Share

บทที่ 8

Author: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เฉินฝานย่อมฟังออกถึงความสงสัยของฉินเย่ว์โหรว เขายิ้มแล้วพูด "ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นนายท่านของพวกเจ้านะ"

ยุคปัจจุบันเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน จะมีงานบ้านใดที่ไม่เคยทำเล่า

ฉินเย่ว์โหรวยังคงไม่ขยับ

นายท่าน...เขา เขายิ้มให้นางจริง ๆ

นางกำลังฝันอยู่หรือเปล่า

“เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว เย่ว์โหรว”

จนกระทั่งเฉินฝานเรียกนางเป็นครั้งที่สาม ฉินเย่ว์โหรวก็กลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง

“จะ จะจุดไฟทันทีเลยเจ้าค่ะ!” ฉินเย่ว์โหรวรีบ ใบหน้าของนางแดงเล็กน้อย

เนื้อที่จูต้าอันนำมาด้วยในวันนี้ครึ่งหนึ่งมีไขมัน

ในยุคนี้ เนื้อติดมันแพงกว่าเนื้อไม่ติดมัน

เฉินฝานหั่นเนื้อมันออกทีละน้อย แล้วใส่ลงในหม้อ ทอดจนออกน้ำมัน

กลิ่นหอมของน้ำมันผุดออกมาจากหม้อ ฉินเย่ว์โหรวก็แอบกลืนน้ำลายเต็มปากในขณะที่นางกำลังจุดไฟ

ฉินเย่ว์เจียวซึ่งยืนอยู่ข้างกรอบประตูก็อดไม่ได้เช่นกัน

มันหอมมาก

หนึ่งปีแล้วที่ไม่เคยได้กินเนื้อสัตว์เลย สองพี่น้องรู้สึกหิว

ไขมันไม่เยอะ จึงกลั่นน้ำมันได้ไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย

เฉินฝานเทเนื้อที่เหลือลงในหม้อพร้อมกับผักป่า

ทันทีที่ผักป่าถูกเทลงในหม้อ แสงในดวงตาของสองพี่น้องฉินทั้งก็หรี่ลง

เฉินฝานไม่แม้แต่จะให้ผักป่าพวกนางกินเลยหรือ

เฉินฝานที่กำลังทำอาหารโดยก้มหน้าก้มตาไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวหญิงสาวทั้งสอง หลังใส่ผักป่าลงไปแล้ว ก็เทข้าวในชามลงผัดสักพักจึงโรยด้วยเกลือ ผัดอีกเล็กน้อย ใช้ตะหลิวตักขึ้นมาชิมนิดหน่อย

อืม แม้ว่าจะไม่อร่อย แต่ก็ดีกว่าการกินผักป่าที่ไม่มีน้ำมันไม่มีเกลือเป็นอย่างมาก

เฉินฝานตักข้าวผัดในหม้อ แบ่งออกเป็นสามชามแล้ววางลงบนโต๊ะเล็ก

“พวกเจ้าสองคนก็นั่งลงกินข้าวเสียสิ!” หลังจากที่เฉินฝานนั่งลงแล้ว ก็ให้สองพี่น้องฉินกินข้าวด้วยกันกับเขา

“...”

กินข้าว?!

เฉินฝานให้พวกนางกินข้าวหรือ?

ปฏิกิริยาแรกของสองพี่น้องฉินก็คือ เฉินฝานคงไม่วางยาในอาหารของพวกนางกระมัง จากนั้นจึงถือโอกาสขายพวกนาง

เฉินฝานไม่ได้สังเกตสีหน้าของสองพี่น้องฉิน เขาหยิบชามข้าวผัดขึ้นมาแล้วพูดขณะกินข้าว “มันดึกแล้ว ข้าเพิ่งมาที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม คืนนี้กินแค่นี้ก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าค่อยคิดหาวิธีทำอาหารอร่อย ๆ ”

——ข้าเพิ่งมาที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม

ทำไมนายท่านถึงพูดแปลก ๆ นี่คือหมู่บ้านซานเหอ เขาไม่คุ้นเคย?

