ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
เฉียวเวยเวย นักธุรกิจสาวใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทุกด้าน ใช้เงินแก้ปัญหารับเลี้ยงเด็กกำพร้าสร้างครอบครัวและไม่ลืมที่จะสร้างบุญสร้างกุศลไปด้วยนางตายตอนอายุ 45 ปี ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มกับที่มีเงินวิญญาณล่องลอยไปเกิดใหม่ เป็นฮูหยินเอกจวนเสนาบดีของแคว้นเหลียง สามีกลับไม่รัก นางไม่มีทางที่จะทนเงินก็มี อายุยังน้อย ยังเสพสุขได้อีกหลายปีใด ๆ สรรพสิ่งล้วนหามาได้ด้วยเงินชาตินี้นางจะใช้เงินที่มีให้คุ้มความรักของบุรุษนางก็จะซื้อตอนที่ 1 ชีวิตใหม่ เฉียวเวยเวย แกล้งนอนหลับฟังเสียงพูดคุยของกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าบ่าวข้างนอก แม้คนเหล่านั้นจะพยายามกระซิบคุยกันนางก็พอจับใจความได้ว่า เจ้าของร่างเดิมหมดสติตอนนี้ฟื้นขึ้นมาความจริงที่นางได้เป็นเจ้าของร่างนี้เสียแล้ว แน่ แน่ ต้องใช่แน่ๆ นางมาเกิดใหม่ในยุคโบราณ จากการอ่านนิยายเกิดใหม่ทะลุมิติ มาหลายเรื่อง ในยุคโบราณแบบนี้ความสามารถในตลาดหุ้น ตลาดคริปโต จะเอามาใช้ทำอะไรได้ จะสร้างความประทับใจจากอะไรได้ ฝีมือทำกับข้าวไม่มี หมอก็ไม่ใช่ พืชสมุนไพรสักอย่างก็ไม่รู้
ตอนที่ 2 ทดลองก่อน ตะวันทอแสงอบอุ่นลอดผ่านผ้าม่านสีขาวขลิบทองบาง ๆ เฉียวเวยเวยถูกแม่นมฝูปลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า “แม่นมฝู วันนี้มีงานหรือไร” ขณะพูดใบหน้าของเฉียวเวยเวยยังไม่ตื่นดวงตายังปรือๆ ปากยังหาวไม่หยุด “ฮูหยินน้อย...วันนี้วันที่หนึ่งท่านต้องไปคารวะฮูหยินแม่เฒ่าเจ้าค่ะ” แม่นมหยิบผ้าซุบน้ำเช็ดใบหน้าหญิงสาวแผ่วเบาพร้อมบ่าวรับใช้ที่กำลังพยุงร่างกายของนางที่เอนเอียงพร้อมจะลงไปนอนใหม่ บ่าวไพร่ล้วนมือคล่องแคล่วว่องไว ถึงแม้เฉียวเวยเวยจะไม่ให้ความร่วมมือ ทว่าไม่นานนางก็กลายเป็นหญิงสาวงดงามหยาดเยิ้ม นั่งแช่มชื่นอยู่หน้ากระจก “ฮูหยินน้อย...ไม่อาจจะให้ท่านเสนาบดีรอได้” แม่นมฝูพูดพลางสังเกตคุณหนูยามปกติวันนี้คุณหนูจะตื่นขึ้นมาแต่งกายอย่างกระตือรือร้นเพื่อเอาใจนายท่าน นางพินิจดูหญิงสาวอีกครั้งอย่างลอบถอนใจ ผู้ใดบ้างจะไม่เบื่อหน่ายเอาใจผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เมื่อไม่ได้รับความเอ็นดู ย่อมไม่แปลกที่คุณหนูจะถอดใจละความพยายาม เฉียวเวยเวยแทบจะตะโกนบอกว่าตนไม่ไป แต่กลัวว่าจะผิดแผกเกินไป ตอนนี้นางกำลังข่มใจให้เรื่องราวเป
ตอนที่ 3 เหี่ยวแห้งตาย เฉียวเวยเวย นั่งแช่กายอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์ฟุ่งกระจายอบอวลไปทั่วบริเวณ นางหลับตาปริ้มเคลิ้มกับการนวดและปรนนิบัติจากสาวใช้ ในใจก็พลางหวังว่าค่ำคืนนี้นางคงจะสุขปานได้ขึ้นสวรรค์ จวบจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลีเซียวหยวนก็มาถึงเรือนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงประดับด้วยร้อยยิ้มสุภาพ “ตั้งสำรับเถิด” รสชาติของอาหารที่นี่เฉียวเวยเวยเริ่มคุ้นชินอยู่บ้าง แม้จะไม่สะดวกสบายเฉกเช่นเดิมก็ยังพอปรับตัวได้ หลังจากทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่าง ตั้งหน้าตั้งตา ส่วนเฉียวเวยเวยก็ไม่สนใจอีกฝ่ายนางก็หยิบนิยายเล่มล่าสุดที่ให้บ่าวไพร่ไปซื้อมาขึ้นมาอย่างอย่างตั้งหน้าตั้งตาเช่นเดียวกัน หลีเซียวหยวนชำเลืองดูใบหน้าของเฉียวเวยเวยก็รู้สึกว่า วันนี้หญิงสาวไม่ปรีดาอย่างทุกคราวที่เจอหน้าเขา ไม่กระตื้นรือร้นเอาอกเอาใจอย่างเช่นเคย ท่าทีของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของเฉียวเวยเวย นางแอบเบ้ปากเล็กน้อย บุรุษก็เป็นเช่นนี้เมื่อได้รับจนเคยชินก็ไม่เห็นคุณค่า เมื่อครั้งกำลังจะสูญเสียก็เกิดความรู้สึกอ
ตอนที่ 4 ปลดปล่อย แคว้นเหลียงค่อนข้างเปิดกว้างและยอมรับสตรีที่มีความสามารถ กระนั้นขณะไปหอชิวเหอ เฉียวเวยเวยก็ยังต้องใส่หมวกคลุมใบหน้า เพราะอย่างไรนางก็ยังเป็นฮูหยินน้อย หญิงสาวเดินเข้าไปภายในด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเปิดเผย แม้กระทั่งบ่าวรับใช้ที่ตามมาด้วยก็ต้องแปลงโฉม มาม่าชัง คนดูแลหอชิงเหอเห็นเฉียวเวยเวยก็คาดเดาฐานะของหญิงสาวได้ทันที นางกรีดกายเข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้าน้อยยินดีต้อนรับท่านสู่หอชิงเหอ วันนี้นายหญิงต้องการให้เรารับใช้เรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เจ้าค่ะ” “ข้าต้องการห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด ส่วนอื่น รบกวนท่านจัดเตรียมมาล่ะกัน” เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มา เฉียวเวยเวยจึงอยากจะให้หอชิงเหอแสดงส่วนที่ควรแสดงก่อน “ยินดีที่ได้รับใช้นายหญิงเจ้าค่ะ ข้าจะให้คนนำทางท่านไปยังห้องที่ดีที่สุดของเรา อีกสักพักข้าจะนำโชว์ที่ดีที่สุดไปให้ท่านชมเจ้าค่ะ” “ฮืม” เมื่อเดินเข้าไปข้างในโถงกว้าง เดินไปเลาะไปตามระเบียงที่แยกย้ายออกไปยังเรือนเล็กต่าง ๆ แต่ละเรือนสร้างแยกส
ตอนที่ 5 เตือนแล้วนะเมื่อเฉียวเวยเวยตื่นขึ้นมาตะวันก็คล้อยต่ำแสงร่ำไร ๆ นางงัวเงียพูดขึ้น “นำกระจกมาให้ข้า” ม่านม่านถือกระจกให้เฉียวเวยเวยมองตนเองได้อย่างถนัดตา หญิงสาวเปิดสาบเสื้อลง ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างพอใจ ร่องรอยรอยจูบของตันหรงนั่นเด่นชัดในผิวขาวเนียนละเอียด แค่มองดูเท่านี้ก็รู้ว่าพวกนางและเขาผ่านช่วงเร่าร้อนด้วยกัน นางดึงสาบคอเสื้อขึ้นแล้วพูด “ไปจัดการค่าใช้จ่ายด้วย” “เจ้าค่ะ นายหญิง...ท่านจะกลับจวนเลยหรือไม่เจ้าค่ะ หรือจะทานอาหารที่นี่ก่อน” “กลับจวนเลย” เมื่อพูดเสร็จชิงชิงก็ออกไปข้างนอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล พวกนางอยู่ในห้องตลอดย่อมรู้ว่านายหญิงยังไม่ถึงขั้นนั้น กระนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง ทว่าแต่ไหนแต่ไร นายหญิงจะทำสิ่งใดพวกนางล้วนไม่เคยสอดปากนอกจากตั้งใจปรนนิบัติตามคำสั่งเท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เฮ้อ!! ก็หวังแค่ว่านายหญิงจะมีความสุข เมื่อกลับมาถึงจวน แม่นมฝูรออย่างกระวนกระวายใจ ไม่รู้ว่าคุณหนูของตนเองจะก่อเรื่องอันใดอีกหรือไม่ เมื่อเห็นร่างบางกำลั
ตอนที่ 6 นายหญิงเวย แม่นมฝูทายาบนแก้มนวลด้วยความระมัดระวัง หญิงชราจ้องมองรอยแดงนั่นอย่างเจ็บปวด คุณหนูถูกเลี้ยงดูอย่างกับไข่มุกในกำมือ ความเจ็บซ้ำใจแม้แต่นิดก็ไม่เคยได้พบพาน เห็นขอบตาแดงๆ ของแม่นม น้ำตาเอ่อล้นพร้อมกำลังจะทะลักออกมาเฉียวเวยเวยจึงพูดขึ้น “แม่นม ข้าไม่เป็นไร...ข้าไม่เจ็บแล้ว” แม่นมฝูก้มหน้าสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดขึ้น“คุณหนู บ่าวสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว คฤหาสน์ที่นอกเมืองก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ หรือท่านจะเดินทางนำหน้าไปก่อน ที่นี่ให้บ่าวอยู่รอหนังสือหย่าดีไหมเจ้าคะ” “ไม่เป็นไร จัดการที่นี่ให้เรียบร้อยเสียก่อน” นางยอมเจ็บเพื่อให้จบ หากไม่จบก็ต้องถึงคราวได้อับอาย อย่างไรสิ่งที่นางขู่ไป นางมั่นใจหลีเซียวหยวนไม่มีทางนำวงศ์ตระกูลมาเสี่ยงแน่นอน เป็นอย่างที่คิด ไม่ถึงหนึ่งเค่อพ่อบ้านก็นำหนังสือมาส่ง ชายชราคุกเข่าด้วยความสำรวมพลางยกหนังสือหย่าออกไปพูดขึ้น “นายท่านฝากคำกล่าวมา หากฮูหยินน้อยจะเปลี่ยนใจเพียงฉีกหนังสือฉบับนี้ทิ้ง นายท่านจะถือว่าวันนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นขอรับ” เฉียวเวยเวยเดินออกไปร
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “
ตอนที่ 37 เปิดเผยตัว หลังจากมอบองค์รักษ์เงาให้เฉียวเวยเวย หลี่เว่ยหลางก็ไม่ได้มาหานางอีกเลย จนกระทั่งหญิงสาวได้รับเทียบเชิญจากตำหนักบูรพาเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญจากแคว้นต้าเหิง แม่ทัพหลี่เว่ยหลางนางถึงได้เจอชายหนุ่มอีกครั้งเสียงดนตรีขับกล่อมคลอบรรยากาศเสียงพูดคุยครื้นเครงเหล่านางรำล้วนงดงามอรชน ยามพวกนางกรีดกรายล้วนดั่งนกโผบินขับขาน หลี่เว่ยหลางยกจอกสุราแล้วจอกเล่ามีหลายครั้งที่ชายหนุ่มส่งสายตาคมกริบมองมาที่เฉียวเวยเวยแสดงเจตนาอย่างชัดเจน เว่ยซาติดตามเฉียวเวยเวยมาร่วมงานด้วย เขาเองก็สังเกตเห็นแววตาของหลี่เว่ยหลาง จึงกระซิบถามมารดาบุญธรรม“ท่านแม่คนผู้นั้นหรือ” “อืม...เจตนานี้ข้าเองก็ยังไม่กระจ่างใจนัก” การที่ไม่ได้เป็นคนควบคุมเกมทำให้เฉียวเวยเวยไม่สบายใจนัก ทว่าชีวิตโชคดีอย่างไรก็ต้องมีช่วงลำบากบ้าง เฉียวเวยเวยกังวลใจได้ไม่นานก็สลัดความกังวลทิ้ง นางหันกลับไปพูดคุยกระซิบกระซาบกับเหล่าฮูหยินต่อ “นายหญิงเวย เมื่อวานข้าไปที่ร้านเว่ยเฟยตั้งใจจะไปซื้อครีมหอมสักหน่อย ทว่าหลงจู้ที่ร้านบอกว่าตอนนี้ที่ร้านไม่มีครีมหอมเสียแล้ว ข้ารู้ส
ตอนที่ 36 เอาตัวเข้าแลกเว่ยซาเดินเลาะมาตามทางสวนดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง เขาเงยหน้ามองไปยังศาลาฟางหญ้าข้างริมสระน้ำ มองเห็นเฉียวเวยเวยกำลังเอนกายพิงระเบียงทอดกายอ่านหนังสือ นางปล่อยผมสยายขับดุนให้ใบหน้าเฉิดฉายสะอาดสะอ้าดหมดจดบริสุทธิงดงามราวดอกบัวที่อยู่ในสระพ้นวารีไร้มลทินเด็กหนุ่มลอบถอนหายใจ ท่วงท่าเช่นนี้ล่อลวงบุรุษไปมาก สตรีผู้นี้ห่างไกลคำว่าไร้เดียงสาไปมากโขบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบมีเพียงเสียงกังหันน้ำที่หมุนไปตามแรงลมและเสียงฝีเท้าของเวยซากำลังเดินเข้าไปในศาลา เฉียวเวยเวยจึงเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยยิ้มถาม“เจ้ามาหรือ” เฉียวเวยเวยส่งสายตาให้อีกฝ่ายนั่งลง เว่ยซายกมือคารวะอีกฝ่ายตามธรรมเนียมก่อนนะนั่งลงเบื้องหน้าของหญิงสาว “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านแม่บุญธรรม วันนี้จึงได้มาขอรบกวนท่าน”เฉียวเวยเวยยิ้มพราย “ข้าเองก็มีเรื่องจะสอบถามเจ้าเช่นกัน ท่านแม่และน้องสาวของเจ้าย้ายเข้าเรือนเรียบร้อยดีหรือไม่” เวยซาผงกศรีษะน้อมตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ขอรับ เป็นหนึ่งเรื่องที่ข้าจะมารายงานท่านแม่บุญธรรม... ท่านแม่ของข้ากับน้องสาวตั้งใจจะเข้ามาคารวะท่าน ทั้งเกรงอกเกรงใจและ
ตอนที่ 35 คนของข้า เฉียวเวยเวยซุกตัวหลับในอ้อมกอดของหลี่เว่ยหลางอย่างไร้เรี่ยวแรง นางทั้งอิ่มเอิบพอใจกับรสรักของชายหนุ่มไม่น้อย ทว่าน่าเสียดาย “ข้ายอมรับว่าติดอกติดใจท่านไม่น้อย แต่ว่าน่าเสียดาย” เห็นหญิงสาวเอ่ยพูดเช่นนั้น มือใหญ่ของหลี่เว่ยหลางจึงบีบก้นงอนของหญิงสาวอย่างหมั้นเขี้ยว “ทำไมหรือแรงกระแทกของข้าไม่กระแทกถึงใจเจ้าหรือ”คำพูดบัดสีของชายหนุ่มไม่ทำให้เฉียวเวยเวยเขินอาย นางตอบกลับทันที “ก็เพราะแรงกระแทกนั้น ข้าถึงได้บอกว่าเสียดาย” เฉียวเวยเวยรู้สึกถึงความแข็งขืนตรงชอกข้าจึงพูดขึ้น “ท่านยังไม่พออีกหรือนี่จะห้ารอบแล้วนะ...ข้าเหนื่อยแล้ว” หลี่เว่ยหลางเสียบเข้ามาทันทีแล้วพูดตอบ “ข้ายังไม่หมดแรง ทว่าก็เกรงใจเจ้าอยู่บ้างแต่ขอเสียบค้างไว้ก็พอแล้ว” “อ่า...แล้วอย่างนี้จะคุยกันได้อย่างไร” “เจ้าก็พูดมาสิ...แต่ว่า..แม้เจ้าจะบอกว่าเหนื่อยแล้วแต่ตรงนั้นเหตุใดยังตอดรัดข้าไม่หยุดเล่า..ช่องรักของเจ้าคงชอบข้าเข้าแล้ว” ยิ่งพูดหลี่เว่ยหลางยิ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบโลน