“ย่อม……ย่อมได้อยู่แล้ว!”เฉินฝานกินคำใหญ่เพราะเขารู้สึกประหลาดใจมากแม้สองวันที่ผ่านมา เขาพูดกับฉินเย่ว์โหรวตลอดเวลาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ทุบตีนางอีกแต่เวลาฉินเย่ว์โหรวเจอหน้าเขา นางยังกลัวเขาเหมือนเวลาหนูเจอแมวเหมือนเดิมยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสัมผัสทางร่างกายตอนนี้จู่ ๆ ก็เสนอว่าจะนอนข้างตนผิดปกติเล็กน้อย!ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกเหมือนกันว่าฉินเย่ว์โหรวไม่ปกติ แต่ก็พูดไม่ออกว่าเพราะอะไรฉินเย่ว์โหรวกลับไปนอนที่เมื่อคืน นางอุ้มผ้าห่มขาดรุ่งริ่งและบางผืนนั้นกลับไปข้าง ๆ เฉินฝานและนอนตามเฉินฝานนางนอนลงแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพวกนางสองพี่น้องมีผ้าห่มเพียงผืนเดียว จึงลุกขึ้นนั่งแล้วกวักมือเรียกฉินเย่ว์เจียว“พี่สาม พี่มาตรงนี้ด้วยเถอะ”“……”เฉินฝานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ทั้งสามคนจึงนอนเรียงกัน……แฮ่ะ ๆคนโบราณสมัยนี้ปล่อยตามอำเภอใจเพียงนี้เชียวรึ!แต่ทว่าเขาชอบ!หมอกจะหนาในยามดึก ผ้าห่มของสองพี่น้องบางเกินไปจริง ๆ เฉินฝานอยากแลกกับ... แต่สองพี่น้องไม่ยอมถ้าพวกนางห่มผืนดี ให้เฉินฝานห่มผืนขาดรุ่งริ่ง พวกนางจะถูกผู้อื่นด่าว่าเป็นคนไม่ดีไม่มีศีลธรรมเมื่อเถียงสองพี่น้องไม่สำเร็จ เฉ
“อื้อ……”คางเล็กกะทัดรัดของฉินเย่ว์โหรวถูกเฉินฝานกดทับครอบครองไว้อย่างแน่นหนาลมหายใจสั่นเล็ก ๆ ความจั๊กกะจี้และชาที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน วาบขึ้นตั้งแต่ใบหูไปจนถึงกระดูกไขสันหลังริมฝีปากที่นุ่มลุ่มลื่นกับร่างกายที่อ่อนปวกเปียกราวกับไร้กระดูกประกอบกับกลิ่นหอมที่ลอยอยู่ทั่วตัว กำลังโจมตีเขตป้อมปราการของเฉินฝานทีละน้อยไม่ ไม่ได้นะไม่ใช่เวลาตอนนี้ สุขภาพนางไม่ได้เฉินฝานปล่อยฉินเย่ว์โหรวอย่างแรงโดยมีมือข้างหนึ่งชันกำแพง“ยังจะหนีอีกหรือไม่”เขาพยามยามควบคุมถึงขีดสุดแล้ว แต่เสียงของเฉินฝานยังคงฟังออกว่ามีลมหายใจไม่คงที่ดวงตาลุกวาวดังดวงดาวของฉินเย่ว์โหรวหมุนเป็นพันรอบหมื่นรอบ มีความอ่อนโยนแต่มีความโกรธมากกว่า“ปึก!”ฉินเย่ว์โหรวซุกอ้อมอกของเฉินฝานอย่างแรง หมัดเล็ก ๆ ต่อยเฉินฝานไม่หยุดน้ำตาไหลรินลงที่เสื้อของเฉินฝานพร้อมกับคำหนิคำแล้วคำเล่า“ทำไม ทำไม ข้ารอท่านมาหนึ่งปีกว่า ทำไมท่านถึงไม่เปลี่ยนเร็วกว่านี้ ทำไมต้องถึงคราวที่แก้ไขไม่ได้แล้วค่อยเปลี่ยน!”“มันแก้ไขไม่ได้อย่างไร ข้าพูดแล้วไม่ใช่หรือว่าข้ามีวิธี!”ฉินเย่ว์โหรวร้องไห้ต่อราวกับไม่ได้ยินที่เฉินฝานกล่าวนางรู้สึกว่
