากับกระต่ายเป็นสิ่งที่นางคุ้นเป็นอย่างดี“น้องเย่ว์เจียวมาแล้วหรือ วันนี้ล่าได้สัตว์อะไรมาล่ะ”สตรีวัยกลางคนขายไช้กัวอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นฉินเย่ว์เจียวแต่เมื่อสตรีวัยกลางคนเห็นเฉินฝานที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินเย่ว์เจียวแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันใด ตามมาด้วยการมองเฉินฝานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อก่อนเฉินฝานตามมาเอาเงินทั้งนั้น เมื่อได้เงินแล้วก็เอาไปเล่นพนันทันที คนที่นี่จึงไม่ต้อนรับเขามากนักฉินเย่ว์เจียวยกไก่ป่าขึ้นมา “ท่านป้า วันนี้ข้าจับไก่ป่าได้เจ้าค่ะ!”สตรีวัยกลางคนก้มศีรษะลงและมอง “โอ้โห ไก่ป่าตัวนี้ช่างอ้วนท้วนเหลือเกิน วันนี้น้องเย่ว์เจียวจะรวยแล้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 15

    ฉินเย่ว์โหรวไม่ได้สติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกลิ่นผู้ชายของเฉินฝานเข้าใกล้มาก ๆ ยิ่งรู้สึกอยากแนบชิดสองแขนโอบล้อมคอเฉินฝานและกดลงมาปกติเขินอายไร้เดียงสาเหมือนเจ้ากระต่ายน้อย แต่เวลานี้กลับเร่าร้อนดั่งเปลวไฟ“นายท่าน นายท่าน……”เสียงออดอ้อนเว้าวอนดังออกมาจากริมฝีปากแดงอมชมพูของนางเฉินฝานอดกลั้นอย่างทรมาน เมื่อฉินเย่ว์โหรวใจร้อนถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปเมื่อทุกอย่างกำลังจะสุกงอม……ทันใดนั้น……สีแดงพราวเป็นแผ่นขยายวงกว้างต่อหน้าเฉินฝานช้า ๆมาพร้อมด้วยเสียงร้องปวดจากฉินเย่ว์โหรว เสียงหายใจถี่หายไปและปรับเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นน่าสงสารในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางมองเฉินฝานด้วยแววตาตัดพ้อ: “นายท่าน ท่าน……อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ!”เวลานี้ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกเพียงแต่มวนท้อง โดยเฉพาะท้องน้อยที่เจ็บจี๊ดเหมือนโดนมีดบาดเฉินฝานเข้าใจคำตำหนิทันทีราวกับแววตาของฉินเย่ว์โหรวพูดได้แต่ตอนนี้เขารู้สึกจนใจและน้อยใจมากกว่านี่ไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดอาการฉีกขาด!เขาอยากทำอะไรสักอย่าง แต่เขายังไม่ทันได้เริ่มเลย!เพราะประจำเดือนของฉินเย่ว์โหรวมาพอดีต่างหาก!นาง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 16

    ฉินเย่ว์เจียวดึงคันธนูแล้วเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าฉินเย่ว์โหรวใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พานางออกไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะกล้าลงมือ!”ชายทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไป ฉินเย่ว์เจียวถูกบีบให้ล่าถอยไปทีละก้าว สายตาเห็นว่าจะโจมตีฉินเย่ว์โหรว“ใครก็ตามที่กล้าพาน้องสี่ของข้าไป ข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยลูกธนูดอกเดียว!” ฉินเย่ว์เจียวตะโกนลั่น พร้อมดึงสายธนูในมือให้โค้งได้มากที่สุด“พี่สาม อย่าเลย!”ฉินเย่ว์โหรวกอดฉินเย่ว์เจียว “ให้เรื่องจบเท่านี้เถิด ข้าจะไปกับพวกเขาเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีก”ฉินเย่ว์โหรวหลับตาอย่างยอมแพ้ ยังคิดด้วยซ้ำว่าหลีกเลี่ยงจูต้าอันก็พอแล้วแต่ทำไมนางถึงลืมเรื่องที่นางถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไปอีกแล้ว“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ! มาเลย!” ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเป็นสีแดงเข้ม นางกัดฟันและตะโกนเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตายด้วยกัน!”“จะตายอะไร จะรอดอะไรน่ะ!” เฉินฝานคว้าด้ามธนูจากมือของฉินเย่ว์เจียว “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง อย่าเอาแต่ต่อสู้ฆ่าฟันทั้งวัน เจ้าไม่ฟังคำของข้าเลยหรือไร”“เฉินฝาน ท่านปล่อยข้า!”ความจริงที่ว่าฉินเย่ว์

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 17

    “จริงสิ ข้าเตือนไว้เสียหน่อย เมื่อครู่ที่ตีคือใบหน้า แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่ และมันเป็น…”สายตาของเฉินฝานจับจ้องไปที่ดวงตาของหลี่ซานหลี่ซานปกป้องดวงตาของตนตามสัญชาตญาณ และพูดขึ้นอย่างร้อนตัว “เจ้าหนู เจ้ากำลังขู่ใครอยู่?"เฉินฝานพูดไม่ยี่หระ “ถ้าเจ้าลอง...ก็จะได้รู้เอง”ก่อนจะทะลุมิติมา เฉินฝานเพิ่งปลดประจำการจากทีมปฏิบัติการพิเศษในประเทศหนึ่งหากไม่ใช่เพราะร่างกายนี้ขาดการออกกำลังกาย ท่อนไม้ที่เพิ่งพุ่งเข้าไปที่ใบหน้าของหลี่ซานจะไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ซานเจ็บเท่านั้น ครั้นจะเห็นเลือดออกมาเสียด้วยซ้ำหลี่ซานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เฉินฝานที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนธรรมดาที่ยากจนคำพูดและดวงตาของเขาก็ประจักษ์แจ้งได้ว่าดูไม่จริงจัง กระนั้นไม่รู้ว่าทำไมยังทำให้เขาหวาดกลัวเพื่อนชั่วช้าของจูต้าอัน ในเวลานี้ได้ปลุกจูต้าอันให้ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาถูกเฉินฝานทุบตีจนหยุดหายใจไปชั่วคราว แม้เฉินฝานจะเคลื่อนไหวรุนแรง ตีจนทำให้จูต้าอันเจ็บเกือบตายแต่เป็นการลงมืออย่างพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้จูต้าอันตายจริงและก่อให้เกิดคดีความเกี่ยวกับชีวิตคนเมื่อจูต้าอันตื่นขึ้นมา ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 18

    หลี่ซานมองลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าไปในดวงตาของนักเลง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นเป็นชั้นบาง ๆ โชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่เฉินฝานยิง ไม่เช่นนั้นดวงตาของเขา...เฉินฝานหยิบลูกธนูอีกดอกออกมาจากกระบอกใส่ธนูของฉินเย่ว์เจียว มองพวกนักเลงอย่างเย็นชาเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรออกไป พวกนักเลงก็ก้าวถอยหลังไปทีละคน“เจ้าพวกขี้ขลาด ถอยทำไม ไปสิ!”“ข้าบอกให้ไป!”ไม่ว่าหลี่ซานจะตะโกนอย่างไร ก็ไม่มีนักเลงคนใดกล้าโจมตี ซ้ำยังถอยห่างออกไปเรื่อย ๆไม่มีทาง ใครเล่าจะไม่กังวลเรื่องดวงตาของตน“เฉินฝาน เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมากนักหรือ? เจ้าเก่งกาจมากกว่ากฎหมายของต้าชิ่งหรือ? ข้าจะฟ้องทางการ ฟ้องทางการ!”ท้ายที่สุดแล้ว หลี่ซานคือนายน้อยแห่งหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนที่เขาจะได้พบกับเฉินฝาน เขาตะโกนดังลั่นด้วยความโกรธ“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนเงิน ฟ้องทางการ เจ้ามีเหตุผลอะไร”“เหตุผลอะไร!”“ฮ่า ๆๆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ หนึ่งร้อยเท่าของหนึ่งร้อยอีแปะเป็นเงินสิบตำลึง เจ้าต้องชดใช้คืนภายในสามวัน ครบไปแล้วหนึ่งวัน ตอนนี้เจ้ามีเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น คนจนเช่นเจ้า...จ่ายไหวหรือ”หลี่ซานแสดงท่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 19

    เฉินฝานปาดเหงื่อที่ยังคงไหลอาบหน้า หันกลับไปดูว่าสองพี่น้องฉินเป็นอย่างไรบ้าง แต่พบว่าสองพี่น้องทะเลาะกันอีกแล้ว“น้องสี่ ถ้าเจ้าอยากไป ข้าจะเป็นคนไปเอง ร่างกายของข้าก็ดีกว่าของเจ้า”“พี่สาม ในสัญญาเป็นชื่อของข้า ก็ต้องเป็นข้าที่ไปสิเจ้าคะ”“ไม่ได้ ร่างกายของเจ้า...”เฉินฝานส่ายหัวจนใจ เด็กหญิงสองคนนี้แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่มีตัวตนอีกต่อไป“หยุดเถียงได้แล้วน่า! พวกเจ้าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ไปทั้งนั้น ข้าจะหาเงินเอง ข้าจะแก้ปัญหาเอง”ฉินเย่ว์เจียวตอบคำพูดของเฉินฝานด้วยความโกรธ “ท่านรู้แน่ชัดแล้วใช่หรือไม่ว่ามันเป็นเงินสิบตำลึง ไม่ใช่หนึ่งร้อยอีแปะ”“ข้าไม่ได้ตาบอดหูหนวก ข้ารู้ว่ามันเป็นเงินสิบตำลึง”“ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นก็บอกข้าหน่อยสิ ภายในสองวันท่านจะหาเงินสิบตำลึงได้ที่ใด”“ข้าขอคิดดูก่อน ต้องมีทางแก้ไขมากกว่าปัญหาอยู่แล้ว”“มีทางแก้ไขมากกว่าปัญหา? ฮ่า!” ความโกรธบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวค่อย ๆ ลดลง และในที่สุดก็กลายเป็นไร้ความรู้สึก ไร้ความรู้สึกหลังจากโกรธและผิดหวังอย่างมากนางหยิบธนูและลูกธนูขึ้นมาก่อนจะดินออกไปฉินเย่ว์โหรวคว้าแขนเสื้อของฉินเย่ว์เจียวไว้ทันที “พี่สาม ท่านจะ

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1309

    วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1308

    หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1307

    ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status