เสื้อผ้าของพี่น้องฉินขาดและบาง เฉินฝานพาสองพี่น้องไปที่ร้านขายผ้าและดึงผ้ามาสองชิ้นผ้าห่มที่สองพี่น้องใช้คลุมตัวตอนกลางคืนก็ต้องเปลี่ยนด้วย เฉินฝานชั่งผ้าฝ้ายสิบจินข้าวของมากมายเพียงนี้ พวกเขาทั้งสามคงไม่สามารถเอาพวกมันกลับมาได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเฉินฝานจึงเรียกรถม้ามาขนของหลังจากจ่ายค่ารถแล้ว เฉินฝานก็มีเหรียญอยู่ในมือไม่ถึงสามร้อยอีแปะเพิ่งได้รับเงินสิบตำลึง แต่ภายในครึ่งวันก็เหลือไม่มากข้าวห้าสิบจิน บะหมี่สิบจิน และเนื้อไม่ติดมันแปดจินก็เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่สามคน แม้ว่าพวกเขาจะกินอาหารสองมื้อต่อวันก็พอสำหรับหนึ่งเดือนกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องตุนอาหารและฟืน บ้านต้องได้รับการซ่อมแซม และเงินก็จำเป็นสำหรับทุกสิ่งจำเป็นต้องหาวิธีเพิ่มเงินให้มาก ๆ...เมื่อรถม้าเข้าไปในหมู่บ้าน ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้วยุคนี้สถานการณ์ไม่ดี การนำเมล็ดพืช น้ำมัน และผ้ากลับมาจำนวนมากในคราวเดียวสามารถสร้างความอิจฉาได้ง่าย ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้ขโมยสังเกตเห็นเฉินฝานให้คนขับใช้เส้นทางเล็ก ๆ และเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบๆครั้นสองพี่น้องอยู่ในรถ พวกนางก็พึมพำว่าเฉินฝานซ
เฉินเจียงเรียนในสถานศึกษาแห่งหนึ่งมาหลายปีแล้ว และยังเป็นรองหัวหน้าหมู่บ้านอีกด้วย นอกจากหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เฉินเจียงยังมีอำนาจมากที่สุดในหมู่บ้าน เขายังมีเงินยี่สิบอีแปะต่อเดือน เฉินฝานเทียบกับเขาไม่ได้เลยในบรรดาพวกเขา นี่คือตัวอย่างที่พ่อแม่ชอบใช้ในการสอนลูกพวกเจ้าต้องทำงานหนักในภายภาคหน้าจะได้มีอนาคตอย่างเฉินเจียง ถ้าไม่ทำงานหนักก็จะเป็นเหมือนเฉินฝานแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เฉินเจียงมีชื่อเสียงมากขึ้นไม่ใช่แค่ว่าเขาเป็นรองหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นเขามีบุตรชายด้วย เขามีบุตรชายถึงสองคนเฉินเจียงแต่งงานเร็วกว่าเฉินฝาน แต่ภรรยาของเขาโชคไม่ดี ตอนที่คลอดลูกชายคนโตก็อยู่ในภาวะคลอดบุตรยากจนจากไปสำหรับผู้ชายที่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้อย่างเฉินเจียง เป็นไปไม่ได้เลยที่ทางการจะให้เขาเป็นพ่อหม้าย ปีที่แล้วเขาได้รับจัดสรรเพิ่มอีกสองคนภรรยาคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปีที่แล้วให้กำเนิดลูกชายในปีนี้หนึ่งคนในยุคนี้ ลูกชายถือเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินเจียงให้กำเนิดลูกชายเป็นเวลาสองปีติดต่อกัน ตอนนี้เฉินเจียงกลายเป็นคนโปรดในหมู่บ้าน และผู้คนก็มาที่ประตูบ้านของเขาทุกวันเพื่อขอคำแนะ
ถึงแม้เรือนของเฉินเจียงกับเฉินฝานจะมีแค่กำแพงกั้นกลาง แต่ว่าเรือนของทั้งสองต่างกันฟ้ากับเหวเรือนของเฉินฝานมีห้องที่ปูด้วยกระเบื้องห้าห้อง แต่ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานาน บวกกับไม่มีการทำนุบำรุง เพดานห้องสี่ห้องจึงไม่เหลือแล้ว มีแค่ห้องที่เฉินเซี่ยนอยู่เท่านั้นที่พอจะอยู่อาศัยได้เฉินฝานเป็นห่วง หากฤดูหนาวนี้ เกิดพายุหิมะขึ้นสักสองถึงสามครั้ง ห้องที่เหลืออยู่เพียงห้องเดียวคงไม่อาจอาศัยได้แล้วเรือนของเฉินเจียงก็ปูกระเบื้องห้าห้องเช่นเดียวกัน ทว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชือง เรือนของเฉินเจียงเพิ่งสร้างใหม่ ปีที่ผ่านมาเฉินฟู่เป็นคนเสียค่าใช้จ่าย จ้างคนมาสร้างเรือนให้เฉินเจียง ในตอนนั้นเงินของเขาไม่พอเล็กน้อย เฉินฟู่ให้เฉินผิงกับเฉินฝานเป็นคนจ่ายส่วนที่เหลือเวลานั้นร่างเดิมไม่มีเงิน จึงขายสินสมรสของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจนหมดเกลี้ยง เปลี่ยนสินสมรสเป็นเงินแล้วจ่ายเงินให้เฉินเจียงซ่อมเรือนเดิมทีเฉินฟู่อยู่กับภรรยาสองคน หลังจากสร้างเรือนหลังใหม่เสร็จ คนชราทั้งสองย้ายไปอยู่กับเฉินเจียงหลังจากเฉินฟู่อยู่กับพวกเขา เฉินผิงและเฉินฝานที่อยู่เรือน ก็ไม่กล้าที่จะไม่มาช่วยงานที่เรือนเขา เฉินฟู
เดิมทีจางเหลียนฮวาคาดหวังว่ายามที่เฉินจินเซียงกลับมาเยี่ยมเฉินฟู่ ให้เฉินเจียงนำเบี้ยที่เฉินจินเซียงนำกลับมา ไปซื้อเนื้อหมูในเมือง คลายความอยากของนางทว่าคิดไม่ถึงเดือนก่อนตอนที่เฉินจินเซียงกลับมา นางนำเพียงข้าวสารห้าจินมาเท่านั้น ไม่มีเนื้อสัตว์ ทั้งยังไม่ให้เงินเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดภัยธรรมชาติขึ้นกับหมู่บ้านเพียงหมู่บ้านเดียว ในปีนี้ผลประกอบการครอบครัวสามีของเฉินจินเซียงก็ไม่ดีนัก กลับมาครั้งนี้ นางไม่มีเงินมาให้เฉินฟู่ตอนกลับ ยังบอกอีกว่าแม่สามีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต้องมีคนคอยดูแล ฤดูเหมันต์นี้นางไม่กลับมาเยี่ยมแล้ว ต้องรอจนกว่าจะกลับก็เข้าฤดูวสันต์ในปีหน้าสำหรับเรื่องนี้ จางเหลียนฮวาโกรธนานกว่าหนึ่งเดือน ยามคุยกับคนชราทั้งสองก็คอยพูดจาเหน็บแนม...ซื้อมันหมูมากขนาดนี้ในครั้งเดียวได้ น่าจะเป็นเหล่าจูที่อยู่บ้านตรงข้ามกระมังเหล่าจูเป็นพ่อค้าหาบเร่ที่ไปตามหมู่บ้านต่างๆ หลายปีมานี้ ลูกชายของเขาก็เริ่มเร่ขายของเช่นเดียวกัน ในตระกูลมีพ่อค้าหาบเร่สองคน แน่นอนว่าฐานะก็ย่อมดีขึ้นทว่าในยุคโบราณชนชั้นพ่อค้าต่ำต้อยโดยเฉพาะพ่อค้าหาบเร่ขายของตามหมู่บ้านต่างๆ อย่างเหล่าจู มีชนชั
“พี่สาม ข้าตักเองเจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์โหรวยื่นมือไปรับขวดน้ำมันจากฉินเย่ว์เจียว“เหลวไหล เอามาให้ข้า!”เฉินฝานแย่งขวดน้ำมันมาจากฉินเย่ว์เจียวก่อนก่อนหน้านี้ตอนทำอาหารฉินเย่ว์โหรวไม่ให้เขาเข้าไปยุ่มย่าม เขาก็ไม่ติดใจ แต่ว่าสกัดน้ำมันหรือใส่น้ำมันเช่นนี้ เขาไม่ให้นางทำเตาค่อนข้างสูง ฉินเย่ว์โหรวตัวเล็ก ขาดสารอาหารมานาน นางแทบไม่มีเรี่ยวแรงแล้วสกัดน้ำมันและใส่น้ำมันมีความอันตรายระดับหนึ่งเขาทะลุมิติมาจากที่ดินแดนแสนไกล ภรรยางดงามดั่งดอกไม้เสมือนหยกเช่นนี้ หากน้ำมันกระเด็นใส่หน้าเกิดรอยแผลเป็นขึ้นมา เขาย่อมเสียใจอย่างมากอย่างไรก็ตามฉินเย่ว์โหรวอายุยังน้อย ตอนเฉินฝานใส่กากหมู จิตใจของเด็กสาวย่อมเปิดเผยอย่างหมดเปลือกนางจับจ้องกากหมูในช้อนบนมือของเฉินฝาน ลอบเลียริมฝีปาก ราวกับแมวน้อยจอมตะกละแม้ฉินเย่ว์เจียวจะไม่แสดงอาการชัดเจนเหมือนฉินเย่ว์โหรว แต่สายตาที่สื่อออกมาจากดวงตาหงส์คู่นั้น ไม่เคยละจากกากหมูในถ้วยเฉินฝานมองเห็นทุกอย่าง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเพิ่งกินข้าว หญิงสาวทั้งสองคนหิวอีกแล้วหรือ?เฉินฝานตักกากหมูใส่ถ้วยเล็กๆ สองถ้วย โรยเกลือ ยื่นไปตรงหน้าสองพี่น้อง “กินสิ!”“ไ
มันหมูจินละหกสิบเหวิน เนื้อหมูจินละยี่สิบเหวิน ข้าวสารจินละสิบเหวิน ผักกาดขาวหัวละสิบเหวิน ผ้าฝ้ายและดอกฝ้าย...ราคาสินค้าแพงระดับหนึ่งหากคำนวณตามรายรับ ราคาสินค้าสูงกว่ายุคปัจจุบันหลายเท่าอยากจะให้พวกเขามีชีวิตที่ดี เขาต้องพยายามมากกว่านี้หลังจากกินกากหมูเสร็จ พบว่าเฉินฝานกลับเข้าห้องไปแล้ว ฉินเย่ว์โหรวรีบยกกะละมังใส่น้ำตามเข้าไป“นายท่านเจ้าคะ!”ฉินเย่ว์โหรวเดินไปตรงหน้าเฉินฝาน “ข้าน้อยเช็ดหน้าและล้างเท้าให้ท่านเจ้าค่ะ”“เอ่อ!” เฉินฝานวางพู่กันลง ถลกแขนเสื้อขึ้น “ข้าทำเอง!”งานพวกล้างหน้าล้างเท้าเช่นนี้ เฉินฝานไม่คุ้นชินให้ผู้อื่นช่วยจริงๆ“ไม่ได้เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์โหรวที่พูดจาอ่อนโยนมาโดยตลอด ส่งเสียงดังขึ้นกะทันหัน น้ำเสียงหนักแน่นยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าตนทำให้เฉินฝานตกใจ ฉินเย่ว์โหรวรีบลดเสียงลงทันที “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยทำให้นายท่านตกใจ แต่ว่านายท่านไม่อาจชำระล้างด้วยตนเองเจ้าค่ะ”“ข้าล้างเอง...”“สิ่งที่ข้าทำให้นายท่านได้มีเพียงแค่นี้!”เฉินฝานยังพูดไม่จบ ฉินเย่ว์โหรวพูดขึ้น น้อยครั้งนักที่นางจะพูดแทรกเขาแบบนี้ฉินเย่ว์โหรวที่พูดแทรกเฉิ
เรือนข้างเคียงเฉินเจียงเพิ่งจะกลับถึงบ้านเวลานี้ตอนเปิดม่านเข้าไปในห้อง ภายในห้องค่อนข้างมืด เขาสะดุดกลองป๋องแป๋งบนพื้น จนเกือบหกล้ม“หญิงชั่ว!”เฉินเจียงเตะกลองป๋องแป๋งบนพื้น สบถหยาบ “ไม่จุดตะเกียงแม้แต่ดวงเดียว อยากให้ข้าสะดุดล้มตายหรืออย่างไร”วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเดิมทีวันนี้เป็นวันที่เขาต้องได้รับเบี้ยหวัด แต่กลับไม่ได้รับอีกแล้วตอนเย็นขณะนั่งเรียนในสถานศึกษา บทกลอนที่เขาเขียน ถูกท่านอาจารย์ในสถานศึกษาวิจารณ์ บอกว่าเขาเขียนแย่ยิ่งกว่าเด็กสิบสองขวบในสถานศึกษาเดียวกันกลับมาด้วยความโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจ เมื่อเข้ามาให้ห้องยังสะดุดอีก เขาโมโหขึ้นมาทันทีภรรยาอีกคนหนึ่งของเฉินเจียงกำลังง่วนอยู่ในครัว ในห้องมีเพียงจางเหลียนฮวานอนอยู่บนเตียงเตา นางกำลังให้นมลูก ไม่ได้รับประทานเนื้อสัตว์มานาน ทำให้น้ำนมของนางไม่พอ ทารกน้อยกินไม่อิ่ม จึงร้องไห้ไม่หยุด จางเหลียนฮวากล่อมอยู่นาน ทารกน้อยเพิ่งผล็อยหลับไป เมื่อเฉินเจียงตะโกนเสียงดังเช่นนี้ ทารกจึงร้องไห้อีกราชวงศ์ต้าชิงให้เกียรติบุรุษดูแคลนสตรี ยามสามีโมโห โดยทั่วไปภรรยาไม่กล้าโต้เถียง แต่เมื่อทารกน้อยในอ้อมกอดร้องไห้ จางเหลียนฮว
“พอแล้ว!”เห็นจางเหลียนฮวายอมรับความผิด เฉินเจียงพูด “รอข้าได้เบี้ยหวัด ข้าจะซื้อเนื้อกลับมาให้เจ้าครึ่งจินเพื่อบำรุงร่างกาย”“จริงหรือเจ้าคะ?”เมื่อได้ยินว่าเฉินเจียงจะซื้อเนื้อให้นาง หัวใจที่เศร้าหมองของจางเหลียนฮวาทอประกายทันที“ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไร แต่งงานกับข้า ดีกว่าสองพี่น้องตระกูลฉินมากแล้ว”“นายท่านพูดถูกเจ้าค่ะ อนาคตข้างหน้านายท่านก็คือผู้ที่ร่ำรวยเงินทองและมีอำนาจ” จางเหลียนฮวาลุกขึ้นนั่ง เริ่มวาดฝันถึงอนาคตฮูหยินขุนนางใหญ่เฉินเจียงเงียบ ทว่าแววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยองนักพรตในวัดซานชิงกวนบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ในสิบปีตระกูลเฉินของพวกเขาจะมีขุนนางใหญ่ที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ สิบปี ลูกชายของเขายังเล็ก เช่นนั้นก็หมายถึงเขาไม่ใช่หรือ?จอหงวนไม่กล้าอาจเอื้อม แต่บัณฑิตชั้นสูงนั้น เฉินเจียงคิดว่าตนทำได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอนราชวงศ์ต้าชิง บัณฑิตชั้นสูงเป็นขุนนางประจำจังหวัดได้ในหมู่บ้านเล็กๆ อย่างหมู่บ้านซานเหอ มีคนได้เป็นขุนนางประจำการในจังหวัด เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆเพราะว่า ในระแวกนี้ ไม่เคยมีแม้กระทั่งนายอำเภอเวลานี้นายอำเภอของอำเภอผิงอันย้ายมาจากที่อื่นสำห
“ผู้จัดสรร มิสามารถแบ่งให้คนนอกที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเช่นนี้ได้เด็ดขาด!”“ถูกต้องแล้ว แบ่งให้คนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามิได้!”คนรับใช้สองสามคนข้างกายเหลยหย่งอัน พูดเสริมทันที“เช่นนั้นนายน้อยเหลยคิดว่าผู้ใดเป็นผู้จัดสรรจึงจะเหมาะสม?”มีคนตะโกนถามท่ามกลางผู้เหลือรอดเหลยหย่งอันเลิกคิ้วขึ้นทันที ประโยคที่เขารอก็คือประโยคนี้ผู้นั้นเพิ่งจะกล่าวจบ เหลยหย่งอันก็ส่งสายตาไปที่คนรับใช้ข้างกายทันที“ร้านค้าตระกูลเหลยมากมายมหาศาล นายน้อยของพวกเราก็มีส่วนร่วมดูแล ไปตรวจสอบที่ร้านค้าทุกเดือน”ตรวจสอบแบบใดกัน ไปเกี้ยวพาราสีสตรีในร้านเสียมากกว่าเรื่องนี้ทุกคนในเมืองเซียนตูทราบดี เพียงแต่มิอยากให้เหลยหย่งอันมิพอใจ จึงมิมีผู้ใดกล้าพูดเปิดโปง“ดังนั้น...” คนใช้ผู้นั้นกล่าวต่อ “ผู้จัดสรรนี้ นายน้อยของข้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด “ทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว พวกเจ้า...” เหลยหย่งอันยกมือขึ้นทำท่าทางแบกรับรับความผิดชอบไว้เพียงผู้เดียว “คนที่ร่วมทุกข์กับข้าทุกคน ขอเพียงแค่สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ ก็สามารถไปรับเงินหนึ่งร้อยตำลึงได้ที่ตระกูลเหลยของพวกเรา”เพื่อที่จะได้ตำแหน่งผู้จัดสรรนี้ เหลยห
“ต่อให้เสบียงอาหารทั้งหมดต้องถูกจัดสรรปันส่วนอย่างเท่าเทียม เช่นนั้นไฉนอำนาจในการจัดการจัดแบ่งต้องเป็นเจ้าคนเดียวงั้นหรือ? เจ้าเป็นใครกัน?”ชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าไหมอย่างดี ศีรษะสวมหมวกสีทองประดับด้วยไข่มุกเดินเข้ามากล่าวถามเฉินฝานด้วยท่าทีโอหังบุคคลนี้คือลูกชายคนโตของตระกูลเหลยเก่าแก่อันดับหนึ่งของเมืองเซียนตู เหลยหย่งอันด้วยความที่ชาติตระกูลมีเงินและอำนาจ เหลยหย่งอันได้รับสมญานามให้เป็นอันธพาลอันดับหนึ่งในเมืองเซียนตู ปกติก็มักจะรังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิง กระทำชั่วทุกรูปแบบสำหรับวีรกรรมของเหลยหย่งอันแล้ว เจ้าเมืองซื่อต้าเผิงต้องยอมปล่อยผ่านไปเหลยหย่งอันรู้สึกว่ามิถูกชะตาเฉินฝานอยู่ก่อนแล้วเรือนเซียนผาสุกมีกฎว่านอกจากผู้ฟังโชคดี่ถูกเมี่ยวอวี่สุ่มเลือกมา บุคคลที่ให้เงินรางวัลจำนวนมากที่สุด เมี่ยวอวี่ก็จะบรรเลงพิณเป็นการส่วนตัวเช่นกันทว่า ทุกปีจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นต้นปีเหลยหย่งอันก็เริ่มให้เงินรางวัลจำนวนมหาศาล ในที่สุดเมื่อมาถึงเดือนท้ายปีก็ได้ลำดับที่หนึ่งมาครองเห็นว่าตนเองสามารถเข้าไปในกระท่อมหิมะพบกับเมี่ยวอวี่ ได้ฟังพิณที่นางบรรเลงให้ตนเองโดยเฉพาะ กลับคาดมิถึงว่าอย
เรือนเซียนผาสุกมีชื่อเสียงเงินทองมหาศาลดังคาด จำนวนเสบียงที่กักตุนไว้ตอนฤดูหนาว มากกว่าเสบียงครึ่งปีของครอบครัวสามัญชนเสียอีกตรงข้ามกับผู้เหลือรอดเหล่านั้น เฉินฝานยิ่งฟัง คิ้วยิ่งขมวดหนักขึ้นเรื่อย ๆน้อยไป น้อยเกินไปแล้วคนสามร้อยกว่าคน ต่อให้กินอาหารวันละหนึ่งมื้อ เสบียงอาหารเหล่านี้ก็หมดเกลี้ยงเพียงในพริบตาเดียว“เสบียงอาหารของกระท่อมหิมะนำออกมาไว้ที่แห่งนี้ทั้งหมดแล้วใช่หรือไม่?” เฉินฝานหันหน้ากล่าวถามเมี่ยวอวี่“กระท่อมหิมะแห่งนี้ของข้ามิได้ใหญ่โตเสียหน่อย ตุนไว้จำนวนมากเพียงนั้น ยังมินับว่าเยอะอีกหรือ?” เมี่ยวอวี่ย้อนถามเฉินฝาน“ก็จริง” เฉินฝานหัวเราะสมเพชตนเองในส่วนลึกของหัวใจ หวังว่าจะมีเยอะกว่านี้“ตอนนี้นับเสบียงเรียบร้อยแล้ว รีบแบ่งให้ทุกคนเถอะ”มีคนเร่งเร้าหิวจนทนมิไหวแล้วจริง ๆ“แบ่งมิได้!” เฉินฝานกล่าว“มิแบ่งงั้นหรือ?”สายตาสามร้อยกว่าคนจับจ้องไปที่เฉินฝานอย่างพร้อมเพียงมิเข้าใจ มิเชื่อเสบียงอาหารทั้งหมดถูกขนย้ายออกมานับจำนวนแล้ว ไม่เพียงแต่จำนวนเสบียงเท่านั้น จำนวนคนก็นับแล้วเช่นกันทำถึงเพียงนี้แล้ว เฉินฝานกลับกล่าวว่ามิแบ่งแล้ว“เจ้าหมายความว่าอย
เขายืนกรานไม่ยอมนำเสบียงออกมามิใช่หรือ ไฉนตอนนี้ต้องการเอาออกมา และยังต้องนำออกมาทั้งหมดอีกด้วยเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่?“ทำไมล่ะ? แม่นางเมี่ยวอวี่มิเห็นด้วยงั้นหรือ?” เฉินฝานกล่าวถาม“โอ้ ไม่ใช่หรอก!” เมี่ยวอวี่กล่าวอย่างรีบร้อน “แน่นอนว่าข้าต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว เจ้ารีบพาคนไปนำเสบียงอาหารในคลังออกมาทั้งหมด”“ช้าก่อน!” เฉินฝานเรียกยายจ้าวไว้ “เพื่อให้มั่นใจว่าเสบียงอาหารทั้งหมดจะถูกขนย้ายออกมา เย่ว์เจียวเจ้าไปตามยายจ้าวไปด้วย พวกเจ้า... ”เฉินฝานหันไปกล่าวกับผู้เหลือรอดเหล่านั้น “ก็ส่งหนึ่งคนตามไปด้วย”ผ่านไปครู่เดียว เสบียงอาหารทั้งหมดในกระท่อมหิมะถูกขนมาไว้ด้านหน้าฝูงชนเฉินฝานมองดูเสบียงอาหารที่กองเป็นพะเนินด้านหน้า กล่าวอย่างเนิบนาบ “โอ้ จำนวนมิน้อยเลยนะเนี่ย”“อากาศเย็น คร้านออกไปจับจ่าย ดังนั้นจึงซื้อจำนวนมากในคราวเดียว” เมี่ยวอวี่กล่าวอย่างมิใส่ใจมากนักเสบียงอาหารเหล่านั้นมีจำนวนมากก็จริงทว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนจำนวนมากเพียงนี้อยู่รอด!ท้ายที่สุด ก็ยังคงต้องตายอยู่ดีเหล่าผู้เหลือรอด มิได้มองการณ์ไกลเช่นนั้น พวกเขาที่หิวมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มองเสบียงอาห
เมื่อมีคนเปิดประเด็นแล้วคนอื่นก็พากันทำตาม คนกลุ่มใหญ่จำนวนมหาศาลคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานเฉินฝานมิได้กล่าวอันใด เมี่ยวอวี่ที่อยู่ด้านข้างชิงพูดก่อน“เหอะ!” เมี่ยวอวี่เยาะเย้ยออกมาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ช่างเป็นชายที่ใจดำอำมหิตเสียจริง คิดว่าตนเองมีผู้มากฝีมือที่เก่งกาจอยู่ข้างกาย ก็สามารถมิสนใจชีวิตของผู้คนรอบตัว แม้กระทั่งเด็กและคนชราก็ยังมิยอมช่วย”เมี่ยวอวี่จงใจกล่าวเช่นนี้จงใจที่พัดความโมโหของฝูงชนให้ลุกฮือดังคาด...“เขาใจดำอำมหิตเพียงนั้น แม้กระทั่งเด็กน้อยคนแก่ก็ยังมิยอมให้อาหารกินแม้แต่น้อย เช่นนั้นเรายังต้องกลัวสิ่งใดอีก?”เมื่อมีคนเริ่มก็มีคนตาม“ถูกต้อง อย่างไรเสียก็ถูกขังจนตายอยู่ที่นี้อยู่ดี ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ทุกคนต้องได้กินให้อิ่มท้อง!”“พวกเรามิต้องมาอ้อนวอนอยู่ตรงนี้และ ไปสืบเสาะ ไปค้นหา กระท่อมหิมะอาจจะใหญ่ไปเสียหน่อย แต่พวกเรามีจำนวนคนเยอะจะหาที่ซ่อนของเสบียงอาหารมิได้เชียวหรือ?”กลุ่มคนจำนวนมหาศาลในกระท่อมแต่เดิม รีบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับกระแสน้ำลงของมหาสมุทร“เจี้ยนฮวง!” เฉินฝานกล่าวเกรงว่าเซียนเจี้ยนหวงจะเข้าใจผิด เฉินฝานจึงพูดเสริมอีกห
เซียนเจี้ยนหวงมิลงมือทำร้ายสามัญชน ชายรอยบาดแผลคิดว่าชื่อเสียงของเซียนเจี้ยนหวงเป็นสิ่งจอมปลอม และเขาคิดว่าตนเองมีจำนวนมากมาย ต่อให้เซียนเจี้ยนหวงจะเก่งกาจเพียงใดก็มิสามารถลุยเดี่ยวกับคนหนึ่งร้อยคนได้และเฉินฝานก็ดูจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ดังนั้นชายรอยบาดแผลมิได้รู้สึกเกรงกลัวอันใด ท่าทียโสโอหังยิ่งเขาต้องการเสบียงอาหารในกระท่อมหิมะทั้งหมด และประสงค์ที่จะคุมชะตาคนหลายคนไว้ในกำมือ ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยเมี่ยวอวี่ให้หลุดพ้นได้ด้วยอำนาจ สาวงาม เสบียงอาหารเขาต้องการทั้งหมดเฉินฝานเงยหน้าขึ้น เหลือบมองชายรอยบาดแผลอย่างเรียบนิ่ง “ดูเจ้าพูดเข้าสิ เจ้าเก่งกาจมากสินะ”“เยี่ยนหลิ่งผู้ยิ่งใหญ่!” ชายรอยบาดแผลวางท่าทีใหญ่โต“ว้าว!” เฉินฝานยกนิ้วโป้ง “ชื่อนี้ช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”สุดยอด!เซียนเจี้ยนหวงต้องเก็บอาการอยู่ด้านข้างนี่คงจะเป็นความสนุกเพียงอย่างเดียวตอนที่ถูกกักขังอยู่ที่แห่งนี้ดูคนโง่ ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าสนุก“เพียงแต่...” เฉินฝานเปลี่ยนเรื่องทันที “มิทราบว่าชื่อที่น่าเกรงขามเช่นนี้ จะชำนาญในการต่อสู้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานหันไปด้านข้างเล็กน้อย “
“ตุ้บ ๆ ๆ ๆ!”เสียงทุบประตูหน้าต่างด้านนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ เซียนเจี้ยนหวงฝึกวรยุทธ์จนชำนาญแล้ว สถานการณ์ฝั่งเขานั้นค่อนข้างไปในทิศทางที่ดีฝั่งฉินเย่ว์เจียวและเย่ว์หนูนี้ค่อนข้างลำบาก“เย่ว์หนู เจ้ากันไว้ก่อน ข้าจะไปย้ายเตียงมากันไว้!”“มิจำเป็นหรอก!” เฉินฝานโบกมือเล็กน้อย เขาให้ฉินเย่ว์เจียวและเย่ว์หนูเปิดประตูออก“เปิดประตูงั้นหรือ?” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหน้าทันที “ไม่ได้เจ้าค่ะ นายท่าน”คนด้านนอกทุกคนล้วนโกรธเฉินฝานจนกัดฟันกรอด ตะโกนอย่างดุเดือดเพื่อให้ต้องการพวกเขาผ่านเข้าไป เฉินฝานเสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว“พวกเจ้าสามารถกันไว้ได้หนึ่งชั่วยาม จะสามารถกันได้ถึงสองชั่วยามงั้นหรือ?”เมื่อคนตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตาย มิว่าสิ่งใดก็สามารถทำได้ความเลวทรามของมนุษย์ เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดในโลกใบนี้“นายท่าน ขอเพียงข้ายังอยู่ ข้าก็จะยังคงกันต่อไปเรื่อย ๆ จะมิยอมให้คนด้านนอกเหล่านั้นทำร้ายท่านแม้แต่ปลายเล็บ”ฉินเย่ว์เจียวกำหมัดไว้แน่นขนัดเฉินฝานมองท่าทีที่เศร้าสลดทว่าเข้มแข็งของฉินเย่ว์เจียว รู้สึกซาบซึ้งและหงุดหงิด“นายท่าน บ่าวก็เช่นกันเจ้าค่ะ”เย่ว์หนูเพิ่มแรงในการกันประต
ฉินเย่ว์เจียวง้างมือขึ้นทันที เดิมทีต้องการจะตบหน้าเมี่ยวอวี่เป็นครั้งที่สองพลันยั้งมือกะทันหันกลั้นหายใจ รอฟังคำตอบของเมี่ยวอวี่ด้วยความกังวลเฉินฝานก็อดมิได้ที่จะเงี่ยหูฟังจะรู้ร่องรอยของเย่ว์ฉินแล้ว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“หยกห้อยเอวชิ้นนี้...”“ตุ้บ!”อยู่ ๆ ก็มีก้อนหิมะลอยก้อนหนึ่งลอยทะลุหน้าต่างเข้ามา“โอ๊ย!”เมี่ยวอวี่อยู่ใกล้หน้าต่างอย่างมาก ก้อนหิมะขว้างโดนหัวหน้า ทำให้นางตกใจจึงร้องออกมาทันที“ตุ้บ”ครั้งนี้สิ่งที่ขว้างมาคือก้อนหิน“ระวัง!”เมี่ยวอวี่รู้สึกเพียงว่าร่างกายทรงตัวมิอยู่ ตัวไปชนกับอ้อมอกที่ล่ำสันหัวสมองว่างเปล่าราวกับถูกจี้จุด เมี่ยวอวี่มองเฉินฝานด้วยความมึนงงดวงตากลมโตที่เปล่งประกายแวววับดังดวงดารา สภาพอารมณ์แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วหาคำตอบมิได้ มิเชื่อ มิเข้าใจ“เจ้า...” เมี่ยวอวี่กลอกตาไปมา “ไยเจ้าจึงช่วยข้า?”หากมิใช่เฉินฝานดึงนางหลบได้ทัน ตอนนี้นางก็คงหัวแตกเลือดไหลนองไปนานแล้วเฉินฝานผลักเมี่ยวอวี่ในอ้อมอกออก เขาที่พลังภายในยังฟื้นฟูมิสมบูรณ์เอนตัวล้มพิงเรือนร่างของฉินเย่ว์เจียว น้ำเสียงเยือกเย็น “อย่าคิดเข้าตัวเอง ข้าทำไปตามสัญชาตญาณเท
ถึงแม้ในทุกวันนางมักจะรับคำเยินยอจากบุรุษเพศอยู่แล้ว ทว่าท่าทางที่รักใคร่หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งราวภาพวาดนี้ นางมิเคยพบเห็นมาก่อนเมี่ยวอวี่ที่สงสัยว่าตัวเองมองผิดไป จึงตั้งใจหันกลับไปดูอีกครั้งภาพที่เฉินฝานช่วยปัดไรผมบนหน้าผากของฉินเย่ว์เจียวออก และฉินเย่ว์เจียวยิ้มตอบกลับให้เฉินฝานอย่างหวานหยาดเยิ้ม เมี่ยวอวี่เหลือบไปเห็นพอดีไม่จริงหรอก!เมี่ยวอวี่รีบหันหน้ากลับไปด้วยความรวดเร็ว ตีหน้าอกตนเองเบา ๆสองสามทีคาดมิถึงว่าจะเป็นเรื่องจริงใต้หล้านี้มีสามีภรรยาที่รักใคร่กันเช่นนี้จริงหรือ ? เป็นเรื่องจริงหรือว่าผู้ชายจะอ่อนโยนกับภรรยาตนเองได้เพียงนั้น?เฉินฝานเป็นชายที่เลวทรามต่ำช้ามิใช่หรือ?เย่ว์หนูชะเง้อมองมาจากทางเข้าเห็นว่าเฉินฝานตื่นแล้ว รีบวิ่งกลับไปที่ในห้อง ยกโจ๊กครึ่งชามที่วางไว้ในห้องไปอุ่นที่ห้องครัว หลังจากที่อุ่นจนร้อนแล้วก็วิ่งกลับมา“โจ๊กมาแล้วเจ้าค่ะ”“เอามาให้ข้า!” ฉินเย่ว์เจียวรับโจ๊กในมือเย่ว์หนูมาทันที“ลำบากเจ้าแล้ว” เฉินฝานหันไปพยักหน้ากับเย่ว์หนู“บ่าวมิลำบากเลยเจ้าค่ะ ขอเพียงนายท่านหายดีก็เพียงพอแล้ว” เย่ว์หนูหน้าแดง ส่ายหน้าอย่างแรงกล่าวว่าตนเองมิลำ