แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“พี่สาม สิ่งที่นายท่านยัดเข้าไปในท้องปลาคือหญ้าเซียนนู๋หรือไม่ หญ้านั่นกินได้ด้วยหรือ!”

ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรเสีย นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าเซียนนู๋กินได้

“พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวชี้ไปที่กองมันสำปะหลังในลานสวน “นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”

“ข้าไม่รู้” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัว

“เหมือนท่อนไม้เลย ใช้เป็นฟืนรึ!”

“ไม่ใช่!” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวอีก “นายท่านบอกว่าเป็นของกิน”

“ของกิน! ท่อนไม้กินได้ด้วยหรือเจ้าคะ!”

“กินได้สิ! มันไม่ได้เรียกว่าท่อนไม้ มันชื่อว่ามันสำปะหลัง” เฉินฝานยืนขึ้นแล้วไปหยิบมันสำปะหลังสามอันยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรมา “มา พวกเจ้ามานี่แล้วเอามันสำปะหลังสามอันนี้ไปขูดเปลือกออกซะ จากนั้นนำไปต้มนะ”

มันสำปะหลังในหม้อต้มสุกอย่างรวดเร็ว ปลาเผาบนถ่านก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล เฉินฝานโรสเกลือลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาเผาลอยออกอบอวลไปทั่วเรือนในทันใด

“หอมจัง!”

แม้ว่าฉินเย่ว์โหรวออกเรือนเป็นภรรยาคนแล้ว แต่นางยังเด็กมาก นางจ้องปลาเผาที่อยู่บนฝืนไม่ขยับพลางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้

ฉินเย่ว์เจียวโตกว่าเล็กน้อย จึงไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่าฉินเย่ว์โหรว แต่นางแอบกลืนน้ำลายไปหลายครั้งเหมือนกัน

พวกนางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถทำปลาให้หอมได้ถึงเพียงนี้

เฉินฝานมองสองพี่น้องสาวที่หิวโหยแล้วทั้งอยากหัวเราะและรู้สึกสงสาร จากนี้ไปเขาจะให้พวกนางมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

“พวกเจ้าหยุดมองได้แล้ว รีบไปเอามันสำปะหลังออกจากหม้อเร็วเข้า ได้เวลากินข้าวแล้ว!”

ฉินเย่ว์โหรวที่ไม่สะดวกเดิน เวลานี้กลับวิ่งได้อย่างรวดเร็ว

แม้ว่าน้ำลายในปากเกือบไหลออกมา แต่ฉินเย่ว์โหรวก็ยังอดทนเอาไว้ นางหักมันสำปะหลังเป็นชิ้น ๆ เพื่อให้เฉินฝานกินสะดวกมากขึ้น

เมื่อทำมันสำปะหลังเสร็จ นางหยิบปลาขึ้นมาหนึ่งตัวแล้วเอาก้างออกอย่างระมัดระวังจากนั้นถึงวางในถ้วยแล้วยื่นให้เฉินฝาน

“นายท่านกินก่อนเจ้าค่ะ!”

“พวกเจ้าก็กินด้วย” ได้รับการปรนนิบัติเช่นนี้ เฉินฝานรู้สึกไม่คุ้นชิน

“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ!”

ฉินเย่ว์โหรวพูด ขอบคุณเสร็จก็ยกอาหารออกไปพร้อมกับฉินเย่ว์เจียว

“พวกเจ้าจะไปไหน” เฉินฝานประหลาดใจจึงวางอาหารในมือทันที

ฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์เจียวตื่นตกใจเช่นกันเมื่อหันกลับมา

เขาไม่เคยให้พวกนางนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยเลยสักครั้ง วันนี้เขาเป็นอะไรไป

“ให้ตายเถอะ!” เฉินฝานตบหน้าผาก เขาจำกฎการร่วมโต๊ะได้แล้วว่าเจ้าของร่างเดิมไม่อนุญาตให้สองพี่น้องร่วมโต๊ะอาหารกับเขา

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าต้องนั่งที่โต๊ะ พวกเราต้องกินข้าวพร้อมกัน นี่คือคำสั่ง”

มีสองสาวสวยนั่งด้วยเวลากินข้าว ดีจะตาย

แต่งงานกับเฉินฝานหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา สองพี่น้องตระกูลฉินได้กินข้าวอย่างดีและอิ่มเป็นครั้งแรก

หลังจากกินข้าวเสร็จ เฉินฝานคำนวณเวลาแล้วน่าจะบ่ายสองบ่ายสาม เวลานี้ตลาดหมู่บ้านคงแยกย้ายกันกลับแล้ว จะนำกระต่ายกับไก่ป่าไปขายคงต้องรอพรุ่งนี้

พระอาทิตย์ตกดินเร็วขึ้นเมื่อถึงฤดูหนาว ถ้าออกไปข้างนอกเวลานี้คงเป็นไปไม่ได้ เฉินฝานจึงสั่งให้สองพี่น้องฆ่าปลาที่เหลือจากนั้นหมักด้วยเกลือ

เฉินฝานก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขานำตระกร้าสานที่ผุพังไปแล้วดัดแปลงเป็นข้องปลา

ทุกคนมีงานทำอยู่ในลานสวนที่ไม่ใหญ่มาก

สองพี่น้องเงยหน้ามองเฉินฝานเป็นพัก ๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เวลาพวกนางทำงานแล้วเฉินฝานไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเตา

และไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำอะไรอยู่ ทำตะกร้าสานอยู่รึ! แต่ดูแล้วต่างจากตะกร้าสานทั่วไปมาก

สองพี่น้องสนใจข้องปลาในมือเฉินฝานมาก แต่ทำได้เพียงมองอยู่ไกล ๆ และไม่กล้าเข้าไปถาม

“ไข่ไก่! ไก่ป่าตัวนี้ออกไข่ด้วย!”

