ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
ตอนที่ 19 ดักปลา ดักบุรุษ เช้าวันต่อมาจางผิงก็พาชายวัยชราผู้หนึ่งเข้ามา พวกเขาถือบางอย่างคล้ายกระบุ้งสานเข้ามา 3-4 ชิ้น เฉียวเวยเวยพยักหน้าพอใจรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ข้ายังพอมีฝีมือวาดภาพอยู่บ้าง ทว่ามันยังไม่สำเร็จ “ท่านตา ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าชิ้นไหนจะสามารถดักปลาได้ เราจะนำไปทดสอบให้หมด ชิงชิงช่วยไปดูในครัวว่ามีเศษปลาหรือเศษอาหาร เศษข้าว เหลือบ้างหรือไม่” ชิงชิงรับคำแล้วถอยออกไปเฉียวเวยเวยหันไปสั่งม่านม่านต่อ“เจ้าลองหาตาข่ายหรือผ้าบาง ๆ ให้ข้าสัก 4-5 ผืน...เอ่อ..ขอเชือกด้วยนะ” เมื่อทุกอย่างมาครบ เฉียวเวยเวยกำลังจะจับปลาขึ้นมา จางผิงรีบมาห้าม“นายหญิงท่านสั่งข้าเถอะ” “ข้าจะลองทำสักชิ้น” หญิงสาวใช้ตาข่ายห่อเศษปลาจากนั้นก็นำไปผูกกับฝาปิดด้านบน เมื่อปิดฝาห่อเศษปลาก็จะห้อยลงไปอยู่ตรงกลางกระบุ้งสาน “ข้าเข้าใจแล้วนายหญิง ข้าจะส่วนที่เหลือเอง” จางผิงยื้อแย่งงานของเฉียวเวยเวยมา ม่านม่านสั่งให้คนยกอ่างน้ำเข้ามา หญิงสาวล้างมือพลางมองดูจางผิงเตรียมเหยื่อล่อปลา เมื่อกระบุ้งดักปลาใส่เหยื่อเรียบร้อย นางก็พูดขึ้น“ต่อไปเราจะเอาสิ่งนี้ไปดักปลากัน” จางผิงขมวดคิ้ว“นาย
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว