“คาราวะพระชายาฉินเพคะ"
"อืม"
ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง
"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันที
ลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน
"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา"
"ข้าหรือ?"
"แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด"
"ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา"
"เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
"ข้าไปเดินเล่นมาเพคะ"
คริ๊ก…~
ลู่เหยียนซินหันมองตามเสียงหัวเราะทันที ทั้งจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่พอใจยิ่ง
"หม่อนฉันทำให้พระชายาไม่พอพระทัยหรือเพคะ ขออภัยด้วยเพคะหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่เป็นไรข้าไม่ถือสา ก็เพียงแค่นึกว่าเจ้าจะมีมารยาทมากกว่านี้"
หยางซูฉินได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที ก่อนจะเหมือนนึกขึ้นได้จึงรีบปรับสีหน้าเป็นเศร้าใจแทน
"หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ไหนเลยจะถูกอบรมเยี่ยงชนชั้นสูงเฉกเช่นพระชายาได้ล่ะเพคะ"
"ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้าเป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลหยางนี่"
"ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา" แม่ทัพหยางถิงเฟิงผู้เป็นพี่ชายของหยางซูฉินตอบกลับลู่เหยียนซินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ตระกูลหยางมีศักดิ์ศรีของนักรบทั้งยังเป็นขุนนางเก่าแก่ของราชวงศ์ ย่อมมีท่านหญิงที่รู้จักมารยาทคอยอบรมสั่งสอนสตรีในตระกูลอยู่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้ต่างจากคนอื่นๆในตระกูลนักล่ะ"
"ทั้งกิริยาที่วิ่งเข้าหาบุรุษที่มีครอบครัวแล้วรู้ทั้งรู้ก็ยังมาอ่อยถึงที่...หากเป็นเช่นนี้แล้วท่านอ๋อง ท่านคงต้องรับชายารองเร็วขึ้นแล้วกระมัง"
อ๋องฉินถลึงตาใส่นางทันทีเหตุใดถึงโยนมาให้เขาซึ่งๆหน้าเช่นนี้ล่ะ ลู่เหยียนซินอมยิ้มเดินเข้าไปหาอ๋องฉินก่อนจะนั่งลงบนตักของเขาและคล้องแขนไปยังรอบลำคอของชายหนุ่มแล้วเอ่ยปากต่อว่า
"เพียงแต่ข้าที่เป็นพระชายาเอกยังไม่ประสงค์จะให้สามีข้าฉินอ๋องแต่งชายารองแต่อย่างใด ขอแสดงความเสียใจกับคุณหนูหยางด้วยนะ เจ้าคงต้องรออีกนานเลยล่ะ"
กล่าวจบก็ซบลงบนอกของฉินอ๋องก่อนจะแสยะยิ้มไปยังหยางซูฉิน ด้วยเหตุใดไม่รู้นางรู้สึกหมั่นไส้หยางซูฉินมากวันนี้ขอเอาคืนเล็กๆน้อยๆก่อนแล้วกัน
หยางซูฉินกำมือใต้ชายเสื้อไว้แน่นสายตาของนางบ่งบอกว่าโกรธจัด เป็นแม่ทัพหยางที่คอยช่วยคลายสถานการณ์ลงหลังสังเกตว่าอ๋องฉินไม่แม้แต่จะพูดแก้ตัวใดๆ
"น้องหญิงเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆไปพักผ่อนก่อนดีหรือไม่ มาข้าพาเจ้าไปเอง"
"ก็ได้เจ้าคะ ท่านอ๋องหม่อมฉันทูลลาเพคะ"
"อืม"
แววตาของหยางซูฉินมีความผิดหวังอยู่เต็มที่ ก่อนหน้านางคิดว่าอ๋องฉินจะผลักไสลู่เหยียนซินออกไป แต่ไฉนถึงได้นั่งนิ่งให้นางโอบกอดอยู่ได้ น่าโมโหยิ่งนัก! นางคิดแล้วก็แค้นใจอย่างยิ่งบ้าจริงเวลาแค่ครึ่งเดือนความใกล้ชิดของพวกเขาเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรือนี่!
"ไปกันเถอะ" แม่ทัพหยางพูดพลางเดินนำหน้านางไปก่อน นางหันมองอ๋องฉินก็เห็นเขาเพียงยกสุราขึ้นดื่มความรู้สึกอิจฉาก่อขึ้นภายในใจของนางมากยิ่งขึ้น ก่อนจะหักห้ามใจหันหลังเดินตามผู้เป็นพี่ชายไปทันที
ลู่เหยียนซินเห็นนางเดินจากไปด้วยความไม่พอใจก็ยกยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจยิ่งนัก ก่อนจะหันไปสบตากับแม่ทัพฮั่วพอดีเขายกสุราดื่มทั้งยังมองนางแล้วยิ้มแปลกๆ
"ท่านยิ้มอะไร"
"ขออภัยพระชายาข้าเพียงแต่รู้สึกแปลกใจ ท่านกับท่านอ๋องใกล้ชิดกันเช่นนี้เป็นปกติงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
หืม..นางเอียงคอก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้นางนั่งอยู่บนตักของอ๋องฉินอยู่ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนทันที นางหันไปมองอ๋องฉินก็เห็นว่าเขายกสุราดื่มไม่สนใจนางอีก
"ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ"
อ๋องฉินหันมามองนางทันทีก่อนจะเลิกคิ้วแล้วพูดว่า
"เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้า"
"คำถามอะไรเพคะ"
"ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะเป็นโรคความจำสั้นถึงเพียงนี้ พื้นที่ในสมองของเจ้ามีเล็กน้อยมากเลยหรืออย่างไรกัน"
"ข้าแค่จำที่ท่านถามไม่ได้ เหตุใดต้องด่าข้าด้วยล่ะ"
หึ...แม่ทัพฮั่วหัวเราะในลำคอมองทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น ชิงอีเองก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนักแต่ไหนแต่ไรมาท่านอ๋องไม่เคยสนใจว่าพระชายาจะไปไหนทำอะไรมาก่อน ครั้งนี้ทำไมเอาแต่คาดคั้นนางถึงเพียงนี้กันท่านอ๋องของพวกเขาไม่มีชีวิตชีวาแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้วนะ
"ข้าถามเจ้าว่า วันนี้เจ้าไปไหนมา"
"อ้อ ข้าก็แค่..." จะบอกไม่ได้เด็ดขาดว่าเอาปิ่นปักผมของเขาไปจำนำ ไม่เช่นนั้นอ๋องบ้าผู้นี้เป็นต้องด่ากราดนางอีกเป็นแน่
"ข้าเอาเงินที่ติดตัวมาด้วยไปสั่งข้าวสารแจกชาวบ้านนะ"
พรู๊ดดดด.. ~
สิ้นคำของนางบอกกล่าวอ๋องฉินถึงกับพ่นน้ำสุราใส่หน้าแม่ทัพฮั่วทันที แม่ทัพฮั่วหลับตาลงเพราะถูกพ่นน้ำใส่หน้าแบบไม่ทันตั้งตัว เขาใช้อีกมือข้างที่ว่างหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีชมพูหวานแหว๋วออกมาซับใบหน้าเบาๆ
"เจ้าเนี่ยนะ ซื้อข้าวสารไปแจกชาวบ้าน?"
"ทำไม มันแปลกตรงไหนกัน"
"ใช่ แปลกตรงไหนกันล่ะท่านอ๋อง"
"เงินก็เงินของข้า ไม่ใช่เงินของท่านเสียหน่อย” นางรีบเอามือไพล่หลังใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ทันที
“ท่านอย่ามาพาลข้าเด็ดขาดนะ ข้าเหนื่อยอยากพักผ่อนแล้วเชิญพวกท่านตามสบายเถอะ"
พูดจบก็รีบเดินปลีกตัวออกไปทันทีโดยมีสายตามึนงงของอ๋องฉินมองตามแผ่นหลังของนางไป
‘ถามแค่นี้ต้องโกรธด้วย นางผีเข้าหรืออย่างไรกันนะ!!’
ลู่เหยียนซินเมื่อปลีกตัวออกมาจากอ๋องฉินได้ ก็รีบวิ่งกลับมายังห้องของตนอย่างไว
‘ฮู้…รอดแล้ว นึกว่าจะโดนจับได้แล้วเสียอีก'
นางนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นดื่มพลางครุ่นคิดกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยปากถามสาวใช้ของตน
“ลี่ถิงข้าจำได้ว่าอ๋องฉินไม่ชอบเวลาที่ข้าแสดงความเป็นเจ้าของเขาต่อหน้าหยางซูฉินใช่หรือไม่”
“เป็นเช่นนั้นเพคะพระชายา”
“แล้วเหตุใดเมื่อครู่ไม่เห็นจะว่าอะไรข้าเลยล่ะ ไม่ได้การแล้วแผนตามตื๊อเพื่อให้เขารำคาญไม่น่าจะได้ผลคงจะต้องพับแผนการนี้ไว้ก่อน ทำอย่างไรต่อดีนะ”
“โว้ย!!...ถ้าเขารังเกียจข้าขนาดนี้เหตุใดไม่รีบหย่ากับข้าเสียให้สิ้นเรื่องจะเก็บข้าไว้ทำไมกัน!”
ลี่ถิงที่กำลังจะเอ่ยปากก็พลันต้องหยุดลงเมื่อเห็นว่าพระชายาของตนยังคงโวยวายต่อไม่เปิดโอกาสให้นางพูดเลยสักคำ
“หรือว่าต้องการแก้แค้นข้าเช่นนั้นหรือ ข้าทำให้เขาเสียหน้าและอับอายผู้คนมาก่อนสินะเลยจงใจเก็บข้าไว้ทรมานเล่น ข้าออกจะบอบบางน่ารักขนาดนี้จะมาน่ารังแกตรงไหนกัน”
ลี่ถิงมองนายสาวของตัวเองด้วยความจนใจได้แต่ปล่อยให้นางคิดเองเออเองพูดคนเดียวจนพอใจ จึงหันหลังกลับไปเตรียมอ่างน้ำให้นางต่อ
แม่ทัพหยางเดินมาส่งหยางซูฉินถึงหน้าห้อง ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องมาส่งนางเอง แต่เพราะมีบางอย่างต้องเตือนนางเขาจึงจำต้องมาด้วยกัน
"ซูเอ่อร์เจ้าเลิกคิดที่จะเป็นชายารองของท่านอ๋องได้แล้ว ดูเหมือนในใจของท่านอ๋องจะเริ่มเหินห่างจากเจ้าไปแล้วนะ"
"ไม่มีทางท่านอ๋องไม่มีทางรักลู่เหยียนซินได้หรอก นางร้ายกาจถึงเพียงนั้น"
"ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวท่านอ๋องเอง เจ้าควรเผื่อใจไว้บ้าง"
แม่ทัพหยางพูดพลางตบบ่าของนางเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป
"ไม่มีวันนั้นหรอก ข้าจะฆ่านางให้ได้ก่อนที่ท่านอ๋องจะปันใจไปให้นาง!”
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
-เรือนซินหยาง จวนอ๋องฉิน-"พระชายาเพคะ พระชายา"เสียงเรียกจากสตรีนางหนึ่งลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟัง ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเปลือกตาบางค่อยๆ แย้มกระพริบขึ้น นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างเพรียวบางพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยมีสาวใช้คนสนิทประคองตัวนางช่วยอีกแรงลู่เหยียนซินหันมองรอบๆ ห้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้นดวงตาเล็กเรียวทอดมองมายังหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังมีหยาดน้ำตานองเต็มดวงตากำลังนั่งมองนางด้วยความดีใจอย่างที่สุด"เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพระชายางั้นหรือ""เพคะพระชายา ท่านคงไม่ใช่ว่าได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้หรอกนะเพคะ"สาวใช้คนสนิทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มานานนับหลายวันและมีทีท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งลู่เหยียนซินพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมานั้นในช่วงเวลาหนึ่งที่คล้ายกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ลู่เหยียนซินเห็นตัวเองอยู่ในห้องผ่าตัดนางกำลังผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงส่งผลต่อเด็กในครรภ์โดยตรง การผ่าตัดใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆทุกวินาทีนั้นมีค่าห
เพล้ง !เสียงกระเบื้องเคลือบตกลงกระทบกับพื้นแตกกระจายทั่วทั้งพื้นห้องน้ำหวานสีแดงสดสาดกระเซ็นโดนปลายกระโปรงของหยางซูฉิน ไม่พอเท่านั้นนางยังยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองแรงๆไปทีหนึ่ง ลู่เหยียนซินมองนางด้วยความตื่นตะลึง 'นี่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?’"พระชายา หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ"หยางซูฉินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องนางมองมาที่ลู่เหยียนซินด้วยแววตาที่ชิงชัง เรียวปากของนางเหยียดยิ้มออกมาพลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้าเสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางสร้างความรำคาญให้แก่ลู่เหยียนซินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้เป็นอย่างมาก นางจ้องมองการกระทำของหยางซูฉินด้วยสายตาแข็งกร้าวจนหยางซูฉินเองรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างกายหากเป็นแต่ก่อนลู่เหยียนซินคงจะอาระวาดหนักไปแล้วแต่วันนี้นางกลับนิ่งเงียบนั่งมองหยางซูฉินแสดงละครด้วยสีหน้านิ่งเฉย ลู่เหยียนซินกรอกตามองไปที่หยางซูฉินผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเผยตัวตนที่เลวทรามให้ลู่เหยียนซินเห็นมาหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่มีผู้ใดมองเห็นมันเสียทีปัง!ประตูห้องนอนของนางถูกถีบออกด้วยฝ่าเท้าของบุรุษชุดคลุมสีเขียวหยก
-เรือนฉางหมิง จวนอ๋องฉิน-"ท่านอ๋องอย่าลงโทษพระชายาอีกเลยนะเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ไม่ระวังเองหากลงโทษนางอีกเกรงว่าร่างกายของพระชายาจะรับไม่ไหว""อืม วันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ""แต่ว่าท่านอ๋อง...""เจ้าเองก็หายดีแล้วหากอยู่ที่นี่นานจะมีแต่คำติฉินนินทา วันนี้ข้าต้องเข้าวังเจ้ากลับไปก่อนไว้ข้าจะหารือเรื่องของเรากับฝ่าบาทอีกครั้ง""เช่นนั้นก็ได้เพคะหม่อมฉันทูลลา"หลังหยางซูฉินจากไปอ๋องฉินก็เข้าไปในห้องตำราก่อนจะนั่งลงพลางครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ดูจากหลักฐานแล้วลู่เหยียนซินไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อนแน่นอนแล้วหยางซูฉินจะใส่ความนางทำไมกัน?หากเป็นแต่ก่อนมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่พ้นที่นางจะโวยวายและเป็นฝ่ายตบตีหยางซูฉินก่อนเป็นแน่ แต่ครั้งนี้ต่างไปนางนิ่งเงียบแววตาไร้ซึ่งอารมณ์กรุ่นโกรธเหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น"ท่านอ๋องให้เรียกท่านหมอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่จำเป็น"อ๋องฉินที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผุดลุกขึ้นทันทีคราบเลือดเริ่มแห้งลงบ้างแล้ว เขาไม่สนใจบาดแผลนี้เลยสักนิดก่อนจะหันมองไปยังองค์รักษ์คนสนิท"ชิงอี""ท่านอ๋องเชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ""สั่งให้
วันรุ่งขึ้นลู่เหยียนซินถูกลี่ถิงปลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้า ดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นปากของนางก็ยังหาวหวอดๆ อยู่เลย “ลี่ถิง ข้าต้องแต่งตัวเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”“เตรียมตัวไว้เพคะพระชายา ท่านยังต้องกินอาหารก่อนเข้าวังอีกนะเพคะหากท่านอ๋องต้องคอยนานเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกทำโทษอีก”“ก็ได้”ทางด้านเรือนฉางหมิงเมื่อเห็นว่าจวนจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นนางออกมา อ๋องฉินที่กำลังจะสั่งให้ชิงอีไปเรียกในตอนนั้นลู่เหยียนซินก็เดินออกมาพอดี นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูหวานปักลวดลายดอกไม้สวยงามขับสีผิวขาวเนียนใส ที่เอวยังคาดเครื่องประดับสีเดียวกัน ทำให้เอวระหงยิ่งดูอรชรมากขึ้นดูอ่อนช้อยน่าหลงใหล มวยผมที่เกล้าขึ้นยังมีที่ปักผมรูปหางหงส์หยกดิ้นทองประดับอยู่เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆหวานใส แก้มแดงระเรื่อเมื่อโดนแสงแดดกลับสว่างใสมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที“ไปกันได้หรือยังข้ามีงานต้องกลับมาทำต่อนะ”“.....”‘เป็นเขาที่รอนางนานไม่ใช่หรืออย่างไรกัน นางมาช้ายังจะกล้าบ่นอีก’อ๋องฉินเดินนำหน้านางไปยังหน้าประตูจวน ลู่เหยียนซินหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นรถม้า ‘ไหนบอกว่ารีบ? รถม้าสักคันก็ไม่เห็นเตรียมเอาไว้แล้วจะมาเร่งนางทำไมกัน’ลู่เหยียนซิ
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