“จริง ๆ ด้วย!”

เฉินฝานที่กำลังทำข้องปลาเงยหน้าไปตามเสียงหลังจากได้ยินเสียงตื่นตกใจของสองคนนั้น เขาเห็นสองพี่น้องตระกูลฉินกระโดดโลดเต้นดีใจอยู่ข้างเล้าไก่

เฉินฝานส่ายหัวและยิ้ม ช่างแหมือนเด็กผู้หญิงสองคนจริง ๆ

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราเก็บไก่ที่ออกไข่ไว้เถอะ ไม่เอาไปขายแล้ว” เฉินฝานกล่าว

“ไม่ขาย!” ฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝานด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เมื่อก่อนฉินเย่ว์เจียวเคยจับไก่ป่ากลับมาเหมือนกัน ทุกครั้งที่ล่าสัตว์กลับมา เจ้าของร่างเดิมจะนำไปขายทันที เมื่อได้เงินมาแล้วไม่ใช่ซื้อสุราก็เอาไปเล่นพนัน

“ใช่ ไม่ขายแล้ว เย่ว์โหรว ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมาก เจ้าควรบำรุงกินไข่ให้มาก ๆ”

“……”

ฉินเย่ว์โหรวชะงักอยู่พักใหญ่ถึงดึงฉินเย่ว์เจียวที่ยืนชะงักเหมือนกันพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “พี่สาม พี่ได้ยินหรือไม่! นายท่านพูดว่า......”

“เจ้าอย่าเชื่อเขาง่าย ๆ เช่นนี้ ใครเล่าจะรู้ว่าเขาวางแผนอะไรอยู่!” ฉินเย่ว์เจียวที่ได้สติกลับคืนมาดับฝันฉินเย่ว์โหรวทันที

“พี่สาม……” ฉินเย่ว์โหรวอยากพูดแต่ไม่กล้าพูดออกมา

เขายอมเชื่อเฉินฝาน แต่ก็กลัวมากว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาของนาง

ซุปไข่จากไก่ป่าในคืนนี้ ฉินเย่ว์โหรวกินเข้าไปตามคำสั่งของเฉินฝานอย่างไม่สบายใจ

เพียงซุปไข่เล็ก ๆ หนึ่งถ้วย นางสามารถชะงักถึงห้าหกครั้ง ชะงักหนึ่งครั้งแอบมองเฉินฝานหนึ่งครั้ง

“หืม! จะให้ข้าป้อนเจ้าจริง ๆ รึไง!”

“ห้ะ! เปล่า เปล่าเจ้าค่ะ!” สองแก้มของฉินเย่ว์โหรวแดงขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดนางไม่แอบมองเฉินฝานอีกและยังกินซุปไข่หมดถ้วย จากนั้นรีบไปอุ่นเตียงให้เฉินฝาน

คืนที่สองของการทะลุมิติมายังรัชสมัยต้าชิ่ง เริ่มต้นด้วยการที่ฉินเย่ว์เจียวอุ่นเตียงให้เขาแล้วเหมือนกัน

แต่คืนนี้ไม่มีความรู้สึกตึงเครียดเหมือนคืนแรกแล้ว

ฉินเย่ว์โหรวเริ่มไม่กลัวเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวก็ไม่ได้แอบจับคานธนูเงียบ ๆ เพื่อป้องกันเฉินฝานหลังจากนอนเช่นกัน

เช้าวันถัดมา

เฉินฝานที่นอนหลับสบายตื่นขึ้นมาก็พบว่าฟ้าสว่างแล้ว

สองพี่น้องตระกูลฉินที่อยู่อีกฝั่งของเตียงเตายังหลับอยู่

แต่งงานนานขาดนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกนางกินอิ่ม นอนอิ่ม สบายใจและหลับเกินเลยไปเช่นนี้

เฉินฝานมองใบหน้าที่หลับสนิทของเขาสองคนแล้วไม่อาจทำใจปลุกพวกนางให้ตื่น

เขาคลุมผ้าห่มให้ฉินเย่ว์โหรวที่ชอบเตะผ้าห่ม จากนั้นย่องเบาลงจากเตียง

“นายท่าน!”

เพียงเฉินฝานขยับตัว สองคนนั้นก็ตื่นทันที

พวกนางมองเฉินฝานอย่างไม่สบายใจ

เฉินฝานถอนหายใจ “ไปกันเถอะ ไปแลกของกัน”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 14

    กินอาหารง่าย ๆ เสร็จ เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็เตรียมตัวจะไปขายไก่ป่ากับกระต่ายในเมืองฉินเย่ว์โหรวร่างกายอ่อนแอจึงอยู่เฝ้าเรือนแทนหมู่บ้านซานเหออยู่ในเมืองที่มีชื่อว่าเมืองหลีผิง จากหมู่บ้านซานเหอไปยังตลาดในเมืองเพียงสิบกว่าลี้ ระยะห่างไม่ไกลมากนักคนชนบทเป็นคนตื่นเช้า เมื่อเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวเดินมาถึง ในตลาดก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกขายของต่าง ๆ ดังไม่ขาดสายสำหรับฉินเย่ว์เจียวแล้ว การขายไก่ป่ากับกระต่ายเป็นสิ่งที่นางคุ้นเป็นอย่างดี“น้องเย่ว์เจียวมาแล้วหรือ วันนี้ล่าได้สัตว์อะไรมาล่ะ”สตรีวัยกลางคนขายไช้กัวอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นฉินเย่ว์เจียวแต่เมื่อสตรีวัยกลางคนเห็นเฉินฝานที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินเย่ว์เจียวแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันใด ตามมาด้วยการมองเฉินฝานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อก่อนเฉินฝานตามมาเอาเงินทั้งนั้น เมื่อได้เงินแล้วก็เอาไปเล่นพนันทันที คนที่นี่จึงไม่ต้อนรับเขามากนักฉินเย่ว์เจียวยกไก่ป่าขึ้นมา “ท่านป้า วันนี้ข้าจับไก่ป่าได้เจ้าค่ะ!”สตรีวัยกลางคนก้มศีรษะลงและมอง “โอ้โห ไก่ป่าตัวนี้ช่างอ้วนท้วนเหลือเกิน วันนี้น้องเย่ว์เจียวจะรวยแล้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 15

    ฉินเย่ว์โหรวไม่ได้สติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกลิ่นผู้ชายของเฉินฝานเข้าใกล้มาก ๆ ยิ่งรู้สึกอยากแนบชิดสองแขนโอบล้อมคอเฉินฝานและกดลงมาปกติเขินอายไร้เดียงสาเหมือนเจ้ากระต่ายน้อย แต่เวลานี้กลับเร่าร้อนดั่งเปลวไฟ“นายท่าน นายท่าน……”เสียงออดอ้อนเว้าวอนดังออกมาจากริมฝีปากแดงอมชมพูของนางเฉินฝานอดกลั้นอย่างทรมาน เมื่อฉินเย่ว์โหรวใจร้อนถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปเมื่อทุกอย่างกำลังจะสุกงอม……ทันใดนั้น……สีแดงพราวเป็นแผ่นขยายวงกว้างต่อหน้าเฉินฝานช้า ๆมาพร้อมด้วยเสียงร้องปวดจากฉินเย่ว์โหรว เสียงหายใจถี่หายไปและปรับเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นน่าสงสารในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางมองเฉินฝานด้วยแววตาตัดพ้อ: “นายท่าน ท่าน……อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ!”เวลานี้ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกเพียงแต่มวนท้อง โดยเฉพาะท้องน้อยที่เจ็บจี๊ดเหมือนโดนมีดบาดเฉินฝานเข้าใจคำตำหนิทันทีราวกับแววตาของฉินเย่ว์โหรวพูดได้แต่ตอนนี้เขารู้สึกจนใจและน้อยใจมากกว่านี่ไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดอาการฉีกขาด!เขาอยากทำอะไรสักอย่าง แต่เขายังไม่ทันได้เริ่มเลย!เพราะประจำเดือนของฉินเย่ว์โหรวมาพอดีต่างหาก!นาง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 16

    ฉินเย่ว์เจียวดึงคันธนูแล้วเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าฉินเย่ว์โหรวใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พานางออกไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะกล้าลงมือ!”ชายทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไป ฉินเย่ว์เจียวถูกบีบให้ล่าถอยไปทีละก้าว สายตาเห็นว่าจะโจมตีฉินเย่ว์โหรว“ใครก็ตามที่กล้าพาน้องสี่ของข้าไป ข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยลูกธนูดอกเดียว!” ฉินเย่ว์เจียวตะโกนลั่น พร้อมดึงสายธนูในมือให้โค้งได้มากที่สุด“พี่สาม อย่าเลย!”ฉินเย่ว์โหรวกอดฉินเย่ว์เจียว “ให้เรื่องจบเท่านี้เถิด ข้าจะไปกับพวกเขาเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีก”ฉินเย่ว์โหรวหลับตาอย่างยอมแพ้ ยังคิดด้วยซ้ำว่าหลีกเลี่ยงจูต้าอันก็พอแล้วแต่ทำไมนางถึงลืมเรื่องที่นางถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไปอีกแล้ว“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ! มาเลย!” ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเป็นสีแดงเข้ม นางกัดฟันและตะโกนเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตายด้วยกัน!”“จะตายอะไร จะรอดอะไรน่ะ!” เฉินฝานคว้าด้ามธนูจากมือของฉินเย่ว์เจียว “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง อย่าเอาแต่ต่อสู้ฆ่าฟันทั้งวัน เจ้าไม่ฟังคำของข้าเลยหรือไร”“เฉินฝาน ท่านปล่อยข้า!”ความจริงที่ว่าฉินเย่ว์

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 17

    “จริงสิ ข้าเตือนไว้เสียหน่อย เมื่อครู่ที่ตีคือใบหน้า แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่ และมันเป็น…”สายตาของเฉินฝานจับจ้องไปที่ดวงตาของหลี่ซานหลี่ซานปกป้องดวงตาของตนตามสัญชาตญาณ และพูดขึ้นอย่างร้อนตัว “เจ้าหนู เจ้ากำลังขู่ใครอยู่?"เฉินฝานพูดไม่ยี่หระ “ถ้าเจ้าลอง...ก็จะได้รู้เอง”ก่อนจะทะลุมิติมา เฉินฝานเพิ่งปลดประจำการจากทีมปฏิบัติการพิเศษในประเทศหนึ่งหากไม่ใช่เพราะร่างกายนี้ขาดการออกกำลังกาย ท่อนไม้ที่เพิ่งพุ่งเข้าไปที่ใบหน้าของหลี่ซานจะไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ซานเจ็บเท่านั้น ครั้นจะเห็นเลือดออกมาเสียด้วยซ้ำหลี่ซานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เฉินฝานที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนธรรมดาที่ยากจนคำพูดและดวงตาของเขาก็ประจักษ์แจ้งได้ว่าดูไม่จริงจัง กระนั้นไม่รู้ว่าทำไมยังทำให้เขาหวาดกลัวเพื่อนชั่วช้าของจูต้าอัน ในเวลานี้ได้ปลุกจูต้าอันให้ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาถูกเฉินฝานทุบตีจนหยุดหายใจไปชั่วคราว แม้เฉินฝานจะเคลื่อนไหวรุนแรง ตีจนทำให้จูต้าอันเจ็บเกือบตายแต่เป็นการลงมืออย่างพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้จูต้าอันตายจริงและก่อให้เกิดคดีความเกี่ยวกับชีวิตคนเมื่อจูต้าอันตื่นขึ้นมา ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 18

    หลี่ซานมองลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าไปในดวงตาของนักเลง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นเป็นชั้นบาง ๆ โชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่เฉินฝานยิง ไม่เช่นนั้นดวงตาของเขา...เฉินฝานหยิบลูกธนูอีกดอกออกมาจากกระบอกใส่ธนูของฉินเย่ว์เจียว มองพวกนักเลงอย่างเย็นชาเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรออกไป พวกนักเลงก็ก้าวถอยหลังไปทีละคน“เจ้าพวกขี้ขลาด ถอยทำไม ไปสิ!”“ข้าบอกให้ไป!”ไม่ว่าหลี่ซานจะตะโกนอย่างไร ก็ไม่มีนักเลงคนใดกล้าโจมตี ซ้ำยังถอยห่างออกไปเรื่อย ๆไม่มีทาง ใครเล่าจะไม่กังวลเรื่องดวงตาของตน“เฉินฝาน เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมากนักหรือ? เจ้าเก่งกาจมากกว่ากฎหมายของต้าชิ่งหรือ? ข้าจะฟ้องทางการ ฟ้องทางการ!”ท้ายที่สุดแล้ว หลี่ซานคือนายน้อยแห่งหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนที่เขาจะได้พบกับเฉินฝาน เขาตะโกนดังลั่นด้วยความโกรธ“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนเงิน ฟ้องทางการ เจ้ามีเหตุผลอะไร”“เหตุผลอะไร!”“ฮ่า ๆๆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ หนึ่งร้อยเท่าของหนึ่งร้อยอีแปะเป็นเงินสิบตำลึง เจ้าต้องชดใช้คืนภายในสามวัน ครบไปแล้วหนึ่งวัน ตอนนี้เจ้ามีเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น คนจนเช่นเจ้า...จ่ายไหวหรือ”หลี่ซานแสดงท่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 19

    เฉินฝานปาดเหงื่อที่ยังคงไหลอาบหน้า หันกลับไปดูว่าสองพี่น้องฉินเป็นอย่างไรบ้าง แต่พบว่าสองพี่น้องทะเลาะกันอีกแล้ว“น้องสี่ ถ้าเจ้าอยากไป ข้าจะเป็นคนไปเอง ร่างกายของข้าก็ดีกว่าของเจ้า”“พี่สาม ในสัญญาเป็นชื่อของข้า ก็ต้องเป็นข้าที่ไปสิเจ้าคะ”“ไม่ได้ ร่างกายของเจ้า...”เฉินฝานส่ายหัวจนใจ เด็กหญิงสองคนนี้แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่มีตัวตนอีกต่อไป“หยุดเถียงได้แล้วน่า! พวกเจ้าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ไปทั้งนั้น ข้าจะหาเงินเอง ข้าจะแก้ปัญหาเอง”ฉินเย่ว์เจียวตอบคำพูดของเฉินฝานด้วยความโกรธ “ท่านรู้แน่ชัดแล้วใช่หรือไม่ว่ามันเป็นเงินสิบตำลึง ไม่ใช่หนึ่งร้อยอีแปะ”“ข้าไม่ได้ตาบอดหูหนวก ข้ารู้ว่ามันเป็นเงินสิบตำลึง”“ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นก็บอกข้าหน่อยสิ ภายในสองวันท่านจะหาเงินสิบตำลึงได้ที่ใด”“ข้าขอคิดดูก่อน ต้องมีทางแก้ไขมากกว่าปัญหาอยู่แล้ว”“มีทางแก้ไขมากกว่าปัญหา? ฮ่า!” ความโกรธบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวค่อย ๆ ลดลง และในที่สุดก็กลายเป็นไร้ความรู้สึก ไร้ความรู้สึกหลังจากโกรธและผิดหวังอย่างมากนางหยิบธนูและลูกธนูขึ้นมาก่อนจะดินออกไปฉินเย่ว์โหรวคว้าแขนเสื้อของฉินเย่ว์เจียวไว้ทันที “พี่สาม ท่านจะ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 20

    นางไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไรหรือนางจะต้องดูน้องสาวของตนจากไปอีกครั้งหรือไม่ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางพบกับฉินเย่ว์เจียว ไม่ว่าจะพบเจออะไรก็ตาม ฉินเย่ว์เจียวก็เป็นเหมือนพริกเม็ดเล็ก ทั้งดุร้ายและหยิ่งยโส กระทั่งมีหนามบนร่างกายตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เฉินฝานได้เห็นท่าทางไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้รู้สึกสงสารและรักใคร่ในใจ“เด็กโง่งม!” เฉินฝานยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียว “สบายใจได้ ได้ไหม พวกเจ้ามีข้านะ”“ข-ข้าไม่ได้โง่งม!”ฉินเย่ว์เจียวหันมาอย่างรวดเร็วแม้ว่านางจะแต่งงานกับเฉินฝานมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ในอดีต เฉินฝานมักจะทุบตีและด่าทอนาง ให้นางออกไปทำงานหาเงินไม่ได้หยุดพักนางไม่เคยรู้สึกถึงความรักและความเสน่หาจากชายผู้นี้เลย เมื่อมือของเฉินฝานสัมผัสใบหน้าของนาง ก็พบว่าเขาอบอุ่นมากและหัวใจก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ใบหน้ารู้สึกร้อนยิ่งขึ้น ใบหน้าที่เมื่อครู่เพิ่งถูกเฉินฝานสัมผัสกลายเป็นสีแดงก่ำสะท้อนน้ำตาบนใบหน้าแพรวพราว ราวกับดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน ซึ่งดูสดใสและทำให้ผู้คนหวั่นไหวเฉินฝานมองเห็นมันแล้วก็สูญเสียสติไปคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าฉินเย่ว์เจียวซึ่งปกติแล้วจะ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 21

    “ย่อม……ย่อมได้อยู่แล้ว!”เฉินฝานกินคำใหญ่เพราะเขารู้สึกประหลาดใจมากแม้สองวันที่ผ่านมา เขาพูดกับฉินเย่ว์โหรวตลอดเวลาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ทุบตีนางอีกแต่เวลาฉินเย่ว์โหรวเจอหน้าเขา นางยังกลัวเขาเหมือนเวลาหนูเจอแมวเหมือนเดิมยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสัมผัสทางร่างกายตอนนี้จู่ ๆ ก็เสนอว่าจะนอนข้างตนผิดปกติเล็กน้อย!ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกเหมือนกันว่าฉินเย่ว์โหรวไม่ปกติ แต่ก็พูดไม่ออกว่าเพราะอะไรฉินเย่ว์โหรวกลับไปนอนที่เมื่อคืน นางอุ้มผ้าห่มขาดรุ่งริ่งและบางผืนนั้นกลับไปข้าง ๆ เฉินฝานและนอนตามเฉินฝานนางนอนลงแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพวกนางสองพี่น้องมีผ้าห่มเพียงผืนเดียว จึงลุกขึ้นนั่งแล้วกวักมือเรียกฉินเย่ว์เจียว“พี่สาม พี่มาตรงนี้ด้วยเถอะ”“……”เฉินฝานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทั้งสามคนจึงนอนเรียงกัน……แฮ่ะ ๆคนโบราณสมัยนี้ปล่อยตามอำเภอใจเพียงนี้เชียวรึ!แต่ทว่าเขาชอบ!หมอกจะหนาในยามดึก ผ้าห่มของสองพี่น้องบางเกินไปจริง ๆ เฉินฝานอยากแลกกับ... แต่สองพี่น้องไม่ยอมถ้าพวกนางห่มผืนดี ให้เฉินฝานห่มผืนขาดรุ่งริ่ง พวกนางจะถูกผู้อื่นด่าว่าเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรมเมื่อเถียงสองพี่น้องไม่สำเร็จ เฉ

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 974

    “เจ้า...”โอวหยางน่าหลันโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว“องค์หญิง โปรดรับสั่งให้ถอยทัพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นเต๋อพูดซ้ำอีกรอบ อีกทั้งครั้งนี้แววตาของเขาลุ่มลึก“ถอยทัพ!”โอวหยางน่าหลันกัดฟันพูดหลังจบสิ้นสงครามนี้ คนพวกนี้ นางจะจัดการทีละคน“ทหารหลู่ของเรามีแปดแสนกว่านาย กองทัพลาดตระเวนมีหนึ่งแสนนาย เหตุใดต้องถอย?”ระหว่างทางถอยทัพ โอวหยางน่าหลันเจ็บแค้นใจมาโดยตลอด ถามอวิ๋นเต๋อซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“องค์หญิง ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารไม่ถึงแปดแสนนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นเต๋อตอบตอนโจมตีเมือง ทหารหลู่แลกด้วยชีวิต บวกกับโจมตีหุบเขาต้าถังเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีเวลานับจำนวนคนแล้ว แต่ประสบการณ์ที่เคยนำทัพมาหลายปีของอวิ๋นเต๋อบอกกับเขาว่า ตอนนี้ทหารหลู่เหลือไม่ถึงหกแสนนายแล้ว“แม้จะเป็นเช่นนี้ ฝืนสู้เสียหน่อย ระเบิดไหสุราของพวกเขาก็หมดลงแล้ว”“องค์หญิง องค์หญิงพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรายืนหยัดอีกเสียหน่อย กองทัพลาดตระเวนต้องใช้ระเบิดจนหมดแน่นอน”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังถอยทัพ?”“องค์หญิง ด้วยวิธีการขององค์หญิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ความสูญเสียนั้นมากเกินไป อีกทั้งเห็นชัดว่าเป็นกับดัก เสบียงอาหาร

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 973

    “ใช่ๆๆ ต่อสู้ครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนตำแหน่ง ท่านใต้เท้าเคยบอกแล้ว เรียกว่า...”“กลยุทธ์ออกกำลังกาย!”เสียงตอบกลับมากมายดังขึ้นพร้อมกัน“มาแล้ว!”มีคนตะโกนเสียงดัง“ทหารหลู่ขึ้นมาอีกแล้ว!”“สหาย!” หลี่จื้อคว้าระเบิดมือขึ้นมาหนึ่งลูก “ระเบิดพวกมันให้สิ้นซาก!”“ตู้ม!”เสียงระเบิดดังกระหึ่มเสียงระเบิดดังขึ้นบนเชิงเขา ไม่ได้มาจากหลี่จื้อ ระเบิดมือในมือเขา ยังไม่ทันได้โยนออกไป“ให้ตายสิใครลงมือเร็วเช่นนี้? ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย?”สีหน้าของหลี่จื้อฉายความหงุดหงิดเขามีอุปนิสัยอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่ลงมือเขาต้องเป็นคนเริ่ม คนอื่นค่อยเริ่มได้“หลี่จื้อ เจ้าด่าใคร? นิสัยอ้าปากก็หยาบคายทันทีของข้า หากยังไม่แก้ ข้าจะตบปากเจ้า!”“ให้ตายสิ ใครอยู่ที่นั่น...” หลี่จื้อหน้าเจื่อนทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ยิ้มให้เหอจื่อหลินน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้รองแม่ทัพข้างกายเขา พยายามควบคุมตนเอง กลั้นเสียงหัวเราะ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร? ให้ท่านพักผ่อนไม่ใช่หรือขอรับ?”หลี่จื้ออยากร้องไห้จริงๆยามเหอจื่อหลินลงโทษ เป็นการลงโทษที่น่ากลัวยิ่งนักไม่ใช่ฟาดด้วยแส้ และไม่ได้เพิ่มปริมาณการฝึก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 972

    มีข้าวสารให้เก็บตลอดทาง ทหารหลู่มุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงเขาต้าถังหุบเขาต้าถังเป็นป้อมปราการที่ถูกต้องภูเขาสูงใหญ่ขนาบสองข้าง ตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเพียงสิบกว่าเมตรยิ่งไล่ตามลึกเข้าไปด้านใน อวิ๋นเต๋อก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติหากด้านหน้าเป็นเพียงชาวบ้านขนเสบียงอาหาร เช่นนั้นพวกเขาไล่ตามมานานเช่นนี้ ควรจะตามทันแล้วเวลานี้ไม่เพียงตามไม่ทัน มิหนำซ้ำยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงามองภูเขาสูงใหญ่ด้านหน้า และทางเดินที่กว้างเพียงสิบเมตร ทันใดนั้นเองอวิ๋นเต๋อคว้าจับแส้ม้าแน่นทันที“หยุดมุ่งหน้า หยุดมุ่งหน้า!”“อวิ๋นเต๋อ เจ้าเป็นอะไร? เหตุใดจึงสั่งให้กองทัพหยุดลง?” สีหน้าของโอวหยางน่าหลันฉายความฉงน“องค์หญิง พวกเราติดกับแล้วพ่ะย่ะค่ะ เร็ว รีบถอยเร็วเข้า!”“ฆ่ามัน!”“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!”อวิ๋นเต๋อยังพูดไม่จบ เสียงร้องบอกให้สังหารดั่งฟ้าผ่าดังขึ้นบนภูเขาทั้งสองด้าน พร้อมกับเสียงกลองดังสะนั่นหวั่นไหวทันใดนั้นเองระเบิดมือและลูกธนูมากมาย ถูกโยนลงมาราวกับตกจากฟากฟ้า“อ๊าก อ๊าก!”“ฮี่~”เสียงร้องโอดครวญของผู้คนและเสียงของม้า ดังปะปนกันทหารหลู่ตกตะลึงกับการโจมตีกะทันหันนี้ ตอ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 971

    “พวกท่านไม่ต้องแย่งกัน ข้างหน้ายังมี!”เมื่อได้ยินว่าข้างหน้ายังมี ทหารหลู่ยิ่งฮึดมากกว่าเดิม“สหาย ไล่ไปตามเมล็ดข้าวบนพื้น พวกมันน่าจะยังหนีไปไม่ไกล”ทหารหลู่วิ่ลไล่ พร้อมกับยัดเมล็ดข้าวเข้าปาก ทหารที่ได้กินข้าววิ่งเร็วมากกว่าเดิมพวกทหารที่ไม่มีเมล็ดข้าวให้เก็บกิน ดวงตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งแทบไม่คิดชีวิตทหารหลู่วิ่งไล่ ไม่นานก็วิ่งเลยตำแหน่งแรกที่เย่ว์หนูและมั่วเซินซุ่มโจมตีมั่วเซินยืนอยู่บนเนินเขา มองทหารหลู่ที่จากไปไกลแล้ว ทอดถอนใจพร้อมกับพูด “ทหารหลู่พวกนี้ ต้องหิวโหยมากี่วัน แต่ละคนราวกับตายอดตายอยาก!”ตอนทหารหลู่เข้าไปในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา มั่วเซินกังวลมาก ตอนทหารหลู่ผ่าน เขาออกคำสั่งหลายครั้ง ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ทหารหลู่จับได้เด็ดขาดทว่าคิดไม่ถึง ทหารหลู่พวกนั้นไม่แม้แต่จะมองบนเนินเขา ในสายตาของพวกเขามีเพียงอาหารบนพื้น“เย่ว์หนู เจ้าเก่งจริงๆ รู้ว่าทหารหลู่พวกนั้นไม่มีทางสังเกตเห็นพวกเรา”มั่วเซินหันหลังไปพูดกับเย่ว์หนูที่กำลังง่วนอยู่กับระเบิดมือหลังจากทหารหลู่เข้ามาในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา เย่ว์หนูไม่ได้กังว

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 970

    “ขอรับ ใต้เท้า!”เฉินฝานเงยหน้ามองจ้าวฮวั่นที่กำลังวุ่นวายกับการสั่งการอยู่บนหอประตูเมืองทว่าก็เชื่อมั่นว่าพวกจ้าวฮวั่นก็จะสามารถทนรับมือได้ถึงหนึ่งชั่วยามครึ่ง-เกิดเสียงตู้มดังสนั่นขึ้น“องค์หญิง ๆ!” อัครเสนาบดีแค้วนหลู่น้ำตาคลอเบ้า วิ่งมาหาด้านหน้าโอวหยาวน่าหลันด้วยความตื่นเต้น “พังทลายแล้ว พวกเราพังทลายประตูเมืองลู่ตูแคว้นต้าชิ่งได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงรึ!”โอวหยางน่าหลันสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง นางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงประตูเมืองลู่ตูพังทลาย หลังจากที่ได้ยินกับหูตนเองแล้ว ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นโอวหยางน่าหลันกระโดดขึ้นม้าสะบัดดาบไปทางเมืองลู่ตูอีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”คำพูดของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับน้ำมันที่ราดใส่กองไฟ ปลุกกองกำลังเมืองหลู่ให้ลุกฮืออีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”ทหารเมืองหลู่ตะโกนคำปลุกใจบุกเข้าไปในเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่ที่หิวจนเสียสติ เมื่อเข้าไปในเมืองก็ค้นทุกหลังคาเรือนอย่างป่าเถื่อนมิต่างอันใดกันโจรปล้นเสบียงแม้แต่น้อยยังมีคนจำนวนน้อยที่มิยอมทำตามยืนหยัดที่จะอยู่ในเมืองต่อไปตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 969

    โดยปกติ คนมหาศาลถูกโจมตีจนตายอย่างอเนจอนาถปานนั้น คงจะบั่นทอนขวัญกำลังใจให้คนที่ตามมามิกล้าผลีผลามบุกเข้ามาทว่า...“ฆ่ามัน!”เสียงตะโกนฆ่าฟันด้านล่างหอประตูเมืองมิได้ลดทอนลงแม้แต่น้อย กลับเสียงดังกึกก้องมากกว่าเดิมเสียอีกจ้าวฮวั่นวิ่งขึ้นไปที่หอประตูเมืองกวาดสายตามองลงมา...กองกำลังเมืองหลู่ยังคงมากมายมหาศาลราวกับฝูงมดมุ่งหน้าโถมเข้ามาที่เมืองลู่ตู“ท่านแม่ทัพ พลทหารเมืองหลู่เหล่านั้นเสียสติไปแล้วงั้นรึ?” รองแม่ทัพข้างกายจ้าวฮวั่นกล่าวถามจ้าวฮวั่นมิรู้จะตอบอย่างไร มองพลทหารเมืองหลู่ที่จำนวนมหาศาลด้านนอกเมือง เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากอายุของจ้าวฮวั่นน้อยกว่าเหอกังเท่านั้น เขาติดตามเหอกังไปสู้รบทุกหนแห่งมิต่ำกว่าหนึ่งร้อยครั้งทว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นกองกำลังที่บ้าคลั่งมิเสียดายชีวิตอย่างกองกำลังเมืองหลู่จ้าวฮวั่นหันหน้ากลับไปมองในเมืองราษฎรในเมืองกำลังเดินทางอพยพ เป็นเพราะว่าต้องขนย้ายเสบียงด้วยจึงทำให้การอพยพค่อนข้างช้า“ฆ่ามัน!”เสียงตะโกนฆ่าฟันด้านนอกเมืองเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ“พลธนู”“พลขว้างระเบิด”จ้าวฮวั่นหันหน้ากลับมาตะโกนออกคำสั่ง“จงโจมตีต่อเนื่อ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 968

    “ใต้เท้า ท่านวางใจเถอะ ข้าจะพาเขาออกไปได้แน่นอน” เหอจื่อกลินกล่าวรับปาก“เจ้าเองก็ด้วย อย่าอวดเก่งอย่าใจร้อน!”ถึงแม้เหอจื่อหลินรับปากว่าจะดูแลตัวเองให้ดีแล้ว เฉินฝานก็ยังมิวางใจ จึงให้ทหารรักษาพระองค์ที่ฉินเย่ว์เหมยสั่งให้มาอารักขาเขา ติดตามออกไปปกป้องเหอจื่อหลินด้วยครั้งนี้เหอกังมิได้มาด้วย เมื่อกลับไปเขามิอยากหลบหน้าเหอกัง-ด้านนอกเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่แน่นขนัดมากมายสุดลูกหูลูกตา ราวกับมดที่ออกจากรังจ้าวฮวั่นชำเลืองมองกองกำลังเมืองหลู่ด้านล่าง หันหน้ากลับมาถาม“สหายทั้งหลายพวกเจ้าเกรงกลัวหรือไม่?”“มิกลัว!”เสี่ยวซื่อชูคันศรในมือขึ้น กล่าวตอบเป็นคนแรกตอนที่อยู่เมืองหรงตู เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ทำอันใดมิเป็น ตอนนี้ได้กลายเป็นชายร่างใหญ่ที่สูงหนึ่งเมตรแปดสิบแล้วร่างกายกำยำ ผิวสีแทน เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้วเขาที่เพิ่งจะได้ภรรยาใหม่และจะได้เป็นพ่อคน ได้กลายเป็นชายชาตรีที่มีสง่าราศีแล้ว“มิกลัว!”“มิกลัว!”เหล่าพลทหารต่างพากันชูอาวุธในมือ เปล่งเสียงพร้อมเพรียงดังกังวานราวกับระฆังใหญ่ในวัดดังกังวาน กึกก้องน้ำเสียงของพวกเขาดังทะลุไปนอกเมือ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 967

    “ใช่แล้ว เป็นการทำเพื่อพวกเจ้าทั้งนั้น ไฉนเจ้ามิดูเหล่าคุณชายในกองกำลังที่หนึ่งของเจ้า จนป่านนี้แล้วทุกคนยังเป็นพวกไร้ฝีมืออยู่ หากไปเผชิญหน้ากับกองกำลังเมืองหลู่จริง อาจจะปัสสาวะราดก็ได้นะ”“ถูกต้อง เมื่อถึงตอนนั้นกลิ่นปัสสาวะก็จะตลบอบอวลไปทั่ว”แม่ทัพประจำกองคนอื่นต่างพากันหัวเราะสะใจ“ปัสสาวะราดอันใด กองกำลังที่หนึ่งของข้ามิมีผู้ใดเป็นไก่อ่อนเสียหน่อย!” มั่วเซินกำหมัดแน่น“มิใช่ไก่อ่อนก็จริง แค่คงจะตกใจจน...”“พอได้แล้ว!”เฉินฝานตะโกนลั่น “ตอนนี้สงครามใหญ่จะเริ่มแล้ว ยังจะมาพูดจาล้อเล่นอีก!”“......” ตอนนี้ทั่วบริเวณเงียบกริบลงทันทีเฉินฝานกวาดสายตามองโดยรอบ “ตอนนี้ทุกกองกำลังล้วนได้รับมอบหมายหน้าที่แล้ว...“ใต้ ใต้เท้า”มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากมุมหนึ่งฝูงชนหันไปมองตามเสียงเสียงนั้นคือนายกองเมืองลู่ตูพานอีเฟย“ใต้เท้า ท่านยังมิได้มอบหมายหน้าที่ให้พวกเรากองกำลังรักษาเมืองลู่ตูขอรับ”“โอ้!” เฉินฝานรีบยกมือกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วย เกือบจะลืมพวกเจ้าไปเสียแล้ว”“นายกองเมืองลู่ตู!” เฉินฝานตะโกนเสียงดังตามความเคยชิน“ขอ...ขอรับ” พานอีเฟยเลียนแบบการขานรับของพวกมั่วเซินด้วยควา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 966

    “พี่จื่อหลินพูดถูก สงครามครั้งนี้จะใช้แผนโจมตีจากด้านหลังมิได้เด็ดขาด”“กล่าวรายงานขอรับ!”เฉินฝานกล่าวมิทันจบ ก็มีพลส่งสาสน์เข้ามารายงานอีกกองทัพใหญ่แคว้นหลู่ห่างจากเมืองลู่ตูเพียงสิบลี้แล้วเฉินฝาน : “จ้าวฮวั่น เฉียนหง!”“ขอรับ!” จ้าวฮวั่นยืนตัวตรงทันที“พวกเจ้านำกองกำลังที่สองไปบนหอประตูเมือง!”“ขอรับ!”“เฉียนหง ซุนลี่ หลี่จื้อ”“ขอรับ!”“พวกเจ้าพากองกำลังที่สามสี่ห้า ออกไปนอกเมืองลู่ตู”“...ขอรับ!”ทั้งสามคนมิได้ขานรับทันที ต้องเคลื่อนทัพออกจากเมืองงั้นรึ?นี่หมายความว่าเยี่ยงไร? จะมิสู้แล้วงั้นรึ?ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความงุนงง ทว่าทั้งสามคนก็ยังยืนกรานที่จะทำตามคำสั่งและมีความตั้งตารอคอยเล็กน้อยยุทธวิธีของเฉินฝานมักจะแปลกประหลาด เกินกว่าที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้เสมอพวกเขามิได้เดือดดาลมิยอมทำตามเหมือนตอนที่สู้รบกับกองกำลังเมืองเตียนตูอีกแล้วตอนนี้มิว่าเฉินฝานจะสั่งให้ทำอันใดก็ล้วนยอมทำตาม ในใจคาดหวังว่าจะได้เจอยุทธวิธีที่แปลกใหม่อันใดอีก“เฉียงหง หลังที่กองกำลังของเจ้าออกเมืองไปแล้ว ให้อยู่ตรงนี้!” เฉินฝานใช้ปลายพู่กันจิ้มไปที่ภูเขาลูกเล็กบนถาดทราย เนินเขาลูกนั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status