ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
เฉียวเวยเวย นักธุรกิจสาวใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทุกด้าน ใช้เงินแก้ปัญหารับเลี้ยงเด็กกำพร้าสร้างครอบครัวและไม่ลืมที่จะสร้างบุญสร้างกุศลไปด้วยนางตายตอนอายุ 45 ปี ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มกับที่มีเงินวิญญาณล่องลอยไปเกิดใหม่ เป็นฮูหยินเอกจวนเสนาบดีของแคว้นเหลียง สามีกลับไม่รัก นางไม่มีทางที่จะทนเงินก็มี อายุยังน้อย ยังเสพสุขได้อีกหลายปีใด ๆ สรรพสิ่งล้วนหามาได้ด้วยเงินชาตินี้นางจะใช้เงินที่มีให้คุ้มความรักของบุรุษนางก็จะซื้อตอนที่ 1 ชีวิตใหม่ เฉียวเวยเวย แกล้งนอนหลับฟังเสียงพูดคุยของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าบ่าวข้างนอก แม้คนเหล่านั้นจะพยายามกระซิบคุยกันนางก็พอจับใจความได้ว่า เจ้าของร่างเดิมหมดสติตอนนี้ฟื้นขึ้นมาความจริงที่นางได้เป็นเจ้าของร่างนี้เสียแล้ว แน่ แน่ ต้องใช่แน่ๆ นางมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ จากการอ่านนิยายเกิดใหม่ทะลุมิติ มาหลายเรื่อง ในยุคโบราณแบบนี้ความสามารถในตลาดหุ้น ตลาดคริปโต จะเอามาใช้ทำอะไรได้ จะสร้างความประทับใจจากอะไรได้ ฝีมือทำกับข้าวไม่มี หมอก็ไม่ใช่ พืชสมุนไพรสักอย่างก็ไม่รู้
ตอนที่ 2 ทดลองก่อน ตะวันทอแสงอบอุ่นลอดผ่านผ้าม่านสีขาวขลิบทองบาง ๆ เฉียวเวยเวยถูกแม่นมฝูปลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า “แม่นมฝู วันนี้มีงานหรือไร” ขณะพูดใบหน้าของเฉียวเวยเวยยังไม่ตื่นดวงตายังปรือๆ ปากยังหาวไม่หยุด “ฮูหยินน้อย...วันนี้วันที่หนึ่งท่านต้องไปคารวะฮูหยินแม่เฒ่าเจ้าค่ะ” แม่นมหยิบผ้าซุบน้ำเช็ดใบหน้าหญิงสาวแผ่วเบาพร้อมบ่าวรับใช้ที่กำลังพยุงร่างกายของนางที่เอนเอียงพร้อมจะลงไปนอนใหม่ บ่าวไพร่ล้วนมือคล่องแคล่วว่องไว ถึงแม้เฉียวเวยเวยจะไม่ให้ความร่วมมือ ทว่าไม่นานนางก็กลายเป็นหญิงสาวงดงามหยาดเยิ้ม นั่งแช่มชื่นอยู่หน้ากระจก “ฮูหยินน้อย...ไม่อาจจะให้ท่านเสนาบดีรอได้” แม่นมฝูพูดพลางสังเกตคุณหนูยามปกติวันนี้คุณหนูจะตื่นขึ้นมาแต่งกายอย่างกระตือรือร้นเพื่อเอาใจนายท่าน นางพินิจดูหญิงสาวอีกครั้งอย่างลอบถอนใจ ผู้ใดบ้างจะไม่เบื่อหน่ายเอาใจผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อไม่ได้รับความเอ็นดู ย่อมไม่แปลกที่คุณหนูจะถอดใจละความพยายาม เฉียวเวยเวยแทบจะตะโกนบอกว่าตนไม่ไป แต่กลัวว่าจะผิดแผกเกินไป ตอนนี้นางกำลังข่มใจให้เรื่องราวเป
ตอนที่ 3 เหี่ยวแห้งตาย เฉียวเวยเวย นั่งแช่กายอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์ฟุ่งกระจายอบอวลไปทั่วบริเวณ นางหลับตาปริ้มเคลิ้มกับการนวดและปรนนิบัติจากสาวใช้ ในใจก็พลางหวังว่าค่ำคืนนี้นางคงจะสุขปานได้ขึ้นสวรรค์ จวบจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลีเซียวหยวนก็มาถึงเรือนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงประดับด้วยร้อยยิ้มสุภาพ “ตั้งสำรับเถิด” รสชาติของอาหารที่นี่เฉียวเวยเวยเริ่มคุ้นชินอยู่บ้าง แม้จะไม่สะดวกสบายเฉกเช่นเดิมก็ยังพอปรับตัวได้ หลังจากทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่าง ตั้งหน้าตั้งตา ส่วนเฉียวเวยเวยก็ไม่สนใจอีกฝ่ายนางก็หยิบนิยายเล่มล่าสุดที่ให้บ่าวไพร่ไปซื้อมาขึ้นมาอย่างอย่างตั้งหน้าตั้งตาเช่นเดียวกัน หลีเซียวหยวนชำเลืองดูใบหน้าของเฉียวเวยเวยก็รู้สึกว่า วันนี้หญิงสาวไม่ปรีดาอย่างทุกคราวที่เจอหน้าเขา ไม่กระตื้นรือร้นเอาอกเอาใจอย่างเช่นเคย ท่าทีของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของเฉียวเวยเวย นางแอบเบ้ปากเล็กน้อย บุรุษก็เป็นเช่นนี้เมื่อได้รับจนเคยชินก็ไม่เห็นคุณค่า เมื่อครั้งกำลังจะสูญเสียก็เกิดความรู้สึกอ
ตอนที่ 4 ปลดปล่อย แคว้นเหลียงค่อนข้างเปิดกว้างและยอมรับสตรีที่มีความสามารถ กระนั้นขณะไปหอชิวเหอ เฉียวเวยเวยก็ยังต้องใส่หมวกคลุมใบหน้า เพราะอย่างไรนางก็ยังเป็นฮูหยินน้อย หญิงสาวเดินเข้าไปภายในด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเปิดเผย แม้กระทั่งบ่าวรับใช้ที่ตามมาด้วยก็ต้องแปลงโฉม มาม่าชัง คนดูแลหอชิงเหอเห็นเฉียวเวยเวยก็คาดเดาฐานะของหญิงสาวได้ทันที นางกรีดกายเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าน้อยยินดีต้อนรับท่านสู่หอชิงเหอ วันนี้นายหญิงต้องการให้เรารับใช้เรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าค่ะ” “ข้าต้องการห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด ส่วนอื่น รบกวนท่านจัดเตรียมมาล่ะกัน” เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มา เฉียวเวยเวยจึงอยากจะให้หอชิงเหอแสดงส่วนที่ควรแสดงก่อน “ยินดีที่ได้รับใช้นายหญิงเจ้าค่ะ ข้าจะให้คนนำทางท่านไปยังห้องที่ดีที่สุดของเรา อีกสักพักข้าจะนำโชว์ที่ดีที่สุดไปให้ท่านชมเจ้าค่ะ” “ฮืม” เมื่อเดินเข้าไปข้างในโถงกว้าง เดินไปเลาะไปตามระเบียงที่แยกย้ายออกไปยังเรือนเล็กต่าง ๆ แต่ละเรือนสร้างแยกส
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว
ตอนที่ 10 สถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน เฉียวเวยเวยถูกปลุกในยามอิ๋น แม้จะยังงัวเงียนางก็ให้ความร่วมมือเผยลู่อย่างเต็มที่ นางเพียงล้างหน้าล้างตาสวมเสื้อเสื้อคลุม ชิงชิงกำลังจะเกล้าผมนางจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง ข้าแค่จะออกไปส่งเฉิงเซาแล้วจะกลับมานอนพักต่อ”เฉียวเวยเวยมองตนเองในกระจกแล้วพยักหน้าบอกทุกคนว่าพร้อมแล้ว ประตูใหญ่คฤหาสน์ถูกเปิดออก รถม้าหลายคันกำลังจอดเรียงราย เฉิงเซายืนคู่กับหมิ่งเยี่ยเตรียมตัวออกเดินทาง แล้วยังมีเหล่าบุรุษหลายคนมาร่วมส่งทั้งสองพวกเขา แม้จะการพูดคุยกันทว่าสายตาของเฉิงเซาชำเลืองมองไปยังในเรือน เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวก้าวฝีเท้าออกไปหากุมมือนางขึ้นมาสายตาอาลัยอาวรยิ่งนัก “นายหญิง ข้าไปครั้งนี้หลายเดือนท่านดูแลสุขภาพด้วย” เฉียวเวยเวยโอบกอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกรักใคร่ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเฉิงเซาก็ถือว่าสนิทชิดเชื้อกันไม่น้อย ยามจะต้องห่างกันหลายเดือนนางเองก็รู้สึกใจหาย “ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หมิ่งเยี่ยไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นโปรดรักษาชีวิตไว้” “ขอรับนายหญิง ข้าจะจำจดคำสั่งท่า