“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบสั่งการไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะพระชายา”อ๋องฉินขมวดคิ้วมองนางนิ่งลู่เหยียนซินไม่ทันสังเกตเขาอันที่จริงแล้วนางไม่ได้สนใจเขามากกว่า นางเหนื่อยล้าเต็มทนปากก็หาวหวอดออกมาอย่างไม่รักษากิริยาสักนิด“พวกเรากลับกันเถอะข้าเหนื่อยอยากนอนพักเต็มทนแล้ว” นางบอกกล่าวก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังรถม้าของตนทันทีอ๋องฉินยืนส่ายหน้ากับตัวเองคล้ายเอือมระอากับพฤติกรรมของนางเต็มทีแต่หลังจากนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ อารมณ์เดือดเมื่อครู่หายไปโดยไม่รู้ตัวพลอยทำให้ทุกคนซึ่งยืนมองอยู่อด
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า...""ข้าไปเดินเล่นมาเพคะ"คริ๊ก…~ลู่เหยียนซินหันมองตามเสียงหัวเราะทันที ทั้งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่พอใจยิ่ง"หม่อนฉันทำให้พระชายาไม่พอพระทัยหรือเพคะ ขออภัยด้วยเพคะหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ""ไม่เป็นไรข้าไม่ถือสา ก็เพียงแค่นึกว่าเจ้าจะมีมารยาทมากกว่านี้"หยางซูฉินได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที ก่อนจะเหมือนนึกขึ้นได้จึงรีบปรับสีหน้าเป็นเศร้าใจแทน"หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ไหนเลยจะถูกอบรมเยี่ยงชนชั้นสูงเฉกเช่นพระชายาได้ล่ะเพคะ""ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าเป็นบ
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบ เมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอรับ เวลานี้มีอาการคล้ายจะคลอดแล้วขอรับนายท่าน”“อะไรนะ! นางเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือนจะคลอดแล้วได้เช่นไรกัน!”“เจ้ารีบกลับไปดูนางเถอะ” อ๋องฉินเอ่ยปากบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วสั่งให้บ่าวเตรียมม้าเอาไว้“เตรียมม้าให้ข้าเร็วเข้า”ระหว่างทางเดินออกไปหน้าประตูจวน หลี่เจ้อหยูก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในจวนทันที“นายท่า
พวกเขารอคอยการมาของพระชายาฉินไม่นานมากนัก สักพักก็เห็นลู่เหยียนซินวิ่งเข้ามาในจวนก่อนจะมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขาแม่ทัพฮั่วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที“พระชายาโปรดช่วยฮูหยินของข้าด้วย นางตั้งครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือนเท่านั้นก็เจ็บท้องจะคลอดแล้ว แต่ท่านหมอก็เอาแต่พูดเพียงว่าอายุครรภ์นางน้อยไปไม่สามารถคลอดออกมาเองได้” แม่ทัพฮั่วที่ตอนนี้สภาพนั้นดูไม่ได้เอาเสียเลย ใบหน้าของเขามีร่องรอยของคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนเป็นทางยาวสีหน้าแลดูเศร้าหมอง เขานั่งคุกเข่าตรงหน้าลู่เหยียนซินด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ดูไปแล้วคนผู้นี้น่าจะรักฮูหยินของเขามากจริงๆ“เจ็ดเดือนจะมีอาการคลอดแล้วได้เช่นไรกัน ไม่ใช่ว่ามีใครทำให้กระทบกระเทือนกับครรภ์ของนางหรอกนะ ท่านรออยู่ข้างนอกนี้ข้าจะเข้าไปดูนางหน่อย”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะพระชายา”ลู่เหยียนซินพยักหน้าให้เขาก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องคลอด เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นฉากกั้นวางตั้งบังสายตาอยู่บริเวณหน้าเตียงนอนอยู่ก่อนหน้านี้แล้วนางเข้าไปตรวจสอบอาการของฮูหยินฮั่วสีหน้าของนางแสดงถึงอาการเจ็บปวดจากการหดตัวของมดลูก เนื่องจากมีอาการรกลอกก่อนกำหนดลู่เหยียนซินจึงต้องรีบใช้ยาเร่งม
ลู่เหยียนซินมาตรวจดูอาการของฮูหยินฮั่วทุกวันเป็นเวลาสามวันติดแล้ว วันนี้อ๋องฉินมาส่งนางด้วยตัวเองเขานั่งรถม้ามาพร้อมกันกับนาง ระหว่างที่รอนางตรวจอาการฮูหยินฮั่วพวกเขาก็พูดคุยถึงการออกล่าตระเวนที่หุบเขาหูซานในอีกสามวันข้างหน้า เมื่อเห็นนางเดินออกมาจากเรือนหยุนฮวาจึงพากันลุกขึ้นทันที“นางเป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา”“แผลของนางไม่ได้ติดเชื้อไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ คาดว่าอาการน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ”“ขอบพระทัยพระชายาที่ช่วยชีวิตฮูหยินกับลูกชายของข้า ชีวิตนี้ของข้าติดหนี้บุญคุณท่านไม่อาจทดแทนได้หมด”“พูดอะไรเช่นนั้น ข้าเป็นหมอย่อมต้องรักษาคนไม่ได้นับเป็นบุญคุณอะไร”“ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว”“ข้าย่อมรู้ความสามารถของตัวเองหากช่วยได้ข้าก็ไม่รีรอที่จะช่วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม”“เช่นนั้นหากวันข้างหน้าท่านมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยเชิญรับสั่งมาได้เลยหากไม่เกินความสามารถของข้า ข้าจะทำอย่างเต็มที่”ลู่เหยียนซินเดิมกำลังจะตอบปฏิเสธไปแต่นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่างานใหญ่ข้างหน้าที่นางวางแผนไว้จะขาดคนสำคัญที่ช่วยเหลือไม่ได้ นางจึงตกปากรับคำเขาทันที“ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน”“เชิญพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”ลู่เหยียนซิน
บุรุษหนุ่มทั้งสี่พูดคุยกันอย่างถูกคอยิ่งนักก่อนจะหันมองไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดออก เหล่าหญิงงามเดินนวยนาดเข้ามาห้อมล้อมพวกเขาทันที หนึ่งในพวกนางนั้นกำลังนั่งดีดพิณขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะ“นายท่านแก้วของท่านว่างแล้วข้าเติมให้นะเจ้าคะ”นางเติมสุราไปเต็มจอก แต่ก่อนที่เขาจะยกขึ้นดื่มนั้นบุรุษด้านข้างนางดันแย่งไปดื่มเสียก่อน“ขออภัย ข้าคอแห้งมาก” แม่ทัพหยางเอ่ยปากบอกสั้นๆก่อนจะหันไปคีบเนื้อในจานเข้าปากต่อหญิงสาวคนนั้นรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ยาปลุกกำหนัดที่นางอุตส่าห์แอบเทใส่แก้วนั้นถูกแม่ทัพหยางแย่งไปดื่มต่อหน้านาง‘ทำอย่างไรดีล่ะ เหลือผงยาเพียงครึ่งเดียวแล้ว’“นายท่านเดี๋ยวข้าไปยกสุรามาเพิ่มอีกนะเจ้าคะ”“เอาสิ วันนี้ไม่เมาไม่เลิกแน่”หญิงงามผู้นั้นลุกขึ้นไปยกถาดสุราจากเสี่ยวเอ้อมาอีกถาดก่อนจะรีบเทผงยาลงจอกเหล้าชุดใหม่ไปหนึ่งจอก ทันทีที่หันหลังกลับไปก็ประจันหน้ากันกับแม่ทัพหยางทันที สายตาของเขาดูหวานเยิ้มเสียจนนางรู้สึกขนลุก“นายท่านต้องการดื่มอีกใช่หรือไม่ ข้ากำลังจะยกสุราไปท่านรอสักครู่นะเจ้าคะ”“เร็วๆหน่อยข้าคอแห้งแล้ว” เขายิ้มหวานให้นาง ก่อนจะดึงนางลงไปนั่งบนตักของตัวเองจนหญิงสาวอีกคนเ
เมื่อถึงกลางดึกลู่เหยียนซินรู้สึกได้ว่ามีมือคู่หนึ่งกำลังเคลื่อนไหวลูบไล้เนื้อตัวของนางพลางบีบนวลเนื้อหน้าอกเบาๆ แล้วก็มีร่างกายที่หนักอึ้งทับลงมานางพยายามลืมตาขึ้นยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาริมฝีปากก็ถูกประคบจูบเหมือนดั่งไฟร้อนรุ่มขึ้นมาทันที นางหลับตาลงเพราะรู้สึกง่วงมากทั้งยังไม่มีแรงจะต่อต้านเขาริมฝีปากหนาค่อยๆจูบเบาๆที่ริมฝีปากของนางก่อนจะไล่ลิ้นร้อนโลมเลียลากผ่านลำคอระหงไล่ลงไปยังไหปลาร้า ขบเม้มทุกจุดที่เคลื่อนผ่านเบาบ้างหนักมากสลับกันแล้วก็เลื่อนลงไปอีกหยุดอยู่ตรงหน้าอกก่อนที่จะดูดดึงยอดปทุมถันสีชมพูเรื่อที่ชูช่อขึ้นมาให้เขาเชยชมลู่เหยียนซินหายใจกระชั้นถี่ขึ้นนางรู้สึกขนลุกเสียวซ่านไปทั้งตัว แขนของนางตระกองกอดแผ่นหลังที่แข็งแรงของเขาเอาไว้ รับรู้ความรู้สึกดั่งเปลวไฟอันอบอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่ข้างใต้ร่างนั้นครั้งนี้เขาไม่อ่อนโยนเลยสักนิดกลับดูดุร้ายและป่าเถื่อนตอนสอดใส่เข้ามานั้นยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ช้าเอวสอบก็เริ่มเคลื่อนเข้าออกใจกลางหญิงสาวด้วยความเร็วขึ้นถี่ขึ้นจนในที่สุดทั้งคู่ก็สุขสมไปตามๆกันไม่นานอ๋องฉินก็เริ่มกลับมามีสติขึ้นมาอย่างมาก เพรา
“ไปกันเถอะ” อ๋องฉินเอ่ยปากชักชวนนางก่อนจะลุกขึ้นเดินนำหน้าไปก่อน“ไปไหนหรือเพคะ”“ไปดูโรงเลี้ยงม้าไงเล่า”หยางซูฉินที่แอบมองอยู่แต่ไกล สายตาของนางแข็งกร้าวมีแววของความกรุ่นโกรธและอิจฉาอยู่เต็มที่“ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้ท่านอ๋องไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียวแน่ ของที่ข้าอยากได้ข้าต้องได้หากข้าไม่ได้เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไปครอบครองเลย”เนินเขาแห่งนี้เป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างสีเขียวขจีตัดกับแสงแดดอ่อนรำไรดูสวยงามยิ่งนัก คนงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่นางเกณฑ์ออกมาทำงานโดยเฉพาะ ทุกคนมีงานทำต่างรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง พระชายาในสายตาของพวกเขานั้นเปรียบเสมือนเทพธิดาที่ลงมาช่วยขจัดภัยและอยู่เคียงข้างพวกเขาจริงๆตอนนี้แม่ทัพฮั่วได้ทยอยนำม้าพันธ์ที่แข็งแรงที่สุดเข้ามาที่โรงเลี้ยงม้าแห่งนี้แล้ว พื้นที่บางส่วนยังต้องปรับปรุงอีกมาก ทั้งยังสร้างโรงเรือนพักอาศัยให้แก่คนงานเลี้ยงม้าอีกด้วย บริเวณโดยรอบถูกจัดสรรเป็นบ้านเรือน มีผู้คนย้ายเข้ามาที่นี่จำนวนมากจนจะกลายเป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งแล้ว&ld
-เจ็ดวันผ่านไป-“ท่านหญิง”“หือ”เยว่เหวินหลิงที่กำลังหยอกล้อกับเสี่ยวจ้านเสือขาวหิมะที่ได้รับมาจากผู้เป็นมารดาอยู่นั้นก็ได้หันไปมองคนที่เพิ่งเรียกขานนาง เมื่อเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที‘นั่นไม่ใช่คุณชายหลี่หรอกหรือมาที่นี่ได้อย่างไรกันนะ’และดูเหมือนเขาจะรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่จึงได้เอ่ยออกมาว่า“ข้ามาหาพี่ชายของท่านน่ะ”“อ้อ งั้นหรอกหรือเจ้าคะพี่ชายของข้าน่าจะอยู่ด้านหลังจวน ท่านเดินไปแล้วเลี้ยวขวาอีกนิดก็ถึงลานประลองแล้วล่ะเจ้าค่ะ”“ลานประลองงั้นหรือ? ท่านจะบอกว่าเขากำลังประลองยุทธ์อยู่อย่างนั้นหรือขอรับ”“ก็น่าจะใช่ ท่านพี่ของข้าคงกำลังฝึกกระบี่กับท่านพี่เฟิงอวี้อยู่ อืมม...หากว่าท่านไปไม่ถูกต้องการให้ข้านำทางไปหรือไม่”“ไม่เป็นไรขอรับข้าไปเองได้”เขาพูดจบก็หันไปยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยนทั้งยังสบตานางอย่างลึกซึ้ง เยว่เหวินหลิงก็ยิ้มรับอย่างเป็นมิตรโดยไม่ได้สนใจเลยว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใดท่ามกลางการเฝ้ามองของผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของเรือนใหญ่“ท่านอ๋องจะไปไหนหรือเพคะ”“เจ้าก็ดูสิ เจ้าเด็กคนนั้นกล้าดีอย่างไรมาเกี้ยวลูกสาวของข้า”“ท่านคิดมากไป
“พระชายา”“ฮูหยินฮั่วไม่พบกันนานเลยนะเจ้าคะ”“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกินเมื่อรู้ว่าท่านเดินทางมาถึงที่นี่แล้วก็รีบออกมาพบท่านทันทีเลยเพคะ”ฮูหยินฮั่วพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างของนาง ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นบ่งบอกว่านางดีใจเพียงใดที่ได้พบลู่เหยียนซินอีกครั้ง“แล้วลูกชายของท่านล่ะไม่ได้มาด้วยหรอกหรือ”“ไม่ทันได้พูดอะไรด้วยเลยสักคำแค่เท้าแตะถึงพื้นก็วิ่งไปหาคุณชายเยว่เหวินหลงเสียแล้วเพคะ”“ฮ่าๆๆ ช่างเถอะข้าไม่ถือสาหรอกปล่อยเด็กๆ เล่นกันไปเถอะ”“เพคะพระชายา”ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน มิตรภาพระหว่างสตรีทั้งสองคนนี้นั้นแน่นแฟ้นยิ่งไปกว่าผู้เป็นสามีของทั้งคู่ที่คบหากันมาตั้งแต่เยาว์วัยเสียอีก“ฮูหยินของเจ้าดูจะตัวติดกับชายาของข้ามากเลยนะซื่อเหลียน”“ข้าก็คิดเช่นนั้นก่อนหน้านี้นางเอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่พระชายาจะมาที่จี้โจวเสียที เมื่อรู้ว่าพวกท่านมาถึงแล้วก็รบเร้าให้ข้าพามาทันทีเลยน่าน้อยใจเป็นบ้า”“เอาน่าพวกนางรักใคร่กันก็ดีแล้วจะว่าไปเจ้าจัดการอนุผู้นั้นอย่างไร ส่งนางกลับบ้านไปแล้วงั้นหรือ?”ฮั่วซื่อเหลียนส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าของเขาไม่มีความกังวลหรือโกรธเกลียดใดๆ หลงเหลืออยู่เลย“นางพบรักกับชาวบ้านคนหนึ่
-6 ปีต่อมา-เมืองจี้โจวเด็กๆ ทั้งสองเดินทางมาที่เมืองจี้โจวล่วงหน้าก่อนผู้เป็นบิดามารดาเนื่องจากพวกเขายังจัดการงานที่เมืองหลวงไม่เรียบร้อยนั่นเอง แม้อ๋องฉินจะห่วงเด็กๆ ไม่น้อยแต่เพราะพวกเขามีสัตว์เลี้ยงคู่ใจคอยดูแลอยู่ข้างกายจึงเบาใจไปได้แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น“ท่านพี่จะให้ข้าไปด้วยหรือไม่” เยว่เหวินหลิงเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดของนางด้วยเสียงอันเบา“ไม่ต้องหรอก”เยว่เหวินหลิงแม้จะดูแก่นๆ ไปบ้างแต่นางเชื่อฟังผู้เป็นพี่ชายมาโดยตลอดได้ยินแบบนั้นก็เกาหัวแกรกๆ“อ้อ เช่นนั้นข้าจะกลับไปรอที่จวนก่อนท่านพี่ก็กลับไวๆนะเจ้าคะ”เยว่เหวินหลงพยักหน้าให้นาง หลังจากส่งน้องสาวขึ้นรถม้าแล้วเขาก็ยืนดูอยู่สักพักก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงไปในตรอกถัดไปไม่ไกล เดินต่อไปอีกยี่สิบกว่าเก้าก็ถึงรถม้าของฮั่วเฟิงอวี้ เขากระโดดขึ้นไปบนรถม้าแล้วเข้าไปนั่งลงด้านในข้างๆ เด็กหนุ่มผู้นั้น“ท่านพี่เฟิงอวี้รอข้านานหรือไม่”“ไม่เลย ทีแรกข้าคิดว่าท่านจะพาหลิงเอ๋อร์มาด้วยเสียอีก”“นางพูดมากเกินไปเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง”“ฮ่าๆๆ เหตุใดถึงได้กล่าวหาน้องสาวของตนเองเช่นนั้นกันเล่า นางน่ารักถึงเพียงนั้นท่านก็ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจนางอยู่เรื
-สี่ปีผ่านไป-วันเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่าตลอดระยะเวลาสี่ปีมานี้เด็กทั้งสองคนเติบโตขึ้นมาภายใต้การเลี้ยงดูของทุกคน ใช่แล้ว! ทุกคนช่วยกันเลี้ยงดูแทนนางจริงๆพักนี้ท่านหญิงน้อยดูจะตัวอวบอ้วนขึ้นมามาก เพราะไม่ว่าผู้ใดที่แวะมาเยี่ยมนางที่จวนล้วนหยิบเอาขนมหวานและของกินต่างๆติดมือมาให้นางทั้งนั้นคนในวังยิ่งแล้วใหญ่ขนมหวานมากมายตระการตาถูกประเคนใส่ปากนางไม่ยั้ง ฮองเฮาเองดูจะมีความสุขมากที่เห็นปากน้อยๆของนางเคี้ยวขนมอย่างเอร็ดอร่อยรัชทายาทก็ไม่น้อยหน้าเช่นกันทรงเสด็จไปต่างเมืองเมื่อกลับมาก็มักจะนำของเล่นขนมแปลกๆ มาฝากเด็กๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือขนมหวานของโปรดของนาง‘ทุกคนล้วนต้องการให้ลูกของนางอ้วนเป็นหมูใช่หรือไม่นะ’ลู่เหยียนซินใช้วิชาความรู้ของนางเปิดสถานศึกษาวิชาการแพทย์ นางนำความรู้ของนางที่มีอยู่ออกมาถ่ายทอดให้แก่เหล่าบัณฑิตและผู้ต้องการสอบเข้าเป็นหมอหลวง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหมอหลวงในวังหลวงแห่กันมาร่ำเรียนจากนางกันมากมายเช่นกันในสถานศึกษาแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสอนวิชาแพทย์แต่เป็นสถานศึกษาสำหรับเด็ก
เพราะลู่เหยียนซินที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากจวนก็รู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก วันเวลาผ่านไปจนครรภ์ของนางเข้าสู่เดือนที่เก้านางกำลังเดินออกมาจากห้องอาบน้ำขณะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากต้นขาของนาง นางก้มมองดูถึงกับต้องรีบสูดหายใจเข้าปอดช้าๆเพื่อลดอาการตื่นเต้น ถุงน้ำคล่ำของนางแตกแล้ว!“ลี่ถิง มาช่วยข้าที”ลี่ถิงที่กำลังนั่งจัดของขวัญต้อนรับคุณหนูคุณชายน้อยอยู่นั้นก็ตกใจเสียงตะโกนเรียกของพระชายา รีบวิ่งไปยังห้องอาบน้ำทันที“พระชายา เกิดอะไรขึ้นเพคะ”นางเห็นเพียงพระชายาสวมเสื้อเพียงชั้นเดียวจึงรีบเข้าไปพยุงทันที“ดูเหมือนว่าข้าจะคลอดแล้ว ตามหมอหลวงเร็วเข้า”“เช่นนั้นให้หม่อมฉันประคองพระชายาไปที่ห้องคลอดก่อนนะเพคะ”นางไม่กล้าทิ้งพระชายาไว้คนเดียวจึงตะโกนเรียกชิงอีที่ตอนนี้คอยให้อาหารเสือสองตัวอยู่ด้านนอกตำหนัก เมื่อได้ยินเสียงเรียกเขาก็รีบวิ่งมาทันที“มีอะไรหรือ”“พระชายาจะคลอดแล้ว ตามหมอหลวงเร็วเข้า”“จะ…จะคลอด จะคลอดแล้วหรือ”“เอ้า! ยืนอึ้งทำไม รีบไปสิ!”“ได้ ได้ ท่านห
เช้าวันต่อมาลู่เหยียนซินกำลังหยอกล้อกับลูกเสือน้อยสองตัวที่มีนามว่าเปาเปาและจ้านจ้านอยู่ที่สวนดอกไม้หน้าตำหนักใหญ่ นางเป็นคนตั้งชื่อให้พวกมันด้วยตัวของนางเอง“พระชายา”เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังนาง ลู่เหยียนซินหันไปมองก็พบว่าเป็นหยางซูฉินยืนอยู่ตรงทางเข้าอุทยาน ด้านหลังเป็นแม่ทัพหยางที่ยืนซ้อนหลังนางอีกทีหยางซูฉินค้อมคำนับทำความเคารพลู่เหยียนซินทันที ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆนาง อ๋องฉินเดินมายืนข้างๆนางแล้ว“พระชายาหม่อมฉันมีเรื่องอยากจะสนทนากับพระองค์สักนิดได้หรือไม่เพคะ”“ได้สิ ข้าคงต้องฝากเปาเปากับจ้านจ้านไว้กับพวกท่านก่อน”“ข้าน้อยไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับพวกเสือเท่าไหร่นะพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เสียงแม่ทัพหยางเอ่ยขึ้นสีหน้าเขาดูหวาดหวั่น‘ก็แค่ลูกเสือตัวน้อยๆพวกเขาจะกลัวอะไรกันนักหนา’ นางหันมองไปยังฉินอ๋อง“ไปเถอะ”ลู่เหยียนซินยิ้มหวานก่อนจะเดินนำหยางซูฉินไปยังศาลาริมสวนดอกไม้“เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าเช่นนั้นหรือ”หยางซูฉินตอนนี้ดูสงบเสงี่ยมลงเป็นอย่างมาก ชุดที่นางสวมใส่ไม่มีความหรูหราเช่นเคย
“ความจริงแล้วข้าไม่ใช่ลู่เหยียนซิน”นางมองออกไปก็เห็นสายตาที่นิ่งสงบของเขามองนางอยู่ก่อนแล้ว“ท่านไม่คิดจะตกใจหน่อยหรือ”“ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าไม่ใช่นาง”“ท่าน! ท่านรู้ได้เช่นไรกัน”“ทุกสิ่งในตัวเจ้านั้นเปลี่ยนไปความรักความห่วงใยที่เจ้ามีต่อทุกคนที่ลู่เหยียนซินคนก่อนหน้านั้นไม่เคยมี”“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าขอยืนยันว่าข้ารักที่เจ้าเป็นตัวของเจ้าเองในตอนนี้”ทันใดนั้นแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของนางก็พลันเกิดประกายแสงวาววับขึ้นมาประตูค่อยๆเปิดออกให้เห็นภายใน อ๋องฉินแรกเริ่มไม่ได้ตื่นตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่ไม่นานนักเขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีลู่เหยียนซินที่ไม่หันไปมองก็รู้ว่าข้างในคือที่ไหน แต่เมื่อมองตามสายตาที่เบิกกว้างของเขาไปก็พลันตกใจขึ้นมาทั้งยังสงสัยว่ามันมาโผล่ในที่แห่งนี้ได้เช่นไรกันห้องพักแพทย์ที่นางเข้าไปพักผ่อนหลังการผ่าตัดคลอดแม่ลูกคู่นั้นเกิดเป็นภาพให้เห็นหลังประตูบานนั้นนางคิดว่าที่อ๋องฉินตื่นตกใจไม่น่าจะใช่เห็นประตูบานนี้ แต่เป็นนางอีกคนในนั้นที่ก้มหน้าลงนอ
เย็นวันนี้เหตุเพราะเขาดื่มสุรากับเสด็จปู่ไปถึงสองไหและส่วนใหญ่เป็นเขาที่ยกดื่มอยู่ฝ่ายเดียวทำให้อาการมึนเมามีมากเกินควบคุมอีกทั้งได้ยินว่าพระชายาของตนนั้นตั้งครรภ์แล้ว ความเมาที่ยังไม่ทันสร่างบวกกับความดีใจทั้งตื่นตกใจผสมปนเปกันเข้ามา ทำให้เลือดลมของเขาวิ่งพ่านจนเกิดอาการหน้ามืดหงายหลังล้มดังตึงลงไปทันทีเมื่อฟื้นขึ้นมาก็ยังคงรู้สึกเวียนศรีษะเป็นอย่างมาก เขารีบลุกขึ้นหันมองไปรอบๆห้องก็ไม่พบใครอยู่ในห้องนี้เลย“นางหายไปไหนแล้วล่ะ?”ข่าวการตั้งครรภ์ของพระชายาฉินแพร่กระจายออกไปจนทั่วทั้งวังหลวง ผู้คนในวังต่างรู้สึกปลื้มปิติยินดีกันถ้วนหน้าฮ่องเต้และฮองเฮาเมื่อทรงทราบข่าวก็เสด็จมาที่ตำหนักซูหนิงทันทีอ๋องฉินรีบเปิดประตูออกไปเดินไปยังโถงตำหนักซูหนิงก็พบว่าลู่เหยียนซินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดไปไม่ไกลกันนัก เสด็จปู่ ฮ่องเต้และฮองเฮาก็ประทับอยู่ตรงนั้นด้วย“เห็นหรือไม่เพคะหม่อมฉันพูดถูกหรือไม่ ว่าไว้แล้วเชียวว่านางต้องตั้งครรภ์อยู่อย่างแน่นอน”“แน่นอนสิ ข้ายังรู้เลย” ฮ่องเต้อมยิ้มอย่างภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของพระองค์ฮอ
‘ดื่มสุราต้องมีความสำราญใจถึงเพียงนั้นเชียว’"พระชายา มีคนมาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ" เสียงขันทีหน้าตำหนักเข้ามารายงานคนด้านใน"ใครหรือ" นางเดินออกไปด้านนอกประตูตำหนักทั้งยังถือถ้วยน้ำชาออกไปด้วย นางยังไม่ทันยกขึ้นดื่มก็ถูกคนเรียกตัวไปอีกแล้วเมื่อมองออกไปหน้าประตูคนผู้นั้นก็เดินออกมาจากด้านหลังของทหารรักษาประตูมองไปก็รู้ทันทีว่าคือชิงอี เสื้อผ้าของชิงอีฉีกขาดเขาเดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่น่าสังเวชยิ่งนักพรู๊ด..~~ลู่เหยียนซินเดิมทีกำลังจะดื่มชาลงไปถึงกับต้องพ่นออกมาด้วยความตกใจที่เห็นสภาพขององค์รักษ์คนสนิทของอ๋องฉิน"ชิงอี เหตุใดเจ้าถึงเป็นสภาพนั้นกันเล่า"นางมองออกไปอย่างนึกสงสัยก็เห็นเฟยหยาจูงเสือขาวสองตัวเข้ามา ตอนนี้พวกมันนั่งอยู่บนพื้นหน้าพระตำหนักจ้องมองนางอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ลู่เหยียนซินรีบก้าวเดินไปข้างหน้านางยื่นมือออกไปลูบหัวของพวกมันไปคนละหนึ่งที"เด็กดี"อ๋องฉินที่เดินตามนางออกมาถึงกับขมวดคิ้วมองไปยังเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ผมเผ้ารุงรัง นี่เขากล้าแต่งต