เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้น
เขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆ
หมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก
“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
“ทำไมพวกเจ้าถึงยืนอยู่ตรงนี้ล่ะข้าได้ยินมาว่าพระชายาก็มาด้วย แล้วตอนนี้นางไปอยู่เสียที่ไหน”
ก่อนหน้านี้เขามาถึงหน้าหมู่บ้านก็มองเห็นรถม้าจอดอยู่หนึ่งคันแต่เมื่อมองเข้าไปกลับไม่เห็นผู้ใดเลยสักคน แม่ทัพฮั่วหันมองไปโดยรอบเขาเห็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งการแต่งกายคล้ายสาวใช้ ‘อาจจะเป็นสาวใช้ของพระชายากระมัง’
“พระชายารักษาคนเจ็บอยู่ด้านในขอรับท่านแม่ทัพ”
“หืม เจ้าบอกว่าพระชายาของพวกเจ้ารักษาคนเจ็บอยู่เช่นนั้นหรือ”
“เป็นเช่นนั้นขอรับ”
ชิงอียิ้มแห้งๆ ตัวเขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่าพระชายามีทักษะทางการแพทย์เมื่อครู่นี้เหมือนกัน แม้ท่าทางของนางจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใดนักแต่เมื่อถึงเวลาจวนตัวชีวิตที่ไร้หนทางรักษาขนาดท่านหมอผู้เก่งกาจยังส่ายหัว เมื่อนางเสนอตัวรักษาให้เป็นใครก็ไม่อาจละทิ้งโอกาสนี้ไปได้
“ท่านแม่ทัพพระชายาไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน ท่านนั่งคอยอยู่ตรงนี้เถิดขอรับอย่าเข้าไปรบกวนนางเลย หากไปขัดใจนางเข้าอาจจะโดนดุเอานะขอรับ”
แม่ทัพฮั่วเชื่อตรงจุดนี้เขาเคยไปร่วมงานแต่งงานของอ๋องฉินและอยู่ร่วมงานมงคลไปสามวันเต็มๆ เห็นความร้ายกาจของนางมาบ้างแล้วการอยู่ให้ห่างจากนางจึงเป็นการดีที่สุด
การรอคอยที่ยาวนานของทุกคนก็สิ้นสุดลงเมื่อประตูถูกเปิดออกพร้อมใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าของลู่เหยียนซินที่เดินออกมาข้างนอก นางปิดประตูลงแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าคนในนั้นจะตื่นตกใจอย่างไงอย่างนั้น
“แม่นางเป็นเช่นไรบ้างขอรับ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ รอดูอาการของนางสักสองชั่วยามหากไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นก็แสดงว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“จริงหรือขอรับ” ผู้ใหญ่บ้านได้ยินดังนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“เวลานี้ท่านก็คอยเฝ้าดูอาการของนางเอาไว้เมื่อนางฟื้นขึ้นมาพยายามอย่าให้นางขยับตัวมากหากบาดแผลปริแตกออกมาอีกน่ากลัวว่าข้าจะได้เย็บแผลซ้ำถึงตอนนั้นนางอาจจะเจ็บปวดทรมานมากกว่านี้ก็เป็นได้”
“ขอบคุณแม่นางมากเลยขอรับ”
“พระ…” ลู่เหยียนซินถลึงตาใส่ลี่ถิงทันที เป็นการบอกว่าอย่าได้เอ่ยฐานะของนางให้คนอื่นได้ล่วงรู้
“เอ่อ…นายหญิง ท่านดูเหนื่อยมากแล้วไปพักด้านนั้นก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”
ลี่ถิงที่พึ่งโดนนายสาวของตนดุผ่านสายตาไปหมาดๆ ออกปากชวนนางไปพักผ่อนเมื่อเห็นว่าพระชายาของตัวเองเริ่มมีใบหน้าซีดลงเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าดูแล้วคงจะเหนื่อยน่าดู
“ก็ดีเหมือนกัน ฝากเรียนท่านหมอดูแลนางต่อด้วยนะ”
“ขอรับแม่นาง”
นางออกเดินมาที่ร่มไม้ใหญ่เพราะแสงแดดที่เจิดจ้าเกินไปทำให้นางต้องหลี่ตาและก้มหน้าลงเลยไม่ได้สังเกตถึงการปรากฎตัวของคนผู้หนึ่ง นางนั่งลงบนเก้าอี้ทั้งยังเอ่ยปากถามชิงอีเสียงดัง
“ชิงอี ตาอ๋องบ้านั่นจะกลับมาเมื่อไหร่”
แม่ทัพฮั่วได้ยินดังนั้นก็ทำตาโตทันที เหตุใดพระชายาที่ดูจะคลั่งรักท่านอ๋องมากนั้นถึงได้เรียกขานเขาเช่นนั้นกันล่ะ
“พระชายาข้าน้อยไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเพียงแต่รับสั่งให้พระชายาไปพักที่จวนเจ้าเมืองก่อนท่านจะกลับเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
นางที่นั่งหลับตาฟังอยู่ก็ลืมตาขึ้นมองไปยังเรือนด้านหน้าที่บัดนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตาล้อมรอบอยู่
“ยังก่อน รออีกสักสองชั่วยามเถอะ”
นางบอกก่อนจะหันมามององค์รักษ์หนุ่มแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อสายตาประสานเข้ากับบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง หน้าตาช่างคุ้นเคยเหลือเกินเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?
“ท่านคือ?…”
“ข้าน้อยคิดว่าพระชายาจะไม่ทักเสียแล้วข้าคือแม่ทัพฮั่วนามว่าฮั่วซื่อเหลียน ประจำการอยู่ที่เมืองจี้โจวแห่งนี้แทนท่านเจ้าเมืองพ่ะย่ะค่ะ”
“แม่ทัพฮั่วเช่นนั้นหรือมิน่าข้าถึงได้คุ้นหน้าท่านยิ่งนัก แล้วท่านมาทำอันใดที่นี่กัน”
“ท่านอ๋องรับสั่งให้ข้าน้อยมาดูแลท่านพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูแลข้า? ข้าเนี่ยนะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้มาดูแลหรือให้มาเฝ้ากันแน่ จะไม่ให้ข้ามีอิสระเลยหรืออย่างไรกัน!”
นางกอดอกมุ่ยหน้าทันทีสีหน้าของนางแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด เมื่อนึกถึงใบหน้าของฉินอ๋องผู้นั้นแล้วนางก็อารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆ
ภูมิทัศน์โดยรอบของเมืองแห่งนี้เป็นภูเขาที่ราบสูงสลับกับเนินเขา อ๋องฉินขึ้นมายังหุบเขาใกล้ๆกับหุบเขาหูซานเมื่อมองลงไปด้านล่างนั้นก็มองเห็นหมู่บ้านหลายๆหมู่บ้าน แม่น้ำที่รายล้อมป่าเขาทอดยาวพาดผ่านหมู่บ้านมู่หลางและหมู่บ้านโดยรอบเมือง แต่น้ำที่อยู่ในแม่น้ำกลับดูมีปริมาณน้อยเกินไปเห็นได้ชัดว่าเมืองแห่งนี้มีความแห้งแล้งหนักมาก
อ๋องฉินลาดตระเวนโดยรอบแต่ไม่พบโจรป่าสักคนพวกนั้นน่าจะอยู่ที่หุบเขาหูซานเป็นหลัก เขาต้องกลับไปวางแผนการโจมตีที่ตัวเมืองอีกครั้ง เพื่อลดความสูญเสียทหารหากต้องมีการต่อสู้กันขึ้นมา เขาจึงหันหลังกลับมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านมู่หลางทันที
เดิมอ๋องฉินตั้งใจจะส่งลู่เหยียนซินไปพักในจวนเจ้าเมืองก่อนแต่เพราะเหตุภัยคุกคามจากโจรป่าเขาจึงรีบเร่งออกตรวจสอบหมู่บ้านและหุบเขาโดยรอบเมืองทันที เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านองครักษ์คนสนิทก็รายงานว่าพระชายานั้นมุ่งหน้าไปยังลานที่รวบรวมคนบาดเจ็บไว้
“พวกเจ้ารอข้าสักครู่เดี๋ยวข้ามา”
"พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"
อ๋องฉินเร่งฝีเท้าไปยังลานกว้างนั้นทันทีแม่ทัพฮั่วเห็นดังนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอ๋องผู้นี้ยังมีแก่ใจห่วงชายาของตัวเองที่บอกว่าไม่ได้สนใจนางคงเป็นเขาที่โป้ปดกระมัง
ข่าวในเมืองหลวงนั้นแว่วมาว่าอ๋องฉินผู้นี้นั้นรังเกียจพระชายาของตัวเองยิ่งนักแต่มาตอนนี้กลับตาลปัตรต่างจากสิ่งที่ได้ยินอย่างสิ้นเชิง ก็ตอนนี้ท่านอ๋องนั้นตามติดพระชายาอย่างกับกลัวว่านางจะได้รับอันตรายอย่างไรอย่างนั้น
“ลู่เหยียนซิน!”
เสียงดุดันนั้นไม่หันไปมองก็รู้ว่าใครเป็นพูดออกมา ลู่เหยียนซินเพียงแค่หันไปมองเขาครู่เดียวแล้วหันกลับไปทำแผลต่อ
“ไหนเจ้าบอกว่าจะอยู่ดูแค่ครู่เดียวแล้วจะเข้าเมืองไปรอที่จวน แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่อีก”
เขามองใบหน้านางที่มีเหงื่อผุดขึ้นมาตรงหน้าผากสายตาของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าเรียบเฉยนั้นอ๋องฉินเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว เขาถามนางไปแต่ไม่ได้รับคำตอบ ‘นางหูหนวกหรืออย่างไรกัน!’
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าถามหรืออย่างไร”
“ได้ยินเพคะ ข้าแค่อยากช่วยเหลือพวกเขาไม่เห็นหรืออย่างไรกันว่าที่นี่มีหมอแค่คนเดียวรักษาคนเจ็บแทบไม่ทันอยู่แล้ว”
“ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพระชายาของท่านอ๋องมีทักษะทางการแพทย์ด้วย” แม่ทัพฮั่วเอ่ยออกมาพลางอมยิ้มเขาเดินตามอ๋องฉินมาติดๆ เพราะกลัวว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันหนักท่ามกลางสายตาชาวบ้านที่มองดูอยู่ห่างๆ
“พระชายาหรือ!”
“คนที่รักษาบาดแผลให้พวกเราคือพระชายานั่นเอง'”
ชาวบ้านที่กำลังถูกรักษาแผลอยู่นั้นเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวตรงหน้าของตัวเองคือพระชายาอ๋องฉิน ก็ตกใจรีบลนลานจะลุกขึ้นไปก้มกราบจนทำให้แผลที่นางเพิ่งเย็บเสร็จเมื่อครู่เกือบจะปริแตกออกมาแล้ว
นางถลึงตามองเขาทันทีแววตานางดูดุดันยิ่งนัก “อย่าขยับ! แผลเจ้าจะปริออกมาได้ตอนนี้ข้าคงต้องเย็บแผลสดๆของเจ้าใหม่แบบไม่มียาชา”
ชาวบ้านคนนั้นเมื่อได้ยินว่าอาจต้องเย็บแผลใหม่ถึงกับรีบนอนนิ่งไปทันที
“ข้ามารักษาคนเจ็บ หาได้ก่อกวนใครเสียหน่อยเหตุใดต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
อ๋องฉินมองหน้านางอย่างนึกสงสัย นางมีทักษะการแพทย์ด้วยเช่นนั้นหรือ?
“ท่านถอยออกไปหน่อยเถอะ อย่าขวางทางข้า”
อ๋องฉินจำต้องยอมถอยร่นออกมาหลังจากพินิจดูแล้วว่านางเพียงแค่รักษาคนเจ็บไม่ได้ก่อเรื่องแต่อย่างใดจึงสั่งให้ชิงอีคอยอยู่ดูแลนางอีกที เขาเดินไปนั่งรอนางที่ร่มไม้แต่โดยดีแต่ก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากนาง แม่ทัพฮั่วเห็นดังนั้นก็เหยียดยิ้มที่มุมปากทันที
‘มันยังไงกันนะคู่นี้’
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
-เรือนซินหยาง จวนอ๋องฉิน-"พระชายาเพคะ พระชายา"เสียงเรียกจากสตรีนางหนึ่งลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟัง ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเปลือกตาบางค่อยๆ แย้มกระพริบขึ้น นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างเพรียวบางพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยมีสาวใช้คนสนิทประคองตัวนางช่วยอีกแรงลู่เหยียนซินหันมองรอบๆ ห้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้นดวงตาเล็กเรียวทอดมองมายังหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังมีหยาดน้ำตานองเต็มดวงตากำลังนั่งมองนางด้วยความดีใจอย่างที่สุด"เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพระชายางั้นหรือ""เพคะพระชายา ท่านคงไม่ใช่ว่าได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้หรอกนะเพคะ"สาวใช้คนสนิทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มานานนับหลายวันและมีทีท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งลู่เหยียนซินพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมานั้นในช่วงเวลาหนึ่งที่คล้ายกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ลู่เหยียนซินเห็นตัวเองอยู่ในห้องผ่าตัดนางกำลังผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงส่งผลต่อเด็กในครรภ์โดยตรง การผ่าตัดใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆทุกวินาทีนั้นมีค่าห
เพล้ง !เสียงกระเบื้องเคลือบตกลงกระทบกับพื้นแตกกระจายทั่วทั้งพื้นห้องน้ำหวานสีแดงสดสาดกระเซ็นโดนปลายกระโปรงของหยางซูฉิน ไม่พอเท่านั้นนางยังยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองแรงๆไปทีหนึ่ง ลู่เหยียนซินมองนางด้วยความตื่นตะลึง 'นี่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?’"พระชายา หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ"หยางซูฉินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องนางมองมาที่ลู่เหยียนซินด้วยแววตาที่ชิงชัง เรียวปากของนางเหยียดยิ้มออกมาพลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้าเสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางสร้างความรำคาญให้แก่ลู่เหยียนซินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้เป็นอย่างมาก นางจ้องมองการกระทำของหยางซูฉินด้วยสายตาแข็งกร้าวจนหยางซูฉินเองรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างกายหากเป็นแต่ก่อนลู่เหยียนซินคงจะอาระวาดหนักไปแล้วแต่วันนี้นางกลับนิ่งเงียบนั่งมองหยางซูฉินแสดงละครด้วยสีหน้านิ่งเฉย ลู่เหยียนซินกรอกตามองไปที่หยางซูฉินผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเผยตัวตนที่เลวทรามให้ลู่เหยียนซินเห็นมาหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่มีผู้ใดมองเห็นมันเสียทีปัง!ประตูห้องนอนของนางถูกถีบออกด้วยฝ่าเท้าของบุรุษชุดคลุมสีเขียวหยก
-เรือนฉางหมิง จวนอ๋องฉิน-"ท่านอ๋องอย่าลงโทษพระชายาอีกเลยนะเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ไม่ระวังเองหากลงโทษนางอีกเกรงว่าร่างกายของพระชายาจะรับไม่ไหว""อืม วันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ""แต่ว่าท่านอ๋อง...""เจ้าเองก็หายดีแล้วหากอยู่ที่นี่นานจะมีแต่คำติฉินนินทา วันนี้ข้าต้องเข้าวังเจ้ากลับไปก่อนไว้ข้าจะหารือเรื่องของเรากับฝ่าบาทอีกครั้ง""เช่นนั้นก็ได้เพคะหม่อมฉันทูลลา"หลังหยางซูฉินจากไปอ๋องฉินก็เข้าไปในห้องตำราก่อนจะนั่งลงพลางครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ดูจากหลักฐานแล้วลู่เหยียนซินไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อนแน่นอนแล้วหยางซูฉินจะใส่ความนางทำไมกัน?หากเป็นแต่ก่อนมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่พ้นที่นางจะโวยวายและเป็นฝ่ายตบตีหยางซูฉินก่อนเป็นแน่ แต่ครั้งนี้ต่างไปนางนิ่งเงียบแววตาไร้ซึ่งอารมณ์กรุ่นโกรธเหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น"ท่านอ๋องให้เรียกท่านหมอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่จำเป็น"อ๋องฉินที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผุดลุกขึ้นทันทีคราบเลือดเริ่มแห้งลงบ้างแล้ว เขาไม่สนใจบาดแผลนี้เลยสักนิดก่อนจะหันมองไปยังองค์รักษ์คนสนิท"ชิงอี""ท่านอ๋องเชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ""สั่งให้
วันรุ่งขึ้นลู่เหยียนซินถูกลี่ถิงปลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้า ดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นปากของนางก็ยังหาวหวอดๆ อยู่เลย “ลี่ถิง ข้าต้องแต่งตัวเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”“เตรียมตัวไว้เพคะพระชายา ท่านยังต้องกินอาหารก่อนเข้าวังอีกนะเพคะหากท่านอ๋องต้องคอยนานเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกทำโทษอีก”“ก็ได้”ทางด้านเรือนฉางหมิงเมื่อเห็นว่าจวนจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นนางออกมา อ๋องฉินที่กำลังจะสั่งให้ชิงอีไปเรียกในตอนนั้นลู่เหยียนซินก็เดินออกมาพอดี นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูหวานปักลวดลายดอกไม้สวยงามขับสีผิวขาวเนียนใส ที่เอวยังคาดเครื่องประดับสีเดียวกัน ทำให้เอวระหงยิ่งดูอรชรมากขึ้นดูอ่อนช้อยน่าหลงใหล มวยผมที่เกล้าขึ้นยังมีที่ปักผมรูปหางหงส์หยกดิ้นทองประดับอยู่เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆหวานใส แก้มแดงระเรื่อเมื่อโดนแสงแดดกลับสว่างใสมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที“ไปกันได้หรือยังข้ามีงานต้องกลับมาทำต่อนะ”“.....”‘เป็นเขาที่รอนางนานไม่ใช่หรืออย่างไรกัน นางมาช้ายังจะกล้าบ่นอีก’อ๋องฉินเดินนำหน้านางไปยังหน้าประตูจวน ลู่เหยียนซินหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นรถม้า ‘ไหนบอกว่ารีบ? รถม้าสักคันก็ไม่เห็นเตรียมเอาไว้แล้วจะมาเร่งนางทำไมกัน’ลู่เหยียนซิ
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