“เข้าเมือง!”ฉินเย่ว์เจียวหยุดเดินกะทันหัน “เราไม่ได้ไปหาเงินคืนอี๋ชุนย่วนหรอกรึ!”“อืม! เราจะไปหาเงินกันตอนนี้นี่แหละ มีเพียงในเมืองเท่านั้นที่จะมีเงินมากพอให้พวกเราหา”พูดจบ เฉินฝานก็เดินต่อหมู่บ้านซานเหออยู่ห่างจากตัวเมืองไกลมาก ถ้ายังไม่เดินต่อคงไปไม่ทันก่อนบ่ายแน่เดินอยู่ไม่นานฉินเย่ว์โหรวก็ตื่นขึ้น แต่เฉินฝานรู้สึกนางเดินช้าจึงไม่ได้ปล่อยนางลงเขาแบกนางเดินต่อ สมัยอยู่ในค่ายทหาร การแบกของหนักวิ่งเป็นการฝึกขั้นพื้นฐาน ฉินเย่ว์โหรวตัวเบากว่าของที่เขาแบกในยุคปัจจุบันอีกเพียงแค่เจ้าของร่างเดิมขี้เกียจ ขาดการออกกำลังกาย ร่างกายแข็งแรงไม่มากพอ ระหว่างทางเฉินฝานให้เฉินเย่ว์เจียวช่วยอยู่พักหนึ่งและทั้งสองคนก็สลับกันไปมาเมื่อข้ามภูเขามาแล้วสองลูกจนมาถึงทางหลวง ทางเดินก็เดินง่ายขึ้นมากยังไม่ถึงเที่ยงวัน พวกเฉินฝานทั้งสามก็มาถึงตัวเมืองผิงอันเรียบร้อยเฉินฝานเงยหน้าขึ้นมองตัวหนังสือผิงอันสองตัวใหญ่บนประตูเมือง “เย่ว์เจียว เจ้าเคยเข้าตัวเมืองมาก่อนหรือไม่”“เคย เคยเจ้าค่ะ!”เฉินฝานไม่ทันสังเกตดวงตาตื่นเต้นที่วาบผ่านไปอย่างรวดเร็วของฉินเย่ว์เจียวนางไม่เพียงแต่เคยไป เมื่อก่อ
หลี่ซานวิ่งออกจากด้านหลัง เมื่อเขาเห็นผู้ก่อความวุ่นวายชัดแจ้งแล้วรู้สึกโล่งทันทีเมื่อครู่นี้เขายังคิดว่าเป็นโจรในช่วงเวลาที่สถานการณ์คับขัน โจรป่าจัดการยากกว่าเจ้าหน้าที่ทางการอีก“ข้าก็นึกว่าใคร! ที่แท้ก็ไอ้เศษสวะนี่เอง!” หลี่ซานกินเมล็ดทานตะวันพร้อมแสดงสีหน้าเหยียดหยามเมื่อวานเขาประมาทเกินไป วันนี้……มาถึงถิ่นของเขาก็ต้องให้ไอ้เศษสวะนี่ชดใช้ด้วยเลือด!“มาเองถึงที่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เสียเวลาข้า”ทันทีที่หลี่ซานทิ้งเปลือกเมล็ดทานตะวันลงพื้น “มาตรงนี้!”เมื่อเสียงดับลง นักสู้ร่างใหญ่ตัวสูงสิบกว่าคนพุ่งเข้ามาห้องโถงทันที พวกเขาปิดล้อมหลี่ซานไว้อย่างมิดชิด“ไอ้หนุ่ม ถ้าเจ้าคุกเข่าขอร้องข้าตอนนี้แล้วเรียกข้าท่านปู่สักคำ ข้าจะมอบความเมตตาให้พวกมันเบามือกับเจ้าสักเล็กน้อย!”“ที่แท้ไม่มีเงินคืนเลยวิ่งมาก่อเรื่อง”“เพียงแต่ว่า เขากลัวตัวเองตายไม่อนาถมากพอหรือถึงกล้ามาก่อกวนที่นี่”“ได้ยินว่าเจ้าหนุ่มนั่นมีความสามารถอยู่บ้าง คงคิดว่าตัวเองไหวเลยมา!”“น่าขำสิ้นดี เขาไม่รู้บ้างหรือว่าที่นี่คือที่ไหน! หอนางโลมอี๋ชุนย่วน สถานที่ ๆ นายอำเภอเมืองยังต้องยอมหลีกทางให้”“วันนี้ข้ามอ
