เมื่อเฉียวเวยเวยตื่นขึ้นมาตะวันก็คล้อยต่ำแสงร่ำไร ๆ นางงัวเงียพูดขึ้น
“นำกระจกมาให้ข้า”
ม่านม่านถือกระจกให้เฉียวเวยเวยมองตนเองได้อย่างถนัดตา
หญิงสาวเปิดสาบเสื้อลง ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ร่องรอยรอยจูบของตันหรงนั่นเด่นชัดในผิวขาวเนียนละเอียด แค่มองดูเท่านี้ก็รู้ว่าพวกนางและเขาผ่านช่วงเร่าร้อนด้วยกัน นางดึงสาบคอเสื้อขึ้นแล้วพูด
“ไปจัดการค่าใช้จ่ายด้วย”
“เจ้าค่ะ นายหญิง...ท่านจะกลับจวนเลยหรือไม่เจ้าค่ะ หรือจะทานอาหารที่นี่ก่อน”
“กลับจวนเลย”
เมื่อพูดเสร็จชิงชิงก็ออกไปข้างนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล พวกนางอยู่ในห้องตลอดย่อมรู้ว่านายหญิงยังไม่ถึงขั้นนั้น กระนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง ทว่าแต่ไหนแต่ไร นายหญิงจะทำสิ่งใดพวกนางล้วนไม่เคยสอดปากนอกจากตั้งใจปรนนิบัติตามคำสั่งเท่านั้น
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
เฮ้อ!! ก็หวังแค่ว่านายหญิงจะมีความสุข
เมื่อกลับมาถึงจวน แม่นมฝูรออย่างกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าคุณหนูของตนเองจะก่อเรื่องอันใดอีกหรือไม่
เมื่อเห็นร่างบางกำลังเดินมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดขึ้น
“ฮูหยินน้อย นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เดิมแม่นมฝูก็ไม่เห็นด้วยที่คุณหนูของนางต้องการแต่งงานกับ หลีเซียวหยวน เสียทั้งกายและหัวใจ แถมมอบเงินอีกฝ่ายตั้งมากมายกระนั้นกลับไม่ได้ความใส่ใจกลับมาแม้แต่น้อย
หากเฉียวเวยเวยต้องการหย่า นางย่อมยินดี
“ดี!!... ในเมื่อเขามาแล้วจะได้คุยเรื่องที่ค้างคา”
เฉียวเวยเวยไปหาหลีเซียวหยวนโดยที่ยังไม่ผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นางต้องการย้ำถึงสถานที่และการกระทำของตนเองในวันนี้
หลีเซียวหยวนขมวดคิ้วมองเฉียวเวยเวย
แววตาแฝงความประหลาดใจกับกลิ่นกายของนาง
หญิงสาวเดินเข้าไปยืนกลางห้องแล้วถอดเสื้อด้านนอกออก มุมปากของหลีเซียวหยวนเหยียดยิ้มเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขาเห็นรอยแดง พอเพ่งมองยิ่งตกตะลึง นี่ไม่ใช่ร่องรอยของเขาอย่างแน่นอน
หลีเซียวหยวนปรี่ตรงเข้าไปหาเฉียวเวยเวยอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาถลึงตามองหญิงสาวอย่างดุดัน
เพียะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบกับใบแก้มนวลดังสนั่น ทำให้บ่าวไพร่ข้างนอกสะดุ้งตัว
เฉียวเวยเวยเซหันไปตามแรงของฝ่ามือ
นางยกมือกุมแก้มก้มหน้าลง
ชิงชิงและม่านม่านกำลังจะปรี่เข้าไป บ่าวหน้าห้องก็ขัดขวางเกิดเสียงดังโหวกเหวกขึ้น เฉียวเวยเวยจึงพูดขึ้น
“ไม่ต้องเข้ามา ข้าไม่เป็นไร”
หลีเซียวหยวนชะงักเขาจ้องมองฝ่ามือของตนเอง กำลังก้มลงไปหวังจะประครองหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด ขณะนั้นเฉียวเวยเวยก็หันจ้องมองกลับมา ใบหน้าและสายตาของนางล้วนว่างเปล่า นางเช็ดเลือดที่มุมปากลวกๆ สะบัดมือของชายหนุ่มออก
“ตบครั้งนี้ ข้าให้ท่าน...ครั้งนี้...ข้ายังไม่ได้สวมหมวกให้ท่าน แต่หากท่านยังไม่เขียนหนังสือหย่า ข้ารับปากว่าท่านจะได้สวมหมวกใบเขียวอย่างแน่นอน”
ความรู้สึกผิดของหลีเซียวหยวนเมื่อสักครู่พลันสลายหลายไป สายตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกขึ้น
“เจ้ากล้า”
“ฮ่า ฮ่า ไยข้าจะไม่กล้า ข้าเตือนท่านแล้วนะ”
เฉียวเวยเวยหมุนกายกำลังจะเดินออกจากห้อง
หลีเซียวหยวนเห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวขาออกไป พลางกระชากแขนดึงตัวนางกลับมาอย่างรุนแรง พร้อมตะคอกถาม
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”
“ท่านโง่เขลาหรืออย่างไร ความต้องการของข้าคือ หนังสือหย่า มิใช่ข้าแจ้งท่านไปแล้วหรือไร ปล่อยข้านะ”
เฉียวเวยเวยเอ่ยน้ำเสียงยั่วโมโห พลางพยายามแกะมือของ หลีเซียวหยวนออก
เมื่อเห็นว่าเฉียวเวยเวยดื้อดึงไม่ยอมจำนนง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา
หลีเซียวหยวนก็ข่มอารมณ์เค้นคำพูดดี ๆ ออกมา
“หากเจ้าไม่พอใจ เช่นนั้นข้าเพิ่มจำนวนวันให้เจ้าดีหรือไม่”
“ฮ่า ฮ่า หากข้าบอกว่าข้าต้องการทุกวันท่านจะให้ข้าได้หรืออย่างไร”
“เจ้าก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เฉียวเวยเวย อย่าบีบคั้นข้าเกินไป ...เมื่อก่อนเป็นเจ้าเองที่บอกข้าว่า-ยอมทุกอย่าง-”
น้ำเสียงของชายหนุ่มกำลังคำรามข่มขู่ ความรู้สึกเจ็บแปลบเข้ามาหัวใจของเฉียวเวยเวยขึ้นมาอีกครั้ง วาจานี้เป็นเจ้าของร่างคนเดิมที่เคยลั่นไว้ นางบอกกับหลีเซียวหยวนขอเพียงให้นางเคียงคู่เป็นฮูหยิกเอกของเขา นางยินยอมที่จะกล้ำกลืนทุกอย่าง
เฉียวเวยเวยเผยปากเหยียดยิ้มเยาะเย้ยหยันตนเอง นางพูดขึ้นน้ำเสียสั่นเครือแฝงความรู้สึกเจ็บปวดที่อยู่ภายใน
“ท่านเสนาบดี ท่านกล้าพูดหรือไม่ว่าท่านเชื่อ เชื่อวาจาของสตรีที่มีความรัก...กระนั้น... ข้าจึงไม่กล่าวโทษท่าน ..ท่านมีฮูหยินรองของท่าน ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าไม่อาจจะฝืนทนต่อไป ต่อจากนี้ข้าขอสิ้นวาสนาต่อท่าน”
เฉียวเวยเวยยิ้มพราว แววตาเย็นชาเฉียบขาด
หลีเซียวหยวนชะงัก มองสตรีตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
ดวงตาที่จ้องมองมาดำขลับฉายประกายคมกริบ กรีดเข้าไปถึงหัวใจ เฉียวเวยเวยไม่เพียงงดงามทว่าวันนี้นางกลับแฝงความสง่างามน่าหลงใหล
เฉียวเวยเวยก็หมุนกายออกไปไม่รอคำตอบ นางกลับไปรอหนังสือหย่าในเรือนอย่างมั่นใจ
ตอนที่ 6 นายหญิงเวย แม่นมฝูทายาบนแก้มนวลด้วยความระมัดระวัง หญิงชราจ้องมองรอยแดงนั่นอย่างเจ็บปวด คุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างกับไข่มุกในกำมือ ความเจ็บซ้ำใจแม้แต่นิดก็ไม่เคยได้พบพาน เห็นขอบตาแดงๆ ของแม่นม น้ำตาเอ่อล้นพร้อมกำลังจะทะลักออกมาเฉียวเวยเวยจึงพูดขึ้น “แม่นม ข้าไม่เป็นไร...ข้าไม่เจ็บแล้ว” แม่นมฝูก้มหน้าสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดขึ้น“คุณหนู บ่าวสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว คฤหาสน์ที่นอกเมืองก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ หรือท่านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน ที่นี่ให้บ่าวอยู่รอหนังสือหย่าดีไหมเจ้าคะ” “ไม่เป็นไร จัดการที่นี่ให้เรียบร้อยเสียก่อน” นางยอมเจ็บเพื่อให้จบ หากไม่จบก็ต้องถึงคราวได้อับอาย อย่างไรสิ่งที่นางขู่ไป นางมั่นใจหลีเซียวหยวนไม่มีทางนำวงศ์ตระกูลมาเสี่ยงแน่นอน เป็นอย่างที่คิด ไม่ถึงหนึ่งเค่อพ่อบ้านก็นำหนังสือมาส่ง ชายชราคุกเข่าด้วยความสำรวมพลางยกหนังสือหย่าออกไปพูดขึ้น “นายท่านฝากคำกล่าวมา หากฮูหยินน้อยจะเปลี่ยนใจเพียงฉีกหนังสือฉบับนี้ทิ้ง นายท่านจะถือว่าวันนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นขอรับ” เฉียวเวยเวยเดินออกไปร
ตอนที่ 7 บ่าวในเรือน ฉีซารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่คิด ผ่านไปหลายเดือนหลังจากที่เขาไปสมัครทำงานที่โรงหมอฟู่เหริน ทว่าเขาได้ทำงานไม่ต่างจากพนักงานทำความสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้จับสมุนไพรหากจะพูดถึงขั้นการศึกษาเรียนหมอ ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสเลย เด็กหนุ่มเดินคอตกเลาะเลียบไปตามคลองเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน “ตงหยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ” “แน่ใจ มีเพียงนายหญิงเวยเท่านั้นที่จะให้โอกาสข้า” “แต่ข้าได้ยินมาว่า นางหาใช่รับสมัครคนมีความอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังหน้า นางเพียงต้องการเลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้น” “เจ้าไม่ต้องพูดอันใดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว” เด็กหนุ่มตงหยางสบัดมือที่ดึงเขาไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป ศักดิ์ศรีหาใช่ทำให้อิ่มท้อง ฉีซารู้สึกสนใจ เขารีบเร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว สักพักคนเฝ้าหน้าประตูก็พาเขาเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง ฉีซาเฝ้ามองอย่างสนใจ ณ แปลงผักในคฤหาสน์ตระกูลเฉี
ตอนที่ 8 ไม่เสียใจภายหลัง ฉีซาเฝ้าดูอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเฉียวอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนต่ำลง ท้องฟ้าเริ่มแดงระเรือทว่ากลับไม่เห็นตงหยางออกมา เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่างที่ได้ยิน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา บ้านไหนมีเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา ให้เฝ้าระวัง อาจจะโดนนายหญิงหมายตาพามาอยู่เรือนหลังของนาง บ้างก็บอกว่านางฟั่นเฟือนเสียสติจากการถูกหย่า บ้างก็บอกว่านางทำไปเพื่อประชดประชัน ด้วยขนบธรรมเนียมในยุคนี้ ฉีซาพอเข้าใจอยู่บ้าง สตรีที่ถูกหย่าล้วนถูกลดทอนคุณค่าลง ทว่าเขาเคยพบเจอนายหญิงเวยผู้นี้ นางเป็นสตรีที่ยังอ่อนเยาว์และงดงามยิ่งไม่เพียงแค่นั้นนางยังมีทรัพย์สินมหาศาล กล่าวว่าแม้กระทั่งท้องพระคลังในวังอาจจะมีน้อยกว่าตระกูลเฉียวของนาง ทุกอย่างล้วนขัดแย้ง แม้จะเชื่อไปบางส่วนว่านางเลี้ยงดูบุรุษในเรือนหลัง ทว่าข่าวของบุรุษกลุ่มนั้นมีน้อยยิ่ง หลายเดือนที่ผ่านมาฉีซาก็พึ่งจะเคยประจักพบด้วยตนเองเป็นครั้งแรก หากพิจารณาเด็กที่ชื่อตงหยาง ผู้นั้นอายุเพียง 8-9 ขวบ อ่อนเยาว์ยิ่งนักจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย
ตอนที่ 9 ต้องเรียนรู้และเร่งฝึกฝน เฉิงเซาเดิมก็รู้สึกปวดหนึบกลางกายอยู่แล้ว เมื่อเสื้อคลุมคลายออกเผยให้เห็นรูปร่างของเฉียวเวยเวยแทบจะหมดสิ้น ผิวพรรณผุดผ่องส่วนเว้าโค้งงดงามเกินบรรยาย ชายหนุ่มกดหน้าลงไปดูดดื่มลิ้มชิมหน้าอกของหญิงสาวอย่างกระหาย ในขณะที่ เผยลู่เดินเข้าไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว เขาใช้มือค่อยจับเขาพลางอ้าให้กว้างออก มือใหญ่ลูบไล้ลงไปกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาว ในซอกกลีบดอกไม้มีน้ำหวานไหลออกมาส่งกลิ่นหอมอบอวล เผยลู่ตั้งใจจะโชว์ให้ทุกคนได้เห็นเข้าใจคำว่าลิ้มชิมความหอมหวานทุกซอกทุกมุม เขาก้มลงไปดูดดื่มน้ำหวานที่ไหลเยิ้ม ปลายลิ้นไล่วนสอดและแทรกทุกอย่างอย่างกระหาย ภาพลักษณ์หนุ่มหล่อม่านขรึมหายไปจนหมดสิ้น ตงหยางตกตะลึงลนลาน ลมหายใจหยุดชะงักเขารีบก้มหน้าไม่มอง ทว่าเสียงเฉียวเวยเวยเผยครวญครางหวานใสออดอ้อนเบาหวิว เสียงเพลงบรรเลงของคุนเล่อขับให้ทุกอย่างดูไม่หยาบโล้น ฝ่ามือถูกันไปมาด้วยความอยากรู้ เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ภาพสตรีและบุรุษที่อยู่ตรงหน้าของตงหยางกลับงดงามดั่งภาพวาด บุรุษห
ตอนที่ 10 สถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน เฉียวเวยเวยถูกปลุกในยามอิ๋น แม้จะยังงัวเงียนางก็ให้ความร่วมมือเผยลู่อย่างเต็มที่ นางเพียงล้างหน้าล้างตาสวมเสื้อเสื้อคลุม ชิงชิงกำลังจะเกล้าผมนางจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง ข้าแค่จะออกไปส่งเฉิงเซาแล้วจะกลับมานอนพักต่อ”เฉียวเวยเวยมองตนเองในกระจกแล้วพยักหน้าบอกทุกคนว่าพร้อมแล้ว ประตูใหญ่คฤหาสน์ถูกเปิดออก รถม้าหลายคันกำลังจอดเรียงราย เฉิงเซายืนคู่กับหมิ่งเยี่ยเตรียมตัวออกเดินทาง แล้วยังมีเหล่าบุรุษหลายคนมาร่วมส่งทั้งสองพวกเขา แม้จะการพูดคุยกันทว่าสายตาของเฉิงเซาชำเลืองมองไปยังในเรือน เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวก้าวฝีเท้าออกไปหากุมมือนางขึ้นมาสายตาอาลัยอาวรยิ่งนัก “นายหญิง ข้าไปครั้งนี้หลายเดือนท่านดูแลสุขภาพด้วย” เฉียวเวยเวยโอบกอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกรักใคร่ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเฉิงเซาก็ถือว่าสนิทชิดเชื้อกันไม่น้อย ยามจะต้องห่างกันหลายเดือนนางเองก็รู้สึกใจหาย “ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หมิ่งเยี่ยไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นโปรดรักษาชีวิตไว้” “ขอรับนายหญิง ข้าจะจำจดคำสั่งท่า
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 19 ดักปลา ดักบุรุษ เช้าวันต่อมาจางผิงก็พาชายวัยชราผู้หนึ่งเข้ามา พวกเขาถือบางอย่างคล้ายกระบุ้งสานเข้ามา 3-4 ชิ้น เฉียวเวยเวยพยักหน้าพอใจรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ข้ายังพอมีฝีมือวาดภาพอยู่บ้าง ทว่ามันยังไม่สำเร็จ “ท่านตา ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าชิ้นไหนจะสามารถดักปลาได้ เราจะนำไปทดสอบให้หมด ชิงชิงช่วยไปดูในครัวว่ามีเศษปลาหรือเศษอาหาร เศษข้าว เหลือบ้างหรือไม่” ชิงชิงรับคำแล้วถอยออกไปเฉียวเวยเวยหันไปสั่งม่านม่านต่อ“เจ้าลองหาตาข่ายหรือผ้าบาง ๆ ให้ข้าสัก 4-5 ผืน...เอ่อ..ขอเชือกด้วยนะ” เมื่อทุกอย่างมาครบ เฉียวเวยเวยกำลังจะจับปลาขึ้นมา จางผิงรีบมาห้าม“นายหญิงท่านสั่งข้าเถอะ” “ข้าจะลองทำสักชิ้น” หญิงสาวใช้ตาข่ายห่อเศษปลาจากนั้นก็นำไปผูกกับฝาปิดด้านบน เมื่อปิดฝาห่อเศษปลาก็จะห้อยลงไปอยู่ตรงกลางกระบุ้งสาน “ข้าเข้าใจแล้วนายหญิง ข้าจะส่วนที่เหลือเอง” จางผิงยื้อแย่งงานของเฉียวเวยเวยมา ม่านม่านสั่งให้คนยกอ่างน้ำเข้ามา หญิงสาวล้างมือพลางมองดูจางผิงเตรียมเหยื่อล่อปลา เมื่อกระบุ้งดักปลาใส่เหยื่อเรียบร้อย นางก็พูดขึ้น“ต่อไปเราจะเอาสิ่งนี้ไปดักปลากัน” จางผิงขมวดคิ้ว“นาย
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว