ออกมาจากร้านขายเหล็ก เฉินฝานไปซื้อถ่านหนึ่งถุงที่ร้านขายฟืนหลังจากนั้นไปร้านขายยาซื้อยี่หราและพริกไทยสองเหลียง ยี่หราและพริกไทยต้องร้องขอให้เด็กในร้านขายยาบดเป็นผง ยุคสมัยนี้ยังไม่มีพริก น่าเสียดายเล็กน้อยของทั้งหมดที่ซื้อเก้าสิบเหวินวันนี้แม้จะขายปลาทั้งหมดได้ เมื่อนำไปหักลบต้นทุน ได้กำไรเพียงเล็กน้อย แต่ค้าขายวันแรก ไม่ขาดทุนก็ถือว่ากำไรแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องซื้อเหล็กแท่ง ก็ดีแล้วเงินเก้าสิบเหวินที่ซื้อเมื่อครู่ มีเจ็ดสิบเหวินมาจากค่าเหล็กสองแท่งกลับถึงตลาด ฟ้าสว่างจ้าแล้วมีค่ามาเก็บค่าแผงลอย แผงลอยเล็กๆ อย่างของเฉินฝานต้องจ่ายสองเหวินแม้แต่ผู้แข็งแกร่งก็ยากจะเอาชนะเจ้าถิ่นได้ ค้าขายวันแรก เฉินฝานไม่อยากให้มีปัญหาตลาดเริ่มครึกครื้นแล้วเช่นเดียวกัน เฉินฝานนำฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวตั้งแผงลอยเฉินฝานตั้งเตาเผา เผาถ่านฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวนำหญ้าเซียนนู๋ไปถูท้องปลาเตาเผาไม่ใหญ่นัก ครั้งหนึ่งเผาปลาได้แค่สามตัวสองสามีภรรยาที่ขายขนมเปี๊ยะข้างๆ ขายของในตลาดมานานหลายสิบปี ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน“พ่อหนุ่ม เจ้าขายปลาหรือ?” ชายชราอดไม่ได้ที่จะถาม“ขอรับ ขายปลา
ปลาบนเตาเผา หนังปลาด้านนอกเริ่มเหลืองแล้ว เฉินฝานทาน้ำมันลงบนหนังปลาไม่ต้องทาเยอะ ตัวปลาก็มีไขมัน โดยเฉพาะส่วนท้องของปลาปลาเผาที่ทาน้ำมันแล้ว กลิ่นหอมอบอวลคนที่ล้อมวงดู หลังจากได้กลิ่นหอม สูดลมหายใจฟุดฟิดอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้คนที่หัวเราะเยาะ คนที่มาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สีหน้าของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปฉงนงุนงง แปลกใจ“วิธีการทำปลาแบบนี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่ข้าคิด ดูเหมือนจะอร่อยมาก”“ข้าเองก็รู้สึกว่าอร่อยมาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะขจัดกลิ่นคาวของปลาได้”“ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ดมแล้วก็หอมมาก ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”เมื่อพูดถึงรสชาติ ผู้คนดึงสติมาจากกลิ่นหอมยั่วยวน“ข้าเคยกินปลา ไม่อร่อยจริงๆ!”“ข้าเองก็เคยกิน ไม่ใช่แค่ไม่อร่อย ก้างก็เยอะ”“พูดถึงก้าง ก้างปลาเคยติดคอข้าด้วย ปวดไปตั้งหลายวัน”“ข้าเองก็เคยเหมือนกัน ให้กินโดยไม่เสียสักแดงข้าก็ไม่กิน”ประสบการณ์ที่เจ็บปวด ทำให้ผู้คนเริ่มหมดความสนใจปลาเผาของเฉินฝาน มีคนเริ่มเดินออกไปหนังปลาเหลืองอร่ามงดงาม ใกล้จะสุกแล้ว เฉินฝานเร่งมือ โรยผงพริกไทยและผงยี่หราลงบนปลาที่อยู่บนเตาเผาผงพริกไทย ผงยี่หรา น้ำมัน ปลา มาเจ
“อร่อยจริงๆ พวกเจ้าลองดูสิ!”“ลองดูสิ ลองกันให้หมด!”“หากไม่อร่อย ข้าหลิวต้าชุ่ยวันนี้จะเปลี่ยนชื่อเป็นหลิวเสี่ยวชุ่ยเลย!”โบราณกล่าวไว้ รับของผู้อื่นมืออ่อน กินของผู้อื่นปากหวานยิ่งไปกว่านั้นปลาเผาอร่อยจริงๆ หลิวต้าชุ่ยตะโกนขายของขึ้นมา ตั้งใจยิ่งกว่าเฉินฝาน คนไม่รู้ นึกว่าเขาเป็นคนขายปลาเผาเสียอีก“นี่ หลิวต้าชุ่ย เจ้าเป็นหน้าม้าที่พ่อหนุ่มจ้างมาหรือเปล่า? พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า?”เห็นผู้คนเริ่มหวั่นไหว อยากชิมปลาของเฉินฝาน หลี่ซื่อร้องตะโกนเสียงดังผู้คนลังเลอีกแล้ว หลี่ซื่อรีบใส่สีตีไข่ “ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ยังเป็นปลา ทุกคนล้วนมีช่วงเวลายากลำบาก ใครบ้างที่ไม่เคยถูกบังคับให้กินปลา! แค่ใส่น้ำมันไม่กี่หยด บวกกับส่วนผสมต่างๆ ก็กลายเป็นอาหารของเทพเซียนเชียวหรือ?”“คิดว่าพวกข้าเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร?”“หลี่ซื่อ”หลิวต้าชุ่ยไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกัน เขาเอาร่างอ้วนท้วมของเขา เดินไปตรงหน้าหลี่ซื่อ“อย่าคิดว่าเจ้ากับหลี่ฟาคนดูแลสถานที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เจ้าคิดอยากจะทำอะไรในตลาดนี้ก็ได้ ข้าหลิวต้าชุ่ยคนนี้ไม่กลัวเจ้า”แม้หลิวต้าชุ่ยกับหลี่ซื่อไม่ได้อยู่หมู่บ้านเดีย
ตัวละสามเหวิน เหตุใด...”เฉินฝานยังพูดไม่จบ หลี่ซื่อโยนเงินสี่เหวินที่เมื่อครู่เฉินฝานให้เขากลับมา เฉินฝานรับไว้ตามสัญชาตญาณ“ข้าเอาหนึ่งตัว หนึ่งเหวินที่เกินมานี้ ไม่ต้องทอนแล้ว!”“ขอรับ ขอบคุณพี่หลี่!”ไม่ทอนก็ไม่ทอน คนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างหลี่ซื่อ หากทอนให้เขาจริงๆ เขาคงอึดอัด“เย่ว์โหรว ยืนนิ่งอยู่ทำไม ห่อให้พี่หลี่หนึ่งตัว”เฉินฝานเองก็คิดไม่ถึง การค้าขายแรกของเขาจะสำเร็จด้วยรูปแบบนี้ อีกทั้งคนที่ซื้อปลาของเขากลับเป็นหลี่ซื่อที่ขับไล่เขา“น้องชาย” หลิวต้าชุ่ยหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสามเหวิน “ปลาของเจ้าข้าก็ไม่อาจเอามาโดยไม่จ่ายเงิน นี่เงิน!”เฉินฝานโบกมือติดต่อกัน “พี่หลิว ข้าบอกแล้วว่าให้ท่าน!”เมื่อหลิวต้าชุ่ยได้ฟัง เขาก็ไม่สบอารมณ์ “เจ้าพูดอะไรเนี่ย ข้าหลิวต้าชุ่ยไม่ใช่คนกินแล้วไม่จ่ายเงิน เจ้ารับเงินไว้ เงินสามเหวินข้าหลิวต้าชุ่ยคนนี้จ่ายไหว”หลี่ซื่อให้แล้ว เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร“เช่นนั้น...ขอบคุณพี่หลิวมากขอรับ”เฉินฝานจำต้องรับเงินของหลิวต้าชุ่ย“อร่อยจริงๆ พวกเจ้าก็ชิมดู!”จ่ายเงินเฉินฝานเสร็จ หลิวต้าชุ่ยนำเนื้อปลาเผาที่แยกเป็นชิ้นๆจากมือเฉินฝานยื่นไปตรงหน้าฝู
ยุคสมัยนี้ไม่มีการเชื่อมเหล็ก ไม่อาจทำเตาเผาเหมือนยุคปัจจุบันได้อย่างแน่นอน แต่ว่าน่าจะทำตะแกรงเหล็กได้กระมังเฉินฝานถามว่าจ่ายค่ามัดจำก่อนสิบเหวินได้หรือไม่เงินที่หาในวันนี้ ไม่พอซื้อตะแกรงเหล็กแน่นอน อีกทั้งไม่ได้เห็นสินค้า แม้จะมีเงินมากพอ เฉินฝานก็ไม่อยากจ่ายหมดในครั้งเดียวยุคสมัยนี้ ยังไม่มีแนวคิดเรื่องการจ่ายค่ามัดจำ แต่เถ้าแก่ตอบตกลงทันทีล้วนเป็นคนทำการค้า ปลาเผาของเฉินฝานขายดีในตลาด เถ้าแก่ได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าแล้วอีกทั้งเขาก็ซื้อแล้ว ปลาเผาของเฉินฝานอร่อยจริงๆ ตัวเขาเองก็ดูเป็นคนซื่อตรง เขาไม่กลัวว่าเฉินฝานจะไม่จ่ายเงินตอนเฉินฝานกลับมาจากร้านขายเหล็ก พบว่าสองพี่น้องเก็บทุกอย่างเสร็จแล้ว เวลานี้กำลังนั่งกระซิบกระซาบคุยกันเห็นเฉินฝานกลับมา รีบหยุดทันที ลุกขึ้นต้อนรับเฉินฝาน“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!”“อื้ม เมื่อครู่ข้าเห็นพวกเจ้าพูดคุยกันอย่างมีความสุข กำลังคุยอะไร?”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์โหรววิ่งไปตรงหน้าเฉินฝาน หลังจากมองซ้ายมองขวาพูดกระซิบเสียงเบา “นายท่านเจ้าคะ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้เราได้เงินเท่าไหร่?”“เท่าไหร่?”ในตอนหลังมีลูกค้าให้ราคาปลาเผาเพิ่ม ฉินเ
งานในฤดูเหมันต์น้อยจริงๆ หลี่เจิ้งว่างแล้ว นับประสาอะไรกับผู้ช่วยอย่างเฉินเจียงตั้งแต่เมื่อวาน จวบจนเข้าสู่ฤดูวสันต์ หลี่เจิ้งบอกให้เฉินเจียงไม่ต้องไปทำงานแล้ว ให้เขาไปตั้งใจเรียนในสถานศึกษา เตรียมความพร้อมสำหรับการสอบระดับท้องถิ่นสอบระดับท้องถิ่นผ่านจึงจะสามารถสอบระดับซิ่วไฉได้ การสอบระดับท้องถิ่นไม่จำกัดอายุความจริงเฉินเจียงอายุไม่มากคนสมัยโบราณแต่งงานเร็ว เฉินเจียงและเฉินฝานเกิดปีเดียวกัน ปีนี้ทั้งสองเพิ่งอายุสิบเก้าวันนี้ได้รับเบี้ยหวัด หลี่เจิ้งนำเบี้ยหวัดและเงินขวัญถุงที่เขาได้ลูกชายไปให้เฉินเจียงที่หมู่บ้านซานเหอเป็นพิเศษ ตอนเขาออกมากลับถูกภรรยาหัวเราะเยาะ “ท่านหลี่เจิ้งนำเบี้ยหวัดและเงินไปให้ผู้ช่วยด้วยตนเอง ไม่รู้สึกขายหน้าหรือเจ้าคะ?”หลี่เจิ้งตำหนิทันที “เจ้าเป็นแค่สตรีในเรือน จะเข้าใจอะไร ปกติเจ้าชอบออกไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านไม่ใช่หรือ หรือเจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่นักพรตวัดซานชิงกวนพูด”“ได้ยินสิ บอกว่าตระกูลเฉินฟู่หมู่บ้านซานเหอ ในสิบปีจะมีขุนนางใหญ่ที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊ปรากฎตัว” ฮูหยินหลี่เจิ้งพูดอย่างไม่ใส่ใจ“รู้แล้วเจ้ายังจะพูดมากอีก!”“แต่นักพรกไม่ได้บอกว
ฉินเย่ว์โหรวก้มหน้าลง ท่าทีอ่อนน้อมเฉินฝานเห็นเช่นนั้น เปลวไฟแห่งความโมโหภายในจิตใจปะทุขึ้นมาสตรีคนนี้เป็นใคร? เหตุใดวิ่งแจ้นมาเอะอะโวยวายที่เรือนของเขา“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว!”เห็นเฉินฝานเปิดประตูเข้ามา ฉินเย่ว์โหรวคล้ายได้รับการช่วยเหลือนางวิ่งไปหาเฉินฝานสตรีเชิดหน้าแสนโอหังคนนั้นเป็นใคร ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ด้านหลังของเขาพูดก่อนที่เขาจะถาม“อาสะใภ้หง!”“หึ!” จ้าวเสี่ยวหงทำเสียงฮึดฮัด วางมาดยิ่งใหญ่ไม่คลอดลูกชาย จ้าวเสี่ยวหงถูกจางเหลียนฮวารังแกเป็นเวลานาน จ้าวเสี่ยวหงที่ถูกรังแกมักจะใช้ฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์เจียวเป็นที่รองรับอารมณ์เพราะเจ้าของร่างเดิมไม่เอาถ่าน ตำแหน่งของเขาในตระกูลเฉินจึงต่ำต้อย แม้จ้าวเสี่ยวหงและจางเหลียนฮวาจะรังแกสองพี่น้องตระกูลฉินมาโดยตลอด เจ้าของร่างเดิมก็ทำเป็นมองไม่เห็นหากสองพี่น้องตระกูลฉินบ่น คร่ำครวญไม่กี่ประโยค เจ้าของร่างเดิมยังทุบตีพวกนาง ให้พวกนางเชื่อฟังคำสั่งสอนของอาสะใภ้อาสะใภ้?เฉินฝานควานหาความทรงจำเกี่ยวกับจ้าวเสี่ยวหงในความคิด จ้าวเสี่ยวหงพูดอีก “ตอนกลางคืนมากินข้าวที่เรือนข้า พวกเจ้า...”สายตาของจ้าวเสี่ยวหงมองไปยังตะกร้าท
“ครอบครัวเฉินฝาน มาถึงแล้ว มัยยืนนิ่งอยู่ข้างผู้ชายทำไม รีบไปช่วยงานในครัวเร็วเข้า!”สตรีคนหนึ่ง ตะคอกใส่ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวคนๆ นี้คือนางโจวย่าของเฉินฝาน“เจ้าค่ะ ท่านย่า หลานสะใภ้ไปช่วยงานเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวรีบไปจากเฉินฝาน มุ่งหน้าไปที่ครัวเฉินฝานไม่ห้าม ยุคสมัยนี้ คำพูดของผู้อาวุโสยิ่งใหญ่เหนือสวรรค์ สลึกลึกอยู่ในใจของทุกคน สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาที่เพิ่งมาถึง ทำตัวกลืนกับทุกคนก่อนหลังจากพวกภรรยาไป เฉินฝานสังเกตย่าของตนหน้าตาประมาณห้าสิบกว่า หน้าผาก หางตา ล้วนมีริ้วรอยที่เกิดจากกาลเวลา มือทั้งสองข้างมีร่องรอยการทำงานหนักสมัยสาวๆ แต่ว่าแต่งเนื้อแต่งตัวได้สะอาดสะอ้านสวมเสื้อและโปรงโทนสีเทาเป็นหลัก คอเสื้อปักลายด้วยสีเหลือง บนผม ปักปิ่นทองคำหนึ่งอันด้วยดูออกว่า นางโจวให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงในวันนี้มากในฐานะชาวนาคนหนึ่ง นี่คือทรงผมที่ดีที่สุดเท่าที่นางทำได้แล้วคนโบราณอายุสั้น อายุสิบกว่าก็แต่งงานแล้ว นางโจวอายุห้าสิบกว่าก็ได้เป็นย่าถือเป็นเรื่องปกติเฉินเจียงเป็นลูกหลงของเฉินฟู่และนางโจว อายุเท่าเฉินฝานทั้งสองอายุสิบเก้าเฉินเ
เถียนเสี่ยวอวี่ก็พยักหน้าเช่นกัน “ถูกต้องแล้ว ปกติแล้วประตูบานนั้นจะไม่เปิดออก และยังล็อกกลอนไว้ด้วย จู่ ๆก็บังเอิญ...” เถียนเสี่ยวอวี่หยุดพูดทันที สีหน้าค่อย ๆ มืดมนลง“หรือว่าคนจงใจเปิดออกงั้นรึ? มีคนที่ไม่อยากเจ้าอาวาสพูดต่อ ดูแล้ว อาของคงจิ้งจะต้องทำเรื่องหายนะอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่”“เสี่ยวอวี่!” เฉินฝานหยุดชะงักฝีเท้าทันที สีหน้าเคร่งเครียด “สวี่ซื่อเจี๋ยเป็นผู้ว่าการมณฑลเมืองหรงตู เป็นขุนนางขั้นหกระดับสูงในราชสำนัก เรื่องนี้จะคาดเดาส่งเดชไม่ได้”“ใต้เท้า ข้า...”“พอเถอะ ช่างเรื่องนี้ก่อน”เฉินฝานพูดตัดบทเถียนเสี่ยวอวี่อย่างไม่เกรงใจหลิงอวี้ไม่ให้เถียนเสี่ยวอวี่รู้เรื่องของสวี่ซื่อเจี๋ย ก็เพื่อที่จะปกป้องนางเรื่องบางเรื่อง ไม่รู้จึงปลอดภัยที่สุดเฉินฝานอยากรักษาความพยายามที่หวังดีของหลิงอวี้ให้คงอยู่ต่อไปไม่ว่าสวี่ซื่อเจี๋ยจะทำเรื่องอันใด จะเกี่ยวข้องกับเถียนเสี่ยวอวี่หรือไม่ เฉินฝานก็ไม่ยอมให้นางเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ดี“ชิงหนิง พานางกลับเรือนไปพักผ่อนเถอะ”“เจ้าค่ะ!”ชิงหนิงรีบหิ้วตัวเถียนเสี่ยวอวี่ที่ไม่ยอมกลับจากไปทันที นางคิดเหมือนกับเฉินฝานคือ ไม่อยากให้เถียนเสี่
“มีเรื่องอันใดซื่อไท่พูดออกมาตรง ๆ เถิด แก้ปัญหาทุกเรื่องเพื่อราษฎรเพื่อขุนนางอย่างถูกทำนองคลองธรรม ไม่จำเป็นต้องขอร้อง”ได้ยินเฉินฝานพูดเช่นนี้ หลิงอวี้ยืนตัวแข็งทื่อน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจากตาของนางคำพูดของเฉินฝาน นางไม่เคยได้ยินผู้ใดพูดเช่นนี้มานานแล้วใช่แล้ว เดิมทีก็ควรจะเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว แก้ปัญหาทุกเรื่องเพื่อราษฎรเพื่อขุนนางอย่างถูกทำนองคลองธรรมทว่า ขุนนางส่วนใหญ่ของต้าชิ่งลืมคำพูดนี้ไปนานแล้ว หลายปีผ่านมานี้เสิ่นหมิงหยวนขุนนางกังฉินกุมอำนาจ ขุนนางต้าชิ่งส่วนใหญ่คิดเพียงว่าจะใช้อำนาจรังแกประชาชนอย่างไรเท่านั้น“ใต้เท้า ท่านโปรดจัดการผู้ว่าการมณฑลสวี่ซื่อเจี๋ยด้วยตนเองนะเจ้าค่ะ เขาเป็นคนที่...”“แค่ก ๆ ๆ ๆ”เฉินฝานไออย่างรุนแรงทันที จู่ ๆ ประตูฝั่งตะวันตกของพระตำหนักก็ถูกลมพัดจนเปิดออก ลมพัดโชยควันธูปมาปะทะหน้าเฉินฝานและหลิงอวี้ขนาดเฉินฝานยังทนไม่ไหว นับประสาอันใดกับหลิงอวี้ที่ป่วยหนัก“แค่ก...”หลังจากที่ไอออกมาอย่างรุนแรง หลิงอวี้ก็รู้ตัวว่าอ่อนแอลงอย่างมาก“แม่นางหวง เจ้ายังมียาอายุวัฒนะอีกหรือไม่” เฉินฝานตะโกนไปด้านนอกตำหนักด้วยน้ำเสียงรีบร้อน เขารู้อยู่แล้วห
เฉินฝานโบกมือ “เอาล่ะ คารวะเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าทั้งหมดจงกลับไปเถอะ”กลุ่มคนโหวกเหวกโวยวาย เฉินฝานไม่ชอบเสียงดังหากไม่ใช่เพราะเถียนเสี่ยวอวี่ เขาคงจะไม่ให้คนเหล่านี้รู้ว่าเขามาที่แห่งนี้มีผู้พิทักษ์สองสามคนติดตามเฉินฝานมาโดยตลอด พวกเขาคือทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งจากฉินเย่ว์เหมยให้มาปกป้องเฉินฝานอย่างลับ ๆก่อนรุ่งสาง เขาเรียกผู้พิทักษ์คนหนึ่งออกมา ให้เขาไปป่าวประกาศเส้นทางของตนเองในเมืองหรงตูเฉินฝานคะเนไว้ว่าขุนนางกลุ่มนั้นคงจะมาอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะมาเร็วปานนี้“ใต้เท้า พักที่สำนักชีคงไม่สะดวกนัก ท่านตามข้าน้อยกลับไปพักในเมืองหรงตูจะดีกว่าขอรับ”จางหย่งเชาและขุนนางเมืองหรงตูคนอื่น สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์และไม่ยินยอม ในกลุ่มขุนนางเหล่านี้นอกจากจางหย่งเชาที่มาจากเมืองหลวงแล้ว คนอื่นล้วนไม่เคยออกจากเมืองหรงตูไม่ใช่เรื่องง่ายที่ท่านอัครเสนาบดีมาเยือน พวกเขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะโผล่หน้ามาให้เฉินฝานเห็น เพื่อเพิ่มโอกาสเลื่อนตำแหน่งของตนเองแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี“ถูกต้องแล้ว ใต้เท้าจางพูดถูก ท่านอัครเสนาบดีท่านกลับเมืองหรงตูไปกับพวกเราเถอะ”“ปกติท่านทำ
จางหย่งเชาเจ้าเมืองหรงตูพุ่งตัววิ่งด้วยความเร็วดั่งวิ่งแข่งร้อยเมตรมาเฉินฝาน ด้านหลังเขามีขุนนางเมืองหรงตูกลุ่มหนึ่งตามมาด้วยขุนนางเมืองหรงตูกลุ่มนี้เป็นขุนนางที่เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่หลังจากที่เฉินฝานไปเมืองหลวงแล้ว เฉินฝานรู้จักเพียงจางหย่งเชา เขารู้จักจางหย่งเชาเพราะก่อนที่ออกจากเมืองหลวงมาไม่นาน ฉินเย่ว์เหมยรับสั่งให้เขามาทำภารกิจที่เมืองหรงตูจึงเคยเห็นเขาคนที่ตามหลังจางหย่งเชามาติด ๆคือ ผู้ว่าการมณฑลเมืองหรงตู สวี่ซื่อเจี๋ย เพียงครู่เดียวคงจิ้งก็สามารถมองเห็นอาตนเองได้ นางรีบรุดหน้าเข้าไปหาทันที“ท่านอา!”เห็นคงจิ้งวิ่งมาเช่นนี้ สวี่ซื่อเจี๋ยเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหน้าผาก นางตาบอดหรือกระไร? ต่อให้นางไม่รู้จักเฉินฝาน เช่นนั้นนางไม่เห็นจางหย่งเชารึ?เขาร้อนรนใจดั่งไฟสุมอกดึงคงจิ้งลงมาด้านข้าง ในขณะเดียวกันก็ตวาดลั่นไปด้วย “มาทางนี้!”คงจิ้งสีหน้างงงันทันที ผ่านไปครู่เดียวก็วิ่งออกมาอีกแล้ว“ท่านอา คนผู้นั้น!” คงจิ้งยกมือชี้นิ้วออกไป “ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด บอกว่าตนเองเป็นสามัญชนมาก่อความวุ่นวายที่สำนักชีชิงเมี่ยว ทำร้ายร่างกายเหล่าแม่ชีในสำนัก หลานก็ถูกทำร้ายเช่นกัน ท่านดูสิ...
“ใต้เท้า ท่านสบายดีหรือไม่?” หลูเฉิงกวงถูมือด้วยความตื่นเต้นอยู่นาน จึงพูดประโยคนี้ออกมาอย่างทุลักทุเล“ข้าสบายดี!” เมื่อเจอคนสนิท เฉินฝานก็ยินดีมากเช่นกันหลิงอวี้พากลุ่มแม่ชีสำนักชีชิงเมี่ยวมาคุกเข่าต่อหน้าเหล่าขุนนางเมืองหรงตูเฉินฝานเดิมอ้อมมา คนด้านข้างจึงยังไม่มีผู้ใดเห็นเขา“พี่หญิงใหญ่ ท่านดูสิ” ชิงผิงตาดี เพียงครู่เดียวก็สังเกตเห็นได้ว่าหลูเฉิงกวงวิ่งมาด้านหน้าเฉินฝานคงจิ้งมองตาม นางขมวดคิ้ว “นั้นคือนายกองหลูเฉิงกวงไม่ใช่รึ?”“คิดว่าใช่นะเจ้าคะ พี่หญิงใหญ่ นายกองเคารพนอบน้อมให้ชายผู้นั้นตลอด ชายผู้นั้นคงจะไม่ใช่สามัญชนแล้วกระมัง?”เมื่อฟังคำพูดของชิงผิงแล้ว ใจของคงจิ้งตึงเครียดทันทีชายผู้นี้ที่เถียนเสี่ยวอวี่พามา เป็นเสนาบดีใหญ่จริงหรือ?ทางเฉินฝาน“ใต้เท้า ข้าจะรายงานท่านเจ้าเมืองจางให้ทราบว่าท่านอยู่ที่นี้” หลูเฉิงกวงกำลังจะไปแจ้งข่าวเจ้าเมืองหรงตูด้วยความยินดี“ตอนนี้ยังไม่ต้อง!” เฉินฝานโบกมือ เขารีบก้าวเท้าฉับเดินไปทางมุมซ้ายของพระอุโบสถมีคนที่เขาอยากเจออย่างมากอยู่ที่นั่น“พี่ฝาน”เป็นต้ายาและสามีของนางโจวถง“ท่านพี่ เร็วเข้าสิ รีบมาคารวะใต้เท้า” ต้ายาท
“เจ้าอาวาส เหล่าท่านผู้ว่าการมณฑลมาเจ้าค่ะ” คงจิ้งตอบกลับหลิงอวี้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภูไม่ใจและหยิ่งผยอง“ท่านผู้ว่าการมณฑลมางั้นรึ?” หลิงอวี้ตกตะลึงทันที ความหดหู่และความรังเกียจเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะจากนั้นก็จางหายไป ฝีเท้าที่เร่งรีบเมื่อครู่จึงเริ่มผ่อนความเร็วลงหลิงอวี้ไม่ชอบผู้ว่าการมณฑลคนนี้อย่างมาก คงจิ้งอาศัยการที่อาของนางเป็นผู้ว่าการมณฑล มาโอ้อวดอำนาจตัวเองที่สำนักชี ทำให้บรรยากาศในสำนักชีชิงเมี่ยวอึมครึมยิ่งนักหลิงอวี้ป่วยหนักไร้ทางรักษาอยู่ก่อนแล้ว นางพยายามยื้อชีวิตไว้ เพราะไม่อยากให้ตัวเองจากไปเร็วนัก ไม่อยากให้สำนักชีชิงเมี่ยวตกไปเป็นของคงจิ้งเช่นนี้หลิงอวี้คิดว่าเรื่องที่ตนเองทำผิดมหันต์ที่สุดในชีวิตนี้คือการให้คงจิ้งเข้ามาในสำนักชีชิงเมี่ยวคงจิ้งหน้าตาสะสวย ภูไม่หลังครอบครัวดี กลับไม่มีผู้ใดมาสู่ขอ แม่ของนางกลับส่งนางมาที่สำนักชีชิงเมี่ยว แต่ไม่ได้ให้อยากให้คงจิ้งถือศีลกินเจแต่อย่างใด เป้าหมายที่แท้จริงคือ...เมื่อคิดถึงกลุ่มคนวิปริตเหล่านั้น แววตาที่เมตตาอ่อนโยนทอประกาย พลันปรากฏความเดือดดาลทันทีเพื่อจะเติมเต็มความต้องการที่เพิ่มขึ้นทุกวันไม่มีสิ้นสุดขอ
“ช่างเป็นพวกที่ชอบรนหาที่ตายเสียจริง!” เสียงเดือดดาลดังขึ้น ชิงหนิงผ่อนฝีเท้าลงเล็กน้อย นางทะยานตัวบินไปด้านนอกบ้าน ฝูงชนไม่ทันมีการตอบสนองใด นางก็บินกลับมาแล้ว ตอนที่กลับมา นางก็ถือแส้หนังหนึ่งเส้นมาด้วยชิงหนิงยกมือขึ้นสะบัดแส้หนังออกไป“เพียะ!”เสียงกังวานดังขึ้นจากพื้นที่ถูกแส้หนังฟาดลงไป“อ้าก!”คงจิ้งส่งเสียงแล้วจึงล้มลงไป นางจับหน้าตนเองกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด“โถ่เว้ย...”คงจิ้งยังคิดที่จะออกคำสั่งให้แม่ชีเหล่านั้นใช้กำลังบีบบังคับชิงหนิง ปรากฏว่านางเพิ่งจะปริปาก ก็มีเสียงฟาดแส้หนังลงมาอีกหลายครั้ง“อ้าก ๆ ๆ ๆ!”แม่ชีสิบกว่าคนส่งเสียงแล้วจึงล้มลงไป พวกนางล้มลงกลิ้งตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดอยู่ข้าง ๆ คงจิ้ง ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่า วรยุทธ์ของชิงหนิงไม่ธรรมดาหลังจากที่โกนหัวบวชชีแล้ว ชิงหนิงก็เชื่อฟังคำพูดเถียนเสี่ยวอวี่มาโดยตลอด ละทิ้งอาวุธ ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน ละทิ้งความแค้น ตั้งใจศึกษาพระธรรมด้วยจิตใจแน่วแน่หากไม่ใช่เพราะคงจิ้งยั่วโมโหเช่นนี้ ทั้งชีวิตนี้ชิงหนิงคงไม่คิดจะแตะต้องแส้หนังของนางอีก“ชิงหยวน เจ้าจงรีบไปในเมืองเดี๋ยวนี้ ไปบอกท่านอาข้า
เฉินฝานสีหน้าถมึงทึงทันที ปกติแล้วหากเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาย่อมไม่ถือสา ทว่าทำให้เสบียงอาหารได้รับเสียหาย เช่นนั้นก็...“เพียะๆ!”เฉินฝานกำลังเตรียมจะยกเท้าถีบออกไป ก็มีเสียงดังกังวานสองครั้งดังขึ้น“เจ้าคนไร้ประโยชน์!”ตามมาด้วยเสียงเดือดดาลของชิงหนิง ชิงผิงล้มลงต่อหน้านางด้วยความเร็วประดุจแสง“โอ๊ย!” ชิงผิงที่ล้มลงไปอย่างรุนแรง โอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันที“ชิงหนิง!” ชิงผิงลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ชี้นิ้วกัดฟันกรอดด่าทอชิงหนิง “เจ้ากล้าเตะข้ารึ ข้าจะไปฟ้องศิษย์พี่หญิงของเจ้า”ชิงหนิงกวาดสายตามองชิงผิง “ไปสิ เจ้าให้คงจิ้งมาด้วย ข้าจะได้จัดการพร้อมกันทีเดียว!”ชิงผิงตวาดด้วยความโมโห “เจ้ากล้างั้นรึ?”ชิงหนิงยกยิ้มมุมปาก “ไฉนข้าจะไม่กล้า? เจ้าไม่กล้าไปเรียกเองล่ะสิ หรือจะบอกว่านางไม่กล้ามาดีล่ะ?”“หึ ช่างปากดียิ่งนัก อยู่กับคนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีผู้นั้น จึงกลายเป็นคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกันไปแล้ว”คงจิ้งมาพร้อมกับแม่ชีสิบกว่าคนอย่างยิ่งใหญ่อลังการตอนที่เดินผ่านชิงผิง คงจิ้งหยุดฝีเท้ากล่าวถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“พี่หญิงใหญ่ พวกเขา...” ชิงผิงมองไปที่เฉินฝานและชิงหนิง ค
“...แม่นางหวง?”เฉินฝานที่พลิกตัวลุกขึ้นมานั่ง มองไปยังข้างเตียงที่ว่างเปล่าไม่มีใครสักคนอย่างตะลึงงันถ้าไม่ใช่เพราะม่านประตูส่ายไหว เฉินฝานยังนึกว่าเมื่อครู่นี้เขาตาฝาดไปเฉินฝานเหลือบมองม่านประตูที่สั่นไหว แล้วแย้มยิ้ม “ก็แค่สาวน้อยปากแข็ง”ไม่สนนางแล้ว เฉินฝานดึงเสื้อผ้าท่อนล่างขึ้นมา แล้วล้มตัวลงไปนอนต่อนอนเร็วก็เลยตื่นเช้าฟ้าเพิ่งสว่าง เฉินฝานก็ตื่นแล้ว เมื่อเขาพลิกตัวขึ้นมา เฉินฝานรู้สึกว่าความเจ็บที่บั้นท้ายหายไปมากกว่าครึ่งแล้ว เฉินฝานพอใจมาก ยาสมุนไพรของสำนักชีชิงเมี่ยวนี้มีประสิทธิภาพมากเลย วันนี้ก็ออกเดินทางกลับเมืองหลวงเถิดหวงหวั่นเอ๋อร์รีบร้อนไปเมืองหลวง เขาเองก็รีบเช่นกันแคว้นต้าฉิ่งเป็นแคว้นที่บุรุษสูงส่งสตรีต่ำต้อยอย่างยิ่ง ยามนี้ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้หญิงอีกครั้ง ขุนนางเหล่านั้นจะต้องลอบกัดนางทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม...แววตาของเฉินฝานดูลุ่มลึกเย็นชา เขาต้องจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่จะจากไปขณะที่สวมเสื้อผ้า ก็มีเสียงคนเคาะประตูห้อง“เข้ามาสิ”“เสี่ยวอวี่เจ้ามาได้เวลาพอดี รีบมาช่วยข้าหน่อยเถิด” เฉินฝานเอ่ยกับค