เมื่อเห็นแรงอาฆาตบนใบหน้าของหลี่ซาน เฉินฝานพลางกระดกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “อืม รู้เล็กน้อยน่ะ”พูดจบ เขาหันขวดฝั่งที่มีตัวหนังสือไปทางหลี่ซานแล้วถาม “ตัวสุดท้ายคือคำว่ายาหรือไม่”“อ่อ!”เฉินฝานไม่รอหลี่ซานตอบ เขาแสดงสีหน้าราวกับค้นพบเรื่องใหญ่และมองหลี่ซานกล่าว “ข้ารู้แล้วว่าทำไมอี๋ชุนย่วนของท่านถึงทำมาค้าขายดีเช่นนี้ พวกท่านแอบใส่ของต้องห้ามในเหล้าของแขกแน่ ๆ กฎหมายของต้าชิ่งมีกำหนดไว้ว่า……”รัชสมัยต้าชิ่งตั้งแต่สมัยเกาจู่มีกำหนดว่าห้ามหอ/ซ่องใช้ยาประเภทปลุกเพื่อดึงดูดแขกเป็นอันขาดผู้ที่ฝ่าฝืน โทษเบาคือสั่งปิด โทษหนักคือยึดทรัพย์สินประโยคหลังที่เฉินฝานพูด หลี่ซานไม่มีอารมณ์ฟังแต่อย่างใดไอ้หมอนี่ไม่เพียงแค่รู้จักตัวหนังสือแต่ยังเข้าใจกฎหมายอีกด้วย!ครั้งที่มาพร้อมจูต้าอันไม่ใช่เช่นนี้นี่ ถ้าเขารู้จักตัวหนังสือ เขาจะกล้าพิมพ์ลายนิ้วมือบนหนังสือสัญญาแบบนั้นได้อย่างไร“ไอ้หนุ่ม หมายความว่าครั้งที่แล้วเจ้าแกล้งไม่รู้จักตัวหนังสือหรอกรึ!”วันนั้นหลี่ซานเพิ่งนำเข้าของสิ่งนั้นกลับมา เพราะว่าเปลี่ยนผู้จัดหาของ เขาไม่วางใจจึงนำของสิ่งนั้นมาหาพ่อบ้านลุงหลีที่ท้ายเรือนเพื่อให้เขาช่วยดูว
ทันทีที่ประตูหอนางโลมด้านทิศตะวันตกถูกเจ้าหน้าที่ทำลาย หลี่ซานก็ออกมาและเห็นหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ หลี่ซานรีบวิ่งเข้าไปหาเขาทันทีและโค้งคำนับตรงหน้าเขแล้วเอ่ยขึ้น“มือปราบเหอ ที่นี่ทำการค้าอย่างถูกกฎหมาย ไม่ได้กระทำความผิดเลย”มือปราบเหอพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว "ข้ารู้ดีว่านายน้อยหลี่อยู่ในกฎเกณฑ์ตลอด แต่วันนี้มีคนมาฟ้องร้องว่าท่านถูกปล้น ข้างนอกเกิดความวุ่นวาย พวกลูกค้าบอกว่าเห็นขโมย คนรับใช้ของท่านก็ยังมาแจ้งข้าด้วยว่า มีขโมยเข้ามาที่หอนางโลมนี้”“เฮ้อ!” หลี่ซานโค้งคำนับมือปราบเหออีกครั้งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว! คน ๆ นั้นคือลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของข้า วันนี้เขาดื่มมากเกินไปและมารบกวนข้า ตอนนี้เขาสร่างเมาแล้ว กลับไปแล้ว!"“แค่นี้เองหรือ”“เพียงแค่นี้ ถ้าเขาเป็นขโมยจริง จะรอให้ท่านมือปราบเหอมาด้วยตัวเองได้อย่างไร ข้าคงส่งเขาไปที่นั่นนานแล้ว”“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!” มือปราบเหอหันกลับและตะโกนดังลั่น “กลับหน่วย!”“การมาครั้งนี้ลำบากมือปราบเหอแล้ว ไม่เช่นนั้นก็ให้ทุกคนพักที่นี่สักพัก ข้ามีสุราและเนื้อดี ๆ อยู่ และนักขับร้องหญิงคนใหม่ก็เสียงไม่เลว”“นี่คือสิ่งที่เราควรทำ ข
เฉินฝานพูดจบ เขาก็ดึงตัวฉินเย่ว์โหรวขึ้นมา จากนั้นจับมือของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวเดินจากไป“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวพูดขึ้นพร้อมกัน คนทั้งคู่ไม่ได้เดินตามเฉินฝานไปเฉินฝานหันกลับมา “ทำไมไม่ไปล่ะ พวกเจ้าไม่หิวกันหรือ”"นี่คือถนนนะเจ้าคะ!"เสียงแผ่วเบาของฉินเย่ว์โหรวดังมา เฉินฝานมองนาง นางก็ก้มหน้าลงทันที ดูขัดเขินและอับอายฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ข้างนางไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก นางแสร้งทำเป็นไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แล้วนางรู้สึกอึดอัดใจมากมือของเขาอบอุ่นปานนี้อยู่เสมอ ซึ่งทำให้นาง...“บนถนนแล้วเป็นอย่างไร?”“ท่านปล่อยมือ!” ดวงตาที่สวยงามของฉินเย่ว์โหรวมองเฉินฝานกึ่งโกรธและกึ่งเขินอาย “คนอื่นกำลังมองอยู่”“เช่นนั้นก็ให้พวกเขาดูไปเถอะ” เฉินฝานกระชับมือของสองพี่น้องให้แน่นขึ้น “ข้าจับมือภรรยาของข้า และไม่ได้ละเมิดกฎต้าชิ่ง”"..."สองพี่น้องพูดไม่ออกหลังจากที่เฉินฝานตื่นขึ้นมาหลังจากตกลงไปในหุบเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทุบตีหรือดุพวกเขานางอีกต่อไป แต่บางครั้งเขาก็ทำตัวเหมือนคนบ้าตัณหาในบางครั้งเขาก็เคลื่อนไหวเพื่อหยอกล้อพวกนางเป็นครั้งคราว และยังต้อนเย่ว์โหรวเข้ามุมแล
“ไม่ต้องกังวล!” เฉินฝานตบสัมภาระที่เพิ่มขึ้นมาบนร่างกายของเขา “สามีของเจ้าเพิ่งได้รับเงินมาสิบตำลึง”“ได้เงินสิบตำลึง?” ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเบิกกว้างราวกับดวงตาวัว“ใช่ ข้าได้รับมันมาจากหลี่ซาน”“หลี่ซานจะให้ท่านได้อย่างไร”“ภายใต้เงื่อนไขเหล่านั้น เขาทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น” นี่คือสาเหตุที่เฉินฝานยืนกรานให้พวกฉินเย่ว์เจียวไปรายงานทางการยิ่งพ่อค้าหาเงินได้มากก็ยิ่งเกรงกลัวทางการ กฎหมายนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงยิ่งไปกว่านั้นมือปราบเหอและหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไม่ได้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน“นายท่าน ท่านรู้ความลับของหอนางโลมอี๋ชุนย่วนใช่หรือไม่? ข้าไม่ต้องไปที่หอนางโลมอี๋ชุนย่วนอีกต่อไปแล้ว เงินสิบตำลึงในกระเป๋าของท่านคือสิ่งที่ท่านใช้แลกเปลี่ยนกับหลี่ซานใช่ไหม”ฉินเย่ว์โหรวคิดอย่างรอบคอบและเข้าใจถึงแก่นของเรื่องทันทีเฉินฝานใช้นิ้วชี้แตะหน้าผากของฉินเย่ว์โหรวอย่างเห็นชอบ “ช่างเป็นคนฉลาดจริง ๆ !”“แต่...” ฉินเย่ว์โหรวดูกังวล “ถ้าวันหน้าหลี่ซานอยากแก้แค้นจะทำเช่นไรดี”พวกเขาเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาๆ ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้กับพ่อค้าอย่างหลี่ซานได้“เย่ว์โหรว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องน
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห
“เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ทันที “รับประกันว่าเพียงหนึ่งดอกก็คร่าชีวิตนางได้แล้ว”“อย่าสังหารนาง เพียงให้นางตกลงจากก้อนหินก็พอ ให้นางไม่กล้าเสนอหน้าอีกก็พอ” เฉินฝานรีบพูด“นายท่าน ท่านชมชอบนางหรือเจ้าคะ?”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่ว์เจียว กล่าวถึงสตรีอื่นแล้ว เปี่ยมไปด้วยความหึงหวงนางไม่ชอบโอวหยางน่าหลัง สตรีที่คิดอยากจะเป็นผู้หญิงของนายท่าน นางไม่เคยกีดกัน แต่ว่าโอวหยางน่าหลันคนนี้ ไม่เพียงอยากแต่งงานกับนายท่าน ยังอยากแย่งนายท่านไปอีก ทำเกินไปแล้วจริงๆเฉินฝานยิ้ม “โอวหยางน่าหลันมีประทุมอวบอิ่มสะโพกผาย ทั้งยังร่ำรวย ชายใดบ้างที่จะไม่ชอบ?”รับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายแทบจะเบิดอารมณ์แล้ว เฉินฝานรีบหุบยิ้ม พูดด้วยความจริงจัง “ข้าล้อเล่น ตอนนี้โอวหยางน่าหลันยังตายไม่ได้!”ต้องไว้ชีวิตนางเพื่อทำการต่อรองดวงหน้างดงามของฉินเย่ว์เจียวเปี่ยมไปด้วยความโมโห “ข้าต้องการให้นางตาย!”แม้จะพูดด้วยความโมโห แต่ตอนมือของฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ นางเบี่ยงมือเล็กน้อย“โอ๊ย~”สิ้นเสียงโอดครวญ โอวหยางน่าหลันที่ยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงไป“องค์หญิง!”“คุ้มกันองค์หญิง!”หลังจากโอวห
“หลุมลึกเช่นนั้น หากไม่มีเก้าอี้ พวกนางปีนป่ายขึ้นมาต้องใช้แรงมหาศาลทหารหลู่ที่วิ่งเร็วที่สุด เข้าสู่วงล้อมโจมตีของเนินเขากงจีแล้ว“ระวัง ด้านหน้ามีทหารต้าชิ่ง!”สายตาเฉียบแหลมของเขาพบว่าเส้นทางด้านหน้า มีโคลนหลายกอง อยู่บนถนน“เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านั่นเป็นพวกผู้หญิง?”“ไม่ใช่รู้สึก แต่พวกนางเป็นผู้หญิงจริงๆ”“ข้าได้ยินมาโดยตลอดว่าต้าชิ่งมีทหารหญิง คิดไม่ถึงว่าจะมีจริงๆ!”เมื่อเห็นว่าเป็นสตรี พวกทหารหลู่ผ่อนคลายลงมาก“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป ข้าได้ยินว่าทหารหญิงแคว้นต้าชิ่ง ร้ายกาจยิ่งนัก”มีคนเตือน แต่ก็มีคนโต้กลับในทันทีทันใด?”“ใช่ ตอนนี้แข่งเรื่องต่อสู้ ไม่ได้แข่งเย็บปักถักร้อย”หลังจากเห็นทหารหญิงด้านหน้าแล้ว ทหารหลู่ที่หมดอาลัยตายอยากก่อนหน้านี้ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก“แม้กระทั่งสตรีก็ถูกสั่งให้มาสู้รบ ต้าชิ่งไม่มีบุรุษแล้วจริงๆ”“สหาย พวกเจ้าเห็นหรือไม่? สตรีต้าชิ่ง งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเรา”“งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเราจริงๆ สหาย ต้าชิ่งเหลือเพียงสตรีแล้ว พวกเรารีบฝ่าออกไป แล้วค่อยโต้กลับทีหลัง”“หลังจากยึดครองต้าชิ่ง สตรีต้าชิ่งทั้งหมดเ
“เฉินฝานเทน้ำชาในกา ทิ้งลงในเตาผิง จากนั้นวางกาน้ำชาเปล่าไว้บนโต๊ะ“ไปกันเถอะ!”“ไปไหนเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวรีบตามไป“เนินเขากงจี เวลานี้ทหารหลู่น่าจะถอนกำลังไปถึงเนินเขากงจีแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวกำลังคิดอยากจะถามเฉินฝาน เขารู้ได้อย่างไรว่าทหารหลู่จะถอยทัพไปถึงเนินเขากงจีแล้ว ถังหงชางหัวหน้าผู้ส่งสารกเข้ามาเมื่อเห็นเฉินฝาน ถังหงชางรีบวิ่งตามมา “ใต้เท้า น่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทหารหลู่ก็จะไปถึงเนินเขากงจีขอรับ”“อื้ม!”เฉินฝานที่พยักหน้า รีบเดินออกไปเขาจะไปเนินเขากงจี การดักโจมตีบนเนินเขากงจี คือสิ่งสำคัญที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ตัดสินแพ้ชนะ ทั้งยังตัดสินชะตาแคว้นหลู่และต้าชิ่งการดักโจมตีบนเนินเขากงจี ไม่เพียงโจมตีบนหุบเขา ภาคพื้นดินมีทหารซุ่มโจมตี อีกทั้งระหว่างทาง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเฉียนหงที่ประจำเนินเขายาจุ่ยกลับมาพร้อมกับทหารหลู่แล้ว...“ขุดเร็วเข้า ไม่ได้ ขุดลึกอีกหน่อย!”“ที่เจ้าขุดยังไม่ถึงแปดฟุตแปดนิ้ว ขุดอีก!”เฉินฝานยังไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเย่ว์หนูแล้วหลังจากทหารหลู่ผ่านเนินเขากงจี เฉินฝานให้คนไปส่งข่าวบอกเย่ว์หนู สั่งให้นางขุดหลุมตรงกลางถ
“เจ้า...”โอวหยางน่าหลันโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว“องค์หญิง โปรดรับสั่งให้ถอยทัพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นเต๋อพูดซ้ำอีกรอบ อีกทั้งครั้งนี้แววตาของเขาลุ่มลึก“ถอยทัพ!”โอวหยางน่าหลันกัดฟันพูดหลังจบสิ้นสงครามนี้ คนพวกนี้ นางจะจัดการทีละคน“ทหารหลู่ของเรามีแปดแสนกว่านาย กองทัพลาดตระเวนมีหนึ่งแสนนาย เหตุใดต้องถอย?”ระหว่างทางถอยทัพ โอวหยางน่าหลันเจ็บแค้นใจมาโดยตลอด ถามอวิ๋นเต๋อซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“องค์หญิง ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารไม่ถึงแปดแสนนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นเต๋อตอบตอนโจมตีเมือง ทหารหลู่แลกด้วยชีวิต บวกกับโจมตีหุบเขาต้าถังเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีเวลานับจำนวนคนแล้ว แต่ประสบการณ์ที่เคยนำทัพมาหลายปีของอวิ๋นเต๋อบอกกับเขาว่า ตอนนี้ทหารหลู่เหลือไม่ถึงหกแสนนายแล้ว“แม้จะเป็นเช่นนี้ ฝืนสู้เสียหน่อย ระเบิดไหสุราของพวกเขาก็หมดลงแล้ว”“องค์หญิง องค์หญิงพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรายืนหยัดอีกเสียหน่อย กองทัพลาดตระเวนต้องใช้ระเบิดจนหมดแน่นอน”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังถอยทัพ?”“องค์หญิง ด้วยวิธีการขององค์หญิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ความสูญเสียนั้นมากเกินไป อีกทั้งเห็นชัดว่าเป็นกับดัก เสบียงอาหาร
“ใช่ๆๆ ต่อสู้ครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนตำแหน่ง ท่านใต้เท้าเคยบอกแล้ว เรียกว่า...”“กลยุทธ์ออกกำลังกาย!”เสียงตอบกลับมากมายดังขึ้นพร้อมกัน“มาแล้ว!”มีคนตะโกนเสียงดัง“ทหารหลู่ขึ้นมาอีกแล้ว!”“สหาย!” หลี่จื้อคว้าระเบิดมือขึ้นมาหนึ่งลูก “ระเบิดพวกมันให้สิ้นซาก!”“ตู้ม!”เสียงระเบิดดังกระหึ่มเสียงระเบิดดังขึ้นบนเชิงเขา ไม่ได้มาจากหลี่จื้อ ระเบิดมือในมือเขา ยังไม่ทันได้โยนออกไป“ให้ตายสิใครลงมือเร็วเช่นนี้? ข้ายังไม่ได้ลงมือเลย?”สีหน้าของหลี่จื้อฉายความหงุดหงิดเขามีอุปนิสัยอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่ลงมือเขาต้องเป็นคนเริ่ม คนอื่นค่อยเริ่มได้“หลี่จื้อ เจ้าด่าใคร? นิสัยอ้าปากก็หยาบคายทันทีของข้า หากยังไม่แก้ ข้าจะตบปากเจ้า!”“ให้ตายสิ ใครอยู่ที่นั่น...” หลี่จื้อหน้าเจื่อนทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาที่ยิ้มให้เหอจื่อหลินน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้รองแม่ทัพข้างกายเขา พยายามควบคุมตนเอง กลั้นเสียงหัวเราะ“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านมาได้อย่างไร? ให้ท่านพักผ่อนไม่ใช่หรือขอรับ?”หลี่จื้ออยากร้องไห้จริงๆยามเหอจื่อหลินลงโทษ เป็นการลงโทษที่น่ากลัวยิ่งนักไม่ใช่ฟาดด้วยแส้ และไม่ได้เพิ่มปริมาณการฝึก
มีข้าวสารให้เก็บตลอดทาง ทหารหลู่มุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงเขาต้าถังหุบเขาต้าถังเป็นป้อมปราการที่ถูกต้องภูเขาสูงใหญ่ขนาบสองข้าง ตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเพียงสิบกว่าเมตรยิ่งไล่ตามลึกเข้าไปด้านใน อวิ๋นเต๋อก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติหากด้านหน้าเป็นเพียงชาวบ้านขนเสบียงอาหาร เช่นนั้นพวกเขาไล่ตามมานานเช่นนี้ ควรจะตามทันแล้วเวลานี้ไม่เพียงตามไม่ทัน มิหนำซ้ำยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงามองภูเขาสูงใหญ่ด้านหน้า และทางเดินที่กว้างเพียงสิบเมตร ทันใดนั้นเองอวิ๋นเต๋อคว้าจับแส้ม้าแน่นทันที“หยุดมุ่งหน้า หยุดมุ่งหน้า!”“อวิ๋นเต๋อ เจ้าเป็นอะไร? เหตุใดจึงสั่งให้กองทัพหยุดลง?” สีหน้าของโอวหยางน่าหลันฉายความฉงน“องค์หญิง พวกเราติดกับแล้วพ่ะย่ะค่ะ เร็ว รีบถอยเร็วเข้า!”“ฆ่ามัน!”“ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!”อวิ๋นเต๋อยังพูดไม่จบ เสียงร้องบอกให้สังหารดั่งฟ้าผ่าดังขึ้นบนภูเขาทั้งสองด้าน พร้อมกับเสียงกลองดังสะนั่นหวั่นไหวทันใดนั้นเองระเบิดมือและลูกธนูมากมาย ถูกโยนลงมาราวกับตกจากฟากฟ้า“อ๊าก อ๊าก!”“ฮี่~”เสียงร้องโอดครวญของผู้คนและเสียงของม้า ดังปะปนกันทหารหลู่ตกตะลึงกับการโจมตีกะทันหันนี้ ตอ
“พวกท่านไม่ต้องแย่งกัน ข้างหน้ายังมี!”เมื่อได้ยินว่าข้างหน้ายังมี ทหารหลู่ยิ่งฮึดมากกว่าเดิม“สหาย ไล่ไปตามเมล็ดข้าวบนพื้น พวกมันน่าจะยังหนีไปไม่ไกล”ทหารหลู่วิ่ลไล่ พร้อมกับยัดเมล็ดข้าวเข้าปาก ทหารที่ได้กินข้าววิ่งเร็วมากกว่าเดิมพวกทหารที่ไม่มีเมล็ดข้าวให้เก็บกิน ดวงตาแดงก่ำด้วยความร้อนใจ วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งแทบไม่คิดชีวิตทหารหลู่วิ่งไล่ ไม่นานก็วิ่งเลยตำแหน่งแรกที่เย่ว์หนูและมั่วเซินซุ่มโจมตีมั่วเซินยืนอยู่บนเนินเขา มองทหารหลู่ที่จากไปไกลแล้ว ทอดถอนใจพร้อมกับพูด “ทหารหลู่พวกนี้ ต้องหิวโหยมากี่วัน แต่ละคนราวกับตายอดตายอยาก!”ตอนทหารหลู่เข้าไปในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา มั่วเซินกังวลมาก ตอนทหารหลู่ผ่าน เขาออกคำสั่งหลายครั้ง ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ทหารหลู่จับได้เด็ดขาดทว่าคิดไม่ถึง ทหารหลู่พวกนั้นไม่แม้แต่จะมองบนเนินเขา ในสายตาของพวกเขามีเพียงอาหารบนพื้น“เย่ว์หนู เจ้าเก่งจริงๆ รู้ว่าทหารหลู่พวกนั้นไม่มีทางสังเกตเห็นพวกเรา”มั่วเซินหันหลังไปพูดกับเย่ว์หนูที่กำลังง่วนอยู่กับระเบิดมือหลังจากทหารหลู่เข้ามาในวงล้อมซุ่มโจมตีของพวกเขา เย่ว์หนูไม่ได้กังว
“ขอรับ ใต้เท้า!”เฉินฝานเงยหน้ามองจ้าวฮวั่นที่กำลังวุ่นวายกับการสั่งการอยู่บนหอประตูเมืองทว่าก็เชื่อมั่นว่าพวกจ้าวฮวั่นก็จะสามารถทนรับมือได้ถึงหนึ่งชั่วยามครึ่ง-เกิดเสียงตู้มดังสนั่นขึ้น“องค์หญิง ๆ!” อัครเสนาบดีแค้วนหลู่น้ำตาคลอเบ้า วิ่งมาหาด้านหน้าโอวหยาวน่าหลันด้วยความตื่นเต้น “พังทลายแล้ว พวกเราพังทลายประตูเมืองลู่ตูแคว้นต้าชิ่งได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“จริงรึ!”โอวหยางน่าหลันสีหน้าตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง นางก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงประตูเมืองลู่ตูพังทลาย หลังจากที่ได้ยินกับหูตนเองแล้ว ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นโอวหยางน่าหลันกระโดดขึ้นม้าสะบัดดาบไปทางเมืองลู่ตูอีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”คำพูดของโอวหยางน่าหลันเหมือนกับน้ำมันที่ราดใส่กองไฟ ปลุกกองกำลังเมืองหลู่ให้ลุกฮืออีกครั้ง“เข้าเมือง!”“เข้าไปกินข้าว!”ทหารเมืองหลู่ตะโกนคำปลุกใจบุกเข้าไปในเมืองลู่ตูกองกำลังเมืองหลู่ที่หิวจนเสียสติ เมื่อเข้าไปในเมืองก็ค้นทุกหลังคาเรือนอย่างป่าเถื่อนมิต่างอันใดกันโจรปล้นเสบียงแม้แต่น้อยยังมีคนจำนวนน้อยที่มิยอมทำตามยืนหยัดที่จะอยู่ในเมืองต่อไปตอนนี้พวกเขารู้สึกเสียใ