การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดี
ขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีก
โจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
หุบเขาหูซานนี้อยู่ใจกลางระหว่างหมู่บ้านเหมยหลันกับตัวเมืองจี้โจว เพราะความอุดมสมบูรณ์ของตัวป่าพวกเขาเลยเลือกที่จะปักหลักลงที่นั่น และลงเขาเพื่อออกปล้นบ้านเรือนชาวบ้านแทบจะทุกหมู่บ้านและเมืองอื่นๆที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อกองทัพอ๋องฉินเดินทางถึงหมู่บ้านมู่หลาง หมู่บ้านสุดท้ายก่อนเข้าสู่ประตูเมืองจี้โจว ก็มองเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนมุงอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งเป็นจำนวนมาก ซากปรักหักพังของบ้านเรือน ซากไฟไหม้บางส่วนปรากฏให้เห็นดูแล้วน่าสะเทือนใจยิ่งนัก
ขบวนกองทัพหยุดเดินลงเนื่องจากนายทหารแนวหน้าเข้ามารายงานกับอ๋องฉินว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านบริเวณโดยรอบนั้นถูกโจรภูเขาบุกปล้นสะดมเมื่อประมาณยามจื่อ (23.00-00.59 น.) ของเมื่อคืนวานนี้อ๋องฉินได้ยินดังนั้นจึงรีบสั่งการกับองค์รักษ์ของตนทันที
ทหารรักษาประตูเมืองที่มองเห็นขบวนกองทัพมาแต่ไกลแล้วได้สั่งให้ทหารเปิดประตูเมืองคอยต้อนรับและรีบไปรายงานที่จวนแม่ทัพฮั่วทันที
ทางด้านอ๋องฉินได้แบ่งกองกำลังออกเป็นสองฝ่าย ทหารส่วนหนึ่งที่เก่งกาจมีฝีมือดีที่สุดไปกับเขาและสั่งให้ขบวนกองทัพที่เหลือเดินหน้าต่อเพื่อเข้าไปในเมืองแจ้งแก่แม่ทัพฮั่วว่าเขาจะอยู่ดูสถานการณ์ที่นี่ก่อน
“เกิดอะไรขึ้นหรือชิงอี”
“ชาวบ้านถูกโจรภูเขาเข้าบุกปล้นบ้านเรือนพ่ะย่ะค่ะพระชายา ท่านอ๋องรุดหน้าเข้าไปตรวจสอบแล้วพระชายาอย่าเพิ่งลงจากรถม้าเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่เหยียนซินเลิกผ้าม่านขึ้นมองดูสถานการณ์ข้างหน้า นางเห็นชาวบ้านยืนมุงอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งด้านข้างมีศาลากว้างภายในนั้นแออัดไปด้วยผู้คนที่บาดเจ็บนอนเรียงรายกันจนเต็มลานกว้าง ขณะนั้นก็มีอาชาตัวใหญ่สีดำทมิฬมายืนขวางสายตาของนางเอาไว้ นางไล่สายตาขึ้นไปก็พบว่าเป็นอ๋องฉินที่มองมาทางนางอยู่ก่อนแล้ว
“ข้าจะนำทหารออกลาดตระเวนบริเวณรอบๆเมือง เจ้าเข้าไปในเมืองก่อนแล้วอย่าเที่ยวเดินเพ่นพ่านไปทั่วอยู่แค่ในจวนเจ้าเมืองเท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ไม่เข้าใจ”
อ๋องฉินถลึงตาใส่นางทันที เขาพูดชัดถ้อยชัดคำใช้คำพูดที่รวบรัดฟังดูเข้าใจง่ายถึงเพียงนี้แล้ว นางจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
“ข้าหมายถึงท่านนำข้ามาที่นี่ด้วยแล้วจะปล่อยให้ข้าดักดานอยู่เพียงในจวนเช่นนั้นหรือ ไม่ค่อยจะตรงกับเจตนาของท่านสักเท่าไหร่กระมังและข้าก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของท่านนะเหตุใดต้องกักขังกันด้วย”
“เจ้าไม่เข้าใจหรืออย่างไรที่นี่มีโจรป่าข้าต้องออกไปลาดตระเวนจัดการพวกนั้นก่อน หากเจ้าเดินเพ่นพ่านไปทั่วพบเจอโจรพวกนั้นเข้าชีวิตนี้ของเจ้าคงจบตั้งแต่ยังไม่ออกปากร้องขอความเห็นใจจากพวกมันแล้ว”
“ข้าไม่ได้จะเดินเพ่นเพ่นเพียงแค่อยากไปสำรวจหมู่บ้านนี้เท่านั้น ดูเสร็จแล้วข้าจะเข้าเมืองทันที”
“ไม่ได้!”
“อะไรนะเพคะ ได้เช่นนั้นหรือดีจังเลยขอบพระทัยมากเพคะท่านอ๋อง”
นางพูดจบก็รีบกระโดดลงจากรถม้าทันที อ๋องฉินเบิกตากว้างกิริยามารยาทของนางหายไปไหนหมดช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“เหตุใดเจ้าถึงพูดไม่รู้ความเช่นนี้เล่า”
“ข้าแค่จะไปดู ดูเสร็จก็จะไป”
“ที่นี่อันตรายเจ้าฟังรู้เรื่องหรือไม่”
“ท่านก็แค่ทิ้งทหารไว้ให้ข้าก็พอแล้ว ท่านจะไปไหนก็ไปสิพูดมากทำไมกัน”
นางพูดจบก็เดินมุ่งตรงไปยังบ้านเรือนของพวกเขาเหล่านั้นทันทีโดยมีสาวใช้คนสนิทเดินตามไปติดๆ เมื่อเห็นว่าไม่สามารถยั้งนางได้เขาจึงสั่งให้ชิงอีตามประกบนางแทน อ๋องฉินทิ้งทหารฝีมือดีไว้อีกสี่ห้าคนเพื่อดูแลนางโดยเฉพาะก่อนจะออกเดินทางไปลาดตระเวนยังหุบเขาข้างหน้า
คล้อยหลังอ๋องฉินจากไป ลู่เหยียนซินก็พาลี่ถิงเดินลัดเลาะไปยังเรือนพักของผู้บาดเจ็บทันทีชิงอีพร้อมทหารเหล่านั้นเดินตามนางไปติดๆ
เมื่อชาวบ้านเห็นนางเดินเข้ามาอีกทั้งด้านหลังยังมีทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศก็ตั้งท่าขัดขวางทันที
“พวกท่านเป็นใคร อย่าเข้ามาใกล้พวกเรานะ!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นไปยืนขวางด้านหน้านางทันที ยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง
“บังอาจ! ถอยออกไปเสีย!”
“พอแล้วชิงอี พวกเจ้าถอยออกไปก่อนเถอะ” นางส่งสายตาปรามไปยังองค์รักษ์หนุ่ม พวกเขาจำต้องถอยล่นออกไปแต่ก็ยังอยู่ในระยะที่สามารถปกป้องนายหญิงของพวกเขาได้
“ข้าเป็นหมอ ข้ารักษานางได้”
“ท่านเป็นหมอเช่นนั้นหรือ?” ชาวบ้านเหล่านั้นมองดูนางด้วยความไม่เชื่อถือเท่าใดนัก นางแต่งกายด้วยชุดธรรมดาแต่กลับมีผิวพรรณผุดผ่องไม่น่าจะใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนทั้งยังมีทหารคอยติดตามนางอาจจะเป็นหมอหญิงจริงๆก็ได้กระมัง
“เวลานี้พวกเจ้าก็ทำได้แค่ยืนดูนางเจ็บปวดจวนจะขาดใจอยู่โดยไม่สามารถทำอันใดได้ ไม่สู้ปล่อยให้ข้ารักษานางไม่ดีกว่าหรือ”
“หากว่าข้ารักษานางไม่ได้ ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะทำอะไรกับข้าก็สุดแล้วแต่ใจพวกเจ้าเถอะ”
พวกเขาเห็นนางมาดีไม่ได้มีท่าทีหยิ่งยโสทั้งยังเสนอช่วยบุตรสาวของผู้ใหญ่บ้านจึงยอมถอยล่นออกไปด้านหลังทันที
“ขออภัยแม่นางที่พวกข้าเสียมารยาท เมื่อคืนพวกเราชาวบ้านถูกโจรภูเขาบุกปล้นพวกมันสังหารชาวบ้านไปหลายชีวิตทั้งยังจับตัวผู้หญิงในหมู่บ้านไปอีกหลายคน ใครขัดขืนพวกมันฆ่าทิ้งทันทีลูกสาวของข้าต่อสู้กับพวกมันจึงได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ทางการส่งท่านหมอมาเพียงคนเดียวไม่สามารถรักษาทุกคนได้ทันการ ท่านหมอมาดูอาการของนางเมื่อครู่เขาพูดเพียงว่าไม่สามารถรักษานางได้แล้วขอรับ”
“อาการนางเป็นเช่นใดบ้างเจ้าคะ”
“ถูกแทงไปหลายแผลตั้งแต่ยามหยิน (03.00-04.59 น.) ท่านหมอห้ามเลือดให้แล้วแต่ก็ถือว่าเสียเลือดไปมากอยู่ขอรับ”
ลู่เหยียนซินมองดูหญิงสาวตรงหน้าลมหายใจที่รวยรินคล้ายใกล้หมดลมหายใจอยู่ทุกวินาที นางจึงตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าไปด้านในทันทีเพราะที่ตรงนี้มีคนมากเกินไปนางไม่สะดวกที่จะหยิบกล่องยาออกมารักษาโดยตรง
“ท่านสามารถรักษานางได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
“ข้าจะลองดู พวกท่านรอข้างนอกเถิดข้าต้องใช้สมาธิ”
“ได้…. ได้ขอรับ”
ผู้ใหญ่บ้านสั่งให้ชาวบ้านถอยไปพักและให้คนส่วนหนึ่งไปช่วยกันเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บมาที่ศาลาพักด้านหน้านี้ ท่านหมอที่มีเพียงคนเดียวกำลังวุ่นวายรักษาคนเจ็บจนมือเป็นพัลวัน หูของเขาได้ยินแว่วมาว่ามีหมอหญิงเดินทางมาที่หมู่บ้านนี้และอาสาช่วยรักษาบุตรสาวของผู้ใหญ่บ้าน ครั้นอยากจะไปดูวิธีการรักษาของนางแต่ก็ไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ที่ต้องรักษาคนเจ็บตรงหน้าตนได้จึงได้เพียงแค่ลอบมองไปเท่านั้น
ทางด้านแม่ทัพฮั่วเมื่อได้ยินว่าขบวนกองทัพของอ๋องฉินเดินทางมาถึงแล้วเขาจึงนำหัวหน้าจวนปกครองและลูกน้องใต้บังคับบัญชาออกมาด้วย เดิมคิดว่าจะมาพบปะกันที่ประตูเมืองแต่ม้าเร็วของอ๋องฉินได้เข้ามารายงานว่าเวลานี้ท่านอ๋องนั้นนำกองทหารออกไปลาดตระเวนบริเวณโดยรอบเมืองแล้ว รับสั่งให้ทหารส่วนหนึ่งเดินทางเข้าเมืองมาก่อนและส่วนหนึ่งเดินทางไปกับเขา ทั้งยังฝากมาบอกแม่ทัพฮั่วอีกว่าให้ไปสมทบที่หมู่บ้านมู่หลาง พระชายาฉินยังอยู่ที่นั่น
“พระชายาเช่นนั้นหรือ?”
“ขอรับนายท่าน”
“ไหนบอกว่าเกลียดนางแม้แต่หน้านางยังไม่อยากมอง แล้วจะนำนางมาด้วยทำไมกัน”
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ”
แม่ทัพฮั่วเหล่ตามองไปยังลูกน้องของตัวเองทันที
“ข้าก็เพียงแค่ครุ่นคิดไม่ได้ถามเจ้า”
“นายท่านคิดดังไปนะขอรับ”
“เฮ้อ…..ช่างเถอะไปหมู่บ้านมู่หลางกัน”
ลู่เหยียนซินนั่งอยู่ในห้องข้างเตียงของหญิงสาวคอยลอบมองดูอาการของนางเป็นระยะ เนื่องจากอยู่ในยุคโบราณเครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้ตรวจก็ไม่มีสักชิ้นนางจึงอาศัยประสบการณ์ที่เคยทำงานมาก่อนคอยสังเกตอาการใกล้ๆ ลู่เหยียนซินขยับเข้าไปตรวจดูอาการของนางแต่เมื่อเห็นบาดแผลฉกรรจ์จากคมกระบี่บนตัวหญิงสาวนางก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจทันที
บาดแผลจากคมกระบี่พาดผ่านช่องท้องแผลเหวอะหวะหากลึกไปมากกว่านี้เพียงเล็กน้อยก็จะคว้างท้องนางแล้ว
ลู่เหยียนซินเปิดเปลือกตาของนางขึ้นแล้วหันไปหยิบกล่องยาออกมาเปิดและหยิบขวดยาหนึ่งขวดออกมา เทยาเม็ดหนึ่งเม็ดและยัดมันเข้าปากนางทันที จากนั้นก็หยิบเข็มออกมาฝังเข็มให้นางตามจุดสำคัญๆ หลายจุด โชคยังดีเมื่อครั้งที่นางเรียนหมอในยุคปัจจุบันนั้นนางได้เรียนวิชาการฝังเข็มแบบแพทย์แผนจีนมาด้วย นางจึงใช้วิชานี้ได้อย่างคล่องมือเป็นที่สุด
บาดแผลที่สำคัญอยู่ที่ช่องท้อง ยาห้ามเลือดที่นางป้อนไปแล้วส่งผลให้เลือดที่เคยออกจากบาดแผลนั้นก็หยุดไหลทันที
“เอาน้ำสะอาดให้ข้าที”
นางตะโกนเสียงดังจนคนข้างนอกได้ยินพวกเขารีบลุกขึ้นไปหยิบเอาน้ำสะอาดส่งให้นางในห้องทันที ลู่เหยียนซินทำความสะอาดคราบเลือดอย่างเบามือ นางฉีดยาชาไปหนึ่งเข็มรอสักพักคาดว่ายาเริ่มออกฤทธิ์แล้วนางจึงตัดเอาส่วนเนื้อที่ตายแล้วออกไปทำให้บาดแผลดูน่ากลัวยิ่งขึ้นจากนั้นจึงลงมือเย็บแผลให้นาง
