วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคน
หลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบ
เมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้
เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่
“นายท่าน นายท่านขอรับ!”
“มีเรื่องอะไร”
“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอรับ เวลานี้มีอาการคล้ายจะคลอดแล้วขอรับนายท่าน”
“อะไรนะ! นางเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือนจะคลอดแล้วได้เช่นไรกัน!”
“เจ้ารีบกลับไปดูนางเถอะ” อ๋องฉินเอ่ยปากบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วสั่งให้บ่าวเตรียมม้าเอาไว้
“เตรียมม้าให้ข้าเร็วเข้า”
ระหว่างทางเดินออกไปหน้าประตูจวน หลี่เจ้อหยูก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในจวนทันที
“นายท่านโปรดลงโทษข้าน้อย ข้าน้อยไม่ได้ดูแลฮูหยินให้ดีวันนี้อนุเจินเข้าไปหาฮูหยินไม่ให้ข้าน้อยอยู่เฝ้าที่หน้าประตู ข้าน้อยเพียงแต่ได้ยินทั้งสองมีปากเสียงกัน”
“จากนั้นข้าน้อยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้ของฮูหยินวิ่งออกมาด้วยความตื่นตกใจบอกกับข้าน้อยว่าฮูหยินเจ็บท้องจะคลอดแล้ว ข้าน้อยเลยรีบออกไปตามท่านหมอแล้วตรงมาหาท่านขอรับ”
“เจินลู่หลีไว้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง!”
แม่ทัพฮั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวยิ่ง อนุผู้นี้เป็นคนที่ท่านพ่อของเขาส่งมาให้เพราะเห็นว่าฮูหยินเอกนั้นร่างกายไม่แข็งแรงแต่งมาหลายปีก็ยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ตั้งแต่อนุเจินมาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่เคยคิดแตะต้องนางเลยสักครั้งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้นางทำร้ายฮูหยินก็เป็นได้
“ท่านอ๋อง ท่านจะไปที่ใดเพคะ”
หยางซูฉินรีบเดินเข้ามาขวางด้านหน้าของอ๋องฉินทันที
“ข้าจะไปที่จวนของฮั่วซื่อเหลียน ฮูหยินฮั่วใกล้คลอดแล้ว”
“ท่านอ๋องไปแล้วจะทำอะไรได้กันล่ะเพคะ ข้าอยากได้ปิ่นปักผมอันใหม่ท่านอ๋องช่วยพาข้าไปได้หรือไม่เพคะ”
“หยางซูฉิน! หากคิดว่าพูดออกมาแล้วไม่มีประโยชน์ก็อย่าได้พูด”
เสียงอันดุดันทรงพลังของแม่ทัพหยางถิงเฟิงตะคอกใส่หยางซูฉินเสียงดัง ทำให้นางและสาวใช้สะดุ้งตกใจทันที
“พวกข้าจะไปที่นั่นก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า เจ้าควรทำตัวดีๆอยู่อย่างว่าง่ายอย่าได้เที่ยวมาก่อกวนท่านอ๋องให้มากนัก”
“ท่านพี่ ท่านกล่าวหาข้าจนเกินไปนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้จะก่อกวนท่านอ๋องเสียหน่อยหากจะหาคนที่ก่อกวนจริงๆนั่นคงจะเป็นพระชายา…”
“เกี่ยวอะไรกับพระชายากันเลิกพูดจาไม่รู้ความได้แล้ว! ถอยออกไปเสียอย่าได้มาขวางทางพวกข้า”
หยางซูฉินจำต้องยอมถอยหลังเพื่อหลีกทางให้กับท่านอ๋อง นางแสดงสีหน้าว่าเสียใจอย่างที่สุดแต่ภายในใจนั้นกลับร้อนรุ่มดั่งไฟแผดเผา
อ๋องฉินและแม่ทัพหยางรีบเดินออกไปหน้าประตูจวนทันที แม่ทัพฮั่วควบม้ามุ่งหน้าออกไปก่อนหน้านี้แล้วพวกเขาจึงรีบควบม้าตามไปติดๆ
เมื่อมาถึงจวนแม่ทัพฮั่วก็รีบสาวเท้าก้าวเข้าไปในเรือนหลุนฮวาทันที เขายืนอยู่หน้าห้องคลอดเมื่อเห็นท่านหมอเดินออกมาเขาก็รีบดึงตัวท่านหมอไปสอบถามอาการของฮูหยินเมื่อได้ยินว่าฮูหยินไม่ไหวแล้ว แม่ทัพฮั่วรู้สึกสะเทือนนใจเป็นอย่างมากนั่นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาที่เกิดจากภรรยาที่เขารักมากที่สุดจึงรู้สึกเศร้าใจจนแทบยืนไม่ไหว
อ๋องฉินมาถึงเมื่อหันไปมองด้านหน้าห้องก็เห็นแม่ทัพฮั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ดวงตาแดงก่ำสีหน้าซีดเซียวเป็นอย่างมาก เขาไม่พูดไม่จาสายตาเลื่อนลอยเอาแต่มองไปยังประตูห้องคลอดไม่สนใจสิ่งใดเลย
“ฮูหยินเป็นเช่นไรบ้าง” อ๋องฉินเอ่ยปากถามท่านหมอที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“มีอาการตกเลือดมากขอรับ ข้าน้อยมิกล้าให้ยาห้ามเลือดมากเกรงจะกระทบกับทารกในครรภ์ขอรับ”
“ข้าได้ยินว่านางเพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือน ทำไมเป็นเช่นนี้ได้”
ท่านหมอได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างรู้สึกจนใจก่อนจะหันมองไปยังแม่ทัพฮั่ว
“ท่านแม่ทัพ อายุครรภ์ของฮูหยินน้อยเกินไปไม่สามารถคลอดออกมาเองได้ อีกทั้งทารกน้อยยังไม่กลับหัว ข้าเกรงว่า..”
“เจ้าจะพูดอะไรระวังคำพูดของเจ้าด้วย! รีบเข้าไปช่วยฮูหยินของข้าเดี๋ยวนี้!” แม่ทัพฮั่วที่ตอนนี้มีอาการเสียใจอย่างที่สุด กลับมีอารมณ์กรุ่นโกรธขึ้นมาเมื่อได้ยินว่านางคลอดเองไม่ได้เขาจะเสียฮูหยินไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ท่านอ๋องเรียกพระชายามาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เฟยหยากล่าวออกมา เรียกสติทุกคนได้เป็นอย่างดี
“เรียกพระชายามาจะมีประโยชน์อะไรนางเป็นหมอเช่นนั้นหรือ?” แม่ทัพหยางผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรถามออกมาด้วยความสงสัย
แม่ทัพฮั่วที่ได้ยินดังนั้นก็พลันเกิดประกายในแววตาทันที เขารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวเฟยหยามาแล้วพูดกับเขาด้วยเสียงอันสั่นเทา
“เจ้ารีบไปรับพระชายามาที่นี่อย่าให้ช้าแม้แต่วินาทีเดียว! ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนนางข้าก็ยอมขอเพียงนางยอมช่วยฮูหยินของข้า”
เฟยหยาหันไปสบตาอ๋องฉินทันที
“พระชายาอยู่ที่ร้านโอสถเก้าเมฆา ชิงอีอยู่กับนางที่นั่นเจ้ารีบไปรับพระชายามาที่นี่ เร็วเข้า!”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
พวกเขารอคอยการมาของพระชายาฉินไม่นานมากนัก สักพักก็เห็นลู่เหยียนซินวิ่งเข้ามาในจวนก่อนจะมุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเขาแม่ทัพฮั่วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที
“พระชายาโปรดช่วยฮูหยินของข้าด้วย นางตั้งครรภ์ได้เพียงเจ็ดเดือนเท่านั้นก็เจ็บท้องจะคลอดแล้ว แต่ท่านหมอก็เอาแต่พูดเพียงว่าอายุครรภ์นางน้อยไปไม่สามารถคลอดออกมาเองได้”
แม่ทัพฮั่วที่ตอนนี้สภาพนั้นดูไม่ได้เอาเสียเลย ใบหน้าของเขามีร่องรอยของคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนเป็นทางยาวสีหน้าแลดูเศร้าหมอง เขานั่งคุกเข่าตรงหน้าลู่เหยียนซินด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ดูไปแล้วคนผู้นี้น่าจะรักฮูหยินของเขามากจริงๆ
“เจ็ดเดือนจะมีอาการคลอดแล้วได้เช่นไรกัน ไม่ใช่ว่ามีใครทำให้กระทบกระเทือนกับครรภ์ของนางหรอกนะ ท่านรออยู่ข้างนอกนี้ข้าจะเข้าไปดูนางหน่อย”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะพระชายา”
ลู่เหยียนซินพยักหน้าให้เขาก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องคลอด เมื่อเข้าไปด้านในก็เห็นฉากกั้นวางตั้งบังสายตาอยู่บริเวณหน้าเตียงนอนอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
นางเข้าไปตรวจสอบอาการของฮูหยินฮั่วสีหน้าของนางแสดงถึงอาการเจ็บปวดจากการหดตัวของมดลูก เนื่องจากมีอาการรกลอกก่อนกำหนดลู่เหยียนซินจึงต้องรีบใช้ยาเร่งมดลูกไปหนึ่งขวด
ฮูหยินฮั่วเจ็บปวดมากจนท้องนางแข็ง นางส่ายหัวอย่างแรงจนผมของนางกระเซิงเหงื่อหยดลงจากหน้าผากไหลไปทั่วกรอบหน้านางกัดฟันพูดอย่างลำบาก
“ท่านหมอหากไม่สามารถช่วยชีวิตข้าได้ โปรดช่วยชีวิตลูกของข้าไว้ก็พอ”
ลู่เหยียนซินเดินเข้าไปใกล้ๆนางก่อนจะพูดปลอบประโลมนางไว้
“ฮูหยิน ท่านอย่าพูดเช่นนั้นฟังและทำตามที่ข้าพูดก็พอท่านกับลูกจะต้องไม่เป็นอะไร”
คำพูดที่หนักแน่นของลู่เหยียนซินทำให้ฮูหยินฮั่วเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง เพราะอาการที่ดูไม่สู้ดีนักลู่เหยียนซินจึงต้องรีบลงมือทำการเจาะเลือดเพื่อใช้ในการเตรียมเลือดกรณีฉุกเฉิน และค้นหาใบทดสอบหมู่เลือดในกล่องยาของตนแล้วส่งไปยังคนด้านนอกเพื่อหาหมู่เลือดที่เข้ากันได้กับนาง ลู่เหยียนซินอธิบายวิธีพวกนี้กับท่านหมออย่างรวดเร็วเขาฟังและทำตามทันที
นางผดุงครรภ์จัดการเตรียมห้องไว้สำหรับการผ่าตัดตามคำสั่งของนางด้วยความรวดเร็ว ในห้องคลอดมีเพียงนางผดุงครรภ์หนึ่งคนและอีกคนคือท่านหมอที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ นอกนั้นถูกไล่ออกจากห้องจนหมด
ก่อนหน้านั้นนางใช้ยาเร่งมดลูกไปแล้วหนึ่งขวด ในเวลานี้ปากมดลูกก็ยังเปิดเพียงเล็กน้อยไม่พร้อมที่จะเบ่งคลอดเองแน่นอน อีกทั้งอายุครรภ์ที่น้อยเกินไปเด็กก็ยังไม่กลับหัวอีก ลู่เหยียนซินคิดแน่วแน่ตัดสินใจรีบผ่าคลอดให้นางทันที
ลู่เหยียนซินเตรียมอุปกรณ์สำหรับการผ่าตัดครั้งนี้ หยิบเอาหลอดยาชาออกมาแล้วทำการฉีดยาเข้าไปในช่องน้ำไขสันหลังระดับเดียวกันกับบั้นเอวของนาง ฮูหยินรู้สึกได้ว่าช่วงลำตัวไปจนถึงขานั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ยังมีสติรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่าง
นางทำความสะอาดหน้าท้องแล้วโกนขนบริเวณสะดือออก พร้อมใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะที่ค้างออกให้หมด รอยาชาออกฤทธิ์สักครู่นางจึงลงมือผ่าคลอดให้กับฮูหยินฮั่วทันที ลู่เหยียนซินกรีดมีดผ่าตัดไปที่บริเวณผิวหน้าท้องแนวขวางเพื่อนำเด็กออกมา นางต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเพราะเกรงว่าจะโดนอวัยวะอื่นๆ วิธีการนี้ทำให้นางผดุงครรภ์กับท่านหมอตกใจจนแทบจะเป็นลม
ลู่เหยียนซินลงมืออย่างว่องไวเพียงไม่นานเด็กก็ถูกนำออกมาส่งต่อให้ท่านหมอทันที แต่ฮูหยินนั้นมีเลือดออกมากต้องใช้ยาห้ามเลือด ก่อนหน้าที่นางจะตัดสินใจผ่าคลอดก็ได้เขียนใบสั่งยาชุดหนึ่งเอาไว้และสั่งให้คนไปเคี่ยวยาไว้แล้ว นางผดุงครรภ์ที่ยืนดูอยู่ห่างๆรีบออกไปยกยานั้นมาทันที ยานี้ใช้เพื่อจับการแข็งของเลือด นางทำการตรวจสอบสภาวะเลือดออกอย่างระมัดระวัง จึงยังไม่ทำการเย็บปิดปากแผลในเวลานี้
แต่พอหันมาทางด้านทารกน้อยผู้นี้กลับไม่ค่อยดีนักพอนำออกมาได้แล้วนั้นก็หายใจอย่างแผ่วเบาง ลู่เหยียนซินรีบช่วยกดนวดที่หัวใจทันที
นางผดุงครรภ์ก็วุ่นวายจนมือเท้าสับสนนางวิ่งออกไปข้างนอกด้วยความตื่นตระหนก แล้วแจ้งว่าฮูหยินคลอดแล้วเป็นเด็กผู้ชาย แต่คุณชายน้อยนั้นไม่มีอัตราการเต้นของหัวใจ ตอนนี้พระชายาฉินกำลังเร่งมือช่วยชีวิตคุณชายน้อยอยู่
แม่ทัพฮั่วได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ฮูหยินฮั่วเองเมื่อได้ยินว่าลูกของนางไม่มีอัตราการเต้นของหัวใจก็ร้องไห้ออกมาทันที แม่ทัพฮั่วที่ได้ฟังอยู่ด้านนอกดวงตาก็แดงเรื่อขึ้นมาเช่นกัน
ในห้องคลอดลู่เหยียนซินยื้อช่วยชีวิตของคุณชายน้อยเอาไว้ นางแนบหูลงไปที่เนินเนื้อบริเวณหัวใจในที่สุดหัวใจของเด็กน้อยก็ฟื้นคืนมาเต้นปกติ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เด็กน้อยสามารถหายใจเองได้แล้วเสียงเด็กน้อยที่แผดร้องออกมาดังก้องกังวานไปทั่วทั้งเรือนหยุนฮวา
ด้านนอกห้องคลอดเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา หลังจากยืนยันได้ว่าอาการเลือดออกกลับสู่สภาวะปกติแล้ว ลู่เหยียนซินก็เริ่มเย็บปิดปากแผลให้นางเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางผดุงครรภ์จึงนำเชิญท่านแม่ทัพเข้ามาทันที
แม่ทัพฮั่วนั้นตรงดิ่งไปยังฮูหยินของตน แล้วนั่งลงที่หน้าเตียงเอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของนาง ปลายนิ้วที่หยาบกร้านลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ “ลำบากเจ้าแล้วนะฮูหยิน” ฮูหยินฮั่วยิ้มที่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวานนุ่มนวลที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ลู่เหยียนซินนั้นเหนื่อยมากหน้าผากมีเหงื่อผุดไหลออกมาจนเปียกชุ่ม นางลุกจากเตียงในสภาพตัวสั่นงันงกตัวส่ายโอนเอนจนแทบจะล้มลงไปอยู่แล้ว ยังดีที่อ๋องฉินเข้ามารับตัวนางไว้ทันประคองไปนั่งยังเก้าอี้ด้านข้างอ๋องฉินนั้นใช้แขนเสื้อของตนปาดเหงื่อออกให้นางอย่างเบามือ
“ขอบคุณท่านมาก”
“ท่าทางเจ้าเหนื่อยมากแล้วไปพักกันดีหรือไม่”
แม่ทัพฮั่วที่เดิมยังชื่นชมคุณชายน้อยอยู่ก็หันมามองยังพระชายาฉิน เขารู้สึกซาบซึ้งใจนางเป็นอย่างมากเรื่องเลวร้ายในเมื่อก่อนที่นางเคยก่อไว้มลายหายไปจากใจเขาสิ้น
เมื่อเห็นว่าลู่เหยียนซินเหนื่อยจนแข้งขาสั่นจึงได้บอกให้นางออกไปพักที่ห้องด้านข้างก่อน ทั้งยังกำชับให้สาวใช้อยู่รับใช้นางอย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด
-เรือนซินหยาง จวนอ๋องฉิน-"พระชายาเพคะ พระชายา"เสียงเรียกจากสตรีนางหนึ่งลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟัง ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเปลือกตาบางค่อยๆ แย้มกระพริบขึ้น นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างเพรียวบางพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยมีสาวใช้คนสนิทประคองตัวนางช่วยอีกแรงลู่เหยียนซินหันมองรอบๆ ห้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้นดวงตาเล็กเรียวทอดมองมายังหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังมีหยาดน้ำตานองเต็มดวงตากำลังนั่งมองนางด้วยความดีใจอย่างที่สุด"เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพระชายางั้นหรือ""เพคะพระชายา ท่านคงไม่ใช่ว่าได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้หรอกนะเพคะ"สาวใช้คนสนิทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มานานนับหลายวันและมีทีท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งลู่เหยียนซินพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมานั้นในช่วงเวลาหนึ่งที่คล้ายกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ลู่เหยียนซินเห็นตัวเองอยู่ในห้องผ่าตัดนางกำลังผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงส่งผลต่อเด็กในครรภ์โดยตรง การผ่าตัดใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆทุกวินาทีนั้นมีค่าห
เพล้ง !เสียงกระเบื้องเคลือบตกลงกระทบกับพื้นแตกกระจายทั่วทั้งพื้นห้องน้ำหวานสีแดงสดสาดกระเซ็นโดนปลายกระโปรงของหยางซูฉิน ไม่พอเท่านั้นนางยังยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองแรงๆไปทีหนึ่ง ลู่เหยียนซินมองนางด้วยความตื่นตะลึง 'นี่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?’"พระชายา หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ"หยางซูฉินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องนางมองมาที่ลู่เหยียนซินด้วยแววตาที่ชิงชัง เรียวปากของนางเหยียดยิ้มออกมาพลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้าเสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางสร้างความรำคาญให้แก่ลู่เหยียนซินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้เป็นอย่างมาก นางจ้องมองการกระทำของหยางซูฉินด้วยสายตาแข็งกร้าวจนหยางซูฉินเองรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างกายหากเป็นแต่ก่อนลู่เหยียนซินคงจะอาระวาดหนักไปแล้วแต่วันนี้นางกลับนิ่งเงียบนั่งมองหยางซูฉินแสดงละครด้วยสีหน้านิ่งเฉย ลู่เหยียนซินกรอกตามองไปที่หยางซูฉินผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเผยตัวตนที่เลวทรามให้ลู่เหยียนซินเห็นมาหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่มีผู้ใดมองเห็นมันเสียทีปัง!ประตูห้องนอนของนางถูกถีบออกด้วยฝ่าเท้าของบุรุษชุดคลุมสีเขียวหยก
-เรือนฉางหมิง จวนอ๋องฉิน-"ท่านอ๋องอย่าลงโทษพระชายาอีกเลยนะเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ไม่ระวังเองหากลงโทษนางอีกเกรงว่าร่างกายของพระชายาจะรับไม่ไหว""อืม วันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ""แต่ว่าท่านอ๋อง...""เจ้าเองก็หายดีแล้วหากอยู่ที่นี่นานจะมีแต่คำติฉินนินทา วันนี้ข้าต้องเข้าวังเจ้ากลับไปก่อนไว้ข้าจะหารือเรื่องของเรากับฝ่าบาทอีกครั้ง""เช่นนั้นก็ได้เพคะหม่อมฉันทูลลา"หลังหยางซูฉินจากไปอ๋องฉินก็เข้าไปในห้องตำราก่อนจะนั่งลงพลางครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ดูจากหลักฐานแล้วลู่เหยียนซินไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อนแน่นอนแล้วหยางซูฉินจะใส่ความนางทำไมกัน?หากเป็นแต่ก่อนมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่พ้นที่นางจะโวยวายและเป็นฝ่ายตบตีหยางซูฉินก่อนเป็นแน่ แต่ครั้งนี้ต่างไปนางนิ่งเงียบแววตาไร้ซึ่งอารมณ์กรุ่นโกรธเหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น"ท่านอ๋องให้เรียกท่านหมอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่จำเป็น"อ๋องฉินที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผุดลุกขึ้นทันทีคราบเลือดเริ่มแห้งลงบ้างแล้ว เขาไม่สนใจบาดแผลนี้เลยสักนิดก่อนจะหันมองไปยังองค์รักษ์คนสนิท"ชิงอี""ท่านอ๋องเชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ""สั่งให้
วันรุ่งขึ้นลู่เหยียนซินถูกลี่ถิงปลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้า ดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นปากของนางก็ยังหาวหวอดๆ อยู่เลย “ลี่ถิง ข้าต้องแต่งตัวเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”“เตรียมตัวไว้เพคะพระชายา ท่านยังต้องกินอาหารก่อนเข้าวังอีกนะเพคะหากท่านอ๋องต้องคอยนานเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกทำโทษอีก”“ก็ได้”ทางด้านเรือนฉางหมิงเมื่อเห็นว่าจวนจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นนางออกมา อ๋องฉินที่กำลังจะสั่งให้ชิงอีไปเรียกในตอนนั้นลู่เหยียนซินก็เดินออกมาพอดี นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูหวานปักลวดลายดอกไม้สวยงามขับสีผิวขาวเนียนใส ที่เอวยังคาดเครื่องประดับสีเดียวกัน ทำให้เอวระหงยิ่งดูอรชรมากขึ้นดูอ่อนช้อยน่าหลงใหล มวยผมที่เกล้าขึ้นยังมีที่ปักผมรูปหางหงส์หยกดิ้นทองประดับอยู่เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆหวานใส แก้มแดงระเรื่อเมื่อโดนแสงแดดกลับสว่างใสมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที“ไปกันได้หรือยังข้ามีงานต้องกลับมาทำต่อนะ”“.....”‘เป็นเขาที่รอนางนานไม่ใช่หรืออย่างไรกัน นางมาช้ายังจะกล้าบ่นอีก’อ๋องฉินเดินนำหน้านางไปยังหน้าประตูจวน ลู่เหยียนซินหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นรถม้า ‘ไหนบอกว่ารีบ? รถม้าสักคันก็ไม่เห็นเตรียมเอาไว้แล้วจะมาเร่งนางทำไมกัน’ลู่เหยียนซิ
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