ฉีซารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่คิด ผ่านไปหลายเดือนหลังจากที่เขาไปสมัครทำงานที่โรงหมอฟู่เหริน ทว่าเขาได้ทำงานไม่ต่างจากพนักงานทำความสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้จับสมุนไพรหากจะพูดถึงขั้นการศึกษาเรียนหมอ ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสเลย
เด็กหนุ่มเดินคอตกเลาะเลียบไปตามคลองเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน
“ตงหยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“แน่ใจ มีเพียงนายหญิงเวยเท่านั้นที่จะให้โอกาสข้า”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า นางหาใช่รับสมัครคนมีความอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังหน้า นางเพียงต้องการเลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้น”
“เจ้าไม่ต้องพูดอันใดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว”
เด็กหนุ่มตงหยางสบัดมือที่ดึงเขาไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป ศักดิ์ศรีหาใช่ทำให้อิ่มท้อง ฉีซารู้สึกสนใจ เขารีบเร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน
เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว สักพักคนเฝ้าหน้าประตูก็พาเขาเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง ฉีซาเฝ้ามองอย่างสนใจ
ณ แปลงผักในคฤหาสน์ตระกูลเฉียว
ตงหยางเดินตามบ่าวนำทางเข้ามาด้วยจิตใจที่กระสับการส่ายหวาดหวั่น ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงที่จริงเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นออกมานอกกาย
“นายหญิง ข้านำคนเข้ามาแล้วขอรับ”
ดวงตาคู่งามประกายวาวขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเนื่อย
“ฮืม...เจ้าชื่ออะไร”
“นายหญิงถามเจ้า ... เหตุใดไม่ตอบเล่า” ชิงชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนหาได้ดูหมิ่นดูแคลนอีกฝ่าย
ตงหยางรีบควบคุมอารมณ์เอ่ยตามน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าน้อย..ตงหยาง...มาสมัครรับใช้นายหญิงขอรับ”
เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด บรรยากาศที่นี่ก็เหมือนจะเป็นปกติเหมือนบ้านเรือนทั่วไป เขาก้มหน้ามองต่ำเห็นเพียงปลายชายกระโปรงของอีกฝ่าย
เฉียวเวยเวย ชำเลืองมองตงหยาง
เด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ทั้งที่หวาดกลัวขนาดนี้ ยังกล้ามา ใสซื่อเช่นนี้น่าเอ็นดูจริง ๆ
นางจ้องมองผู้ที่กำลังก้มหน้าต่ำอย่างอ่อนโยน
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาซิ”
ตงหยางเงยหน้าขึ้น หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึง ใบหน้าที่ไร้การแต่งเติมสดใสอ่อนเยาว์ หมดจด บริสุทธิ์ดั่งเทพธิดา
นี่ นี่ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
ดวงตาตกตะลึงลนลานของอีกฝ่าย ทำให้เฉียวเวยเวยเผยยิ้มอย่างขำขัน
“ทำไมรึ ใบหน้าของข้าทำให้เจ้าผิดหวังหรือกะไร”
ตงหยางตกใจ รีบก้มขอขมา
“เปล่า เปล่า ขอรับ ข้าน้อยหาคิดเช่นนั้นไม่ เพียงแต่ เพียงแต่”
หยอกล้อจนพอใจแล้ว เฉียวเวยเวยก็ไม่ล้อเล่นต่อ
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าจะมารับใช้ข้า เช่นนั้นก็ควรจะเรียนรู้เสียก่อน...สิ่งที่ควรไม่ควรต้องจดจำให้แม่น...ข้าหาใช่แม่พระ..”
“ขอรับ...ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจรับใช้นายหญิงขอรับ...ไม่มีทางหักหลังนายหญิงขอรับ”
เฉียวเวยเวย พยักหน้าพึงพอใจเป็นคำพูดง่ายที่ฟังเข้าใจดี
“ฮืม...เจ้าไปได้”
“คุณชายตงหยางโปรดตามข้ามา” ม่านม่านเอ่ยเรียกเด็กหนุ่ม
เรือนไผ่หยก
ตงหยางเดินกุมมือก้มหน้าตามหลังม่านม่านไปอย่างอ่อนน้อม ทั้งสองเดินไปถึงเรือนหนึ่ง ที่มีห้องพักเรียงรายต่อเนื่องหลายสิบห้องกลางเรือนมีห้องโถงและห้องรับรองที่มีโต๊ะวางไว้รอบ ๆ คล้ายร้านอาหาร ตรงกลางมีเวทีและโต๊ะประธาน ในห้องนั้นมีชายหนุ่มและเด็กหนุ่ม 2-3 คนกำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาชำเลืองมองมาตงหยางเล็กน้อยแต่ไม่ได้เข้ามาทเพียงยืนขึ้นทักทายม่านม่านเท่านั้น
ตงหยางยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะนั่งตรงไหน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง ม่านม่านเดินเข้าไปเปิดตู้และหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
“ในเมื่อจะมารับใช้นายหญิง ก็ต้องรู้จักฐานะของตนเอง ท่านมานั่งตรงนี้เจ้าค่ะ”
ตงหยางนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้นั่งมาก่อน
“คุณชายท่านอ่านหนังสือออกหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าพออ่านออกบ้าง”
“เช่นนั้น...คุณชายลองอ่านสัญญาฉบับนี้เสียก่อน ... หากไม่เข้าใจ...สามารถสอบถามข้าได้หากท่านพร้อมลงนาม ก็ให้คนไปตามข้าม่านม่าน...หม่าลี่เจ้าจง คอยรับใช้คุณชายตงหยาง”
“ข้าลงนามได้ทันที ...”
“คุณชายไม่ต้องรีบร้อน...นายหญิงต้องการให้ท่านอ่านให้เข้าใจเสียก่อนเจ้าค่ะ” ม่านม่านรีบกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรีบอ่าน”
“ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้ว...”
หม่าลี่คอยดูแลเรือนไผ่หยก เมื่อเห็นว่ามีแขก นางก็จัดเตรียมชาและขนมว่างมาดูแลต้อนรับทันที
ตงหยางรู้สึกไม่คุ้นเคย เขาประหม่าเล็กน้อย กลุ่มชายหนุ่มวัยเยาว์หันไปพูดคุยกัน เฉิงเซาชายหนุ่มใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเล้นเจ้าเล่ห์เอ่ยพูดขึ้น
“เจ้าไม่ไปแนะนำ คุณชายท่านนั้นหน่อยหรือ”
“เฉิงเซา ... เจ้าล้อเลียนข้าหรือ” หมิงเยี่ยบุรุษที่มีกลิ่นอายเต็มไปด้วยเย็นชา ดวงตาจะมีหมอกบาง ๆ หนึ่งขั้น
“หาใช่ต้องการล้อเลียนท่านไม่ ... ทว่าเห็นท่าทีของเด็กน้อยผู้นั้นทำให้อดนึกถึงวันแรกที่ข้าเจอท่านไม่ได้”
“หึ!” หมิงเยี่ยวางหมากในมือในลง แสดงอาการไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับเฉิงเซาต่อ ชายหนุ่มคู่เล่นหมากกับหมิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมา
“ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็ไปทักทายเขาหน่อยเถอะ”
“พี่เผยลู่พูดเช่นนี้ ...ข้าก็ต้องปฏิบัติตาม”
ในเรือนไผ่หยกตอนนี้มีเพียงเผยลู่ที่ได้ปรนนิบัติเฉียวเวยเวย จึงมีการยกระดับความสำคัญกันอีกขั้น
เฉิงเซาเดินตรงไปแล้วนั่งลงตรงข้ามกับตงหยาง เขาพินิจดูอีกฝ่าย
“ข้าเฉิงเซา...ยินดีต้อนรับท่าน”
เขากำลังอ่านหนังสือสัญญาด้วยความสนใจ อยู่ ๆ เฉิงเซาก็เข้ามาทักทายทำให้ ตงหยางสะดุ้งตกใจ
“ขะ ข้า ตงหยางยินดีที่ได้รู้จักท่านเช่นกัน”
“เจ้าน่ารัก...จริง ๆ”
เฉิงเซาพินิจดูอีกฝ่าย ในเรือนไผ่หยกยังไม่มีบุรุษเฉกเด็กหนุ่มตรงหน้า นายหญิงเวยช่างสรรหายิ่งนัก ทว่าคนผู้นี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
“ขอบคุณท่าน” ตงหยางก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย
“ท่านรีบอ่านเสีย..ถ้าลงนามในสัญญาแล้ว..พวกเราก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ข้าอ่านเสร็จแล้ว...แต่ว่ายังไม่เข้าใจเท่าไรนัก”
“ท่านถามข้าได้”
“เช่นนั้น ข้ารบกวนท่านอธิบาย.. ที่ว่าสมัครเป็นแรงงาน...กับการสมัครเป็นบ่าวในเรือน”
“อ่อ...ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่..นายหญิงย่อมเสนอค่าตอบแทนให้ท่านเรียบร้อย..เมื่อมีเงินพวกเราสามารถไถ่ตัวได้..”
“อันนี้ข้าเข้าใจขอรับ”
“ฮืมม..การสมัครเป็นบ่าวแรงงานจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 1 ตำลึง หากสมัครเป็นบ่าวในเรือนจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 2 ตำลึง แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล...” เฉิงเซาเว้นจังหวะดูหน้าตงหยางเล็กน้อย เห็นสีหน้าตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็รู้สึกชอบใจ นี่คงเป็นสิ่งที่นายหญิงชอบกระมั้ง
“หากเจ้าสมัครเป็นบ่าวแรงงาน...นายหญิงจะไม่ให้เจ้ารับใช้ในห้องนอนและเจ้าสามารถชอบพอใจกับสตรีได้...ทว่าหากเจ้าสมัครเป็นบ่าวในเรือน..เจ้าอาจจะได้รับอนุญาตให้รับใช้ในห้องนอนของนายหญิงแต่ว่าเจ้าจะไม่สามารถชื่นชอบสตรีอื่นได้...จนกว่าเจ้าจะไถ่ตัวออกไป”
ดวงตาของตงหยางเบิกกว้างเล็กน้อย
“ข้อบังคับอื่น ๆ เจ้าคงอ่านเข้าใจแล้ว เป็นอย่างไร...ดีไม่น้อยใช่หรือไม่”
“ขอรับ...หากข้ารู้เช่นนี้/เจ้าก็จะมาเร็วกว่านี้สินะ” เฉิงเซาพูดขัดขึ้น ตงหยางก็พยักหน้าทันที
“ข้าก็คิดแบบนี้...แต่ไม่ใช่สิ่งที่นายหญิงต้องการ”
ตงหยางก้มลงนามในหนังสือสัญญา
“ข้าลงนามเรียบร้อย ตอนนี้ข้าสามารถเรียกท่านว่า พี่เฉิงเซาได้แล้วใช่ไหมขอรับ”
เขาชำเลืองมองดูเห็นตงหยางลงนามสมัครทำงานเป็นบ่าวในเรือน เฉิงเซายิ้มเอ็นดูอีกฝ่ายอายุน้อยเบี้ยหวัดรายเดือนสูง ไม่นานก็สามารถเก็บเงินไถ่ตัวออกไปแต่งภรรยาได้
“แน่นอน น้องชายมานี่สิข้าจะแนะนำให้เขารู้จัก”
เฉิงเซาหยิบสัญญายื่นให้หม่าลี่ จากนั้นก็เดินนำตงหยางไป
“นี่คือ พี่ชายเผยลู่ ... และพี่ชายคนนี้หมิงเยี่ย”
“ข้าน้อย...ตงหยาง..ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”
“ในเมื่อเป็นคนของนายหญิงเช่นกัน...ที่นี้ไม่มีตำแหน่ง เจ้าไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าน้อย”
เผยลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพใบหน้าและรอยยิ้มหล่อเหล่าสะอาดสะอ้านอ่อนโยน
“ส่วนข้าหมิงเยี่ย..”
ตงหยางมองหมิงเยี่ยคนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาไม่แตกต่างกันทว่า คมคายเย็นชาต่างจากเผยลู่ที่อบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเฉิงเซาดูเจ้าเล่ห์แต่ละคนมีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน
จังหวะนั้นม่านม่านก็เดินเข้ามา หญิงสาวย่อคารวะ
“ยินดีต้อนรับคุณชายตงหยาง...ข้าจะพาท่านไปยังห้องพัก เชิญท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”
เผยลู่ก็พูดขึ้น
“ตอนเย็นเจ้าก็จะได้เจอทุกคน...ไม่ต้องกังวลไปที่นี้ไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ขอรับ”
ตงหยางรู้สึกผ่อนคลาย ที่นี่ไม่เหมือนที่เขาจินตนาการไว้แม้แต่น้อย เขาเดินตามม่านม่านไปยังระเบียงที่ทอดยาว
“คุณชายตงหยาง ที่นี่คือห้องพักของท่าน..เสื้อผ้าข้าจัดเตรียมให้ท่านบางส่วนเท่านั้น...อีกสักพักจะมีบ่าวมาวัดและตัดเสื้อผ้าให้ท่าน หากท่านชื่นชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามที่ท่านต้องการ หากมีสิ่งใดขาดเหลือท่านก็บอกกล่าวหม่าลี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณท่านมาก”
“ในเมื่อคุณชายลงนามเรียบร้อยแล้ว...ต่อไปก็เรียกข้าว่าพี่ม่านม่านเถอะเจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
“กฏระเบียบต่าง ๆ ข้าจะค่อย ๆ แนะนำคุณชายตอนที่ข้านำสัญญาไป นายหญิงให้คนนำเงิน 100 ตำลึงไปมอบที่บ้านสกุลตงเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ตงหยางพยักหน้า
“ข้าทราบแล้ว”
“ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน ขอข้าตัว”
“พี่ม่านม่านเดินดี ๆ” ตงหยางเดินไปส่งม่านม่านที่ประตู เขาเดินเข้ามาในห้องพลางมองไปรอบ ๆ ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าก็มีโต๊ะ ตู้ เตียงนอนทุกอย่างล้วนพอเหมาะ หม่าลี่เดินเข้ามา
“คุณชายบ่าวจะช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าค่ะ”
ตงหยางมองดูเสื้อผ้าของตนเองภาพเหล่าบุรุษเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมา จึงเอ่ย
“ข้าต้องการจะอาบน้ำเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะให้คนจัดเตรียมน้ำนะเจ้าค่ะ”
ตงหยางไม่เคยมีบ่าวรับใช้มาก่อน เขาค่อนข้างเคอะเขิน จะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก็มีบ่าวคนหนึ่งเดินไปหยิบแทน จะเปิดประตูก็มีบ่าวเปิดให้ แม้จะพยายามทำบางอย่างด้วยตนเองก็ถูกบ่าวรับใช้จัดการให้หมด เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาจัดการตนเอง
ตอนที่ 8 ไม่เสียใจภายหลัง ฉีซาเฝ้าดูอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเฉียวอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนต่ำลง ท้องฟ้าเริ่มแดงระเรือทว่ากลับไม่เห็นตงหยางออกมา เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่างที่ได้ยิน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา บ้านไหนมีเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา ให้เฝ้าระวัง อาจจะโดนนายหญิงหมายตาพามาอยู่เรือนหลังของนาง บ้างก็บอกว่านางฟั่นเฟือนเสียสติจากการถูกหย่า บ้างก็บอกว่านางทำไปเพื่อประชดประชัน ด้วยขนบธรรมเนียมในยุคนี้ ฉีซาพอเข้าใจอยู่บ้าง สตรีที่ถูกหย่าล้วนถูกลดทอนคุณค่าลง ทว่าเขาเคยพบเจอนายหญิงเวยผู้นี้ นางเป็นสตรีที่ยังอ่อนเยาว์และงดงามยิ่งไม่เพียงแค่นั้นนางยังมีทรัพย์สินมหาศาล กล่าวว่าแม้กระทั่งท้องพระคลังในวังอาจจะมีน้อยกว่าตระกูลเฉียวของนาง ทุกอย่างล้วนขัดแย้ง แม้จะเชื่อไปบางส่วนว่านางเลี้ยงดูบุรุษในเรือนหลัง ทว่าข่าวของบุรุษกลุ่มนั้นมีน้อยยิ่ง หลายเดือนที่ผ่านมาฉีซาก็พึ่งจะเคยประจักพบด้วยตนเองเป็นครั้งแรก หากพิจารณาเด็กที่ชื่อตงหยาง ผู้นั้นอายุเพียง 8-9 ขวบ อ่อนเยาว์ยิ่งนักจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย
ตอนที่ 9 ต้องเรียนรู้และเร่งฝึกฝน เฉิงเซาเดิมก็รู้สึกปวดหนึบกลางกายอยู่แล้ว เมื่อเสื้อคลุมคลายออกเผยให้เห็นรูปร่างของเฉียวเวยเวยแทบจะหมดสิ้น ผิวพรรณผุดผ่องส่วนเว้าโค้งงดงามเกินบรรยาย ชายหนุ่มกดหน้าลงไปดูดดื่มลิ้มชิมหน้าอกของหญิงสาวอย่างกระหาย ในขณะที่ เผยลู่เดินเข้าไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว เขาใช้มือค่อยจับเขาพลางอ้าให้กว้างออก มือใหญ่ลูบไล้ลงไปกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาว ในซอกกลีบดอกไม้มีน้ำหวานไหลออกมาส่งกลิ่นหอมอบอวล เผยลู่ตั้งใจจะโชว์ให้ทุกคนได้เห็นเข้าใจคำว่าลิ้มชิมความหอมหวานทุกซอกทุกมุม เขาก้มลงไปดูดดื่มน้ำหวานที่ไหลเยิ้ม ปลายลิ้นไล่วนสอดและแทรกทุกอย่างอย่างกระหาย ภาพลักษณ์หนุ่มหล่อม่านขรึมหายไปจนหมดสิ้น ตงหยางตกตะลึงลนลาน ลมหายใจหยุดชะงักเขารีบก้มหน้าไม่มอง ทว่าเสียงเฉียวเวยเวยเผยครวญครางหวานใสออดอ้อนเบาหวิว เสียงเพลงบรรเลงของคุนเล่อขับให้ทุกอย่างดูไม่หยาบโล้น ฝ่ามือถูกันไปมาด้วยความอยากรู้ เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ภาพสตรีและบุรุษที่อยู่ตรงหน้าของตงหยางกลับงดงามดั่งภาพวาด บุรุษห
ตอนที่ 10 สถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน เฉียวเวยเวยถูกปลุกในยามอิ๋น แม้จะยังงัวเงียนางก็ให้ความร่วมมือเผยลู่อย่างเต็มที่ นางเพียงล้างหน้าล้างตาสวมเสื้อเสื้อคลุม ชิงชิงกำลังจะเกล้าผมนางจึงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้อง ข้าแค่จะออกไปส่งเฉิงเซาแล้วจะกลับมานอนพักต่อ”เฉียวเวยเวยมองตนเองในกระจกแล้วพยักหน้าบอกทุกคนว่าพร้อมแล้ว ประตูใหญ่คฤหาสน์ถูกเปิดออก รถม้าหลายคันกำลังจอดเรียงราย เฉิงเซายืนคู่กับหมิ่งเยี่ยเตรียมตัวออกเดินทาง แล้วยังมีเหล่าบุรุษหลายคนมาร่วมส่งทั้งสองพวกเขา แม้จะการพูดคุยกันทว่าสายตาของเฉิงเซาชำเลืองมองไปยังในเรือน เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวก้าวฝีเท้าออกไปหากุมมือนางขึ้นมาสายตาอาลัยอาวรยิ่งนัก “นายหญิง ข้าไปครั้งนี้หลายเดือนท่านดูแลสุขภาพด้วย” เฉียวเวยเวยโอบกอดชายหนุ่มด้วยความรู้สึกรักใคร่ แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเฉิงเซาก็ถือว่าสนิทชิดเชื้อกันไม่น้อย ยามจะต้องห่างกันหลายเดือนนางเองก็รู้สึกใจหาย “ขอให้พวกท่านเดินทางปลอดภัย หมิ่งเยี่ยไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นโปรดรักษาชีวิตไว้” “ขอรับนายหญิง ข้าจะจำจดคำสั่งท่า
ตอนที่ 11 ต้องดิ้นรนจะเหลือความใสซื่อได้อย่างไร เฉียวเวยเวยตื่นรู้สึกตัวก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว นางบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ชิงชิงที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงขยับก็เอ่ยถาม “นายหญิง ให้บ่าวเข้าไปหรือไม่เจ้าค่ะ” “ฮืม” เสียงแผ่วเบาตอบรับ คนข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามา บ่าวแต่ละคนล้วนรู้หน้าที่ของตนเอง บางคนเปิดหน้าต่าง บางคนตรวจดูเตากำยาน เป็นเกลียวคลื่นขยับไปมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฉียวเวยเวย รับผ้าชุบน้ำจากชิงชิงเช็ดใบหน้าด้วยตนเอง เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็เอ่ยถาม “เวลาใดแล้ว” “เรียนนายหญิง ยามเว่ยแล้วเจ้าค่ะ” “หลับไปนานเพียงนี้ ... คุนเล่ออยู่เรือนหรือไม่” “คุณชายคุนตอนนี้อยู่สวนเหมยกุ้ยเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยล้างหน้าล้างตา เกล้าผมครึ่งหัวปักปิ่นหยกเรียบง่าย นางมองดูใบหน้าเนียนละออของตนเองในกระจก ยิ่งดูยิ่งชื่นชอบ มีโอกาสกลับมามีผิวพรรณอ่อนเยาว์เช่นนี้ หากจะแต่งหน้าแต่งตาทาแป้งหนาเตอะย่อมผิดต่อผิวหยก นางกลับแปลกใจเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดชอบแต่งหน้าเกิดวัย พว
ตอนที่ 12 ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา โรงหมอตระกูลอัน โรงหมอวันนี้มีคนไม่มาก ฉีซาตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง เขาหวังว่าสักวันความพยายามของเขาต้องได้ผล ในขณะที่กำลังเช็ดถูขวดโถยา ก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์หมดจดบุคลิคสง่างามผู้หนึ่งเดินเข้ามา หลงจู๊มองเห็นผู้มาเยือนก็รีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับ “คุณชายสาม วันนี้เหตุใดมาที่นี่ได้ขอรับ” เสียงหลงจู๊เอ่ยถามอย่างนอบน้อมท่าทางประจบสอพอ “วันนี้ท่านแม่ให้ข้ามาฝึกฝนตนที่นี่” “ท่านหมออันหง อยู่ข้างในข้าจะนำทางท่านไปเองขอรับ” “ฮืม รบกวนเจ้าด้วย” “หาไม่ขอรับ เชิญคุณชายสามตามข้ามา” ฉีซามองตามคุณชายสามพร้อมบ่าวรับใช้ข้างกาย เดินเข้าไปยังห้องตรวจอย่างง่ายดาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงเดินเข้าไปข้างหลังร้าน เดินอ้อมไปเพื่อหวังจะแอบฟัง “คุณชายสาม ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่” ชายชราเอ่ยกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีเมตตา “ท่านลุงข้าเรียนมาเยอะแล้ว อยากจะฝึกฝนตนให้เชี่ยวชาญในเร็ววันขอรับ” “ผู้คนต่างยกย่องกล่าวขานว่าคุณชายฉลาดปราดเปรื่องตั้
ตอนที่ 13 แต่งเข้าเรือนหลังของนายหญิงเวย “ถนัดใช้เงินแก้ปัญหา” ใครบ้างที่ไม่อยากจะใช้เงินแก้ปัญหา ฉีซาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้ไม่นานเขาก็เผลอหลับไป ฉีซาหลับสนิทตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะปลายจมูก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อค่อย ๆ ลืมตาก็เห็นบ่าวคนหนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างรับอากาศสดใสยามอรุณ บ่าวคนนั้นเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นจึงตกใจรีบพูด “คุณชายข้าขออภัย ข้าไม่ตั้งใจรบกวนท่าน” เขาตกใจรีบคุกเข่า “ไม่เป็นไร เช้าแล้วข้าก็ควรตื่นแล้วได้” เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ฉีซาไม่คิดจะเอาผิดใคร เขาปรายสายตามองไปรอบ ๆ แสงแดดส่องเข้ามาจากบานหน้าต่างมันกระทบผ้าม่านขลิบทองทอประกายอบอุ่น เรื่องเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่โรงหมอยังไม่เปิดให้บริการ มีเพียงบ่าวไพร่ที่เก็บกวาดทำความสะอาด ฉีซาก้าวเดินออกสำรวจโรงหมออย่างสนใจ โดยที่เขาก็ไม่ทันสังเกตหาได้มีใครขัดขวางเขา ฉีซาเดินไปรอบ ๆ พลันรู้สึกว่า ห้องหับของโรงหมอแห่งนี้แตกต่างจาก
ตอนที่ 14 เผ็ดร้อนหรือละมุนกลมกล่อม เช้าวันต่อมา ฉีซาก็ไปยืนอยู่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวย คล้ายกับตงหยางเมื่อหลายวันก่อน หลังจากที่เขาได้ลงนามเป็นบุรุษในเรือนก็อยู่ในภวังค์ ดีเพียงนี้ สามารถไถ่ตัวได้ แม้จะยังไม่กระจ่างเหตุใดท่านเผยลู่ไม่เอ่ยบอก อยากรู้แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาค่อย ๆ เรียนรู้เข้าใจด้วยตนเองน่าจะลึกซึ้งมากกว่า เด็กหนุ่มใช้เวลาส่วนมากอยู่ในแค่ในห้องของตนเอง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง มีบ่าวไพร่จำนวนมากแวะเวียนเข้ามา “คุณชายฉี คนจากร้านผ้าเวยชิงมาแล้วเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากห้องครัวมาสอบถามความชอบอาหารของท่านเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านเครื่องเขียนนำเครื่องเขียนมาส่งเจ้าค่ะ” “คุณชายฉี คนจากร้านหนังสือนำหนังสือมาส่งเจ้าค่ะ” ฯลฯ จนกระทั่งมืดค่ำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แตกต่างจากเดิม ฉีซาจึงเดินไปเปิดประตู บุคคลตรงหน้าก็คือ เด็กหนุ่มตงหยางคนนั้น “พี่ชายข้ามาแนะนำตน ข้าตงหยาง ข้าอยู่ห้องข้าง ๆ กับท่าน” ใบหน้าของเด็กชายระบายเต็
ตอนที่ 15 มันไม่อร่อย ยังไม่ทันรุ่งเช้า ฉีซาก็รู้สึกตัวเมื่อลืมตาขึ้นมาม่านหน้าต่างปลิวไสวเบา ๆ เขาชะงักเล็กน้อย ห้องนอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้นรับความสดชื่นในรุ่งอรุณ กลิ่นบุปผานานาพันธ์ลอยลิ่วเข้ามาแตะจมูก เด็กหนุ่มหลับตาซึมซับพลังแห่งธรรมชาติดื่มดำกับบรรยากาศสุนทรีในครั้งแรกของชีวิต “ควรจะเป็นเช่นนี้ ถึงจะมีกำลังในการดำเนินชีวิต” เขาพึมพำกับตนเอง ทว่าเสียงพูดนั้นทำให้คนข้างนอกได้ยิน “คุณชายตื่นแล้วหรือขอรับ เช่นนั้นพวกข้าจะเข้าไปช่วยท่านล้างหน้าล้างตานะขอรับ” ฉีซาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้คนเข้ามา ในขณะที่บ่าวไพร่กำลังช่วยเขาแต่งกาย ทำให้เขาคิดถึงมารดากับน้องสาว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อนายหญิงไม่ได้สั่งห้าม วันนี้เขาจะกลับไปเยี่ยมมารดาสักคราว “คุณชายจะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับ” “ไม่ล่ะ ข้าจะไปทานที่โรงหมอ” ฉีซานั่งอยู่ในรถม้าเหม่อลอยอยู่บ้าง เขาเปิดผ้าม่านมองออกไปข้างหน้า แม้จะยังเช้าอยู่มาก พระอาทิตย์เพียงส่งแสงร่ำไร ทว่าผู้
ตอนพิเศษ ทุกอย่างราบรื่น เมิ่งซูซูพร้อมบ่าวเดินไปตามทางหินขนาดใหญ่ลอดผ่านซุ้มดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง นางเหม่อมองไปยังเรือนไผ่หยกเบื้องหน้า วันนี้นางตั้งใจมาปรึกษานายหญิงเวย เรื่องการขอให้สามีรับอนุ นางเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง ทว่าก็โดนสามีและแม่สามีระงับมาโดยตลอด บอกว่าทายาทไม่ต้องรีบร้อน คราวแรกนางคิดว่าทั้งสองคงไม่อยากจะทำร้ายจิตใจนาง จึงกล่าวถนอมน้ำใจกัน ทว่าอยู่มาหลายปีนางจึงเชื่อสนิทว่าพวกเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ ตอนนี้ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเวยมีเพียงสอง ซึ่งเป็นบุตรของนางคนเท่านั้น นับได้ว่ามีจำนวนน้อยเกินไปจนน่าใจหาย นางรับรู้ว่ามีเพียงนางที่ร้อนรนอยู่ฝ่ายเดียว บ่าวที่อยู่ตรงหน้ามองเห็นนางก็รีบเดินเข้ามาหาคารวะกล่าวทักทายอย่างยินดี “นายหญิงน้อย ท่านมาขอพบนายหญิงหรือเจ้าคะ” หญิงสาวพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม“ท่านแม่อยู่ในเรือนหรือไม่” “อยู่เจ้าค่ะ นายหญิงกำลังทานของว่างพร้อมคุณชายใหญ่กับคุณหนูรองเจ้าค่ะ” “เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่เสียเล่า”เมิ่งซูซูเอ่ยถาม พลางเดินไปยังหน้าเรือน เมื่อไปถึงก็หันไปสาวใช้ “ข้าจะเข้าไปเรียนนายหญ
ตอนที่ 42 ความรักที่รออยู่เฉียวเวยเวยวางหนังสือนิยายลง แล้วบิดร่างกายไปมาพลางหยิบของว่างขึ้นมากิน แล้วพูดขึ้น“นายน้อยคงอยู่ที่เรือนข้าจะไปหาเขาสักหน่อย”“นายน้อยน่าจะอยู่ที่เรือนโอสถ ที่นั้นค่อนข้างไกล นายหญิงให้ข้าเตรียมเสลี่ยงหามดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยแนะนำเฉียวเวยเวยส่ายหน้า“ไม่ต้องข้าอยากจะเดินออกกำลังด้วย” หญิงสาวก้าวเดินออกมาไปตามทางคดเคี้ยวเลียบสระบัวที่สร้างขึ้นมาใหม่ สระกว้างคลื่นลมสงบนิ่ง เมื่อนางทอดสายตามองไปก็เห็นแผ่นฟ้ากว้างไกลสุดตา ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่ง ทว่าเมื่อมองเห็นหลังคาเรือนโอสถอยู่ไกล ๆทำให้ความคิดหยุดชะงัก“ไกลจริง ๆ” นางพึมพำขึ้นมาชิงชิงจึงพูด“นายหญิงเช่นนั้นข้าให้คนหามเสลี่ยงตามมาดีกว่าเจ้าค่ะ หากนายหญิงเหนื่อยจะได้ปรับเปลี่ยนได้”เฉียวเวยเวยเห็นด้วยจึงพยักหน้าตอบรับ นางก้าวเดินออกไปไม่รีบเร่ง สายลมโบกพัดดอกเหมยต่างก็ร่วงลงพื้นเกลื่อน กลิ่นหอมโชยมาระลอก ระลอก ไม่นานนางก็มาหยุดอยู่หน้าเรือนโอสถเมื่อเดินเข้าไปข้างใน เฉียวเวยเวยก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวยซา นางหยุดพินิจอีกฝ่าย จากเด็กหนุ่มที่มีความกระตื้อรือร้นและสับสนกับในยุคสมัยใ
ตอนที่ 41 ยังไม่ต้องกลับจวน หลังแต่งงานเมื่อครบสามวันตามธรรมเนียมคู่แต่งงาน ฝ่ายหญิงต้องกลับไปเยี่ยมบ้านสกุลเดิม เพื่อให้ญาติฝ่ายหญิงได้รับรู้ว่าหญิงสาวแต่งออกไปแล้วเป็นอย่างไร ทว่าเมิ่งซูซูกลับยืนยันว่านางจะกลับสกุลเมิ่งเพียงลำพัง เวยซาก้มมองเมิ่งซูซูที่กำลังช่วยชายหนุ่มแต่งกายอย่างตั้งใจ ใบหน้างามเรียวน่ารักแดงระเรื่อน้อย ๆ หลังจากผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้เขารู้สึกสนิทชิดเชื้อกับหญิงสาวมากกว่าเดิม มีความผูกพันธ์ซับซ้อนถักทอดก่อขึ้นมา เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะกลับบ้านคนเดียวความรู้สึกอึดอัดที่มากกว่าปกติ ทำให้เวยซาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง“ซูซู เจ้าต้องการที่จะกลับเยี่ยมบ้านคนเดียวหรือ”เมิ่งซูซูเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม ยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“เจ้าค่ะ..หากสกุลเมิ่งเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์จึงจะปลดปล่อยข้า”เวยซากุมมือของหญิงสาวขึ้นมา ได้กลิ่นกายของหญิงสาวหอมละมุนโชยมาแตะปลายจมูกภาพแนบชิดผุดขึ้นมา ชายหนุ่มอดกลั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น“ไม่ใช่ว่า เจ้ารังเกียจตระกูลเวย รังเกียจข้าและโกรธที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้” น้ำเสียงของเวยซาแฝงความน้อยใจ เมิ่งซูซูรีบคุกเข่าลง ใบหน
ตอนที่ 40 ลองดูสักครั้ง วันเวลาพ้นผ่านจนกระทั่งมาถึงวันแต่งงานของเวยซา แขกเหรือผู้คนมากหน้าหลายตา ตรงจัดงานพิธีเป็นเรือนของเวยซาที่แยกออกมาทำให้หลายคนที่อยากจะชมจวนของเฉียวเวยเวยและเรือนไผ่หยกต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน กระนั้นแม้จะไม่ได้เห็นตัวเรือนเต็มทว่าเมื่อลอบมองเข้าไปเห็นหลังคาใหญ่ตระการก็ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ “ยินดีด้วยนะนายหญิงเวย”เสียงผู้คนกล่าวแสดงยินดีดั่งกึกก้อง กลิ่นอายมงคลล้วนทำให้ใบหน้าของคนในตระกูลเวยระบายเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบ เฉียวเวยเวยพร้อมเจียฟางมารดาของเวยซายืนรับแขกอยู่ด้านหน้า เผยลู่แอบมองใบหน้าเฉียวเวยเวยที่เต็มไปด้วยความปิติตื่นเต้นยินดี ได้เห็นนางคลี่ยิ้มอย่างงดงามทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ผุดรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาเป็นประกาย แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง โค้งคำนับแล้วพูดขึ้น “นายหญิง ฮูหยินเจีย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งข้างในเถิดตรงนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง” เฉียวเวยเวยหันมายิ้มให้เผยลู่ ความจริงนางตอนนี้ก็เหนื่อยแล้วเมื่อสักครู่ในใจก็ครุ่นคิดอยู่ตลอด ผู้ใดเชิญแขกมากมายขนาดนี้จึงรีบตอบรับ “เช่
ตอนที่ 39 ต้อนรับแขกพิเศษ อากาศยามเช้าเริ่มเหน็บหนาวขึ้นกว่าทุกวัน แม้ภายในห้องจะอบอุ่นดั่งวสันตฤดู เฉียวเวยเวยก็รู้สึกเกียจคร้านนางซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นนอนแช่ตัวในเตียงนอน สูดดมกลิ่นอายความหนาวนับได้ว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทว่าเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกข้างนอกทำให้นางเผยหน้าออกมา “เวยเวย ข้ามารอทานข้าวต้มร้อนกับเจ้าอยู่นะ” “เล่อเล่อหรือเข้ามาสิ” คุนเล่อเปิดประตูเข้ามาพร้อมบ่าวไพร่ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงหยิบผ้าอุ่นซับเช็ดหน้าหญิงสาว เฉียวเวยเวยเอนกายกอดเอวอีกฝ่ายพูดเสียงอ้อน “เล่อเล่อ เจ้าไปไหนมาเหตุใดไม่ยอมกลับเรือน” คุนเล่อพลางซับใบหน้าหญิงสาวด้วยมืออันอ่อนโยน “นายหญิงเวย ท่านไม่อายผู้อื่นหรือ ตอนนี้นับว่าท่านมารดาผู้อื่นแล้วนะ” “เช่นนั้น คุนเล่อเจ้าเป็นท่านพ่อบุญธรรมด้วยดีหรือไม่” “ตามใจเจ้าสิ” คุนเล่อกล่าวอย่างไม่ขัดข้อง ทว่ากลับเป็นเฉียวเวยเวยที่คิดขัดแย้งขึ้นมา “ไม่ได้สิ หากเจ้าแต่งเป็นนายท่านของบ้าน ถ้าเจ้ามีคนที่ชื่นชอบจะยุ่งยากเกินไป”
ตอนที่ 38 เฝ้ารอวัน กลุ่มเหล่าฮูหยินจากขุนนางชั้นรองลงมาจะนั่งอยู่เรือนที่ห่างออกไป เมิ่งฮูหยินวันนี้ก็พาเมิ่งซูซูมาร่วมงานด้วย หวังจะได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเฉียวเวยเวย ทว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันทำให้พวกนางไม่มีแม้โอกาสจะกล่าวทักทายอีกฝ่าย ดูเหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ดูครื้นเครงเสียงหัวเราะผสมกลิ่นน้ำหอมโชยอบอวลอ้อยอิ่งมา หลายคนสบตากันใคร่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฮูหยินรองนายอำเภอคนหนึ่งก็พูดขึ้น “เมื่อสักครู่ข้าแอบถามนางกำนัล ถึงได้รู้ว่านายหญิงเวยนำน้ำหอมใหม่ของร้านเวยเฟยมาให้เหล่าฮูหยินสูงศักดิ์ได้ทดลองใช้ ครั้งนี้ข้าอาจจะต้องขออาศัยวาสนาเมิ่งฮูหยินแล้ว เมื่อสักครู่ท่านยังกล่าวว่าสนิทกับนายหญิงเวยไม่น้อย” ฮูหยินที่นั่งข้างเอามือปิดปากคล้ายกลั้นหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หรูฮูหยิน ข้าว่าที่สนิทกล่าวเองเสียมากกว่า งานหมั้นหมายที่เกิดขึ้นใครบ้างจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร” เหล่าฮูหยินต่างพาเอามือปิดปากหัวเราะ เมิ่งฮูหยินพยายามเก็บสีหน้า นางเชิดหน้าขึ้นแล้วถลึงตาขวางใส่เมิ่งซูซู กระซิบเก็บเสียงผ่านช่องฟัน “
ตอนที่ 37 เปิดเผยตัว หลังจากมอบองค์รักษ์เงาให้เฉียวเวยเวย หลี่เว่ยหลางก็ไม่ได้มาหานางอีกเลย จนกระทั่งหญิงสาวได้รับเทียบเชิญจากตำหนักบูรพาเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญจากแคว้นต้าเหิง แม่ทัพหลี่เว่ยหลางนางถึงได้เจอชายหนุ่มอีกครั้งเสียงดนตรีขับกล่อมคลอบรรยากาศเสียงพูดคุยครื้นเครงเหล่านางรำล้วนงดงามอรชน ยามพวกนางกรีดกรายล้วนดั่งนกโผบินขับขาน หลี่เว่ยหลางยกจอกสุราแล้วจอกเล่ามีหลายครั้งที่ชายหนุ่มส่งสายตาคมกริบมองมาที่เฉียวเวยเวยแสดงเจตนาอย่างชัดเจน เว่ยซาติดตามเฉียวเวยเวยมาร่วมงานด้วย เขาเองก็สังเกตเห็นแววตาของหลี่เว่ยหลาง จึงกระซิบถามมารดาบุญธรรม“ท่านแม่คนผู้นั้นหรือ” “อืม...เจตนานี้ข้าเองก็ยังไม่กระจ่างใจนัก” การที่ไม่ได้เป็นคนควบคุมเกมทำให้เฉียวเวยเวยไม่สบายใจนัก ทว่าชีวิตโชคดีอย่างไรก็ต้องมีช่วงลำบากบ้าง เฉียวเวยเวยกังวลใจได้ไม่นานก็สลัดความกังวลทิ้ง นางหันกลับไปพูดคุยกระซิบกระซาบกับเหล่าฮูหยินต่อ “นายหญิงเวย เมื่อวานข้าไปที่ร้านเว่ยเฟยตั้งใจจะไปซื้อครีมหอมสักหน่อย ทว่าหลงจู้ที่ร้านบอกว่าตอนนี้ที่ร้านไม่มีครีมหอมเสียแล้ว ข้ารู้ส
ตอนที่ 36 เอาตัวเข้าแลกเว่ยซาเดินเลาะมาตามทางสวนดอกเหมย จนกระทั่งมาถึงลานกว้าง เขาเงยหน้ามองไปยังศาลาฟางหญ้าข้างริมสระน้ำ มองเห็นเฉียวเวยเวยกำลังเอนกายพิงระเบียงทอดกายอ่านหนังสือ นางปล่อยผมสยายขับดุนให้ใบหน้าเฉิดฉายสะอาดสะอ้าดหมดจดบริสุทธิงดงามราวดอกบัวที่อยู่ในสระพ้นวารีไร้มลทินเด็กหนุ่มลอบถอนหายใจ ท่วงท่าเช่นนี้ล่อลวงบุรุษไปมาก สตรีผู้นี้ห่างไกลคำว่าไร้เดียงสาไปมากโขบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างเงียบสงบมีเพียงเสียงกังหันน้ำที่หมุนไปตามแรงลมและเสียงฝีเท้าของเวยซากำลังเดินเข้าไปในศาลา เฉียวเวยเวยจึงเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยยิ้มถาม“เจ้ามาหรือ” เฉียวเวยเวยส่งสายตาให้อีกฝ่ายนั่งลง เว่ยซายกมือคารวะอีกฝ่ายตามธรรมเนียมก่อนนะนั่งลงเบื้องหน้าของหญิงสาว “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านแม่บุญธรรม วันนี้จึงได้มาขอรบกวนท่าน”เฉียวเวยเวยยิ้มพราย “ข้าเองก็มีเรื่องจะสอบถามเจ้าเช่นกัน ท่านแม่และน้องสาวของเจ้าย้ายเข้าเรือนเรียบร้อยดีหรือไม่” เวยซาผงกศรีษะน้อมตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ขอรับ เป็นหนึ่งเรื่องที่ข้าจะมารายงานท่านแม่บุญธรรม... ท่านแม่ของข้ากับน้องสาวตั้งใจจะเข้ามาคารวะท่าน ทั้งเกรงอกเกรงใจและ
ตอนที่ 35 คนของข้า เฉียวเวยเวยซุกตัวหลับในอ้อมกอดของหลี่เว่ยหลางอย่างไร้เรี่ยวแรง นางทั้งอิ่มเอิบพอใจกับรสรักของชายหนุ่มไม่น้อย ทว่าน่าเสียดาย “ข้ายอมรับว่าติดอกติดใจท่านไม่น้อย แต่ว่าน่าเสียดาย” เห็นหญิงสาวเอ่ยพูดเช่นนั้น มือใหญ่ของหลี่เว่ยหลางจึงบีบก้นงอนของหญิงสาวอย่างหมั้นเขี้ยว “ทำไมหรือแรงกระแทกของข้าไม่กระแทกถึงใจเจ้าหรือ”คำพูดบัดสีของชายหนุ่มไม่ทำให้เฉียวเวยเวยเขินอาย นางตอบกลับทันที “ก็เพราะแรงกระแทกนั้น ข้าถึงได้บอกว่าเสียดาย” เฉียวเวยเวยรู้สึกถึงความแข็งขืนตรงชอกข้าจึงพูดขึ้น “ท่านยังไม่พออีกหรือนี่จะห้ารอบแล้วนะ...ข้าเหนื่อยแล้ว” หลี่เว่ยหลางเสียบเข้ามาทันทีแล้วพูดตอบ “ข้ายังไม่หมดแรง ทว่าก็เกรงใจเจ้าอยู่บ้างแต่ขอเสียบค้างไว้ก็พอแล้ว” “อ่า...แล้วอย่างนี้จะคุยกันได้อย่างไร” “เจ้าก็พูดมาสิ...แต่ว่า..แม้เจ้าจะบอกว่าเหนื่อยแล้วแต่ตรงนั้นเหตุใดยังตอดรัดข้าไม่หยุดเล่า..ช่องรักของเจ้าคงชอบข้าเข้าแล้ว” ยิ่งพูดหลี่เว่ยหลางยิ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบโลน