เฉินฝานมองจนใจลอยภรรยาผู้มีรูปโฉมงดงาม สวยสะพรั่งดั่งดอกไม้ ทั้งยังเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายที่ทางการส่งมาให้ กล่าวว่าเฉินฝานไม่หวั่นไหวคงเป็นเรื่องโกหกแต่ว่าเท้าของฉินเย่ว์โหรวในเวลานี้ห่อด้วยสมุนไพร มิหนำซ้ำนางเพิ่งเข้าพิธีปักปิ่นเมื่อปีกลาย อายุยังน้อยนักเลี้ยง...อีกหน่อยเถอะอย่างน้อยต้องรอหลังจากที่เท้าของนางหายดีก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฉินฝานหันไปมองนอกประตู “เย่ว์เจียว เจ้าเดินวนไปมาด้านนอกทำไม รีบกลับมาพักผ่อน”เฉินฝานมัวแต่ไม่อาจทำใจ เขาไม่ทันสังเกตเห็น แววตาเสียใจของร่างบางในผ้าห่มสุดท้าย นายท่านก็รังเกียจนางหลังจากฉินเย่ว์เจียวเข้ามา มองเฉินฝานแล้วมองฉินเย่ว์โหรว ขยับริมฝีปาก สุดท้ายไม่ได้พูดอะไร คลานขึ้นเตียงเตา นอนอีกฟากหนึ่งซึ่งไกลจากเฉินฝานที่สุด“นายท่านเจ้าคะ ข้าน้อยอุ่นใต้ผ้าห่มให้แล้วเจ้าค่ะ”ตอนฉินเย่ว์โหรวออกมาจากใต้ผ้าห่มของเฉินฝาน น้ำเสียงของนางแผ่วเบา ไม่มีความโมโห นางกลับไปอีกฟากหนึ่งของเตียง ซุกตัวเข้าในผ้าห่ม มุดหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของฉินเย่ว์เจียวเฉินฝานคิดว่านางเขินอาย ไม่ได้คิดอะไรมากกลางดึกเวลาประมาณตีสองตีสาม เฉินฝานลืมตาขึ้นตอนหัน
ไม่ทันสังเกตเห็นว่าน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าตนเอง เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเสียงแครกดังขึ้น ชั้นน้ำแข็งแตก เฉินฝานตกลงไปในน้ำทันทีโชคดีที่เขาว่ายน้ำเก่ง เพียงครู่หนึ่งก็ว่ายขึ้นมาได้ตอนอยู่ในน้ำไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น หลังโผล่พ้นน้ำ ลมเหนือพัดผ่านร่างกาย เฉินฝานหนาวจนตัวสั่นอุณหภูมิบนหุบเขาต่ำ เขาต้องรีบกลับไป มิเช่นนั้นหากเป็นไข้ขึ้นมา เขาเกรงว่าตนไปเฝ้าพระอินทร์เหมือนเจ้าของร่างเดิมแล้วตกลงไปในน้ำ มือจับตะกร้าไว้ ทำให้ปลาตกกระจัดกระจายไปครึ่งหนึ่ง พลั่วก็ตกลงไปในน้ำเช่นเดียวกันปลาครึ่งตะกร้าก็ครึ่งตะกร้าแล้วกัน ก็ไม่น้อยแล้ว ส่วนพลั่วก็ไม่เอาแล้วเฉินฝานสะพายปลาครึ่งตะกร้า คล้ายเมื่อก่อนสมัยฝึกทหารในค่าย วิ่งเหยาะๆ กลับเรือนไม่อาจวิ่งเร็วเกินไปได้ วิ่งเร็วเกินไปหมดแรง วิ่งเหยาะๆ ก็กลับถึงเรือนอย่างรวดเร็วได้ ทั้งยังทำให้ร่างกายอบอุ่น...ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่บนเตียงเตาเด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาจับจ้องไปที่ม่านประตูบอกว่าไปเพียงประเดี๋ยวเดียวไม่ใช่หรือ? เหตุใดครั้งนี้จึงนานเช่นนี้ยามค่ำคืนมืดมิดทุกแห่งหน อากาศก็หนาว เขาจะไปที่ใด ทำอะไร?รออีกครู่หนึ่งจู่ๆ ฉินเย่ว์เจ
ปลา...เผา...”ฉินเย่ว์โหรวอยากจะพูดแล้วเงียบไป“เย่ว์โหรว เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”“ปลาเผาที่นายท่านทำอร่อยมากเจ้าค่ะ แต่ว่า หากจะนำไปขายจริงๆ...อาจจะขายไม่ออกก็ได้ หรือแม้จะขาย ก็ขายไม่ได้ราคาดีเจ้าค่ะ”ฉินเย่ว์โหรวพยายามพูดเบาที่สุด เพราะไม่อยากให้สะเทือนใจเฉินฝานพวกนางชอบกิน เป็นเพราะทานผักป่ามานาน“เรื่องนี้เจ้าวางใจ ข้าคิดหาวิธีปรับสูตรปลาเผาเรียบร้อยแล้ว”ตอนกลับมา เปียกไปทั้งตัว จึงไม่ได้เก็บหญ้าชิงเฮาจริงด้วย คนที่นี่เรียกชิงเฮาว่าหญ้าเซียนนู๋เข้าเมืองตาหลิ่วต้องลิ่วตาตาม เขาเองก็เรียกว่าหญ้าเซียนนู๋ก็แล้วกันเฉินฝานบอกให้ฉินเย่ว์โหรวไปเก็บหญ้าเซียนนู๋ หญ้าเซียนนู๋ในฤดูเหมันต์ แม้คุณภาพไม่ดีเท่าฤดูคิมหันต์ แต่ก็ไม่แย่นักหญ้าเซียนนู๋มีอยู่ทุกที่ ฉินเย่ว์โหรวไม่ต้องไปไกลนัก หุบเขาหลังหมู่บ้านก็มีแล้วในหมู่บ้าน ถึงหุบเขาหลังหมู่บ้าน ค่อนข้างปลอดภัยเฉินฝานเดินไปที่ลานกว้าง เทปลาในตะกร้าออกมา นับปลา พยักหน้าด้วยความพอใจครั้งนี้เฉินฝานไม่ได้เลือกใช้ปลาเฉาฮื้อเพราะหากกินปลาเผาจานใหญ่เหมือนยุคปัจจุบัน ต้องใช้วัตถุดิบหลายอย่างปลาจานใหญ่เช่นนั้น ต้องนั่งล้อมวง
ออกมาจากร้านขายเหล็ก เฉินฝานไปซื้อถ่านหนึ่งถุงที่ร้านขายฟืนหลังจากนั้นไปร้านขายยาซื้อยี่หราและพริกไทยสองเหลียง ยี่หราและพริกไทยต้องร้องขอให้เด็กในร้านขายยาบดเป็นผง ยุคสมัยนี้ยังไม่มีพริก น่าเสียดายเล็กน้อยของทั้งหมดที่ซื้อเก้าสิบเหวินวันนี้แม้จะขายปลาทั้งหมดได้ เมื่อนำไปหักลบต้นทุน ได้กำไรเพียงเล็กน้อย แต่ค้าขายวันแรก ไม่ขาดทุนก็ถือว่ากำไรแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องซื้อเหล็กแท่ง ก็ดีแล้วเงินเก้าสิบเหวินที่ซื้อเมื่อครู่ มีเจ็ดสิบเหวินมาจากค่าเหล็กสองแท่งกลับถึงตลาด ฟ้าสว่างจ้าแล้วมีค่ามาเก็บค่าแผงลอย แผงลอยเล็กๆ อย่างของเฉินฝานต้องจ่ายสองเหวินแม้แต่ผู้แข็งแกร่งก็ยากจะเอาชนะเจ้าถิ่นได้ ค้าขายวันแรก เฉินฝานไม่อยากให้มีปัญหาตลาดเริ่มครึกครื้นแล้วเช่นเดียวกัน เฉินฝานนำฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวตั้งแผงลอยเฉินฝานตั้งเตาเผา เผาถ่านฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวนำหญ้าเซียนนู๋ไปถูท้องปลาเตาเผาไม่ใหญ่นัก ครั้งหนึ่งเผาปลาได้แค่สามตัวสองสามีภรรยาที่ขายขนมเปี๊ยะข้างๆ ขายของในตลาดมานานหลายสิบปี ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“พ่อหนุ่ม เจ้าขายปลาหรือ?” ชายชราอดไม่ได้ที่จะถาม“ขอรับ ขายปลา
ปลาบนเตาเผา หนังปลาด้านนอกเริ่มเหลืองแล้ว เฉินฝานทาน้ำมันลงบนหนังปลาไม่ต้องทาเยอะ ตัวปลาก็มีไขมัน โดยเฉพาะส่วนท้องของปลาปลาเผาที่ทาน้ำมันแล้ว กลิ่นหอมอบอวลคนที่ล้อมวงดู หลังจากได้กลิ่นหอม สูดลมหายใจฟุดฟิดอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้คนที่หัวเราะเยาะ คนที่มาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปฉงนงุนงง แปลกใจ“วิธีการทำปลาแบบนี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่ข้าคิด ดูเหมือนจะอร่อยมาก”“ข้าเองก็รู้สึกว่าอร่อยมาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะขจัดกลิ่นคาวของปลาได้”“ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ดมแล้วก็หอมมาก ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”เมื่อพูดถึงรสชาติ ผู้คนดึงสติมาจากกลิ่นหอมยั่วยวน“ข้าเคยกินปลา ไม่อร่อยจริงๆ!”“ข้าเองก็เคยกิน ไม่ใช่แค่ไม่อร่อย ก้างก็เยอะ”“พูดถึงก้าง ก้างปลาเคยติดคอข้าด้วย ปวดไปตั้งหลายวัน”“ข้าเองก็เคยเหมือนกัน ให้กินโดยไม่เสียสักแดงข้าก็ไม่กิน”ประสบการณ์ที่เจ็บปวด ทำให้ผู้คนเริ่มหมดความสนใจปลาเผาของเฉินฝาน มีคนเริ่มเดินออกไปหนังปลาเหลืองอร่ามงดงาม ใกล้จะสุกแล้ว เฉินฝานเร่งมือ โรยผงพริกไทยและผงยี่หราลงบนปลาที่อยู่บนเตาเผาผงพริกไทย ผงยี่หรา น้ำมัน ปลา มาเจ
“อร่อยจริงๆ พวกเจ้าลองดูสิ!”“ลองดูสิ ลองกันให้หมด!”“หากไม่อร่อย ข้าหลิวต้าชุ่ยวันนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็นหลิวเสี่ยวชุ่ยเลย!”โบราณกล่าวไว้ รับของผู้อื่นมืออ่อน กินของผู้อื่นปากหวานยิ่งไปกว่านั้นปลาเผาอร่อยจริงๆ หลิวต้าชุ่ยตะโกนขายของขึ้นมา ตั้งใจยิ่งกว่าเฉินฝาน คนไม่รู้ นึกว่าเขาเป็นคนขายปลาเผาเสียอีก“นี่ หลิวต้าชุ่ย เจ้าเป็นหน้าม้าที่พ่อหนุ่มจ้างมาหรือเปล่า? พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า?”เห็นผู้คนเริ่มหวั่นไหว อยากชิมปลาของเฉินฝาน หลี่ซื่อร้องตะโกนเสียงดังผู้คนลังเลอีกแล้ว หลี่ซื่อรีบใส่สีตีไข่ “ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ยังเป็นปลา ทุกคนล้วนมีช่วงเวลายากลำบาก ใครบ้างที่ไม่เคยถูกบังคับให้กินปลา! แค่ใส่น้ำมันไม่กี่หยด บวกกับส่วนผสมต่างๆ ก็กลายเป็นอาหารของเทพเซียนเชียวหรือ?”“คิดว่าพวกข้าเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร?”“หลี่ซื่อ”หลิวต้าชุ่ยไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน เขาเอาร่างอ้วนท้วมของเขา เดินไปตรงหน้าหลี่ซื่อ“อย่าคิดว่าเจ้ากับหลี่ฟาคนดูแลสถานที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เจ้าคิดอยากจะทำอะไรในตลาดนี้ก็ได้ ข้าหลิวต้าชุ่ยคนนี้ไม่กลัวเจ้า”แม้หลิวต้าชุ่ยกับหลี่ซื่อไม่ได้อยู่หมู่บ้านเดีย
ตัวละสามเหวิน เหตุใด...”เฉินฝานยังพูดไม่จบ หลี่ซื่อโยนเงินสี่เหวินที่เมื่อครู่เฉินฝานให้เขากลับมา เฉินฝานรับไว้ตามสัญชาตญาณ“ข้าเอาหนึ่งตัว หนึ่งเหวินที่เกินมานี้ ไม่ต้องทอนแล้ว!”“ขอรับ ขอบคุณพี่หลี่!”ไม่ทอนก็ไม่ทอน คนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างหลี่ซื่อ หากทอนให้เขาจริงๆ เขาคงอึดอัด“เย่ว์โหรว ยืนนิ่งอยู่ทำไม ห่อให้พี่หลี่หนึ่งตัว”เฉินฝานเองก็คิดไม่ถึง การค้าขายแรกของเขาจะสำเร็จด้วยรูปแบบนี้ อีกทั้งคนที่ซื้อปลาของเขากลับเป็นหลี่ซื่อที่ขับไล่เขา“น้องชาย” หลิวต้าชุ่ยหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสามเหวิน “ปลาของเจ้าข้าก็ไม่อาจเอามาโดยไม่จ่ายเงิน นี่เงิน!”เฉินฝานโบกมือติดต่อกัน “พี่หลิว ข้าบอกแล้วว่าให้ท่าน!”เมื่อหลิวต้าชุ่ยได้ฟัง เขาก็ไม่สบอารมณ์ “เจ้าพูดอะไรเนี่ย ข้าหลิวต้าชุ่ยไม่ใช่คนกินแล้วไม่จ่ายเงิน เจ้ารับเงินไว้ เงินสามเหวินข้าหลิวต้าชุ่ยคนนี้จ่ายไหว”หลี่ซื่อให้แล้ว เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร“เช่นนั้น...ขอบคุณพี่หลิวมากขอรับ”เฉินฝานจำต้องรับเงินของหลิวต้าชุ่ย“อร่อยจริงๆ พวกเจ้าก็ชิมดู!”จ่ายเงินเฉินฝานเสร็จ หลิวต้าชุ่ยนำเนื้อปลาเผาที่แยกเป็นชิ้นๆจากมือเฉินฝานยื่นไปตรงหน้าฝู
ยุคสมัยนี้ไม่มีการเชื่อมเหล็ก ไม่อาจทำเตาเผาเหมือนยุคปัจจุบันได้อย่างแน่นอน แต่ว่าน่าจะทำตะแกรงเหล็กได้กระมังเฉินฝานถามว่าจ่ายค่ามัดจำก่อนสิบเหวินได้หรือไม่เงินที่หาในวันนี้ ไม่พอซื้อตะแกรงเหล็กแน่นอน อีกทั้งไม่ได้เห็นสินค้า แม้จะมีเงินมากพอ เฉินฝานก็ไม่อยากจ่ายหมดในครั้งเดียวยุคสมัยนี้ ยังไม่มีแนวคิดเรื่องการจ่ายค่ามัดจำ แต่เถ้าแก่ตอบตกลงทันทีล้วนเป็นคนทำการค้า ปลาเผาของเฉินฝานขายดีในตลาด เถ้าแก่ได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าแล้วอีกทั้งเขาก็ซื้อแล้ว ปลาเผาของเฉินฝานอร่อยจริงๆ ตัวเขาเองก็ดูเป็นคนซื่อตรง เขาไม่กลัวว่าเฉินฝานจะไม่จ่ายเงินตอนเฉินฝานกลับมาจากร้านขายเหล็ก พบว่าสองพี่น้องเก็บทุกอย่างเสร็จแล้ว เวลานี้กำลังนั่งกระซิบกระซาบคุยกันเห็นเฉินฝานกลับมา รีบหยุดทันที ลุกขึ้นต้อนรับเฉินฝาน“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!”“อื้ม เมื่อครู่ข้าเห็นพวกเจ้าพูดคุยกันอย่างมีความสุข กำลังคุยอะไร?”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์โหรววิ่งไปตรงหน้าเฉินฝาน หลังจากมองซ้ายมองขวาพูดกระซิบเสียงเบา “นายท่านเจ้าคะ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้เราได้เงินเท่าไหร่?”“เท่าไหร่?”ในตอนหลังมีลูกค้าให้ราคาปลาเผาเพิ่ม ฉินเ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