เพล้ง !
เสียงกระเบื้องเคลือบตกลงกระทบกับพื้นแตกกระจายทั่วทั้งพื้นห้องน้ำหวานสีแดงสดสาดกระเซ็นโดนปลายกระโปรงของหยางซูฉิน ไม่พอเท่านั้นนางยังยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองแรงๆไปทีหนึ่ง ลู่เหยียนซินมองนางด้วยความตื่นตะลึง
'นี่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?’
"พระชายา หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ"
หยางซูฉินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องนางมองมาที่ลู่เหยียนซินด้วยแววตาที่ชิงชัง เรียวปากของนางเหยียดยิ้มออกมาพลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้า
เสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางสร้างความรำคาญให้แก่ลู่เหยียนซินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้เป็นอย่างมาก นางจ้องมองการกระทำของหยางซูฉินด้วยสายตาแข็งกร้าวจนหยางซูฉินเองรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างกาย
หากเป็นแต่ก่อนลู่เหยียนซินคงจะอาระวาดหนักไปแล้วแต่วันนี้นางกลับนิ่งเงียบนั่งมองหยางซูฉินแสดงละครด้วยสีหน้านิ่งเฉย ลู่เหยียนซินกรอกตามองไปที่หยางซูฉินผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเผยตัวตนที่เลวทรามให้ลู่เหยียนซินเห็นมาหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่มีผู้ใดมองเห็นมันเสียที
ปัง!
ประตูห้องนอนของนางถูกถีบออกด้วยฝ่าเท้าของบุรุษชุดคลุมสีเขียวหยก ใบหน้าหล่อเหลาอันไร้ที่ติแต่กลับใช้สายตาแข็งกร้าวดุจเหยี่ยวมองมาที่ลู่เหยียนซินก่อนสลับมองไปที่หยางซูฉิน
เมื่อเห็นสภาพนางที่นั่งจมปุกอยู่ที่พื้นห้องและเห็นเสี้ยวใบหน้านางนั้นมีรอยแดงจากฝ่ามือปรากฎขึ้น ความโกรธเกรี้ยวก็เริ่มฉายชัดในแววตาของอ๋องฉิน
เขาย่างกรายเข้ามาหาลู่เหยียนซินออกแรงดึงแขนนางให้ลุกขึ้นจากเตียงและยกมือขึ้นตบเข้าไปที่ใบหน้าของนางฉาดหนึ่งจนนางล้มลง
ตบนางแรงมากจนกระทั่งใบหน้าสะบัดไปด้านข้างเลยทีเดียว
เขาย่อตัวลงใช้สองนิ้วออกแรงบีบที่คอของนางคล้ายมีเจตนาจะบีบให้กระดูกแหลกคามืออย่างไรอย่างนั้น ดวงตาเกรี้ยวกราดเหมือนพายุอันบ้าคลั่งกัดฟันกรอดแล้วพูดขึ้นว่า
"เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ"
มุมปากของลู่เหยียนซินมีเลือดไหลออกมาแล้ว นางรู้สึกเจ็บมากแต่ก็ยังฝืนยิ้มขึ้นอย่างยากลำบากพร้อมจ้องหน้าเขา….
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้แตะต้องหยางซูฉินอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะหักมือเจ้าทิ้งเสีย"
"ท่านอ๋องโปรดอย่าทำร้ายพระชายาเลยเพคะเป็นหม่อมฉันที่ไม่ดีเอง พระชายาไม่ชอบที่ข้าเข้ามาที่จวนท่าน แต่ว่าข้า…ข้าเพียงแค่ทนคิดถึงท่านอ๋องไม่ไหว ฮือฮือ"
ลู่เหยียนซินใช้ปิ่นปักผมของนางปักเข้าที่ต้นขาของอ๋องฉินจนเขาต้องยอมปล่อยมือออกจากใบหน้าของนาง ลู่เหยียนซินหลุดพ้นจากพันธนาการนั้นชั่วคราว
"ท่านอ๋อง! เจ็บมากหรือไม่เพคะ" หยางซูฉินรีบลุดเข้ามาดูแผลของอ๋องฉินทันที
ลู่เหยียนซินกระเถิบตัวถอยห่างจากคนทั้งคู่ นางถุยเลือดลงบนพื้นห้องพลางเหลือบมองไปยังพวกเขาด้วยแววตารังเกียจ
ลี่ถิงที่เพิ่งกลับจากโรงครัวก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบกุลีกุจอไปประคองลู่เหยียนซินขึ้นทันที
อ๋องฉินมองเห็นแววตาว่างเปล่าที่คละคลุ้งไปด้วยความกรุ่นโกรธไม่มีแววตาของความรักหลงเหลืออยู่เลย เขานึกแปลกใจมากทีเดียวเพราะแต่ก่อนลู่เหยียนซินจะพยายามเข้าหาเขาตลอดพร้อมทั้งแสดงแววตาอันหวานซึ้งว่ารักใคร่เขามากเพียงไหนแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป!
"ข้าไม่ได้ทำ!"
"หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด!"
"ข้าเจ็บหนักถึงเพียงนี้จะเอาแรงที่ไหนไปตบตีคนรักของท่านกัน"
นางเอ่ยปากบอกพลางเหยียดยิ้มที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นและแววตาที่แข็งกร้าว
"เป็นนางที่เข้ามาแล้วหาเรื่องข้าเอง"
"หม่อมฉันเห็นกลับตาว่าพระชายาตบคุณหนูจนล้มลงเพคะ"
"หุบปาก! บ่าวรับใช้เช่นเจ้ากล้าโป้ปดต่อหน้าท่านอ๋องงั้นเหรอ!" ลู่เหยียนซินตะคอกใส่สาวใช้ของหยางซูฉินเสียงดังส่งผลให้หญิงสาวทั้งสองสะดุ้งตกใจไปไม่น้อย
"ผิวหน้าของเจ้าคงบอบบางมากช่างไม่เหมือนความใจกล้าที่เจ้ามีสักเพียงนิด ท่านอ๋องผู้ปราดเปรื่องหากท่านจะสืบสาวราวเรื่องจริงๆ ท่านย่อมรู้ว่าใครพูดจริงพูดปดกันแน!"
อ๋องฉินคิดตามคำพูดของลู่เหยียนซินแล้วหันมองไปยังหยางซูฉินเขามองเห็นความผิดปกติบางอย่าง อาจจะเป็นเพราะความเกลียดชังที่มีต่อลู่เหยียนซินจึงทำให้เขาเลอะเลือนมองเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ถี่ถ้วน
"ท่านอ๋องหม่อมฉันเจ็บเพคะ"
"ข้าเป็นชายาของท่านอยู่ในจวนของท่าน หากสืบสวนแล้วสรุปว่าข้าผิดจริงท่านสามารถลงโทษข้าได้ทุกเมื่อ" นางกล่าวด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทน
"แต่ตอนนี้พวกท่านรบกวนเวลาพักผ่อนของข้าแล้วเชิญพวกท่านออกไปเสียข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกท่าน หากพวกท่านอยู่นานมันพาลทำให้ข้าอารมณ์เสียแล้วทำเรื่องผิดๆขึ้นมาจริงๆ"
นางพูดด้วยความเร็วน้ำเสียงนิ่งสายตาที่จับจ้องมายังหยางซูฉินนั้นแข็งกร้าวแลดูเยือกเย็นจนนางรู้สึกขนลุกขนชัน
อ๋องฉินมองลู่เหยียนซินนิ่งเขามองเห็นความหยาบกระด้างของวาจาและสายตาที่นางแสดงออกมา ความรักใคร่ที่นางเคยมีให้เขาเหมือนจะจางหายไปจนหมดสิ้นสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก
"ท่านอ๋อง เราไปกันเถอะเพคะ"
"เจ้าอย่าได้สร้างเรื่องอีกครั้งนี้ข้าจะกักบริเวณเจ้าแต่หากเจ้ายังไม่สำนึกคิดก่อเรื่องขึ้นอีก ครั้งหน้าข้าจะไม่ให้เจ้าได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย"
พูดจบก็ประคองหยางซูฉินออกไปจากเรือนแห่งนี้ทันที
"ท่านควรดูแลคนของท่านให้ดี อย่าให้นางมารบกวนข้าก็พอ!"
อ๋องฉินหันมองนางขวับด้วยใบหน้าบึ้งตึงเขาเห็นนางส่งยิ้มที่มุมปากพลางโบกมือให้ แวบนึงยังนึกสงสัยว่านางคือลู่เหยียนซินชายาที่เขาแต่งเข้ามาหรือไม่ นางไม่หลงเหลือแววตาของผู้หญิงที่คลั่งรักชายหนุ่มเลยสักนิด มีเพียงความว่างเปล่า ใช่แล้วเขาสัมผัสได้ว่าแววตาของนางนั้นว่างเปล่ามาก!
หยางซูฉินเองก็หันมามองนางด้วยสายตาเกลียดชัง ‘สักวันเถอะข้าจะขึ้นเป็นพระชายาเอกและจะเขี่ยเจ้าออกจากจวนนี้ให้จงได้!!’
ทั้งคู่รีบเดินออกไปจากบริเวณเรือนซินหยางทันที หลังจากนั้นความเงียบสงบก็เข้ามาแทนที่ทำให้ลู่เหยียนซนเริ่มรู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้น
"ไปได้เสียทีทำตัวน่ารังเกียจเสียจริง ตาอ๋องบ้านั่นก็ช่างขี้เก๊กโง่เง่าเหมือนตัวอะไรสักอย่าง รู้เช่นนี้ข้าน่าจะตบเรียกสติสักทีสองทีท่าจะดีไม่น้อยเลย”
“!”
“เจ้าเป็นอะไรเหตุใดต้องทำหน้าเช่นนั้นด้วย?”
“พระชายาเมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะเพคะ”
“เฮ้อ…ช่างเถอะถือว่าไม่ได้ยินแล้วกัน เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าทีเตรียมน้ำให้ข้าด้วยข้าอยากแช่น้ำแล้วเหนื่อยเหลือเกิน"
"เพคะพระชายา"
ลู่เหยียนซินค่อยๆถอดอาภรณ์ออกทีละชิ้น แม่เจ้าโว้ย! ทำไมมันหลายชั้นขนาดนี้กันล่ะเนี่ย! นางปลดชุดออกด้วยความยากลำบากแล้วค่อยๆก้าวลงไปในน้ำ เมื่อผิวกายสัมผัสกับความอุ่นของน้ำก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบบนแผ่นหลังที่หลงเหลืออยู่
"พระชายาเมื่อครู่ท่านไม่ควรทำร้ายท่านอ๋องเลยนะเพคะ"
"พวกนั้นหาเรื่องข้าก่อนนี่นา"
"หม่อมฉันก็เพียงแต่กลัวว่าท่านอ๋องจะลงโทษพระชายาอีก ตั้งแต่ท่านแต่งเข้ามาในจวนแห่งนี้ก็ไม่เคยเห็นท่านกล้าต่อปากต่อคำกับท่านอ๋องเลยสักครั้ง แต่วันนี้ท่านกลับกล้าต่อปากต่อคำทั้งยังทำร้ายท่านอ๋องด้วยคิดว่าพวกเราคงไม่พ้นที่จะต้องอดอาหารกันอีกแน่นอนเลยเพคะ"
"อดอาหารงั้นหรือ?"
"ใช่แล้วเพคะครั้งก่อนที่ท่านสั่งคนไปทำร้ายคุณหนูหยางผู้นั้น ท่านอ๋องโกรธมากสั่งโบยท่าน50ไม้และสั่งห้ามไม่ให้ส่งอาหารมาที่เรือนตั้งสามวันเลยนะเพคะ"
"สามวันเลยหรือ!"
ลู่เหยียนซินได้ยินดังนั้นเหงื่อตกทันทีสั่งกักบริเวณนางยังพอทนได้แต่จะให้นางอดอาหารนั้นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด! นางต้องทำอะไรสักอย่าง
"พระชายาถ้าอาบน้ำเสร็จแล้วหม่อมฉันจะทายาที่หลังและเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้นะเพคะ"
"อืม"
‘ให้อดอาหารตั้งสามวันนี่มันเท่ากับฆ่ากันชัดๆ เรื่องกินสำหรับข้าเรื่องใหญ่เลยนะ ไม่ได้ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง!!’
-เรือนฉางหมิง จวนอ๋องฉิน-"ท่านอ๋องอย่าลงโทษพระชายาอีกเลยนะเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ไม่ระวังเองหากลงโทษนางอีกเกรงว่าร่างกายของพระชายาจะรับไม่ไหว""อืม วันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ""แต่ว่าท่านอ๋อง...""เจ้าเองก็หายดีแล้วหากอยู่ที่นี่นานจะมีแต่คำติฉินนินทา วันนี้ข้าต้องเข้าวังเจ้ากลับไปก่อนไว้ข้าจะหารือเรื่องของเรากับฝ่าบาทอีกครั้ง""เช่นนั้นก็ได้เพคะหม่อมฉันทูลลา"หลังหยางซูฉินจากไปอ๋องฉินก็เข้าไปในห้องตำราก่อนจะนั่งลงพลางครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ดูจากหลักฐานแล้วลู่เหยียนซินไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อนแน่นอนแล้วหยางซูฉินจะใส่ความนางทำไมกัน?หากเป็นแต่ก่อนมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่พ้นที่นางจะโวยวายและเป็นฝ่ายตบตีหยางซูฉินก่อนเป็นแน่ แต่ครั้งนี้ต่างไปนางนิ่งเงียบแววตาไร้ซึ่งอารมณ์กรุ่นโกรธเหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น"ท่านอ๋องให้เรียกท่านหมอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่จำเป็น"อ๋องฉินที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผุดลุกขึ้นทันทีคราบเลือดเริ่มแห้งลงบ้างแล้ว เขาไม่สนใจบาดแผลนี้เลยสักนิดก่อนจะหันมองไปยังองค์รักษ์คนสนิท"ชิงอี""ท่านอ๋องเชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ""สั่งให้
วันรุ่งขึ้นลู่เหยียนซินถูกลี่ถิงปลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้า ดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นปากของนางก็ยังหาวหวอดๆ อยู่เลย “ลี่ถิง ข้าต้องแต่งตัวเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”“เตรียมตัวไว้เพคะพระชายา ท่านยังต้องกินอาหารก่อนเข้าวังอีกนะเพคะหากท่านอ๋องต้องคอยนานเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกทำโทษอีก”“ก็ได้”ทางด้านเรือนฉางหมิงเมื่อเห็นว่าจวนจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นนางออกมา อ๋องฉินที่กำลังจะสั่งให้ชิงอีไปเรียกในตอนนั้นลู่เหยียนซินก็เดินออกมาพอดี นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูหวานปักลวดลายดอกไม้สวยงามขับสีผิวขาวเนียนใส ที่เอวยังคาดเครื่องประดับสีเดียวกัน ทำให้เอวระหงยิ่งดูอรชรมากขึ้นดูอ่อนช้อยน่าหลงใหล มวยผมที่เกล้าขึ้นยังมีที่ปักผมรูปหางหงส์หยกดิ้นทองประดับอยู่เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆหวานใส แก้มแดงระเรื่อเมื่อโดนแสงแดดกลับสว่างใสมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที“ไปกันได้หรือยังข้ามีงานต้องกลับมาทำต่อนะ”“.....”‘เป็นเขาที่รอนางนานไม่ใช่หรืออย่างไรกัน นางมาช้ายังจะกล้าบ่นอีก’อ๋องฉินเดินนำหน้านางไปยังหน้าประตูจวน ลู่เหยียนซินหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นรถม้า ‘ไหนบอกว่ารีบ? รถม้าสักคันก็ไม่เห็นเตรียมเอาไว้แล้วจะมาเร่งนางทำไมกัน’ลู่เหยียนซิ
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