การเคลื่อนไหวของลู่เหยียนซินนั้นรวดเร็วมากมือไม่มีอาการสั่นเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เย็บบาดแผลเสร็จจึงใช้ผ้าตาข่ายม้วนหนึ่งมาพันแผลไว้
เมื่อทำการรักษาบาดแผลเรียบร้อยแล้วนางจึงตรวจลมหายใจและก้มลงฟังเสียงหัวใจอีกครั้ง เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติแล้วนางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาทันที
----------------------
[1] 40 ลี้ = 20 กิโลเมตร
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
-เรือนซินหยาง จวนอ๋องฉิน-"พระชายาเพคะ พระชายา"เสียงเรียกจากสตรีนางหนึ่งลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับฟัง ใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนเปลือกตาบางค่อยๆ แย้มกระพริบขึ้น นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ร่างเพรียวบางพยายามยันตัวลุกขึ้นโดยมีสาวใช้คนสนิทประคองตัวนางช่วยอีกแรงลู่เหยียนซินหันมองรอบๆ ห้องนางเริ่มรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้นดวงตาเล็กเรียวทอดมองมายังหญิงสาวตรงหน้า ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังมีหยาดน้ำตานองเต็มดวงตากำลังนั่งมองนางด้วยความดีใจอย่างที่สุด"เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพระชายางั้นหรือ""เพคะพระชายา ท่านคงไม่ใช่ว่าได้รับการกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้หรอกนะเพคะ"สาวใช้คนสนิทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำคล้ายผ่านการร้องไห้มานานนับหลายวันและมีทีท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งลู่เหยียนซินพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมานั้นในช่วงเวลาหนึ่งที่คล้ายกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ลู่เหยียนซินเห็นตัวเองอยู่ในห้องผ่าตัดนางกำลังผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงท้องแก่ที่ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงส่งผลต่อเด็กในครรภ์โดยตรง การผ่าตัดใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆทุกวินาทีนั้นมีค่าห
เพล้ง !เสียงกระเบื้องเคลือบตกลงกระทบกับพื้นแตกกระจายทั่วทั้งพื้นห้องน้ำหวานสีแดงสดสาดกระเซ็นโดนปลายกระโปรงของหยางซูฉิน ไม่พอเท่านั้นนางยังยกมือขึ้นตบไปที่ใบหน้าของตัวเองแรงๆไปทีหนึ่ง ลู่เหยียนซินมองนางด้วยความตื่นตะลึง 'นี่ต้องลงทุนทำร้ายตัวเองขนาดนี้เลยหรือ?’"พระชายา หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ"หยางซูฉินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องนางมองมาที่ลู่เหยียนซินด้วยแววตาที่ชิงชัง เรียวปากของนางเหยียดยิ้มออกมาพลางบีบน้ำตาให้ไหลอาบใบหน้าเสียงร้องไห้คร่ำครวญของนางสร้างความรำคาญให้แก่ลู่เหยียนซินผู้เป็นเจ้าของห้องนี้เป็นอย่างมาก นางจ้องมองการกระทำของหยางซูฉินด้วยสายตาแข็งกร้าวจนหยางซูฉินเองรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างกายหากเป็นแต่ก่อนลู่เหยียนซินคงจะอาระวาดหนักไปแล้วแต่วันนี้นางกลับนิ่งเงียบนั่งมองหยางซูฉินแสดงละครด้วยสีหน้านิ่งเฉย ลู่เหยียนซินกรอกตามองไปที่หยางซูฉินผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวาน นางเผยตัวตนที่เลวทรามให้ลู่เหยียนซินเห็นมาหลายครั้งหลายคราแต่กลับไม่มีผู้ใดมองเห็นมันเสียทีปัง!ประตูห้องนอนของนางถูกถีบออกด้วยฝ่าเท้าของบุรุษชุดคลุมสีเขียวหยก
-เรือนฉางหมิง จวนอ๋องฉิน-"ท่านอ๋องอย่าลงโทษพระชายาอีกเลยนะเพคะ เป็นหม่อมฉันที่ไม่ระวังเองหากลงโทษนางอีกเกรงว่าร่างกายของพระชายาจะรับไม่ไหว""อืม วันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนเถอะ""แต่ว่าท่านอ๋อง...""เจ้าเองก็หายดีแล้วหากอยู่ที่นี่นานจะมีแต่คำติฉินนินทา วันนี้ข้าต้องเข้าวังเจ้ากลับไปก่อนไว้ข้าจะหารือเรื่องของเรากับฝ่าบาทอีกครั้ง""เช่นนั้นก็ได้เพคะหม่อมฉันทูลลา"หลังหยางซูฉินจากไปอ๋องฉินก็เข้าไปในห้องตำราก่อนจะนั่งลงพลางครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครู่ดูจากหลักฐานแล้วลู่เหยียนซินไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อนแน่นอนแล้วหยางซูฉินจะใส่ความนางทำไมกัน?หากเป็นแต่ก่อนมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่พ้นที่นางจะโวยวายและเป็นฝ่ายตบตีหยางซูฉินก่อนเป็นแน่ แต่ครั้งนี้ต่างไปนางนิ่งเงียบแววตาไร้ซึ่งอารมณ์กรุ่นโกรธเหมือนกำลังดูอะไรสนุกๆอยู่อย่างไรอย่างนั้น"ท่านอ๋องให้เรียกท่านหมอหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""ไม่จำเป็น"อ๋องฉินที่เดิมนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ผุดลุกขึ้นทันทีคราบเลือดเริ่มแห้งลงบ้างแล้ว เขาไม่สนใจบาดแผลนี้เลยสักนิดก่อนจะหันมองไปยังองค์รักษ์คนสนิท"ชิงอี""ท่านอ๋องเชิญรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ""สั่งให้
วันรุ่งขึ้นลู่เหยียนซินถูกลี่ถิงปลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่เช้า ดวงตาที่ยังไม่เต็มตื่นปากของนางก็ยังหาวหวอดๆ อยู่เลย “ลี่ถิง ข้าต้องแต่งตัวเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”“เตรียมตัวไว้เพคะพระชายา ท่านยังต้องกินอาหารก่อนเข้าวังอีกนะเพคะหากท่านอ๋องต้องคอยนานเกรงว่าพระชายาอาจจะถูกทำโทษอีก”“ก็ได้”ทางด้านเรือนฉางหมิงเมื่อเห็นว่าจวนจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นนางออกมา อ๋องฉินที่กำลังจะสั่งให้ชิงอีไปเรียกในตอนนั้นลู่เหยียนซินก็เดินออกมาพอดี นางสวมชุดกระโปรงสีชมพูหวานปักลวดลายดอกไม้สวยงามขับสีผิวขาวเนียนใส ที่เอวยังคาดเครื่องประดับสีเดียวกัน ทำให้เอวระหงยิ่งดูอรชรมากขึ้นดูอ่อนช้อยน่าหลงใหล มวยผมที่เกล้าขึ้นยังมีที่ปักผมรูปหางหงส์หยกดิ้นทองประดับอยู่เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆหวานใส แก้มแดงระเรื่อเมื่อโดนแสงแดดกลับสว่างใสมีเลือดฝาดขึ้นมาทันที“ไปกันได้หรือยังข้ามีงานต้องกลับมาทำต่อนะ”“.....”‘เป็นเขาที่รอนางนานไม่ใช่หรืออย่างไรกัน นางมาช้ายังจะกล้าบ่นอีก’อ๋องฉินเดินนำหน้านางไปยังหน้าประตูจวน ลู่เหยียนซินหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นรถม้า ‘ไหนบอกว่ารีบ? รถม้าสักคันก็ไม่เห็นเตรียมเอาไว้แล้วจะมาเร่งนางทำไมกัน’ลู่เหยียนซิ
วันถัดไปอ๋องฉินสั่งเรียกแม่ทัพทั้งสองประชุมหารือเรื่องปราบโจรภูเขา พวกเขาหารือกันตั้งแต่เช้าตรู่จนตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดก้าวเท้าออกมาเลยสักคนหลี่เจ้อหยูบ่าวรับใช้ประจำกายของแม่ทัพฮั่วรีบควบม้าตรงดิ่งมายังจวนเจ้าเมืองด้วยความเร่งรีบเมื่อมาถึงหน้าจวนเขาลนลานลงจากหลังม้าและรีบวิ่งเข้าไปในจวนจนแทบจะสะดุดกับขอบประตู ยังดีที่ทหารหน้าประตูรับไว้ได้ทัน คนผู้นี้มาที่จวนแห่งนี้กับท่านแม่ทัพฮั่วอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่เคยชิน ทหารเหล่านั้นจึงปล่อยให้เขาเข้าไปด้านในไม่ได้ขวางเอาไว้เขารีบวิ่งเข้ามาในจวนด้วยความรวดเร็วแม่ทัพฮั่วมองเห็นมาแต่ไกลแล้ว หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่สำคัญจริงๆ คนผู้นี้จะไม่กล้าเข้ามารบกวนในเวลาแบบนี้เป็นแน่“นายท่าน นายท่านขอรับ!”“มีเรื่องอะไร”“ฮูหยิน ฮูหยินตกเลือดขอร
“คาราวะพระชายาฉินเพคะ""อืม"ลู่เหยียนซินตอบกลับเพียงคำเดียวก่อนจะตั้งท่าเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนของนาง"เดี๋ยวก่อน!" เสียงดุดันของบุรุษแทรกเข้ามาทันทีลู่เหยียนซินหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองบุรุษที่เรียกขานนางด้วยความไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางจึงหันหลังไปสั่งให้ลี่ถิงล่วงหน้าไปรอที่ห้องก่อน"วันนี้เจ้าหายไปไหนมา""ข้าหรือ?""แล้วเจ้าคิดว่าข้าถามผู้ใด""ข้าก็เพียงแต่คิดว่าท่านอ๋องจะสนใจสตรีผู้งามพร้อมไปด้วยกิริยาและหน้าตาที่อยู่ตรงหน้าท่าน ไม่สนใจจะใคร่ถามว่าข้าหายไปไหนมา""เจ้าอย่าได้ต่อปากต่อคำให้มากนัก ข้าเพียงแต่ถามเจ้าว่า..."
“ท่านดูหงุดหงิดใจไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย เป็นอะไรไปนางทำอะไรให้ท่านกัน”“ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าเพียงแต่…”“หืม”“แล้วเหตุใดข้าต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าฟังด้วย!”“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องหากอยากได้ที่ปรึกษาข้าพร้อมตลอดเวลานะ”“พูดบ้าอะไรของเจ้า ไปไกลๆข้าเลยนะ”พวกเขาเงียบปากลงทันทีเมื่อเห็นลู่เหยียนซินเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ“สถานการณ์เป็นเช่นใดบ้างพ่ะย่ะค่ะพระชายา” เป็นชิงอีที่เอ่ยปากถามนางก่อน“น่าจะคงที่แล้วล่ะคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพช่วยเปลี่ยนท่านหมอมาดูแลที่นี่ต่อด้วยนะเจ้าคะ ท่านหมอโจเองก็อยู่ที่นี่มาทั้งคืนแล้วต้องให้เขาพักผ่อนบ้าง”“ไม่มีปัญหา ข้าจะรีบส
เมื่อแม่ทัพฮั่วเดินทางมาถึงหมู่บ้านมู่หลางเขาถึงกลับต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าทันที เมื่อคืนเวลาประมาณยามโฉว่ (01.00-02.59 น.) เขาได้รับรายงานมาว่าหมู่บ้านแห่งนี้และหมู่บ้านโดยรอบเมืองจี้โจวถูกโจรป่าบุกปล้นเขารีบส่งกองกำลังทหารมาช่วยแต่เพราะข่าวสารที่ล่าช้าเกินไปจึงมาไม่ทันการ ชาวบ้านถูกสังหารไปหลายชีวิตพวกทหารรุดหน้าไปช่วยหญิงสาวที่ถูกจับตัวไปและพึ่งจะส่งถึงมือชาวบ้านก็เช้าตรู่นี่เอง แม่ทัพฮั่วส่งท่านหมอโจหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในตัวเมืองจี้โจวมาช่วยรักษาคนเจ็บที่นี่ เขาไม่สามารถส่งหมอออกมาได้หลายคนนักเพราะเมื่อคืนหมู่บ้านรอบๆก็ถูกปล้นเช่นกัน จึงต้องแบ่งท่านหมอกระจายกันออกไปตามหมู่บ้านต่างๆหมู่บ้านมู่หลางดูจะได้รับความเลวร้ายที่สุดพวกโจรป่าบุกฆ่าไม่เว้นหญิงชายทั้งยังเผาบ้านเรือนไปหลายหลัง พอมาเห็นด้วยตาของตนเองจึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก“ทำความเคารพท่านแม่ทัพขอรับ”
การเดินทางมายังเมืองจี้โจวนั้นกินเวลามามากกว่าเจ็ดวันแล้ว ผ่านเส้นทางทุรกันดานของชนบทที่ห่างไกลความเจริญเข้าสู่เขตชายแดนเมืองจี้โจวในวันที่แปดพอดีขบวนเคลื่อนมาใกล้ตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางที่จะผ่านเข้าไปยังประตูเมืองนั้นต้องพบเจอกับหมู่บ้านน้อยใหญ่ ทิวทัศน์โดยรอบแสดงให้เห็นถึงความแร้นแค้นของชาวบ้านเป็นอย่างมากลู่เหยียนซินที่เลิกม่านขึ้นมองเห็นก็รู้สึกอนาจใจยิ่งนัก พืชผลทางการเกษตรแห้งแล้งล้มตายจำนวนมากผู้คนอดอยากเห็นได้ชัดจากสีหน้าที่หม่นหมองของพวกเขาเหล่านั้น อีกทั้งยังต้องมาพบเจอกับโจรป่าที่บุกปล้นสะดมกันแทบทุกวันซ้ำเติมความทุกข์ยากเข้าไปอีกโจรป่าหรือโจรภูเขาที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั้นนับวันยิ่งเหิมเกริมขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเหล่านั้นมาจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันที่หุบเขาหูซานใกล้หมู่บ้านเหมยหลัน หมู่บ้านเหมยหลันอยู่ห่างจากตัวเมืองจี้โจวราวๆ40ลี้[1]
การเดินทางยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ห้าลู่เหยียนซินเหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่างกายของนางเพิ่งถูกโบยมาแผลยังไม่ทันหายดี อีกทั้งการนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันเป็นเวลาห้าวันติดกันไม่สามารถขยับไปทางไหนได้การสั่นสะเทือนของรถม้าที่โครงเครงตลอดทางส่งผลให้ร่างกายของนางบอบช้ำขึ้นมาอีกระลอก เนื้อด้านหลังกระแทกกับแผ่นไม้หลายต่อหลายครั้งนางได้แต่อดทนมาตลอด แต่วันนี้ความเจ็บปวดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งความรู้สึกปวดหนึบตามร่างกายเริ่มตีตื้นขึ้นมาและดูเหมือนจะส่งผลให้พิษไข้ค่อยๆ กำเริบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆนางกินยาแก้อักเสบไว้แล้วแต่เพราะแผลด้านหลังนั้นลึกเกิน แม้จะกินยาหรือทายาทุกวันเพื่อให้ทุเลาลงไปบ้างแล้วแต่แผลก็ยังหายช้าอยู่ดีความเจ็บของบาดแผลส่งผลให้นางได้รับพิษไข้ที่รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เหงื่อผุดขึ้นไหลย้อยลงจากศรีษะไหลไปตามกรอบหน้าของนางแล้วหยดลงบนเสื้อผ้าจนเปียกชุ่ม นางหลับตาลงพยายามฝืนความเจ็บปวดเอาไว้
‘รู้สึกไปเองรึป่าวนะ…’“ไม่มีอะไร พวกเรารีบอาบน้ำกันเถอะลี่ถิงข้ารู้สึกร้อนๆหนาวๆ ยังไงชอบกล”“เพคะพระชายา”ลู่เหยียนซินอาบน้ำไปอีกสักพักก็รู้สึกหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไรขนที่ลุกชันไม่ได้เกิดจากน้ำที่เย็นเยือกแต่เกิดจากบรรยากาศโดยรอบ นางจึงรีบขึ้นจากแม่น้ำทันทีลี่ถิงนำชุดมาให้นางเปลี่ยนเพราะเกรงว่าพระชายาของตนจะจับไข้เสียก่อน“ลี่ถิงกระโจมข้าอยู่ตรงไหน”“กระโจมใหญ่ตรงนั้นเพคะพระชายา”“งั้นหรือ?นอนกับเจ้าแค่สองคนไม่เห็นต้องทำกระโจมใหญ่ขนาดนั้นเลยนี่นา”“หาไม่เพคะพระชายา กระโจมนี้เป็นของท่านอ๋องกับพระชายาเพคะ”“ห๊า!เจ้าว่าอะไรนะ?” เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงหยุดฝีเท
-เช้าวันต่อมา-"พระชายาทายาอีกสักหน่อยเถิดนะเพคะ ยังต้องนั่งอยู่บนรถม้าทั้งวันแผ่นหลังของท่านต้องระบมอีกเป็นแน่""พอแล้วไว้ค่อยทาทีหลังเถอะรีบไปขึ้นรถม้ากัน จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว""เจ้าเตรียมข้าวของของข้าครบแล้วใช่หรือไม่""ครบแล้วเพคะพระชายา""ไม่รู้เลยว่าต้องไปนานเท่าใดเมื่อวานข้ายุ่งๆ ทั้งวันจนลืมส่งข่าวให้ท่านพ่อเสียสนิทเลย""พระชายาไม่ต้องทรงเป็นกังวลเพคะเรื่องที่ท่านอ๋องกับพระชายาต้องเดินทางไปยังชายแดนเหนือเวลานี้ล่วงรู้กันทั้งเมืองแล้วล่ะเพคะ""หืม ใครกันช่างปากไวเช่นนี้เพียงแค่คืนเดียวรู้กันทั่วทั้งเมืองเลยงั้นหรือ"ลี่ถิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ นางไม่กล้าบอกว่าข่าวที่แพร่สะพัดไปนี้เป
ทางด้านลู่เหยียนซินเมื่อออกมาจากห้องทรงพระอักษร ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะมายืนรอนางอยู่ก่อนแล้ว"พระชายาท่านนี้คือฉางกงกงเป็นขันทีและข้ารับใช้ประจำกายของไท่ซ่างหวงที่ตำหนักซูหนิงพ่ะย่ะค่ะ""อ๋อ งั้นหรือ" ‘ถ้าเช่นนั้นเวลานี้ก็ต้องอยู่รับใช้ไท่ซ่างหวงสิเหตุใดถึงมายืนอยู่ตรงนี้กัน’"พระชายา ไท่ซ่างหวงมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" ฉางกงกงรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นพระชายาฉินเดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร'ไท่ซ่างหวงเรียกหางั้นหรือ?’"ข้าเคยไปทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธเคืองหรือไม่" เมื่อไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างเดิมนี้แต่ก่อนได้ก่อเรื่องสร้างราวใดๆทิ้งไว้หรือไม่ จึงต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความหวาดระแวง"หามิได้พ่ะย่ะค่ะพระชายา พระองค์แค่ทรงต้องการพูดคุยด้วยเท่านั้นเองพะย่ะค่ะ"เหล่าราชวงศ์คนชั้นสูงไม่มีทางที่จะเรียกเข้าพบเพียงเพื่ออยากพูดคุยด้วยเท่านั้นแน่คงต้องมีเรื่องอะไรให้นางปวดหัวอีกแน่นอน เมื่อครู่ก็พึ่งจะโดนบังคับให้เดินทางไปชายแดนเหนือครั้งนี้จะโดนบังคับทำสิ่งใดอีก!"โว้ย! ข้าอยากจะบ้าตาย" นางขยี้ผมแรงๆด้วยความโมโหจนกงกงทั้งสองมองด้วยความตื่นตกใจ ‘เหตุใดพระชายาถึงไม่รักษากิ