Share

บทที่ 10

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?

เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถาม “เย่ว์เจียว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือว่าถ้าข้าหาบ ทางการจะมาจับกุมฉินเย่ว์โหรวหรือ”

“หึ!” ฉินเย่ว์เจียวส่งเสียงไม่พอใจ “ทำไมถึงแสร้งโง่ สมองท่านพังไปแล้วจริง ๆ หรือไร”

!!!

เฉินฝานตกตะลึง หรือจะเป็นเรื่องจริง

ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมีจำกัด เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ

ประเทศนี้มันแปลก ๆ ผู้ชายทำงานไม่ได้แล้วหรือ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายมีน้อยเพียงนี้

ในความเป็นจริง ผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งสามารถทำงานได้ แล้วก็ยังถือว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งเพื่อความสวยงามอีกด้วย

แต่ถ้าเฉินฝานเป็นฝ่ายเก็บมูลวัว ส่วนฉินเย่ว์โหรวกลับไปมือเปล่ามันคงจะผิดปกติ

ผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งมีสถานะสูงส่ง รู้สึกว่าผู้หญิงเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้ชาย หากเฉินฝานหาบ ฉินเย่ว์โหรวเดินกลับมือเปล่า เช่นนั้นนางจะต้องถูกผู้อื่นสาปส่งนับไม่ถ้วน จากนั้นอาจถูกฟ้องไปยังทางการโดยผู้ชายในหมู่บ้าน ถึงยามนั้นจะต้องมีบทลงโทษกฎหมายอาญากว่ายี่สิบข้อหา

ด้วยร่างกายปัจจุบันของฉินเย่ว์โหรว ไม่มีทางที่จะสามารถต้านทานการลงโทษเจ้าหน้าที่ได้

เฉินฝานไม่รู้อะไรเลย นอกจากกังวลว่าจะมีคนฟ้องทางการแล้ว ฉินเย่ว์โหรวยังต้องการพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าถึงแม้ขาของนางจะไม่ดี แต่ก็ยังหาบมูลวัวและทำงานได้

เมื่อเฉินฝานรู้สึกตัว พี่น้องฉินก็หาบของกลับบ้านแล้ว

“นี่ พวกเจ้ารอข้าด้วยสิ” เฉินฝานรีบหยิบพลั่วขึ้นมาแล้วเดินตามไป

เครื่องมือเหล็กเป็นของหายากในยุคนี้ จะถูกขโมยเอาได้หากไม่นำกลับไปด้วย

“นายท่าน ท่านจะทำอะไรกับมูลวัวทั้งหมดนี้กันแน่เจ้าคะ” หลังจากกลับบ้านและวางมูลวัวลง ฉินเย่ว์โหรวอดไม่ได้ที่จะถาม

"เผา!"

“เผาหรือ” มูลก็เผาได้ด้วย? ฉินเย่ว์โหรวเดินไปมารอบเตาทุกวัน แต่ไหนมาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

“เป่าอีกสิเจ้าคะ!” ฉินเย่ว์เจียวส่งเสียงหึ

“อืม” เฉินฝานยิ้มและพยักหน้า “รออีกหน่อยแล้วค่อยเป่า” การเป่าลมจะทำให้เผาไหม้ได้เร็วขึ้น

เมื่อเฉินฝานเผามูลวัวและอุ่นเตียงดินให้ร้อน สองพี่น้องฉินอ้าปากกว้างมาก การใส่ไข่ลงไปในนั้นได้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

“นายท่าน ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามูลวัวสามารถเผาได้ เมื่อเผาแล้วจะไม่มีกลิ่นเหม็น” ฉินเย่ว์โหรวมองดูมูลวัวที่ลุกไหม้เป็นสีแดงใต้เตียงดินด้วยความประหลาดใจ

“เอ่อ...” เฉินฝานไม่รู้จะอธิบายอย่างไรจริง ๆ

ถ้าเขาบอกว่าทะลุมิติมา พวกนางคงไม่เข้าใจหรือเชื่อเขาอย่างแน่นอน

“ข้าเข้าใจแล้ว นายท่าน ท่านได้พบกับเทพภูเขาตอนที่ตกลงไปในหุบเขา เทพภูเขาได้บอกท่านใช่หรือไม่” ฉินเย่ว์โหรวพูดอย่างมีความสุขจนกระโดดเล็กน้อย

ฉินเย่ว์โหรวมีนิสัยเงียบสงบและอ่อนโยน เป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตชีวาขนาดนี้ ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าได้รูปและละเอียดอ่อนของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนราวผลท้อที่เพิ่งสุก

“เอ่อ...” เฉินฝานแตะหัวแล้วยิ้ม “ใช่ ใช่ ข้าได้พบกับเทพภูเขาแล้ว”

ฉินเย่ว์โหรวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเฉินฝานแล้วก้มหน้าลงทันที

นายท่านไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้นางเลย

ยามที่เขายิ้มนั้นดูหล่อเหลาเล็กน้อย

ในช่วงบ่ายหลังจากขับไล่จูต้าอันออกไป เฉินฝานก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาดูมีพลังมากขึ้นจริง ๆ

ฉินเย่ว์เจียวซึ่งยืนอยู่ข้างกัน มองการสนทนาระหว่างเฉินฝานและฉินเย่ว์โหรว แม้ว่าการแสดงออกของนางจะเบาลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังเย็นชาอยู่

นางไม่ได้มีนิสัยเหมือนฉินเย่ว์โหรว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่นางแต่งให้ชายคนนี้ เขาก็ขี้เกียจและต่ำช้ามาตลอด ตอนนี้แค่หกล้มไป จู่ ๆ เขาจะดีขึ้นได้หรือ

นางไม่เชื่อเลยสักนิด

ถ้าตอนนี้เขากล้าขายน้องสี่ นางจะยิงเขาตายด้วยธนูดอกเดียวอย่างแน่นอน

เฉินฝานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงการจ้องมองราวกริชของฉินเย่ว์เจียว

หลังจากที่เขาทะลุมิติมา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการชีวิตของเขาตลอดเวลา

การทะลุมิติของเขาไม่ใช่เรื่องปกติเลย

อุณหภูมิในตอนกลางคืนต่ำกว่าตอนกลางวันมาก เฉินฝานนั่งลงแล้วรีบเติมมูลวัวลงในเตาเตียง เขาต้องการให้เตียงร้อนขึ้น แล้วค่อยไปเก็บมูลวัวต่อ

“เอาล่ะ ไฟแรงพอแล้ว” เฉินฝานปรบมือและลุกขึ้นยืน

"หึหึ!"

ทันทีที่เฉินฝานยืนขึ้น ฉินเย่ว์โหรวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะครั้นเห็นใบหน้าของเขา

“น้องสี่!” ฉินเย่ว์เจียวรีบคว้าฉินเย่ว์โหรว

“นายท่าน ข้าขอโทษ ข้าประพฤติตัวไม่เหมาะสม!” ฉินเย่ว์โหรวรีบก้มศีรษะลง

“นายท่าน น้องสี่ไม่ได้ตั้งใจ อย่าลงโทษนางเลย”

ฉินเย่ว์เจียวก็ก้มศีรษะลงเช่นกัน และร่างของสองพี่น้องก็สั่นเทาเล็กน้อย

“นี่ พวกเจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าจะไม่ตีจริง ๆ …” เฉินฝานหยุดชะงัก ทำไมเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขาถึงตัวสั่นแตกต่างจากปกติ ดูเหมือนไม่ได้กลัวเขานะ แต่เหมือน...

ทันใดนั้นเฉินฝานก็ย่อตัวลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นเพื่อมองใบหน้าของพี่น้องฉิน

พวกนางกำลัง—— กลั้นหัวเราะ!

พวกนางกำลังหัวเราะ...

เฉินฝานเผลอยกมือเช็ดใบหน้า เป็นตามที่เขาคิด มือของเขาเป็นสีดำ

เมื่อครู่เขารีบร้อนในการเติมเชื้อเพลิงอย่างใจจดจ่อ คงเผลอลูบมัน และตอนนี้ใบหน้าของเขาคงเละเทะมาก

“ที่แท้พวกเจ้าก็…” เฉินฝานเปลี่ยนน้ำเสียง “ข้าว่าถ้าไม่ทุบตีเจ้าสักวัน ก็ไม่รู้ว่าจะก่อปัญหาอะไรสินะ”

น้ำเสียงเยียบเย็นของเฉินฝาน ทำให้พี่น้องฉินตกใจ การปฏิบัติอย่างอ่อนโยนของเฉินฝานตลอดทั้งวันทำให้พวกนางผ่อนคลายมากจริง ๆ ครั้นเห็นเฉินฝานมีรอยเปื้อนขี้เถ้าทั่วใบหน้า สองพี่น้องก็อดหัวเราะไม่ได้

ขณะที่พูด เฉินฝานก็ยื่นมือออกไปหาสองพี่น้อง

“ข้าหัวเราะเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับน้องสี่” ฉินเย่ว์เจียวก้าวไปข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงหน้าฉินเย่ว์โหรว

“ข้าไม่สนใจว่าเป็นใครในพวกเจ้า หัวเราะเยาะข้าก็จะต้องถูกลงโทษ!” เฉินฝานยกมือขึ้นและฟาดลงบนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียว

ฉินเย่ว์เจียวหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ ใบหน้านวลเนียนงดงามของนางตึงเครียด รอให้เฉินฝานตบลงมา

"เพี๊ยะ!"

ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามือของเฉินฝานตกลงบนใบหน้าของนาง

แต่......

ไม่เจ็บหรือ

ไม่เจ็บนี่!

ฉินเย่ว์เจียวลืมตาขึ้นทันที ดวงตาของนางก็สบกับเฉินฝาน

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงในความทรงจำของนางตอนนี้เต็มไปด้วยแสงอันนุ่มนวล

“ยังจะหัวเราะอยู่หรือเปล่า ยังจะหัวเราะอยู่หรือ” มือของเฉินฝานกำลังหมุนวนอยู่บนใบหน้าของฉินเย่ว์เจียว ในไม่ช้า ใบหน้าของนางก็กลายเป็นใบหน้าที่ถูกทาสี สกปรกกว่าของเฉินฝานเสียอีก

“นายท่าน…” ฉินเย่ว์โหรวรีบวิ่งเข้ามา ตอนแรกนางคิดว่าเฉินฝานตีฉินเย่ว์เจียว แต่เมื่อนางเข้าไปใกล้มากขึ้น นางก็พบว่าเฉินฝานเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“เจ้าก็มีส่วนแบ่ง!” มือของเฉินฝานย้ายไปยังใบหน้าของฉินเย่ว์โหรว

เส้นประสาทของฉินเย่ว์โหรวค่อนข้างอ่อนไหว ทันทีที่มือของเฉินฝานสัมผัสใบหน้าของนาง ก็รู้สึกจั๊กจี้มากจนหัวเราะคิกคักไม่หยุด

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่สนุกสนานของเฉินฝาน ได้ยินเสียงหัวเราะของฉินเย่ว์โหรว ฉินเย่ว์เจียวตกตะลึงเล็กน้อย

นานมากแล้วที่นางไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของฉินเย่ว์โหรว

น้ำเสียงของฉินเย่ว์โหรวนั้นไพเราะ เสียงหัวเราะของนางก็น่าฟังมาก ราวกับเสียงนกจาบฝนบนภูเขา สดชื่นและไพเราะ

ทันใดนั้นฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกว่าดวงตาฝ้าฟาง เมื่อน้ำตาไหลจรดริมฝีปาก ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกถึงความเค็ม

นางเองก็หัวเราะไปด้วย แม้จะไม่ใช่เสียงที่ดังก็ตาม

หวังว่านี่ไม่ใช่ความฝันของนาง

หวังว่าพรุ่งนี้เมื่อตื่นขึ้น เฉินฝานยังจะเป็นแบบนี้

...

เตียงก็ร้อน บ้านก็อุ่น และกลางคืนก็ดึกแล้ว

ฉินเย่ว์โหรวขึ้นไปบนเตียง กางผ้าปูที่นอนออก แล้วให้ฉินเย่ว์เจียวนอนห่มผ้า ฉินเย่ว์เจียวนอนไปได้สักพัก ฉินเย่ว์โหรวก็เรียกเฉินฝานอย่างอ่อนโยน “ท่านนาย มานอนเถอะเจ้าค่ะ!”

"..."

ที่ที่ฉินเย่ว์โหรวให้เขานอนคือในผ้าห่มของฉินเย่ว์เจียว

เฮ้อ!

เฉินฝานเกาผมตัวเอง

เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ตามปกติแล้ว หากนอนภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเขา ตลอดทั้งคืนก็เขาไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

โดยเฉพาะ......

จิตใจของเฉินฝานเต็มไปด้วยภาพลักษณ์ของฉินเย่ว์เจียวที่เพิ่งกลับมา

ในเวลานั้น เนื่องจากนางกำลังวิ่ง เหงื่อจึงโซมกาย และเสื้อผ้าของนางก็...

“นายท่าน นายท่าน!”

เมื่อเห็นว่าเฉินฝานไม่เดินไป ฉินเย่ว์โหรวจึงเรียกเขาอีกสองครั้ง

"มา มาแล้ว!"

เมื่อเขาขึ้นไปบนเตียง เฉินฝานพบว่าตนตัวสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากังวลหรือตื่นเต้น

ในยุคปัจจุบัน เขายังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาก่อน

หลังจากที่เฉินฝานขึ้นเตียงแล้ว ฉินเย่ว์โหรวก็ไม่ได้ออกจากเตียง แต่นางไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีก

เอ่อ...

การเคลื่อนไหวของฉินเย่ว์โหรวและฉินเย่ว์เจียวดูเคยชินมาก และเห็นได้จากการแสดงออกว่านี่คือสิ่งที่พวกนางคุ้นเคย

แต่งงานกันมานานขนาดนี้ เจ้าของร่างเดิม...หรือว่าไม่เคยแตะต้องพวกนางเลย!
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
sabading.dingda
ขอเตือนเรื่องเติมเงิน คนที่ยังไม่เติมเงินน่ะดีแล้วนะ มันอัพเดทวันละตอน นี่เลิกอ่านละ คุณเก็บเหรียญฟรีเอาดีกว่า เติมเงินไปก็ไม่ได้อ่าน ตัองรอมันอัพวันละตอน จะรำคาญหงุดหงิดเปล่าๆ เราเลิกอ่านละ รอเบื่อ จนลืมเรื่องราวเดิมละ ไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเอามาขายนะ เสร็จซัก 80%ขึ้นไปค่อยเอามาข่ยดีกว่า
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
ชื่นชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนึกสนุกสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 11

    ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม!เหม่อลอยเพียงครู่เดียว ฉินเย่ว์เจียวก็ขยับมาอยู่ข้างเขาแล้ว นางเปิดผ้าห่มครึ่งหนึ่งแล้วห่มไว้บนตัวเฉินฝานอบอุ่นและมีกลิ่นหอมกลิ่นหอมจากตัวฉินเย่ว์เจียวพอ ๆ กับนิสัยดุดันของนางเข้มข้น เร่าร้อน!เฉินฝานถึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจผู้ชายแผ่นดินนี้ช่างมีความสุขจริงๆ !ช่วงเวลาที่เฉินฝานประทับใจ ข้างกายของเขาพลันว่างเปล่า……รู้สึกตัวอีกที ฉินเย่ว์เจียวลงจากเตียงเตาไปแล้วเวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าเฉินฝานจะรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้ฉินเย่ว์เจียวเพียงแค่ช่วยให้ความอบอุ่นกับผ้าห่มเท่านั้นเขาคิดว่า……พูดตามตรง เขารู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในเล็กน้อย“แค่ก ๆ !”“ยังอุ่นไม่พอรึ” ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาถาม“พอแล้ว ๆ!” เฉินฝานรีบตอบพูดจบ ความจริงแล้วข้างในรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเฉินฝาน กลัวอะไรวะ ต้องพูดว่าไม่พอสิเตียงเตาใหญ่มาก สองพี่น้องตระกูลฉินคงจะนอนอีกฝั่ง แต่เวลาผ่านไปพักใหญ่ เฉินฝานก็ไม่เห็นสองเงาของพี่น้องตระกูลฉินพลันมีเสียงแซก ๆ ดังมาจากพื้น เฉินฝานชะโงกหัวตามที่มาของเสียงสองพี่น้องตระกูลฉินปูหญ้าอยู่ตรงมุมที่ใกล้เขาที่สุด พวกนางม้วนตัวอยู่บนเตียงหญ้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 12

    เฉินฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของฉินเย่ว์เจียวมีอาการสั่นเล็กน้อยเมื่อหันกลับก็พบว่ามีเหงื่อเต็มหน้าผากฉินเย่ว์เจียวฉินเย่ว์เจียวแสดงสีหน้าท่าทางเป็นความกล้าหาญทันทีที่เห็นเฉินฝานหันกลับมาท่าทางดื้อรั้นของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานหัวเราะ“นั่นมันเสือ จะกลัวขายหน้าทำไม ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวแน่น “อยู่ใกล้ข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องฝืน พวกเราไม่ต้องเข้าไปลึกมาก แค่มองรอบ ๆ ว่ามีพวกกระต่ายป่าหรือนกป่าหรือไม่ก็พอ จับสักตัวสองตัวพวกเราก็กลับ ห้ามโลภเด็ดขาด”ภูเขาหัวเสือเพราะว่ามีเสือ คนจึงขึ้นมาน้อย พวกเฉินฝานจับไก่ป่าได้สามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว“สวบ!”ฝีมือการยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวไม่เลวจริง ๆ นางยิงกระต่ายได้อีกหนึ่งตัว“ยิงโดนแล้ว ข้ายิงโดนอีกแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียววิ่งไปเก็บกระต่ายอย่างดีใจ“เย่ว์เจียว กลับมา……”“โฮก!”เสียงของเฉินฝานถูกเสียงโฮกของเสือกลบตรงหน้ามีเสือกระโจนออกมากะทะหันตัวหนึ่ง มันจ้องเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวไม่ขยับฉินเย่ว์เจียวชูคันธนูขึ้นตามสัญชาตญาณ“อย่าขยับ!” เฉินฝานตะโกนห้ามฉินเย่ว์เจียวพุ่มหญ้าด้านหลังเสือมีความ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 13

    “พี่สาม สิ่งที่นายท่านยัดเข้าไปในท้องปลาคือหญ้าเซียนนู๋หรือไม่ หญ้านั่นกินได้ด้วยหรือ!”ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรเสีย นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าเซียนนู๋กินได้“พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวชี้ไปที่กองมันสำปะหลังในลานสวน “นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”“ข้าไม่รู้” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัว“เหมือนท่อนไม้เลย ใช้เป็นฟืนรึ!”“ไม่ใช่!” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวอีก “นายท่านบอกว่าเป็นของกิน”“ของกิน! ท่อนไม้กินได้ด้วยหรือเจ้าคะ!”“กินได้สิ! มันไม่ได้เรียกว่าท่อนไม้ มันชื่อว่ามันสำปะหลัง” เฉินฝานยืนขึ้นแล้วไปหยิบมันสำปะหลังสามอันยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรมา “มา พวกเจ้ามานี่แล้วเอามันสำปะหลังสามอันนี้ไปขูดเปลือกออกซะ จากนั้นนำไปต้มนะ”มันสำปะหลังในหม้อต้มสุกอย่างรวดเร็ว ปลาเผาบนถ่านก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล เฉินฝานโรสเกลือลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาเผาลอยออกอบอวลไปทั่วเรือนในทันใด“หอมจัง!”แม้ว่าฉินเย่ว์โหรวออกเรือนเป็นภรรยาคนแล้ว แต่นางยังเด็กมาก นางจ้องปลาเผาที่อยู่บนฝืนไม่ขยับพลางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้ฉินเย่ว์เจียวโตกว่าเล็กน้อย จึงไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่าฉินเย่ว์โหรว แต่นางแอบกลืนน้ำลายไปหล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 14

    กินอาหารง่าย ๆ เสร็จ เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็เตรียมตัวจะไปขายไก่ป่ากับกระต่ายในเมืองฉินเย่ว์โหรวร่างกายอ่อนแอจึงอยู่เฝ้าเรือนแทนหมู่บ้านซานเหออยู่ในเมืองที่มีชื่อว่าเมืองหลีผิง จากหมู่บ้านซานเหอไปยังตลาดในเมืองเพียงสิบกว่าลี้ ระยะห่างไม่ไกลมากนักคนชนบทเป็นคนตื่นเช้า เมื่อเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวเดินมาถึง ในตลาดก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกขายของต่าง ๆ ดังไม่ขาดสายสำหรับฉินเย่ว์เจียวแล้ว การขายไก่ป่ากับกระต่ายเป็นสิ่งที่นางคุ้นเป็นอย่างดี“น้องเย่ว์เจียวมาแล้วหรือ วันนี้ล่าได้สัตว์อะไรมาล่ะ”สตรีวัยกลางคนขายไช้กัวอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นฉินเย่ว์เจียวแต่เมื่อสตรีวัยกลางคนเห็นเฉินฝานที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินเย่ว์เจียวแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันใด ตามมาด้วยการมองเฉินฝานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อก่อนเฉินฝานตามมาเอาเงินทั้งนั้น เมื่อได้เงินแล้วก็เอาไปเล่นพนันทันที คนที่นี่จึงไม่ต้อนรับเขามากนักฉินเย่ว์เจียวยกไก่ป่าขึ้นมา “ท่านป้า วันนี้ข้าจับไก่ป่าได้เจ้าค่ะ!”สตรีวัยกลางคนก้มศีรษะลงและมอง “โอ้โห ไก่ป่าตัวนี้ช่างอ้วนท้วนเหลือเกิน วันนี้น้องเย่ว์เจียวจะรวยแล้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 15

    ฉินเย่ว์โหรวไม่ได้สติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกลิ่นผู้ชายของเฉินฝานเข้าใกล้มาก ๆ ยิ่งรู้สึกอยากแนบชิดสองแขนโอบล้อมคอเฉินฝานและกดลงมาปกติเขินอายไร้เดียงสาเหมือนเจ้ากระต่ายน้อย แต่เวลานี้กลับเร่าร้อนดั่งเปลวไฟ“นายท่าน นายท่าน……”เสียงออดอ้อนเว้าวอนดังออกมาจากริมฝีปากแดงอมชมพูของนางเฉินฝานอดกลั้นอย่างทรมาน เมื่อฉินเย่ว์โหรวใจร้อนถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปเมื่อทุกอย่างกำลังจะสุกงอม……ทันใดนั้น……สีแดงพราวเป็นแผ่นขยายวงกว้างต่อหน้าเฉินฝานช้า ๆมาพร้อมด้วยเสียงร้องปวดจากฉินเย่ว์โหรว เสียงหายใจถี่หายไปและปรับเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นน่าสงสารในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางมองเฉินฝานด้วยแววตาตัดพ้อ: “นายท่าน ท่าน……อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ!”เวลานี้ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกเพียงแต่มวนท้อง โดยเฉพาะท้องน้อยที่เจ็บจี๊ดเหมือนโดนมีดบาดเฉินฝานเข้าใจคำตำหนิทันทีราวกับแววตาของฉินเย่ว์โหรวพูดได้แต่ตอนนี้เขารู้สึกจนใจและน้อยใจมากกว่านี่ไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดอาการฉีกขาด!เขาอยากทำอะไรสักอย่าง แต่เขายังไม่ทันได้เริ่มเลย!เพราะประจำเดือนของฉินเย่ว์โหรวมาพอดีต่างหาก!นาง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 16

    ฉินเย่ว์เจียวดึงคันธนูแล้วเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าฉินเย่ว์โหรวใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พานางออกไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะกล้าลงมือ!”ชายทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไป ฉินเย่ว์เจียวถูกบีบให้ล่าถอยไปทีละก้าว สายตาเห็นว่าจะโจมตีฉินเย่ว์โหรว“ใครก็ตามที่กล้าพาน้องสี่ของข้าไป ข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยลูกธนูดอกเดียว!” ฉินเย่ว์เจียวตะโกนลั่น พร้อมดึงสายธนูในมือให้โค้งได้มากที่สุด“พี่สาม อย่าเลย!”ฉินเย่ว์โหรวกอดฉินเย่ว์เจียว “ให้เรื่องจบเท่านี้เถิด ข้าจะไปกับพวกเขาเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีก”ฉินเย่ว์โหรวหลับตาอย่างยอมแพ้ ยังคิดด้วยซ้ำว่าหลีกเลี่ยงจูต้าอันก็พอแล้วแต่ทำไมนางถึงลืมเรื่องที่นางถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไปอีกแล้ว“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ! มาเลย!” ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเป็นสีแดงเข้ม นางกัดฟันและตะโกนเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตายด้วยกัน!”“จะตายอะไร จะรอดอะไรน่ะ!” เฉินฝานคว้าด้ามธนูจากมือของฉินเย่ว์เจียว “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง อย่าเอาแต่ต่อสู้ฆ่าฟันทั้งวัน เจ้าไม่ฟังคำของข้าเลยหรือไร”“เฉินฝาน ท่านปล่อยข้า!”ความจริงที่ว่าฉินเย่ว์

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 17

    “จริงสิ ข้าเตือนไว้เสียหน่อย เมื่อครู่ที่ตีคือใบหน้า แต่ครั้งนี้จะไม่ใช่ และมันเป็น…”สายตาของเฉินฝานจับจ้องไปที่ดวงตาของหลี่ซานหลี่ซานปกป้องดวงตาของตนตามสัญชาตญาณ และพูดขึ้นอย่างร้อนตัว “เจ้าหนู เจ้ากำลังขู่ใครอยู่?"เฉินฝานพูดไม่ยี่หระ “ถ้าเจ้าลอง...ก็จะได้รู้เอง”ก่อนจะทะลุมิติมา เฉินฝานเพิ่งปลดประจำการจากทีมปฏิบัติการพิเศษในประเทศหนึ่งหากไม่ใช่เพราะร่างกายนี้ขาดการออกกำลังกาย ท่อนไม้ที่เพิ่งพุ่งเข้าไปที่ใบหน้าของหลี่ซานจะไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ซานเจ็บเท่านั้น ครั้นจะเห็นเลือดออกมาเสียด้วยซ้ำหลี่ซานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เฉินฝานที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนธรรมดาที่ยากจนคำพูดและดวงตาของเขาก็ประจักษ์แจ้งได้ว่าดูไม่จริงจัง กระนั้นไม่รู้ว่าทำไมยังทำให้เขาหวาดกลัวเพื่อนชั่วช้าของจูต้าอัน ในเวลานี้ได้ปลุกจูต้าอันให้ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาถูกเฉินฝานทุบตีจนหยุดหายใจไปชั่วคราว แม้เฉินฝานจะเคลื่อนไหวรุนแรง ตีจนทำให้จูต้าอันเจ็บเกือบตายแต่เป็นการลงมืออย่างพอดี เพื่อป้องกันไม่ให้จูต้าอันตายจริงและก่อให้เกิดคดีความเกี่ยวกับชีวิตคนเมื่อจูต้าอันตื่นขึ้นมา ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 18

    หลี่ซานมองลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าไปในดวงตาของนักเลง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นเป็นชั้นบาง ๆ โชคดีที่เขาไม่ใช่คนที่เฉินฝานยิง ไม่เช่นนั้นดวงตาของเขา...เฉินฝานหยิบลูกธนูอีกดอกออกมาจากกระบอกใส่ธนูของฉินเย่ว์เจียว มองพวกนักเลงอย่างเย็นชาเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงอะไรออกไป พวกนักเลงก็ก้าวถอยหลังไปทีละคน“เจ้าพวกขี้ขลาด ถอยทำไม ไปสิ!”“ข้าบอกให้ไป!”ไม่ว่าหลี่ซานจะตะโกนอย่างไร ก็ไม่มีนักเลงคนใดกล้าโจมตี ซ้ำยังถอยห่างออกไปเรื่อย ๆไม่มีทาง ใครเล่าจะไม่กังวลเรื่องดวงตาของตน“เฉินฝาน เจ้าคิดว่าเจ้าเก่งกาจมากนักหรือ? เจ้าเก่งกาจมากกว่ากฎหมายของต้าชิ่งหรือ? ข้าจะฟ้องทางการ ฟ้องทางการ!”ท้ายที่สุดแล้ว หลี่ซานคือนายน้อยแห่งหอนางโลมอี๋ชุนย่วน เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อนที่เขาจะได้พบกับเฉินฝาน เขาตะโกนดังลั่นด้วยความโกรธ“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนเงิน ฟ้องทางการ เจ้ามีเหตุผลอะไร”“เหตุผลอะไร!”“ฮ่า ๆๆ อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ หนึ่งร้อยเท่าของหนึ่งร้อยอีแปะเป็นเงินสิบตำลึง เจ้าต้องชดใช้คืนภายในสามวัน ครบไปแล้วหนึ่งวัน ตอนนี้เจ้ามีเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น คนจนเช่นเจ้า...จ่ายไหวหรือ”หลี่ซานแสดงท่

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1226

    ในใจของชิงหนิง เถียนเสี่ยวอวี่คือผู้ดูแล และเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต และเป็นญาติพี่น้องของนางอีกด้วยนางโดนเสิ่นหยวนเลี่ยงใช้อุบายชั่วร้ายเช่นนั้นทอดทิ้ง หากไม่มีเถียนเสี่ยวอวี่เยียวยาจิตใจให้นาง นางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้เลย เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เพียงเยียวยาจิตใจที่เหี่ยวเฉา นางยังมอบความรักความห่วงใยดั่งญาติพี่น้องให้ด้วย ชิงหนิงที่ถูกฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าชั้นยอดมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยสัมผัสความรักความห่วงใยของญาติสนิทที่แท้จริงมาก่อนเฉินฝานที่อยู่ด้านนอกเรือนพักได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเถียนเสี่ยวอวี่ถึงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามครึ่ง (เทียบเท่ากับสามชั่วโมงในปัจจุบัน) ในการทำอาหารหนึ่งมื้อ ที่แท้เห็ดปลวกกับผักกูดเหล่านั้นเป็นของที่นางตั้งใจวิ่งออกไปเก็บมาเมื่อครู่นี้เถียนเสี่ยวอวี่ช่วยปรับหมวกแม่ชีบนศีรษะของชิงหนิงให้ตรงพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “ชิงหนิง เจ้าพูดเกินไปแล้วนะ ข้าแค่ไปเก็บเห็ดปลวก จะตายได้อย่างไรกัน?”เมื่อเห็นเถียนเสี่ยวอวี่มีท่าทางเช่นนี้ ชิงหนิงก็โกรธมากยิ่งขึ้น “จุดที่เจ้าเพิ่งล้มจนได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่นี้ หากไปข้างหน้า

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1225

    ด้วยทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ อารมณ์ของเฉินฝานจึงดีขึ้นพรวดพราดเช่นกันสำนักชีชิงเมี่ยวมีแต่แม่ชี แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะงดงามอีกเพียงใด เขาก็ไม่สะดวกที่จะเดินมากนัก กอปรกับบาดแผลที่บั้นท้ายยังคงเจ็บมาก เมื่อเดินวนละแวกอุโบสถ เฉินฝานก็เดินกลับไปขณะที่ใกล้จะเข้าไปในเรือนพัก เฉินฝานก็เดินเลี้ยวไปทางทิศเหนือ เขาจำได้ว่าเถียนเสี่ยวอวี่มาจากทางนี้ ไม่ไกลมากนัก เมื่อเดินเลี้ยวหัวมุม เฉินฝานก็เห็นเถียนเสี่ยวอวี่ตอนนี้นางกำลังหาบน้ำอยู่ นางมีรูปร่างเล็ก การหาบน้ำสองถังใหญ่ดูกินแรงมาก น้ำในถังสาดลงพื้น โคลนกระเด็นโดนจีวรของนางจนสกปรกไปหลายจุดเฉินฝานเร่งฝีเท้าตามสัญชาตญาณ อยากจะเข้าไปช่วย เขาเพิ่งจะยกเท้าขึ้นมา ความเจ็บแปลบส่งมาจากที่บั้นท้าย ทำให้เขาจำใจได้แต่ชะลอฝีเท้าลง ในตอนนี้เอง มีเงาร่างหนึ่งทะยานผ่านตัวเฉินฝานไปอย่างรวดเร็ว “ผู้ดูแล เฮ้อ งานหนักอย่างหาบน้ำเช่นนี้ ให้ข้าทำก็ได้”คนที่พุ่งผ่านตัวเฉินฝานคือเหอเสี่ยวเยี่ยนที่โดนเสิ่นหยวนเลี่ยงทอดทิ้ง บัดนี้นางคือแม่ชีชิงหนิงแห่งสำนักชีชิงเมี่ยว นางแบกฟืนมัดใหญ่ไว้บนบ่า ฟืนมัดนั้นประกอบด้วยไม้หลากหลายชนิด ดูท่าทางเหมือนเพิ่งจะหามาจา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1224

    เฉินฝานทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ“เสี่ยวอวี่ เป็นอะไรไปหรือ? มีเรื่องเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”เฉินฝานข่มกลั้นความเจ็บปวดที่บั้นท้าย เดินตามเถียนเสี่ยวอวี่ออกไปเถียนเสี่ยวอวี่รีบหันหน้ากลับมา “ใต้เท้า ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดหรอก เย็นแล้ว ข้าจะไปทำอาหารให้ท่าน” “หา?”เฉินฝานยังคิดจะถามว่าในฐานะที่นางเป็นผู้ดูแล เหตุใดยังต้องไปทำอาหารด้วยตนเอง เขายังไม่ทันเอ่ยคำพูดออกมา เถียนเสี่ยวอวี่ก็วิ่งไปไกลแล้ว หลังจากที่เถียนเสี่ยวอวี่ออกไปแล้ว ชิงหนิงก็ตามไปด้วยเช่นกัน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่งเต็ม ๆ เถียนเสี่ยวอวี่ถึงค่อยปรากฏตัวอีกครั้ง นางถือถาดไม้ไว้ในมือ มีข้าวหนึ่งชามและกับข้าวสองชามอยู่บนถาด “ใต้เท้า ท่านคงหิวแย่แล้วกระมัง?” เถียนเสี่ยวอวี่วางอาหารลงตรงหน้าเฉินฝาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในใจเฉินฝานไม่พูดอันใด เหลือบมองอาหารตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองเถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความจริงจังเถียนเสี่ยวอวี่ที่รีบร้อนมานั้นดูทุลักทุเลอยู่บ้าง หมวกแม่ชีบนศีรษะเอียงไปทางด้านข้าง หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ แก้มขาวผ่องเปื้อนเขม่าดำอยู่หลายจุด ดูคล้ายกับแมวลายตัวน้อยแม้ว่านางจะดูทุลักทุเล แต

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1223

    “เจ้าก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยร้องขอสิ่งใดแม้แต่น้อย” หลิงเฟิงถลึงตาใส่เถียนเสี่ยวอวี่ด้วยความเสียใจที่อีกฝ่ายไม่อาจเป็นดั่งที่หวังไว้ นางช่วยระบายความแค้นให้เถียนเสี่ยวอวี่ โอกาสในการกดขี่คงจิ้งเช่นนี้ นางกลับปล่อยไปอย่างง่ายดาย เถียนเสี่ยวอวี่ยิ้มบาง ๆ “อาจารย์อาท่านผิดแล้ว ความทะเยอทะยานของศิษย์สูงมากเลยนะเจ้าคะ” หากหลิงเฟิงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเฉินฝาน คงไม่พูดจาประชดเถียนเสี่ยวอวี่อย่างแน่นอน“เจ้าก็ยังเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้นะ เฮ้อ~” หลิงเฟิงถอนหายใจ “แล้วแต่เจ้าเถิด” ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักถูกใจนิสัยอ่อนโยนเยือกเย็นและไม่แก่งแย่งชิงอำนาจของเถียนเสี่ยวอวี่ถึงให้นางเป็นผู้สืบทอดมิใช่หรือ นางยังจะทำอย่างไรได้อีกเพียงแต่ว่าต่อไปเมื่อนางกับศิษย์พี่ไม่อยู่แล้ว เถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสำนักชีจะยิ่ง...เฮ้อ หลิงเฟิงส่ายหน้าเรื่องในอนาคตนั้น นางก็ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว กังวลมากมายถึงเพียงนั้นไปเพื่ออันใด ต่อไปเถียนเสี่ยวอวี่จะดีหรือร้ายก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง“แต่ว่าอาจารย์อา เขาเป็นบุรุษนะเจ้าคะ การให้บุรุษอยู่ที่นี่ มันผิดกฎ” คงจิ้งขวางหน้าหลิงเฟิงไว้ ดึงดันจะไล่เฉินฝานออกไปบอกเห

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1222

    “มีทางรักษาอาการป่วยของท่านอาจารย์แล้วหรือเจ้าคะ” แววตาของเถียนเสี่ยวอวี่ส่องประกายขึ้นมาในพริบตา ตอนที่อยู่ในเมืองลู่ตู เถียวเสี่ยวอวี่เคยได้ยินเฉินฝานพูดว่ามารดาของหวงหวั่นเอ๋อร์เก่งกาจมากนัก ปรุงยาไว้มากมาย ยาบางตัวสามารถรักษาโรคที่ยากจะรักษาได้หลายโรคหลิงเฟิงพยักหน้าติดต่อกัน “ใช่แล้ว ๆ หลังจากที่ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักกินยาของแม่นางหวงแล้ว สีหน้าก็แดงเปล่งปลั่งขึ้นมาก บัดนี้ร่างกายแข็งแรง และไม่หอบหายใจด้วย ลงจากเตียงเคลื่อนไหวได้แล้ว”“เช่นนั้นช่างดีเหลือเกิน!”เถียนเสี่ยวอวี่พูดพลางเดินไปที่เรือนของหลิงอวี้ แต่นางเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็โดนหลิงเฟิงขวางไว้“ผู้ดูแล เจ้าจงหยุดก่อน แม่นางหวงบอกว่าตอนนี้ศิษย์พี่หัวหน้าสำนักต้องพักผ่อน นางไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนศิษย์พี่ และไม่ให้ศิษย์พี่ออกมา ศิษย์พี่ให้ข้ามาบอกข่าวนี้แก่พวกเจ้า หวังให้พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนาง” “เจ้าค่ะ ศิษย์จะเชื่อฟังอาจารย์” เถียนเสี่ยวอวี่หยุดฝีเท้า นางเชื่อฟังคำพูดของหลิงเฟิงเป็นเพราะว่าเชื่อใจหวงหวั่นเอ๋อร์ หลิงเฟิงรายงานข่าวดีจบแล้วก็กลับไป ขณะเดินผ่านคงจิ้งนางหยุดเดินฉับพลัน ก่อนจะเอ่ยปากตำหนิโดยตรงว่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1221

    “แค่ก ๆ ๆ...” เพิ่งจะถามหวงหวั่นเอ๋อร์จบ หลิงอวี้ก็ไอขึ้นมาฉับพลัน หาไม่ใช่เพราะหลิงเฟิงที่อยู่ทางด้านข้างประคองไว้ เกรงว่าคงจะล้มลงไปแล้ว“ยายชีเฒ่า ข้าเห็นว่าเจ้าแก่จวนจะลงโลงแล้ว ยังจะกังวลมากมายถึงเพียงนั้นเพื่ออันใด?”หวงหวั่นเอ๋อร์กระโดดลงมาจากหลังคา ก่อนจะทะยานไปหาหลิงอวี้ดังฟิ้ว “แม่นางหวง อย่าได้ลงมือรุนแรงกับท่านอาจารย์” เฉินฝานรีบเตือนหวงหวั่นเอ๋อร์ กลัวว่านางจะลงมืออย่างไม่เหมาะสม ขณะที่เฉินฝานพูดอยู่นั้น หวงหวั่นเอ๋อร์ก็อุ้มหลิงอวี้ขึ้นมาแล้วทะยานเหนือศีรษะแม่ชีมากมาย“ยายเฒ่านี่น่ารำคาญเกินไปแล้ว สมควรสั่งสอนบทเรียนให้นางเสียบ้าง” เมื่อทุกคนได้สติกลับมา ก็ได้ยินเพียงเสียงกระจ่างใสของหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น ส่วนร่างของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว“สวรรค์ ท่านหัวหน้าสำนัก ท่านหัวหน้าสำนัก!”หลิงเฟิงร้องเสียงดังพลางตามออกไป นอกจากพวกคงจิ้งแล้ว แม่ชีส่วนใหญ่ล้วนตามออกไปกันหมด“แม่นางหวงจะพาอาจารย์ของข้าไปที่ใดกัน? ร่างกายของอาจารย์ทนรับการกระทบกระเทือนไม่ไหว” เถียนเสี่ยวอวี่เองก็ทำหน้ากังวลและร้อนใจ พูดพลางวิ่งออกไปเช่นกัน “ไม่เป็นไร!” เฉินฝานดึงเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1220

    “ตอนข้าอารมณ์ไม่ดี ชอบใช้ความรุนแรง เจ้าไม่พอใจใช่หรือไม่ ไม่พอใจก็มาสู้กับข้าสักตั้ง!”เสียงใสดังมาจากหลังคาห้องของเถียนเสี่ยวอวี่ ทุกคนเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงหญิงสาวในชุดสีน้ำเงิน นั่งไขว่ห้างอยู่บนหลังคา เพราะคาบใบไม้ไว้ที่ปาก ตอนนางพูดจึงให้ความรู้สึกท้าทายอย่างมาก“อมิตาพุทธ” สองมือของคงจิ้งประสานเข้าด้วยกัน พยักหน้าให้หวงหวั่นเอ๋อร์เล็กน้อย “แม่นาง ข้ารู้ว่าแม่นางฝีมือไม่ธรรมดา แต่ว่า ท่านช่วยใครไม่ดีเล่า? เหตุใดต้องช่วยหญิงชั่วชายโฉดในห้องนั้นด้วย? นางกำลังยั่วยวนนายท่านของแม่นาง”ตอนเถียนเสี่ยวอวี่พยุงเฉินฝานเข้ามาในสำนัก คงจิ้งเห็นความเก่งกาจของหวงหวั่นเอ๋อร์แล้ว ดังนั้นจึงชักนำให้พวกชิงผิงไปฟ้องหลิงอวี้นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า หวงหวั่นเอ๋อร์จะไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งหลิงอวี้เมื่อไม้แข็งไม่ได้ คงจิ้งเริ่มต่อสู้ด้วยจิตใจ บอกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝานในแคว้นต้าชิ่ง สาวใช้ของบุรุษ แม้วรยุทธ์จะสูงส่งเพียงใดก็เป็นเพียงสมบัติของบุรุษ คงจิ้งมั่นใจว่าเถียนเสี่ยวอวี่ยั่วยวนเฉินฝาน ยิ่งมั่นใจว่าหวงหวั่นเอ๋อร์จะต้องหึงหวงแน่นอน“หญิงชั่วชายโฉด? ใครกัน?”หวงหวั่นเอ๋อร์มองไปที่คงจ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1219

    หรือว่า หรือว่าเสี่ยวอวี่สติเลอะเลือนอีกแล้วหลิงอวี้ไม่พูดสิ่งใด ทั้งยังไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีตของเถียนเสี่ยวอวี่ แต่หลิงอวี้ตระหนักรู้ดีแก่ใจ เถียนเสี่ยวอวี่ไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นมาก่อน“ท่านเจ้าอาวาส หมอบอกแล้วว่า ตอนนี้ท่านต้องพักผ่อน ไม่อาจลงจากเตียงได้” หลิงเฟิงรีบพยุงหลิงอวี้ลงจากเตียง“หลิงเฟิง ข้าไม่วางใจ เร็วเข้า เจ้าพยุงข้าไปดูเขาเร็วเข้า”“ท่านเจ้าอาวาส ข้าพยุงท่าน” เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี้จะไปด้วยตนเอง ชิงผิงรีบวิ่งมาพยุงหลิงอวี้ด้วยสีหน้าดีใจรีบไปห้องพักของเถียนเสี่ยวอวี่ หลิงอวี้ไม่ได้ห้ามหลิงอวี้ ปล่อยให้นางพยุงเพิ่งเข้าไปในเรือนของเถียนเสี่ยวอวี่ ชิงหนิงรีบเดินมาต้อนรับทันที “ชิงหนิงน้อมคารวะท่านเจ้าอาวาส”“เจ้าคือชิงหนิงที่คงอันริษยาหรือ?” หลิงอวี้มองชิงหนิงตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องของชิงหนิง หลิงอวี้ไม่ค่อยกระจ่างชัดเท่าใดนัก รู้เพียงว่านางถูกสามีทอดทิ้ง ตอนฆ่าตัวตายมีคนช่วยชีวิตเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปให้เถียนเสี่ยวอวี่ที่กำลังออกเดินทางชิงหนิงย่อตัวพยักหน้า “ศิษย์เองเจ้าค่ะ”“อื้ม” สายตาของหลิวอวี้ชำเลืองไปที่ชิงหนิง มองไปที่ห้องของเถียนเสี่ยวอวี่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1218

    “นี่เรียกว่าเจ้าของกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมเท่านั้น” สำหรับเรื่องที่เถียนเสี่ยวอวี่ได้เป็นผู้ดูแล คงจิ้งไม่พอใจอย่างมากนางอายุมากกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ ทั้งยังเข้าไปอยู่ในสำนักนานกว่าเถียนเสี่ยวอวี่ถึงสิบปี เถียนเสี่ยวอวี่เรียกนางว่าศิษย์พี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นางช่วยท่านเจ้าอาวาสทำทุกอย่าง เมื่อปีกลายท่านเจ้าอาวาสสุขภาพไม่แข็งแรง ทุกคนล้วนคิดว่าคงจิ้งจะได้กลายเป็นผู้ดูแลของสำนัก ตัวคงจิ้งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นางมักวางตัวเป็นผู้ดูแล คอยสั่งแม่ชีในสำนักทำนั่นทำนี่ทว่าคิดไม่ถึงท่านเจ้าอาวาสกลับยกตำแหน่งผู้ดูแลให้กับเถียนเสี่ยวอวี่ซึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักไม่ถึงสามปีแม่ชีส่วนใหญ่ในสำนักล้วนไม่เชื่อฟังเถียนเสี่ยวอวี่ คงจิ้งยิ่งไม่ให้ความร่วมมือ เมื่อครั้นตอนท่านเจ้าอาวาสยังไม่ป่วยหนัก พวกคงจิ้งไม่ค่อยกล้าเหิมเกริมเท่าใดนัก ทว่าหลังจากท่านเจ้าอาวาสป่วยหนัก พวกนางไม่เพียงไม่เห็นเถียนเสี่ยวอวี่อยู่ในสายตา ทั้งยังกลั่นแกล้งนางทั้งต่อหน้าและลับหลังหลังคาห้องที่หวงหวั่นเอ๋อร์นอนเป็นห้องของท่านเจ้าอาวาสพอดี เมื่อได้ยินเสียงข้างล่าง นางเปิดกระเบื้องหนึ่งอันพร้อมฟังครู่หนึ่ง จากนั้นปิดกระเบื

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status