เฮ้อ นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ คืนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะให้พวกนางกินข้าว แต่พรุ่งนี้เขาจะหาวิธีทำอาหารให้พวกนางด้วย

พวกนางไม่ได้ฝันไปกระมัง

ฉินเย่ว์โหรวยังบีบต้นขาของนางด้วยซ้ำ

“ขาเจ็บหรือเปล่า” เฉินฝานถาม

“หา? เจ็บ…” ฉินเย่ว์โหรวฟื้นคืนสติขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน เป็นเฉินฝานที่ถามนาง

“แล้วยังจะบีบอีกหรือ”

“...”

ครั้นมองดวงตาอันอ่อนโยนของเฉินฝาน อีกทั้งกระแสเสียงที่มีเสน่ห์เล็กน้อยของเขา

ดวงตาของฉินเย่ว์โหรวสั่นไหว ทันใดนั้นความโศกเศร้าก็บังเกิดขึ้นมาในใจของนาง พลันหมอกก็บดบังการมองเห็นของนาง

นายท่าน......

ดีขึ้นแล้วจริง ๆ หรือ

นางไม่ได้ฝันจริง ๆ ใช่หรือไม่

หยาดน้ำตาใสหยดลงมาอย่างรวดเร็ว มีเสียงดังแปะ แล้วมันก็ตกลงมาที่มือของเฉินฝานพอดี

น้ำตาอุ่น ๆ กระจายอยู่ในฝ่ามือ

เฉินฝานรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อน แต่เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นนั้นในมือ ก้นบึ้งหัวใจก็รู้สึกนุ่มนวล

“เด็กโง่!” เฉินฝานบีบใบหน้าฉินเย่ว์โหรวเบา ๆ “เจ้าร้องไห้ทำไมกัน รีบกินเถอะ”

สองพี่น้องยังคงไม่นั่งลง คนหนึ่งร้องไห้ และอีกคนมองอย่างเคลือบแคลง

ด้วยไม่มีทางเลือก เฉินฝานเน้นน้ำเสียงหนัก

“ยังอึ้งอยู่อีก หรือจะให้ข้าป้อนอาหารพวกเจ้า”

สองพี่น้องฉินรีบนั่งลง

ในข้าวผัดมีก้อนเนื้อ ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่ได้กินเนื้อสัตว์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เลย แต่ฉินเย่ว์เจียวกินไม่อร่อย ด้วยกังวลอยู่เสมอ

นายท่านเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจริงหรือ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นใด

เฉินฝานกินข้าวเสร็จก่อน เขานั่งบนเตียงแล้วหลับตาพักผ่อน อีกด้านหนึ่งเขากำลังแยกแยะความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม อีกด้านหนึ่งเขาก็คิดว่าจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างไร

ฟ้ายิ่งมืดก็ยิ่งหนาว

“แย่แล้ว!”

ทันใดนั้นฉินเย่ว์เจียวก็ตะโกน วางชามข้าวลงแล้ววิ่งออกไป

“พี่สาม ท่านจะไปไหน?”

“ฟืนของข้าอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน!”

ที่บ้านไม่เพียงแต่ขาดข้าวเท่านั้น แต่ยังไร้ฟืนอีกด้วย

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำทั้งกลางวันและกลางคืน ที่บ้านไม่มีฟืนให้อุ่นเตียงจะทำให้นอนไม่หลับ

ไม่ต้องใช้ฟืนก็ยังสามารถผ่านมันไปได้ แต่ฉินเย่ว์โหรวอ่อนแอมากจนทนความหนาวเย็นไม่ได้ และเฉินฝานก็ทำไม่ได้เช่นกัน

เขาไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน หากร่างกายอ่อนแอ ไม่เพียงต้องอุ่นเตียงเท่านั้น แต่ยังต้องจุดไฟแรงด้วย

ถ้าไม่มีไฟ...

เมื่อนึกไปถึงเฉินฝานฟาดด้วยแส้หวาย หัวใจของฉินเย่ว์เจียวก็สั่นไหว นางยังทนรับไม่ไหว นับประสาอะไรกับน้องสี่

วันนี้เมื่อนางกลับมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ครั้นได้ยินว่าฉินเย่ว์โหรวถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วน และจูต้าอันได้นำคนมาพาตัวฉินเย่ว์โหรวไปแล้ว ถึงได้โยนฟืนในมือทิ้งแล้ววิ่งกลับไปทันที

“พี่สาม พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวเดินกะโผลกกะเผลกพลางวิ่งออกไป

“นี่ พวกเจ้า…” เฉินฝานต้องการหยุดพวกนาง แต่ทันทีที่เขาพูด ทั้งสองก็หายตัวไปแล้ว

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว อีกทั้งปีนี้ค่อนข้างแห้ง ไม้ฟืนจึงหายาก ถ้านางทิ้งไว้ที่ประตูหมู่บ้านเป็นเวลานาน คงต้องมีคนเอาไปแล้ว

เฉินฝานลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว จึงเห็นว่ามีฟืนในครัวน้อยมากจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงการอุ่นเตียง อาหารก็ปรุงได้ไม่มากเช่นกัน

ลมกระโชกแรงพัดผ่านไป เฉินฝานตัวสั่นจากความหนาวเย็น

ร่างกายนี้ก็เหมือนกับไก่อ่อน

จากประสบการณ์ของเขาในยุคปัจจุบัน เฉินฝานประเมินว่าตอนนี้อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ตอนดึกอาจจะหนาวยิ่งขึ้นไปอีก

บนตัวมีเสื้อผ้าฝ้ายขาดวิ่น และผ้าห่มทั้งเก่าและบางบนเตียง หากไม่อุ่นเตียงในตอนกลางคืนคงทนไม่ไหว

ต้องหาหนทาง..

วิธีแก้นั้นถ้าเอาแต่อยู่ในบ้านคงคิดไม่ได้ ดังนั้นเฉินฝานจึงเดินตามออกไป เดินไปทางทางเข้าหมู่บ้านโดยอาศัยความทรงจำที่ไม่ชัดเจน

เช่นเดียวกับที่เฉินฝานคาดไว้ ฟืนของฉินเย่ว์เจียวหายไปแล้ว เมื่อเขามาถึงนางก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้านกำลังด่าสาปส่ง

แต่ไม่ว่าการด่าจะรุนแรงแค่ไหน คนที่เอาฟืนของนางไปก็ไม่สามารถคืนให้นางได้

ในหมู่บ้านมีคนมากมาย ไหนเลยจะรู้ว่าใครเป็นคนเอาไป

“เย่ว์เจียว อย่าตะโกน ข้ามีวิธี คืนนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้านอนบนเตียงเย็น ๆ อย่างแน่นอน!”

“...” สองพี่น้องฉินตกตะลึงอีกครั้ง พวกนางชะงักค้างอยู่กับที่เป็นเวลานาน และในที่สุดฉินเย่ว์เจียวก็พูดเป็นคนแรก

“น้องสี่ ข้าคิดว่า ตอนที่เขาตกลงไปในหุบเขา ต้องตายไปแล้วแน่นอน”

ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงดูเหมือนเป็นคนอื่นได้เล่า

“พี่สาม ท่านพูดแบบนั้นกับนายท่านได้อย่างไรกัน ไปกันเถอะ!” ฉินเย่ว์โหรวจับมือของฉินเย่ว์เจียว “ไม่ว่านายท่านจะตายไปแล้วหรือไม่ก็ตาม เราจะรู้แน่ชัดก็ต่อเมื่อเราไปกับเขา”

ผู้เงียบขรึมเช่นฉินเย่ว์โหรวพูดเร็วมากเป็นครั้งแรก

การเปลี่ยนแปลงของเฉินฝานทำให้นางรู้สึกมีความสุข แต่นางไม่กล้าแสดงออกมา ด้วยกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตาของนางเอง

สองพี่น้องฉินเดินตามกันไปและพบเฉินฝานเดินกลับมา สายตาจ้องมองไปที่พื้นราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

ฉินเย่ว์โหรวสับสนเล็กน้อย

นี่คือวิธีการที่นายท่านคิดหรือ

แต่ถนนเส้นนี้เป็นถนนในหมู่บ้านจะมีฟืนได้อย่างไรเล่า
Comments (3)
goodnovel comment avatar
sabading.dingda
ขอเตือนเรื่องเติมเงิน คนที่ยังไม่เติมเงินน่ะดีแล้วนะ มันอัพเดทวันละตอน นี่เลิกอ่านละ คุณเก็บเหรียญฟรีเอาดีกว่า เติมเงินไปก็ไม่ได้อ่าน ตัองรอมันอัพวันละตอน จะรำคาญหงุดหงิดเปล่าๆ เราเลิกอ่านละ รอเบื่อ จนลืมเรื่องราวเดิมละ ไม่ต่อเนื่อง ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ควรเอามาขายนะ เสร็จซัก 80%ขึ้นไปค่อยเอามาข่ยดีกว่า
goodnovel comment avatar
tom Promphibal
หนาวจังเลย
goodnovel comment avatar
Chainiwat
สนุกสนุกสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 9

    “นายท่าน ท่านทำของหล่นหรือ” ฉินเย่ว์โหรวเดินตามเฉินฝานแล้วถามเบา ๆ“ข้าหา...หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว!”เฉินฝานหันกลับมาอย่างมีความสุข ในมือของเขามีของสีดำสนิทอยู่สองก้อนของสีดำนั้นก็คือ...มูล?มูล!มูลก้อนใหญ่สองก้อน มูลวัวทั้งดำและแห้งสองก้อน“เฉินฝาน” ฉินเย่ว์เจียวเรียกเฉินฝานด้วยชื่ออีกครั้ง นางปกป้องฉินเย่ว์โหรว “ท่านคิดจะทำอะไรอีก”มือของฉินเย่ว์โหรวจับชายเสื้อของฉินเย่ว์เจียวไว้แน่น ดวงตาราวกับดวงดาราของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ลมหายใจสั่นเทาเมื่อเดือนที่แล้วเฉินฝานออกไปเล่นพนันและแพ้กลับมา ครั้นตื่นขึ้นมา กลางดึกเขาระบายความโกรธทั้งหมดใส่ฉินเย่ว์โหรว ด่านางที่แม้แต่อุ่นเตียงก็ทำไม่ได้ จากนั้นก็ลากนางไปที่ครัว ยัดขี้เถ้าเข้าปากนางตอนนี้เฉินฝานคงจะไม่ระบายความโกรธใส่นางอีกและยัดมูลวัวเข้าปากนางกระมัง...“เฉินฝาน ถ้าท่านทำร้ายน้องสี่ของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวตะโกนด้วยความโกรธแค้นราวกับว่านางยอมตายโดยไม่ยี่หระใด ๆ ทั้งสิ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว นางจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นได้อีกเฉินฝานส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เย่ว์เจียว เจ้าเป็นหญิงสาว อย่าคิดแต่เรื่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 10

    นี่มันอะไรกันเนี่ย?เฉินฝานขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยถาม “เย่ว์เจียว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร หรือว่าถ้าข้าหาบ ทางการจะมาจับกุมฉินเย่ว์โหรวหรือ”“หึ!” ฉินเย่ว์เจียวส่งเสียงไม่พอใจ “ทำไมถึงแสร้งโง่ สมองท่านพังไปแล้วจริง ๆ หรือไร”!!!เฉินฝานตกตะลึง หรือจะเป็นเรื่องจริงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมีจำกัด เขาจำเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆประเทศนี้มันแปลก ๆ ผู้ชายทำงานไม่ได้แล้วหรือไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ชายมีน้อยเพียงนี้ในความเป็นจริง ผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งสามารถทำงานได้ แล้วก็ยังถือว่าผู้ชายต้องแข็งแกร่งเพื่อความสวยงามอีกด้วยแต่ถ้าเฉินฝานเป็นฝ่ายเก็บมูลวัว ส่วนฉินเย่ว์โหรวกลับไปมือเปล่ามันคงจะผิดปกติผู้ชายในรัชสมัยต้าชิ่งมีสถานะสูงส่ง รู้สึกว่าผู้หญิงเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้ชาย หากเฉินฝานหาบ ฉินเย่ว์โหรวเดินกลับมือเปล่า เช่นนั้นนางจะต้องถูกผู้อื่นสาปส่งนับไม่ถ้วน จากนั้นอาจถูกฟ้องไปยังทางการโดยผู้ชายในหมู่บ้าน ถึงยามนั้นจะต้องมีบทลงโทษกฎหมายอาญากว่ายี่สิบข้อหาด้วยร่างกายปัจจุบันของฉินเย่ว์โหรว ไม่มีทางที่จะสามารถต้านทานการลงโทษเจ้าหน้าที่ได้เฉินฝานไม่รู้อะไรเลย นอกจากกังวลว่าจะมีคนฟ้องท

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 11

    ไม่ใช่ความจริงใช่ไหม!เหม่อลอยเพียงครู่เดียว ฉินเย่ว์เจียวก็ขยับมาอยู่ข้างเขาแล้ว นางเปิดผ้าห่มครึ่งหนึ่งแล้วห่มไว้บนตัวเฉินฝานอบอุ่นและมีกลิ่นหอมกลิ่นหอมจากตัวฉินเย่ว์เจียวพอ ๆ กับนิสัยดุดันของนางเข้มข้น เร่าร้อน!เฉินฝานถึงกระทั่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจผู้ชายแผ่นดินนี้ช่างมีความสุขจริงๆ !ช่วงเวลาที่เฉินฝานประทับใจ ข้างกายของเขาพลันว่างเปล่า……รู้สึกตัวอีกที ฉินเย่ว์เจียวลงจากเตียงเตาไปแล้วเวลาผ่านไปหลายวินาทีกว่าเฉินฝานจะรู้สึกตัว เมื่อครู่นี้ฉินเย่ว์เจียวเพียงแค่ช่วยให้ความอบอุ่นกับผ้าห่มเท่านั้นเขาคิดว่า……พูดตามตรง เขารู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในเล็กน้อย“แค่ก ๆ !”“ยังอุ่นไม่พอรึ” ฉินเย่ว์เจียวหันกลับมาถาม“พอแล้ว ๆ!” เฉินฝานรีบตอบพูดจบ ความจริงแล้วข้างในรู้สึกเสียดายเล็กน้อยเฉินฝาน กลัวอะไรวะ ต้องพูดว่าไม่พอสิเตียงเตาใหญ่มาก สองพี่น้องตระกูลฉินคงจะนอนอีกฝั่ง แต่เวลาผ่านไปพักใหญ่ เฉินฝานก็ไม่เห็นสองเงาของพี่น้องตระกูลฉินพลันมีเสียงแซก ๆ ดังมาจากพื้น เฉินฝานชะโงกหัวตามที่มาของเสียงสองพี่น้องตระกูลฉินปูหญ้าอยู่ตรงมุมที่ใกล้เขาที่สุด พวกนางม้วนตัวอยู่บนเตียงหญ้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 12

    เฉินฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามือของฉินเย่ว์เจียวมีอาการสั่นเล็กน้อยเมื่อหันกลับก็พบว่ามีเหงื่อเต็มหน้าผากฉินเย่ว์เจียวฉินเย่ว์เจียวแสดงสีหน้าท่าทางเป็นความกล้าหาญทันทีที่เห็นเฉินฝานหันกลับมาท่าทางดื้อรั้นของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานหัวเราะ“นั่นมันเสือ จะกลัวขายหน้าทำไม ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวแน่น “อยู่ใกล้ข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องฝืน พวกเราไม่ต้องเข้าไปลึกมาก แค่มองรอบ ๆ ว่ามีพวกกระต่ายป่าหรือนกป่าหรือไม่ก็พอ จับสักตัวสองตัวพวกเราก็กลับ ห้ามโลภเด็ดขาด”ภูเขาหัวเสือเพราะว่ามีเสือ คนจึงขึ้นมาน้อย พวกเฉินฝานจับไก่ป่าได้สามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัวได้อย่างรวดเร็ว“สวบ!”ฝีมือการยิงธนูของฉินเย่ว์เจียวไม่เลวจริง ๆ นางยิงกระต่ายได้อีกหนึ่งตัว“ยิงโดนแล้ว ข้ายิงโดนอีกแล้ว!” ฉินเย่ว์เจียววิ่งไปเก็บกระต่ายอย่างดีใจ“เย่ว์เจียว กลับมา……”“โฮก!”เสียงของเฉินฝานถูกเสียงโฮกของเสือกลบตรงหน้ามีเสือกระโจนออกมากะทะหันตัวหนึ่ง มันจ้องเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวไม่ขยับฉินเย่ว์เจียวชูคันธนูขึ้นตามสัญชาตญาณ“อย่าขยับ!” เฉินฝานตะโกนห้ามฉินเย่ว์เจียวพุ่มหญ้าด้านหลังเสือมีความ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 13

    “พี่สาม สิ่งที่นายท่านยัดเข้าไปในท้องปลาคือหญ้าเซียนนู๋หรือไม่ หญ้านั่นกินได้ด้วยหรือ!”ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวว่าไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรเสีย นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหญ้าเซียนนู๋กินได้“พี่สาม!” ฉินเย่ว์โหรวชี้ไปที่กองมันสำปะหลังในลานสวน “นั่นคืออะไรเจ้าคะ!”“ข้าไม่รู้” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัว“เหมือนท่อนไม้เลย ใช้เป็นฟืนรึ!”“ไม่ใช่!” ฉินเย่ว์เจียวส่ายหัวอีก “นายท่านบอกว่าเป็นของกิน”“ของกิน! ท่อนไม้กินได้ด้วยหรือเจ้าคะ!”“กินได้สิ! มันไม่ได้เรียกว่าท่อนไม้ มันชื่อว่ามันสำปะหลัง” เฉินฝานยืนขึ้นแล้วไปหยิบมันสำปะหลังสามอันยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรมา “มา พวกเจ้ามานี่แล้วเอามันสำปะหลังสามอันนี้ไปขูดเปลือกออกซะ จากนั้นนำไปต้มนะ”มันสำปะหลังในหม้อต้มสุกอย่างรวดเร็ว ปลาเผาบนถ่านก็ส่งกลิ่นหอมอบอวล เฉินฝานโรสเกลือลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมของปลาเผาลอยออกอบอวลไปทั่วเรือนในทันใด“หอมจัง!”แม้ว่าฉินเย่ว์โหรวออกเรือนเป็นภรรยาคนแล้ว แต่นางยังเด็กมาก นางจ้องปลาเผาที่อยู่บนฝืนไม่ขยับพลางกลืนน้ำลายอย่างควบคุมไม่ได้ฉินเย่ว์เจียวโตกว่าเล็กน้อย จึงไม่ได้แสดงออกชัดเจนเท่าฉินเย่ว์โหรว แต่นางแอบกลืนน้ำลายไปหล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 14

    กินอาหารง่าย ๆ เสร็จ เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็เตรียมตัวจะไปขายไก่ป่ากับกระต่ายในเมืองฉินเย่ว์โหรวร่างกายอ่อนแอจึงอยู่เฝ้าเรือนแทนหมู่บ้านซานเหออยู่ในเมืองที่มีชื่อว่าเมืองหลีผิง จากหมู่บ้านซานเหอไปยังตลาดในเมืองเพียงสิบกว่าลี้ ระยะห่างไม่ไกลมากนักคนชนบทเป็นคนตื่นเช้า เมื่อเฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวเดินมาถึง ในตลาดก็เต็มไปด้วยเสียงเรียกขายของต่าง ๆ ดังไม่ขาดสายสำหรับฉินเย่ว์เจียวแล้ว การขายไก่ป่ากับกระต่ายเป็นสิ่งที่นางคุ้นเป็นอย่างดี“น้องเย่ว์เจียวมาแล้วหรือ วันนี้ล่าได้สัตว์อะไรมาล่ะ”สตรีวัยกลางคนขายไช้กัวอยู่ข้าง ๆ ถามขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นฉินเย่ว์เจียวแต่เมื่อสตรีวัยกลางคนเห็นเฉินฝานที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินเย่ว์เจียวแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันใด ตามมาด้วยการมองเฉินฝานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อก่อนเฉินฝานตามมาเอาเงินทั้งนั้น เมื่อได้เงินแล้วก็เอาไปเล่นพนันทันที คนที่นี่จึงไม่ต้อนรับเขามากนักฉินเย่ว์เจียวยกไก่ป่าขึ้นมา “ท่านป้า วันนี้ข้าจับไก่ป่าได้เจ้าค่ะ!”สตรีวัยกลางคนก้มศีรษะลงและมอง “โอ้โห ไก่ป่าตัวนี้ช่างอ้วนท้วนเหลือเกิน วันนี้น้องเย่ว์เจียวจะรวยแล้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 15

    ฉินเย่ว์โหรวไม่ได้สติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกลิ่นผู้ชายของเฉินฝานเข้าใกล้มาก ๆ ยิ่งรู้สึกอยากแนบชิดสองแขนโอบล้อมคอเฉินฝานและกดลงมาปกติเขินอายไร้เดียงสาเหมือนเจ้ากระต่ายน้อย แต่เวลานี้กลับเร่าร้อนดั่งเปลวไฟ“นายท่าน นายท่าน……”เสียงออดอ้อนเว้าวอนดังออกมาจากริมฝีปากแดงอมชมพูของนางเฉินฝานอดกลั้นอย่างทรมาน เมื่อฉินเย่ว์โหรวใจร้อนถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่เป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปเมื่อทุกอย่างกำลังจะสุกงอม……ทันใดนั้น……สีแดงพราวเป็นแผ่นขยายวงกว้างต่อหน้าเฉินฝานช้า ๆมาพร้อมด้วยเสียงร้องปวดจากฉินเย่ว์โหรว เสียงหายใจถี่หายไปและปรับเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นน่าสงสารในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา นางมองเฉินฝานด้วยแววตาตัดพ้อ: “นายท่าน ท่าน……อ่อนโยนหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ!”เวลานี้ฉินเย่ว์โหรวรู้สึกเพียงแต่มวนท้อง โดยเฉพาะท้องน้อยที่เจ็บจี๊ดเหมือนโดนมีดบาดเฉินฝานเข้าใจคำตำหนิทันทีราวกับแววตาของฉินเย่ว์โหรวพูดได้แต่ตอนนี้เขารู้สึกจนใจและน้อยใจมากกว่านี่ไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดอาการฉีกขาด!เขาอยากทำอะไรสักอย่าง แต่เขายังไม่ทันได้เริ่มเลย!เพราะประจำเดือนของฉินเย่ว์โหรวมาพอดีต่างหาก!นาง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 16

    ฉินเย่ว์เจียวดึงคันธนูแล้วเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าฉินเย่ว์โหรวใบหน้าของหลี่ซานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พานางออกไป ข้าไม่เชื่อว่านางจะกล้าลงมือ!”ชายทั้งสองยังคงเดินหน้าต่อไป ฉินเย่ว์เจียวถูกบีบให้ล่าถอยไปทีละก้าว สายตาเห็นว่าจะโจมตีฉินเย่ว์โหรว“ใครก็ตามที่กล้าพาน้องสี่ของข้าไป ข้าจะยิงพวกเจ้าให้ตายด้วยลูกธนูดอกเดียว!” ฉินเย่ว์เจียวตะโกนลั่น พร้อมดึงสายธนูในมือให้โค้งได้มากที่สุด“พี่สาม อย่าเลย!”ฉินเย่ว์โหรวกอดฉินเย่ว์เจียว “ให้เรื่องจบเท่านี้เถิด ข้าจะไปกับพวกเขาเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตอีก”ฉินเย่ว์โหรวหลับตาอย่างยอมแพ้ ยังคิดด้วยซ้ำว่าหลีกเลี่ยงจูต้าอันก็พอแล้วแต่ทำไมนางถึงลืมเรื่องที่นางถูกขายให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนไปอีกแล้ว“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรน่ะ! มาเลย!” ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเป็นสีแดงเข้ม นางกัดฟันและตะโกนเสียงดัง “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาตายด้วยกัน!”“จะตายอะไร จะรอดอะไรน่ะ!” เฉินฝานคว้าด้ามธนูจากมือของฉินเย่ว์เจียว “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง อย่าเอาแต่ต่อสู้ฆ่าฟันทั้งวัน เจ้าไม่ฟังคำของข้าเลยหรือไร”“เฉินฝาน ท่านปล่อยข้า!”ความจริงที่ว่าฉินเย่ว์

Latest chapter

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 730

    เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 729

    เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 728

    “ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 727

    เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 726

    เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 725

    ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 724

    “สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 723

    “ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 722

    ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ

DMCA.com Protection Status