ฉีซารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่คิด ผ่านไปหลายเดือนหลังจากที่เขาไปสมัครทำงานที่โรงหมอฟู่เหริน ทว่าเขาได้ทำงานไม่ต่างจากพนักงานทำความสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้จับสมุนไพรหากจะพูดถึงขั้นการศึกษาเรียนหมอ ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสเลย
เด็กหนุ่มเดินคอตกเลาะเลียบไปตามคลองเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน
“ตงหยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“แน่ใจ มีเพียงนายหญิงเวยเท่านั้นที่จะให้โอกาสข้า”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า นางหาใช่รับสมัครคนมีความอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังหน้า นางเพียงต้องการเลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้น”
“เจ้าไม่ต้องพูดอันใดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว”
เด็กหนุ่มตงหยางสบัดมือที่ดึงเขาไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป ศักดิ์ศรีหาใช่ทำให้อิ่มท้อง ฉีซารู้สึกสนใจ เขารีบเร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน
เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว สักพักคนเฝ้าหน้าประตูก็พาเขาเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง ฉีซาเฝ้ามองอย่างสนใจ
ณ แปลงผักในคฤหาสน์ตระกูลเฉียว
ตงหยางเดินตามบ่าวนำทางเข้ามาด้วยจิตใจที่กระสับการส่ายหวาดหวั่น ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงที่จริงเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นออกมานอกกาย
“นายหญิง ข้านำคนเข้ามาแล้วขอรับ”
ดวงตาคู่งามประกายวาวขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเนื่อย
“ฮืม...เจ้าชื่ออะไร”
“นายหญิงถามเจ้า ... เหตุใดไม่ตอบเล่า” ชิงชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนหาได้ดูหมิ่นดูแคลนอีกฝ่าย
ตงหยางรีบควบคุมอารมณ์เอ่ยตามน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าน้อย..ตงหยาง...มาสมัครรับใช้นายหญิงขอรับ”
เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด บรรยากาศที่นี่ก็เหมือนจะเป็นปกติเหมือนบ้านเรือนทั่วไป เขาก้มหน้ามองต่ำเห็นเพียงปลายชายกระโปรงของอีกฝ่าย
เฉียวเวยเวย ชำเลืองมองตงหยาง
เด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ทั้งที่หวาดกลัวขนาดนี้ ยังกล้ามา ใสซื่อเช่นนี้น่าเอ็นดูจริง ๆ
นางจ้องมองผู้ที่กำลังก้มหน้าต่ำอย่างอ่อนโยน
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาซิ”
ตงหยางเงยหน้าขึ้น หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึง ใบหน้าที่ไร้การแต่งเติมสดใสอ่อนเยาว์ หมดจด บริสุทธิ์ดั่งเทพธิดา
นี่ นี่ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
ดวงตาตกตะลึงลนลานของอีกฝ่าย ทำให้เฉียวเวยเวยเผยยิ้มอย่างขำขัน
“ทำไมรึ ใบหน้าของข้าทำให้เจ้าผิดหวังหรือกะไร”
ตงหยางตกใจ รีบก้มขอขมา
“เปล่า เปล่า ขอรับ ข้าน้อยหาคิดเช่นนั้นไม่ เพียงแต่ เพียงแต่”
หยอกล้อจนพอใจแล้ว เฉียวเวยเวยก็ไม่ล้อเล่นต่อ
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าจะมารับใช้ข้า เช่นนั้นก็ควรจะเรียนรู้เสียก่อน...สิ่งที่ควรไม่ควรต้องจดจำให้แม่น...ข้าหาใช่แม่พระ..”
“ขอรับ...ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจรับใช้นายหญิงขอรับ...ไม่มีทางหักหลังนายหญิงขอรับ”
เฉียวเวยเวย พยักหน้าพึงพอใจเป็นคำพูดง่ายที่ฟังเข้าใจดี
“ฮืม...เจ้าไปได้”
“คุณชายตงหยางโปรดตามข้ามา” ม่านม่านเอ่ยเรียกเด็กหนุ่ม
เรือนไผ่หยก
ตงหยางเดินกุมมือก้มหน้าตามหลังม่านม่านไปอย่างอ่อนน้อม ทั้งสองเดินไปถึงเรือนหนึ่ง ที่มีห้องพักเรียงรายต่อเนื่องหลายสิบห้องกลางเรือนมีห้องโถงและห้องรับรองที่มีโต๊ะวางไว้รอบ ๆ คล้ายร้านอาหาร ตรงกลางมีเวทีและโต๊ะประธาน ในห้องนั้นมีชายหนุ่มและเด็กหนุ่ม 2-3 คนกำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาชำเลืองมองมาตงหยางเล็กน้อยแต่ไม่ได้เข้ามาทเพียงยืนขึ้นทักทายม่านม่านเท่านั้น
ตงหยางยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะนั่งตรงไหน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง ม่านม่านเดินเข้าไปเปิดตู้และหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
“ในเมื่อจะมารับใช้นายหญิง ก็ต้องรู้จักฐานะของตนเอง ท่านมานั่งตรงนี้เจ้าค่ะ”
ตงหยางนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้นั่งมาก่อน
“คุณชายท่านอ่านหนังสือออกหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าพออ่านออกบ้าง”
“เช่นนั้น...คุณชายลองอ่านสัญญาฉบับนี้เสียก่อน ... หากไม่เข้าใจ...สามารถสอบถามข้าได้หากท่านพร้อมลงนาม ก็ให้คนไปตามข้าม่านม่าน...หม่าลี่เจ้าจง คอยรับใช้คุณชายตงหยาง”
“ข้าลงนามได้ทันที ...”
“คุณชายไม่ต้องรีบร้อน...นายหญิงต้องการให้ท่านอ่านให้เข้าใจเสียก่อนเจ้าค่ะ” ม่านม่านรีบกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรีบอ่าน”
“ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้ว...”
หม่าลี่คอยดูแลเรือนไผ่หยก เมื่อเห็นว่ามีแขก นางก็จัดเตรียมชาและขนมว่างมาดูแลต้อนรับทันที
ตงหยางรู้สึกไม่คุ้นเคย เขาประหม่าเล็กน้อย กลุ่มชายหนุ่มวัยเยาว์หันไปพูดคุยกัน เฉิงเซาชายหนุ่มใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเล้นเจ้าเล่ห์เอ่ยพูดขึ้น
“เจ้าไม่ไปแนะนำ คุณชายท่านนั้นหน่อยหรือ”
“เฉิงเซา ... เจ้าล้อเลียนข้าหรือ” หมิงเยี่ยบุรุษที่มีกลิ่นอายเต็มไปด้วยเย็นชา ดวงตาจะมีหมอกบาง ๆ หนึ่งขั้น
“หาใช่ต้องการล้อเลียนท่านไม่ ... ทว่าเห็นท่าทีของเด็กน้อยผู้นั้นทำให้อดนึกถึงวันแรกที่ข้าเจอท่านไม่ได้”
“หึ!” หมิงเยี่ยวางหมากในมือในลง แสดงอาการไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับเฉิงเซาต่อ ชายหนุ่มคู่เล่นหมากกับหมิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมา
“ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็ไปทักทายเขาหน่อยเถอะ”
“พี่เผยลู่พูดเช่นนี้ ...ข้าก็ต้องปฏิบัติตาม”
ในเรือนไผ่หยกตอนนี้มีเพียงเผยลู่ที่ได้ปรนนิบัติเฉียวเวยเวย จึงมีการยกระดับความสำคัญกันอีกขั้น
เฉิงเซาเดินตรงไปแล้วนั่งลงตรงข้ามกับตงหยาง เขาพินิจดูอีกฝ่าย
“ข้าเฉิงเซา...ยินดีต้อนรับท่าน”
เขากำลังอ่านหนังสือสัญญาด้วยความสนใจ อยู่ ๆ เฉิงเซาก็เข้ามาทักทายทำให้ ตงหยางสะดุ้งตกใจ
“ขะ ข้า ตงหยางยินดีที่ได้รู้จักท่านเช่นกัน”
“เจ้าน่ารัก...จริง ๆ”
เฉิงเซาพินิจดูอีกฝ่าย ในเรือนไผ่หยกยังไม่มีบุรุษเฉกเด็กหนุ่มตรงหน้า นายหญิงเวยช่างสรรหายิ่งนัก ทว่าคนผู้นี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
“ขอบคุณท่าน” ตงหยางก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย
“ท่านรีบอ่านเสีย..ถ้าลงนามในสัญญาแล้ว..พวกเราก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ข้าอ่านเสร็จแล้ว...แต่ว่ายังไม่เข้าใจเท่าไรนัก”
“ท่านถามข้าได้”
“เช่นนั้น ข้ารบกวนท่านอธิบาย.. ที่ว่าสมัครเป็นแรงงาน...กับการสมัครเป็นบ่าวในเรือน”
“อ่อ...ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่..นายหญิงย่อมเสนอค่าตอบแทนให้ท่านเรียบร้อย..เมื่อมีเงินพวกเราสามารถไถ่ตัวได้..”
“อันนี้ข้าเข้าใจขอรับ”
“ฮืมม..การสมัครเป็นบ่าวแรงงานจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 1 ตำลึง หากสมัครเป็นบ่าวในเรือนจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 2 ตำลึง แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล...” เฉิงเซาเว้นจังหวะดูหน้าตงหยางเล็กน้อย เห็นสีหน้าตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็รู้สึกชอบใจ นี่คงเป็นสิ่งที่นายหญิงชอบกระมั้ง
“หากเจ้าสมัครเป็นบ่าวแรงงาน...นายหญิงจะไม่ให้เจ้ารับใช้ในห้องนอนและเจ้าสามารถชอบพอใจกับสตรีได้...ทว่าหากเจ้าสมัครเป็นบ่าวในเรือน..เจ้าอาจจะได้รับอนุญาตให้รับใช้ในห้องนอนของนายหญิงแต่ว่าเจ้าจะไม่สามารถชื่นชอบสตรีอื่นได้...จนกว่าเจ้าจะไถ่ตัวออกไป”
ดวงตาของตงหยางเบิกกว้างเล็กน้อย
“ข้อบังคับอื่น ๆ เจ้าคงอ่านเข้าใจแล้ว เป็นอย่างไร...ดีไม่น้อยใช่หรือไม่”
“ขอรับ...หากข้ารู้เช่นนี้/เจ้าก็จะมาเร็วกว่านี้สินะ” เฉิงเซาพูดขัดขึ้น ตงหยางก็พยักหน้าทันที
“ข้าก็คิดแบบนี้...แต่ไม่ใช่สิ่งที่นายหญิงต้องการ”
ตงหยางก้มลงนามในหนังสือสัญญา
“ข้าลงนามเรียบร้อย ตอนนี้ข้าสามารถเรียกท่านว่า พี่เฉิงเซาได้แล้วใช่ไหมขอรับ”
เขาชำเลืองมองดูเห็นตงหยางลงนามสมัครทำงานเป็นบ่าวในเรือน เฉิงเซายิ้มเอ็นดูอีกฝ่ายอายุน้อยเบี้ยหวัดรายเดือนสูง ไม่นานก็สามารถเก็บเงินไถ่ตัวออกไปแต่งภรรยาได้
“แน่นอน น้องชายมานี่สิข้าจะแนะนำให้เขารู้จัก”
เฉิงเซาหยิบสัญญายื่นให้หม่าลี่ จากนั้นก็เดินนำตงหยางไป
“นี่คือ พี่ชายเผยลู่ ... และพี่ชายคนนี้หมิงเยี่ย”
“ข้าน้อย...ตงหยาง..ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”
“ในเมื่อเป็นคนของนายหญิงเช่นกัน...ที่นี้ไม่มีตำแหน่ง เจ้าไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าน้อย”
เผยลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพใบหน้าและรอยยิ้มหล่อเหล่าสะอาดสะอ้านอ่อนโยน
“ส่วนข้าหมิงเยี่ย..”
ตงหยางมองหมิงเยี่ยคนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาไม่แตกต่างกันทว่า คมคายเย็นชาต่างจากเผยลู่ที่อบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเฉิงเซาดูเจ้าเล่ห์แต่ละคนมีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน
จังหวะนั้นม่านม่านก็เดินเข้ามา หญิงสาวย่อคารวะ
“ยินดีต้อนรับคุณชายตงหยาง...ข้าจะพาท่านไปยังห้องพัก เชิญท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”
เผยลู่ก็พูดขึ้น
“ตอนเย็นเจ้าก็จะได้เจอทุกคน...ไม่ต้องกังวลไปที่นี้ไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ขอรับ”
ตงหยางรู้สึกผ่อนคลาย ที่นี่ไม่เหมือนที่เขาจินตนาการไว้แม้แต่น้อย เขาเดินตามม่านม่านไปยังระเบียงที่ทอดยาว
“คุณชายตงหยาง ที่นี่คือห้องพักของท่าน..เสื้อผ้าข้าจัดเตรียมให้ท่านบางส่วนเท่านั้น...อีกสักพักจะมีบ่าวมาวัดและตัดเสื้อผ้าให้ท่าน หากท่านชื่นชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามที่ท่านต้องการ หากมีสิ่งใดขาดเหลือท่านก็บอกกล่าวหม่าลี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณท่านมาก”
“ในเมื่อคุณชายลงนามเรียบร้อยแล้ว...ต่อไปก็เรียกข้าว่าพี่ม่านม่านเถอะเจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
“กฏระเบียบต่าง ๆ ข้าจะค่อย ๆ แนะนำคุณชายตอนที่ข้านำสัญญาไป นายหญิงให้คนนำเงิน 100 ตำลึงไปมอบที่บ้านสกุลตงเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ตงหยางพยักหน้า
“ข้าทราบแล้ว”
“ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน ขอข้าตัว”
“พี่ม่านม่านเดินดี ๆ” ตงหยางเดินไปส่งม่านม่านที่ประตู เขาเดินเข้ามาในห้องพลางมองไปรอบ ๆ ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าก็มีโต๊ะ ตู้ เตียงนอนทุกอย่างล้วนพอเหมาะ หม่าลี่เดินเข้ามา
“คุณชายบ่าวจะช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าค่ะ”
ตงหยางมองดูเสื้อผ้าของตนเองภาพเหล่าบุรุษเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมา จึงเอ่ย
“ข้าต้องการจะอาบน้ำเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะให้คนจัดเตรียมน้ำนะเจ้าค่ะ”
ตงหยางไม่เคยมีบ่าวรับใช้มาก่อน เขาค่อนข้างเคอะเขิน จะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก็มีบ่าวคนหนึ่งเดินไปหยิบแทน จะเปิดประตูก็มีบ่าวเปิดให้ แม้จะพยายามทำบางอย่างด้วยตนเองก็ถูกบ่าวรับใช้จัดการให้หมด เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาจัดการตนเอง
ตอนที่ 8 ไม่เสียใจภายหลัง ฉีซาเฝ้าดูอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเฉียวอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนต่ำลง ท้องฟ้าเริ่มแดงระเรือทว่ากลับไม่เห็นตงหยางออกมา เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่างที่ได้ยิน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา บ้านไหนมีเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา ให้เฝ้าระวัง อาจจะโดนนายหญิงหมายตาพามาอยู่เรือนหลังของนาง บ้างก็บอกว่านางฟั่นเฟือนเสียสติจากการถูกหย่า บ้างก็บอกว่านางทำไปเพื่อประชดประชัน ด้วยขนบธรรมเนียมในยุคนี้ ฉีซาพอเข้าใจอยู่บ้าง สตรีที่ถูกหย่าล้วนถูกลดทอนคุณค่าลง ทว่าเขาเคยพบเจอนายหญิงเวยผู้นี้ นางเป็นสตรีที่ยังอ่อนเยาว์และงดงามยิ่งไม่เพียงแค่นั้นนางยังมีทรัพย์สินมหาศาล กล่าวว่าแม้กระทั่งท้องพระคลังในวังอาจจะมีน้อยกว่าตระกูลเฉียวของนาง ทุกอย่างล้วนขัดแย้ง แม้จะเชื่อไปบางส่วนว่านางเลี้ยงดูบุรุษในเรือนหลัง ทว่าข่าวของบุรุษกลุ่มนั้นมีน้อยยิ่ง หลายเดือนที่ผ่านมาฉีซาก็พึ่งจะเคยประจักพบด้วยตนเองเป็นครั้งแรก หากพิจารณาเด็กที่ชื่อตงหยาง ผู้นั้นอายุเพียง 8-9 ขวบ อ่อนเยาว์ยิ่งนักจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย
ตอนที่ 9 ต้องเรียนรู้และเร่งฝึกฝน เฉิงเซาเดิมก็รู้สึกปวดหนึบกลางกายอยู่แล้ว เมื่อเสื้อคลุมคลายออกเผยให้เห็นรูปร่างของเฉียวเวยเวยแทบจะหมดสิ้น ผิวพรรณผุดผ่องส่วนเว้าโค้งงดงามเกินบรรยาย ชายหนุ่มกดหน้าลงไปดูดดื่มลิ้มชิมหน้าอกของหญิงสาวอย่างกระหาย ในขณะที่ เผยลู่เดินเข้าไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว เขาใช้มือค่อยจับเขาพลางอ้าให้กว้างออก มือใหญ่ลูบไล้ลงไปกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาว ในซอกกลีบดอกไม้มีน้ำหวานไหลออกมาส่งกลิ่นหอมอบอวล เผยลู่ตั้งใจจะโชว์ให้ทุกคนได้เห็นเข้าใจคำว่าลิ้มชิมความหอมหวานทุกซอกทุกมุม เขาก้มลงไปดูดดื่มน้ำหวานที่ไหลเยิ้ม ปลายลิ้นไล่วนสอดและแทรกทุกอย่างอย่างกระหาย ภาพลักษณ์หนุ่มหล่อม่านขรึมหายไปจนหมดสิ้น ตงหยางตกตะลึงลนลาน ลมหายใจหยุดชะงักเขารีบก้มหน้าไม่มอง ทว่าเสียงเฉียวเวยเวยเผยครวญครางหวานใสออดอ้อนเบาหวิว เสียงเพลงบรรเลงของคุนเล่อขับให้ทุกอย่างดูไม่หยาบโล้น ฝ่ามือถูกันไปมาด้วยความอยากรู้ เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ภาพสตรีและบุรุษที่อยู่ตรงหน้าของตงหยางกลับงดงามดั่งภาพวาด บุรุษห
ตอนที่ 10 สถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน เฉียวเวยเวยถูกปลุกในยามอิ๋น แม้จะยังงัวเงียนางก็ให้ความร่วมมือเผยลู่อย่างเต็มที่ นางเพียงล้างหน้าล้างตาสวมเสื้อเสื้อคลุม ชิงชิงกำลังจะเกล้าผมนางจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง ข้าแค่จะออกไปส่งเฉิงเซาแล้วจะกลับมานอนพักต่อ”เฉียวเวยเวยมองตนเองในกระจกแล้วพยักหน้าบอกทุกคนว่าพร้อมแล้ว ประตูใหญ่คฤหาสน์ถูกเปิดออก รถม้าหลายคันกำลังจอดเรียงราย เฉิงเซายืนคู่กับหมิ่งเยี่ยเตรียมตัวออกเดินทาง แล้วยังมีเหล่าบุรุษหลายคนมาร่วมส่งทั้งสองพวกเขา แม้จะการพูดคุยกันทว่าสายตาของเฉิงเซาชำเลืองมองไปยังในเรือน เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวก้าวฝีเท้าออกไปหากุมมือนางขึ้นมาสายตาอาลัยอาวรยิ่งนัก “นายหญิง ข้าไปครั้งนี้หลายเดือนท่านดูแลสุขภาพด้วย” เฉียวเวยเวยโอบกอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกรักใคร่ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเฉิงเซาก็ถือว่าสนิทชิดเชื้อกันไม่น้อย ยามจะต้องห่างกันหลายเดือนนางเองก็รู้สึกใจหาย “ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หมิ่งเยี่ยไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นโปรดรักษาชีวิตไว้” “ขอรับนายหญิง ข้าจะจำจดคำสั่งท่า
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 19 ดักปลา ดักบุรุษ เช้าวันต่อมาจางผิงก็พาชายวัยชราผู้หนึ่งเข้ามา พวกเขาถือบางอย่างคล้ายกระบุ้งสานเข้ามา 3-4 ชิ้น เฉียวเวยเวยพยักหน้าพอใจรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ข้ายังพอมีฝีมือวาดภาพอยู่บ้าง ทว่ามันยังไม่สำเร็จ “ท่านตา ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าชิ้นไหนจะสามารถดักปลาได้ เราจะนำไปทดสอบให้หมด ชิงชิงช่วยไปดูในครัวว่ามีเศษปลาหรือเศษอาหาร เศษข้าว เหลือบ้างหรือไม่” ชิงชิงรับคำแล้วถอยออกไปเฉียวเวยเวยหันไปสั่งม่านม่านต่อ“เจ้าลองหาตาข่ายหรือผ้าบาง ๆ ให้ข้าสัก 4-5 ผืน...เอ่อ..ขอเชือกด้วยนะ” เมื่อทุกอย่างมาครบ เฉียวเวยเวยกำลังจะจับปลาขึ้นมา จางผิงรีบมาห้าม“นายหญิงท่านสั่งข้าเถอะ” “ข้าจะลองทำสักชิ้น” หญิงสาวใช้ตาข่ายห่อเศษปลาจากนั้นก็นำไปผูกกับฝาปิดด้านบน เมื่อปิดฝาห่อเศษปลาก็จะห้อยลงไปอยู่ตรงกลางกระบุ้งสาน “ข้าเข้าใจแล้วนายหญิง ข้าจะส่วนที่เหลือเอง” จางผิงยื้อแย่งงานของเฉียวเวยเวยมา ม่านม่านสั่งให้คนยกอ่างน้ำเข้ามา หญิงสาวล้างมือพลางมองดูจางผิงเตรียมเหยื่อล่อปลา เมื่อกระบุ้งดักปลาใส่เหยื่อเรียบร้อย นางก็พูดขึ้น“ต่อไปเราจะเอาสิ่งนี้ไปดักปลากัน” จางผิงขมวดคิ้ว“นาย
ตอนที่ 18 จับขึ้นเตียงดีไหมนะ ตงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ“ข้าอ่านลายมือ พี่ซาไม่ออกขอรับ” “แค่ก แค่ก” ฉีซาสำลักน้ำทันทีใบหน้าแดงกร่ำ เขาอับอายไม่น้อยในใจด่าเสียตงหยางไปหลายคำไอ้เด็กหน้าตาย เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าไม่น้อย เฉียวเวยเวยเกือบสำลักน้ำเช่นกัน โชคดีตอนนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ในปาก เห็นสีหน้าของฉีซาแล้วก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ แต่ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ นางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดสุขุมออกมาได้หนึ่งประโยค“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอยู่บ้าง” เห็นนายหญิงเข้าข้าง ตงหยางยิ่งเหมือนได้รับคำสั่งให้พูดต่อ “เพราะข้าต้องอ่านอาการของคนไข้และจัดหายาให้ตามที่พี่ซาเขียนมาขอรับ บางครั้งลายมือพี่ซาข้าก็อ่านไม่ออกเลย จนได้เลยไปถาม แต่ข้าก็เข้าใจนะขอรับ บางครั้งยามคนป่วยเข้ามาเป็นจำนวนมาก เราก็ต้องรีบเร่งให้...เอ่อ...พี่ซาเรียกว่าอะไรนะ”ตงหยางเอนกายไปกระซิบถามฉีซา โดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่าย ฉีซาไม่อาจจะใส่อารมณ์กับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้ จึงตอบแบบขอไปที“ทำเวลา”“ใช่แล้ว ขอรับ ทำเวลาหน่อย ทำเวลาให้ดี” “ทำเวลาหรือ คำนี้น่าสนใจสื่อความหมายได้ดี” จางผิงรู้สึกว่าที่หอเวยไฉในช่วงเว
ตอนที่ 17 อ่านลายมือไม่ออก โรงหมอเวยฮุ๋ย ท่านหมอฟางจิบชาเบา ๆ พลางชำเลืองเฝ้ามองลูกศิษย์เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนของเขา กำลังช่วยกันตรวจและรักษาคนป่วย เมื่อคนป่วยคนสุดท้ายก่อนพักเที่ยงถูกส่งออกไป ตงหยางกับฉีซาก็พาเดินมาอยู่เบื้องหน้าหมอชรา “ท่านอาจารย์วันนี้พวกข้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ตงหยางเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น หมอฟางแววตาอบอุ่นเต็มไปด้วยเมตตา “ฉีซาแม้จะจับชีพจรยังไม่แม่นยำ แต่การตรวจโรคจากการสังเกตอาการทำได้ไม่มีที่ติ ส่วนเจ้าตงหยางวันนี้ทำได้ดีมากเขียนใบสั่งยาได้ถูกต้องตามการรักษาโรค” ตงหยางหันไปสบตากับฉีซา ดวงตาของเขาเบิกกว้างปิติยินดี หมอฟางยิ้มที่มุมปากบาง ๆ เอ่ยต่อ “แต่ว่า...การตั้งใจฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องดี แต่กระนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจสุขภาพของตนเอง...ตงหยางอย่าหักโหมจนเกินไป” ตงหยางโค้งหัวลง “ท่านอาจารย์ ความจริงข้าก็อยากจะนอนขอรับ แต่เนื้อหาในตำราวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด ข้าจึงต้องลุกขึ้นมาอ่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังกว่านี้ขอรับ” คำแก้ตัวของตงหยางทำ
ตอนที่ 16 หมอยา “เช่นนั้นเจ้าก็มาลองชิมดู” ฉีเยว่ดวงตาเบิกกว้างเป็นประกายนางรีบกระโจนออกไป มือเล็ก ๆ หยิบขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ปากน้อย ๆ กัดกินที่ละน้อยละเมียดกินกลัวจะหมดนางกัดกินไปหลายคำกว่าจะรู้ตัวก็เงยหน้าพูดขึ้น “อร่อยมากเจ้าค่ะ” ตงหยางขัดเขินเล็กน้อย เขาพอเข้าใจเหตุใดเด็กน้อยถึงบอกว่าขนมของเขาอร่อย “เอ่อ...เจ้าชอบก็ดีแล้ว..ถ้างั้นทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้า” ตงหยางยืนกล่องขนมทั้งหมดที่อยู่ในถุงออกไป เด็กน้อยดวงตาเบิกกว้างแต่ไม่กล้าจะยืนมือไปรับ ผู้เป็นมารดาไม่แน่ใจคำที่จะกล่าว จึงหันไปหาฉีซา “ฉีเยว่ยังไม่รีบกล่าวขอบคุณอีก” เห็นเด็กสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ตงหยางก็แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวของมัน “ฉีซาวันนี้ลูกต้องรีบกลับหรือเปล่าอยู่ทานมื้อเย็นกับแม่ได้ไหม” สตรีเมื่อตบแต่งออกไปไม่เหมาะที่รั้งอยู่นาน บุรุษก็เช่นกันฉีซาจึงรีบพูดปฏิเสธ “ท่านแม่ข้ายังต้องกลับไปอ่านตำรา หากยังร่ำเรียนไม่สำเร็จย่อมไม่อาจจะเกียจคร้า
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว