Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-04-15 15:40:32

บทที่ 3 ต้องผ่านไปให้ได้

เมิ่งสืออีหลบอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งครึ่งคืนผ่านพ้น เมิ่งสืออีจึงไม่ได้ยินเสียงดาบและเสียงต่อสู้กันแล้ว นางออกจากที่หลบซ่อนอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ มาเรื่อย ๆ และในที่สุดนางก็พบกับศพคนกลุ่มหนึ่งที่ล้มตายเป็นจำนวนมาก 

เมิ่งสืออีปิดปากตนเองเมื่อนางหวาดกลัวจนรู้สึกมวนท้องและเกือบจะอาเจียนออกมาเมื่อเห็นสภาพศพที่เต็มไปด้วยเลือดอันน่าสยดสยองนั้นในยามนั้นสายตาของนางก็กวาดมองไปจนพบร่างของสตรีผู้หนึ่งที่สวมอาภรณ์ผ้าไหมงดงาม

นะ...นั่นมิใช่อนุของท่านแม่ทัพหรอกหรือ

ถึงจะหวาดกลัวแต่เมิ่งสืออีก็ยังตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กระทั่งนางเห็นสตรีนางนั้นชัดเจน ร่างทั้งร่างของสตรีนางนั้นถูกธนูยิงจนพรุนและตายสนิท 

เมิ่งสืออีตัวสั่นขึ้นมาทันใด หากเป็นนางที่มากับหานชางเหยียนก็คงมีสภาพไม่ต่างกันแล้วหานชางเหยียนเล่าอยู่ที่ใด นางย่อมรู้ว่ากำลังคนของหานชางเหยียนมีน้อยยิ่งนัก ถึงเขาจะเก่งกาจเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เกรงว่าหานชางเหยียนอาจจะไม่รอดแล้ว

 เมิ่งสืออีเห็นคนตายเกลื่อนจึงรู้สึกหวาดผวา หูของนางแว่วเหมือนได้ยินเสียงของบุรุษตะโกนให้ฆ่า นางตกใจกลัวจึงสาวเท้าวิ่งหนีสุดชีวิตต้องรีบออกไปจากสถานที่อันซึ่งเต็มไปด้วยคนตายให้เร็วที่สุด ทว่าเมื่อวิ่งออกมาได้ครู่ใหญ่นางก็เหนื่อยจนต้องหยุดฝีเท้า

เมิ่งสืออีหอบหายใจได้ครู่หนึ่งและแล้วนางก็ได้ยินเสียงคนต่อสู้กันดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่นางยืนอยู่ เมิ่งสืออีหยุดเท้าแต่ไม่ทันแล้วเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งหันมาพบนางเข้าเสียก่อน

เมิ่งสืออีหันหลังคิดวิ่งหนี ผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนเสียงดัง

"นั่นนางจับตัวนางเอาไว้"

จากนั้นก็มีคนวิ่งตามนางมา เพราะความมืดเมิ่งสืออีจึงสะดุดศพของคนผู้หนึ่งแล้วล้มกลิ้ง ทว่าก่อนที่นางจะถูกจับตัวก็มีใครคนหนึ่งมาช่วยนางเอาไว้ 

ที่แท้เป็นทหารในกองทัพของหานชางเหยียนที่เอาตัวบังดาบและถูกโจรสังหารแทนนาง โจรร้ายคิดจับตัวเมิ่งสืออีแต่ในยามนั้นก็มีคนหนึ่งมาช่วยนางเอาไว้ได้ทัน เขาจัดการสังหารคนร้ายสี่ห้าคนด้วยดาบเดียว เมิ่งสืออีตื่นตะลึง

"หานชางเหยียน"

เขาเดินมาใกล้นางร่างกายเต็มไปด้วยเลือด นางค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยที่หานชางเหยียนไม่ช่วยนางเช่นเคย

"ท่านกลับมาช่วยข้าหรือ"

หานชางเหยียนมองนางเหยียด ๆ "เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ หากอยากคิดเข้าข้างตัวเองก็เชิญคิดตามสบาย"

น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงจนนางจับสังเกตได้ และดูเหมือนว่าร่างสูงใหญ่จะยืนไม่มั่นคง

เมิ่งสืออีถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใดก็ล้วนเป็นเรื่องดี นางไม่สนใจเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจอะไรพวกนั้นแล้วนอกจากเรื่องรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ก่อน แต่ท่าทางของหานชางเหยียนเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส 

"ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"

ใบหน้าขาวหล่อเหลาของเขามีเลือดไหลลงมาเป็นทาง  นางตกใจจนพูดไม่ออกแล้วและในยามนั้นหานชางเหยียนก็เหยียดยิ้มเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

"เก่งนี่ เอาตัวรอดมาได้" และฉับพลันเข่าก็พลันอ่อนแรงร่างสูงทรุดลงทันใด

"ท่านแม่ทัพ!"

เมิ่งสืออีคว้าร่างของเขาเอาไว้ได้ทัน เขาเอ่ยเสียงเบาว่า

"ข้าถูกธนูอาบยาพิษจากคนที่ลอบสังหาร"

เมิ่งสืออีรู้มาเล็กน้อยว่ากำลังทหารของเขาส่วนใหญ่ยังรั้งอยู่ที่เมืองอวี เรื่องนี้คงเข้าถึงหูของศัตรูหรือไม่ก็พวกโจรที่หวังปล้นชิงสิ่งของ เพราะยามนี้รถม้าสินเดิมของนางก็หายไปจนเกลี้ยงแล้ว 

คงเพราะเขาตัวโตจนเกินไปนางจึงรับน้ำหนักประคองเขาไม่ไหว สุดท้ายคนทั้งคู่จึงทรุดลงไปบนพื้น มือของเมิ่งสืออีสั่นระริกในยามที่นางสำรวจลมหายใจของเขาและพบว่ามันรวยรินยิ่งนัก

"ท่านถูกยาพิษหรือ"

หานชางเหยียนพยักหน้า พยายามเปิดดวงตาที่กำลังจะปิดขึ้นแล้วจ้องมองนาง

"เจ้าไปเถิดข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า"

กล่าวคำถากถางระคายหูคนจบเขาก็ทรุดลงไปอีก  หัวใจของนางนั้นปวดจนชาชินแล้ว กระทั่งก่อนตายคนผู้นี้ก็ยังไม่อยากเห็นหน้า นางกลายเป็นตัวอะไรในสายตาของสามีไปแล้วกันนะ

คนใจร้ายคนนี้สมควรตายไปให้พ้น ๆ!

แต่ถึงใจหนึ่งจะคิดเช่นนี้ แต่เขาก็คือคนเดียวที่ยังทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของนางรอดชีวิต นางย่อมรู้ว่าหากหานชางเหยียนตายต่อไปฮ่องเต้แคว้นลู่ต้องส่งผู้อื่นมาควบคุมเมืองอวี

 นางเคยได้ยินว่าแม่ทัพผู้อื่นโหดเหี้ยมนัก หากคนพวกนั้นไม่ละเว้นท่านพ่อท่านแม่เหมือนกับหานชางเหยียน พวกเขาอาจจะได้รับความลำบากกระทั่งอาจจะต้องเสี่ยงชีวิต

ดังนั้น หานชางเหยียนจะตายไม่ได้

เมิ่งสืออีปล่อยให้หานชางเหยียนพิงร่างของนางจากนั้นจึงเทของในถุงผ้าออกมาจนกระทั่งพบกล่องไม้ที่ใส่ยาของนาง ในนี้มียาวิเศษอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นยาช่วยแก้สารพัดพิษของล้ำค่าที่มารดายกให้นางพกติดตัว

เมิ่งสืออีไม่รอช้ารีบยัดยาลูกกลอนเม็ดนั้นเข้าปากเขาทันใด

"ท่านแม่ทัพ นี่เป็นยาถอนพิษ ท่านกลืนลงไป"

หานชางเหยียนไม่ได้สงสัยอันใดหรือว่าเขาไม่มีใจคิดเรื่องอื่นเพราะกำลังจะตายแล้วก็เป็นได้จึงยอมกลืนยาเม็ดนั้นโดยดี เมิ่งสืออีรอคอยด้วยใจร้อนรน นางไม่กล้าขยับไปที่ใดได้แต่โอบร่างของเขาเอาไว้ท่ามกลางศพที่นอนตายเกลื่อนพื้น

ชีวิตนี้นางไม่เคยต้องหวาดกลัวสิ่งใด ทว่าตั้งแต่ได้พบกับหานชางเหยียนความน่ากลัวและความทรมานในโลกนี้ที่มีนางได้ประสบพบเจอมาทั้งหมดและเกือบจะทำให้นางกลายเป็นหญิงวิปลาศไปแล้ว

เดิมทีเมิ่งสืออีเป็นคนเชื่อในพระพุทธองค์ คิดว่าคนที่ทำดีย่อมได้ดีตามคำกล่าวสั่งสอนแต่ยามนี้นางรู้สึกสงสัยในคำสอนอยู่หลายครั้ง

 นางไม่เคยร้ายกับผู้ใดแต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้าม กระนั้นในเวลานี้นางก็ยังสวดอ้อนวอนขอให้ยานี้ช่วยชีวิตหานชางเหยียนได้ นางยังขอให้เขาปลอดภัย เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเกราะคุ้มกันภัยให้ครอบครัวของนางได้

หนึ่งก้านธูปต่อมาหานชางเหยียนจึงได้ลืมตาขึ้น เมิ่งสืออีดีใจจนร้องไห้ออกมา

"หานชางเหยียนท่านฟื้นแล้ว"

เมื่อนางกล่าวจบคำหานชางเหยียนก็ไอรุนแรงแล้วกระอักเลือดสีดำออกมาคำโต ดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะยังไม่รันทดเพียงพอเมื่อจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงของหมาป่าหอนดังสนั่น หานชางเหยียนที่พ่นเลือดออกมาจนหมดคล้ายเขาจะมีแรงขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยว่า

"ต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นสัตว์ป่าจะออกมาแทะศพ และพวกมันจะสนใจสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้มากกว่าศพพวกนั้น"

เมิ่งสืออีกลัวจนร่างเย็นเฉียบ แต่นางก็ยังฝืนพูดออกมา

"ท่านลุกไหวหรือไม่"

หานชางเหยียนพยักหน้าเขารวบรวมกำลังและปล่อยให้นางช่วยประคองลุกขึ้นยืนสำเร็จจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินช้า ๆ เสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้น เมิ่งสืออีตกใจเสียงฟ้าผ่าที่ดังอยู่ใกล้ ๆ จนเผลอหวีดร้องและกอดเขาแน่น เขาไม่ผลักนางออกคงเพราะไม่มีแรง

ฝนตกลงมาอย่างหนักเมิ่งสืออีกลัวว่าหานชางเหยียนจะไม่สบายนางจึงยอมสละเสื้อคลุมกันฝนของตนเองให้เขาสวม ส่วนตัวเองยอมตากฝนหนาวจนฟันกระทบกันดังกึก ๆ  มือและเท้าของนางยังเย็นเยียบยังบังเกิดอาการชาและรู้สึกเหมือนร่างกายจะหลุดออกเป็นชิ้น ๆ

หานชางเหยียนใกล้จะไม่ได้สติแล้ว แม้ตอนนี้พิษจะถูกกำจัดออกไปแล้วแต่ก็ยังเหลือตกค้างหานชางเหยียนยังได้รับบาดเจ็บจากแผลที่ถูกธนูยิงและแผลจากดาบที่ไหล่เป็นทางยาวอีกหนึ่งแผลเขาจึงบังเกิดอาการไข้ขึ้น

ในเวลานั้นนั่นเองที่พวกเขาพบรถม้าคันหนึ่ง เมิ่งสืออีไม่แน่ใจว่าเป็นมิตรหรือศัตรูแต่หานชางเหยียนได้ยินเสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นเขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"พวกเรารอดแล้ว นั่นอาเจาลูกน้องของข้า"

ฉับพลันก็มีสุนัขตัวใหญ่วิ่งเข้ามาหาหานชางเหยียนพร้อมกับเด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดทหารของแคว้นลู่ แต่ว่าเป็นคนที่เมิ่งสืออีไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

"หัวหน้า ข้าพบท่านแล้วข้าพบท่านแล้ว เพราะฝนตกทำให้กลิ่นของท่านหายไปยากแก่การติดตามข้าขอโทษ อ๊ะ หัวหน้าท่านได้รับบาดเจ็บ"

หานชางเหยียนบัดนี้ไม่มีแรงแม้จะตอบคำ และพร้อมที่จะทิ้งร่างลงบนพื้นตลอดเวลา

"หัวหน้า!"

เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเมิ่งสืออีรีบเข้ามาประคองหัวหน้าของตนเองขึ้นรถม้าเมิ่งสืออีตามขึ้นมาในรถ

เมื่อเห็นเขาชัดเจนจากแสงตะเกียงในรถม้าเช่นนี้ก็ทำให้นางตกใจยิ่งนักเพราะใบหน้าของหานชางเหยียนนั้นขาวเหมือนคนตายและเสื้อผ้าของเขาแม้ไม่ได้เปียกฝนแต่กลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใดบ้าง

เด็กหนุ่มเองก็ดูตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย เมิ่งสืออีจึงเอ่ยว่า

"เขาถูกธนูอาบยาพิษยิงเข้าไปที่ไหล่ แต่ข้าให้ยาถอนพิษแก่เขาแล้ว ยาของข้าเป็นยาวิเศษถอนพิษได้สารพัดเจ้าไม่ต้องห่วง"

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มงดงามคงเพราะเขายังโตไม่เต็มที่ใบหน้านี้จึงงดงามมากกว่าหล่อเหลา เขาประสานมือมองนางด้วยสายตาซาบซึ้งใจ

"ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยหัวหน้าของข้าเอาไว้ แต่ข้าทำแผลไม่เป็นท่านจะช่วยเขาทำแผลหรือไม่ ข้าจะออกไปขับรถม้าพวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ ยาและผ้าพันแผลอยู่ตรงนี้ อ้ะ อยู่ตรงไหนนะ"

เด็กหนุ่มค้นข้าวของในรถม้าครู่หนึ่งก่อนจะส่งให้นาง เมิ่งสืออีรับมามือของนางยังสั่นด้วยความหนาว

"อ้อ พี่สาวคงเป็นฮูหยินของหัวหน้า เช่นนั้นก็ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะขอรับ ส่วนท่านก็ถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกเถิด เปียกหมดแล้วไม่ต้องห่วงข้าเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ท่านคือฮูหยินของหัวหน้าก็คือหัวหน้าของข้าด้วย ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิต"

เมิ่งสืออียอมรับว่ารู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน เด็กหนุ่มคนนี้บอกจะปกป้องนางด้วยชีวิตแต่หัวหน้าของเขากลับพาอนุหนีไปอย่างไร้เยื่อใย และหากนางไม่เดินมาจนถึงที่นี่เขาอาจจะลืมไปแล้วก็เป็นได้ว่าได้ทิ้งสตรีนางหนึ่งเอาไว้ในป่า

ว่าแต่ว่าอนุของเขาหายไปที่ใดกัน

"น้องชาย เดี๋ยวก่อน"

"พี่สาวพวกเราไม่อาจช้าได้ ค่อยคุยกันนะขอรับ"

แม้ว่าเมิ่งสืออียังมีเรื่องอยากถาม แต่เด็กหนุ่มไม่ฟังนางเขารีบออกไปขับรถม้าอย่างรวดเร็ว เมิ่งสืออีจึงได้แต่หันมามองหานชางเหยียนพร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา

ฝนยังตกหนักแต่รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัว นางมีเรื่องสงสัยมากมายแต่คงต้องรีบช่วยหานชางเหยียนเสียก่อน

เมิ่งสืออีใบหน้าแดงก่ำหลังจากถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนเหลือเพียงกางเกงตัวในตัวเดียว ร่างกายของหานชางเหยียนร้อนมากราวกับทะเลเพลิง แต่ร่างของนางกลับเย็นยิ่งกว่าก้อนน้ำแข็ง

ในนี้ไม่ได้มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนแต่มีผ้าห่มอยู่หนึ่งผืนที่พอช่วยคลายหนาวได้

 เมิ่งสืออีไม่มีทางเลือกในที่สุดนางก็จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของตนเองออกจนหมดก่อนจะหนาวตาย นางห่มผ้าห่มปิดบังเนื้อขาวเนียนของตนเองแต่ความหนาวกลับไม่บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย กระนั้นก็ยังฝืนทนทำแผลให้หานชางเหยียน

เมิ่งสืออีพอมีวิชาแพทย์อยู่บ้างเพราะเคยช่วยท่านแม่ดูแลทหารที่บาดเจ็บจากสงครามอยู่หลายครั้ง แม้ว่าแผลของหานชางเหยียนจะลึกเพราะหานชางเหยียนใช้มีดคว้านลูกดอกธนูออกมาแต่นางก็ยังสามารถเย็บแผลได้อย่างเรียบร้อยราวกับท่านหมอเทวดาผู้หนึ่ง

แน่นอนว่านางมีฝีมือในการปักเย็บไม่ว่าจะแผลแบบใดนางก็ทำให้งดงามได้ทั้งนั้น

ร่างกายของหานชางเหยียนยังร้อนอย่างน่าตกใจ คงเป็นเพราะไอเย็นที่แผ่ออกจากร่างของนาง มือแข็งแรงคู่นั้นจึงรั้งร่างของนางไปกอดเอาไว้แนบแน่น หัวใจของเมิ่งสืออีเต้นระรัวนางขยับตัวหนีแต่เขากลับเอ่ยว่า

"เจ้าเป็นฮูหยินของข้า"

นางอยากจะถามเขานักว่าไม่รังเกียจนางแล้วหรือ แต่ตอนนี้คนป่วยดูเหมือนจะหลับสบายไปแล้วหลังจากได้กอดตระกองร่างอันเย็นชื้นของนาง ส่วนนางเองก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น แม้ว่าเมิ่งสืออีจะพยายามฝืนตนเองเพียงใดแต่คงเป็นเพราะนางเหนื่อยมากเกินไปในที่สุดนางก็นอนหลับทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปล่าเปลือยในอ้อมกอดของเขา

รุ่งเช้าวันต่อมาเมิ่งสืออีตื่นขึ้นและพบว่าตนเองบัดนี้ถูกบุรุษผู้หนึ่งกักเอาไว้ใต้ร่างของเขา นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเขากล่าวว่า

"ในเมื่อลงทุนถึงเพียงนี้ ข้าจะตอบแทนเจ้าสักหน อย่างไรข้าก็เป็นบุรุษเห็นร่างกายขาว ๆ นุ่มนิ่มของเจ้าข้าก็ย่อมทนไม่ไหว ได้...เช่นนี้พวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอย่างที่เจ้าต้องการ ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตจากนี้จะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก"

หานชางเหยียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและดูแข็งแรงราวกับวัวกับม้า ดวงตาคู่นี้ของเขาเหมือนมีไฟที่พร้อมจะแผดเผาร่างของนางให้มอดไหม้ เมิ่งสืออีส่ายหน้าเมื่อนางเข้าใจโดยพลัน

"ข้าไม่ได้..."

เสียงของนางขาดหายลงไปในลำคอเมื่อถูกเขาช่วงชิงจุมพิตอย่างเร่าร้อน หานชางเหยียนกำลังคิดว่านางยั่วเขา เพราะนางกอดเกยเขาในขณะที่ร่างกายเปล่าเปลือย ถึงอยากจะขัดขืนแต่นางก็ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย สัมผัสของเขาทำให้นางไร้เรี่ยวแรงวาจาของเขาทำให้นางหมดกำลังจะต่อต้าน

"เจ้าอยากให้ข้าคุ้มครองบิดามารดา เจ้าอยากมีสถานะเป็นฮูหยินแม่ทัพ ข้าทำเพื่อตอบแทนเจ้า แต่แค่ฐานะเท่านั้น มิใช่ความรัก"

ถ้อยคำของเขาทำให้นางเจ็บช้ำ แต่กระนั้นนางก็ยังถูกสัมผัสของเขายั่วเย้า นางเจ็บไม่พอใช่หรือไม่จึงได้เป็นเช่นนี้ เมิ่งสืออีเกลียดตนเองเหลือทนแล้ว และยิ่งเกลียดเมื่อนางได้พบความจริงที่กำลังตบหน้าอย่างร้ายกาจ...

นางยังคงรักเขาอยู่...แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะร้ายกาจกับนางเพียงใดก็ตาม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 4

    บทที่ 4 ผู้หญิงจากอนาคต​ เมื่อหลายวันก่อนหิมะแรกของปีได้ตกลงมาเพียงแต่ไม่ตกหนักมากนัก และอ้ายอ้ายก็ได้รับข่าวดี"อ้ายอ้าย หนังสือกลเม็ดการเอาชนะใจชายยอดขายทะลุ10ล้านเล่มแล้วนะ ยังมีสำนักพิมพ์ต่างประเทศติดต่อมาเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ อ้ายอ้ายจ๋า เธอจะกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วได้ยินหรือเปล่า อ้ายอ้าย อ้ายอ้าย"สิ้นเสียงของบรรณาธิการสำนักพิมพ์อ้ายอ้ายก็รู้สึกตื่นเต้นและปวดหน่วงบริเวณหัวใจหนึบ ๆ จากนั้นร่างกายเบาหวิวและเหมือนว่าจะถูกเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ที่กำลังมหาศาลดูดร่างของเธอไปที่ไหนสักแห่งและในชั่วขณะนั้นอ้ายอ้ายก็ได้เห็นภาพบางอย่างเป็นภาพตั้งแต่เธอจำความได้และถูกพ่อแม่เลี้ยงมาด้วยความรักจนกระทั่งพวกท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตอนเธออายุสิบหกปี หลังจากนั้นอ้ายอ้ายก็เริ่มแต่งนิยายหาเลี้ยงตัวเองและทำงานพิเศษสารพัด เรื่องราวของเธอมีแค่นี้นอกจากที่ทำงานพิเศษแล้วก็ไปเรียนและนั่งอยู่หน้าคอมเพื่อแต่งนิยายจากนั้นภาพก็ตัดจบไปอ้ายอ้ายครุ่นคิด ชีวิตที่ผ่านมาของเธอมีแค่นี้จริง ๆ สินะตอนนี้อ้ายอ้ายเห็นตัวเองนอนนิ่งดวงตาเบิกค้างมือยังกำโทรศัพท์แน่น พร้อมกับได้ยินเสียงของบรรณาธิการดังออกมาจากมือถือ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 5

    บทที่ 5 เกิดใหม่​ และนี่เป็นครั้งที่สามที่อ้ายอ้ายรู้สึกว่าตัวเองถูกเครื่องดูดฝุ่นอันใหญ่ดูดอีกครั้ง วิญญาณของอ้ายอ้ายหายเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกันกับเสียงของหมอตำแยทำคลอดที่ร้องขึ้นมา"คลอดแล้วเป็นคุณหนู คลอดแล้วเจ้าค่ะ"สายรกถูกตัดออกพร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่ถูกอุ้มไปชำระล้างร่างกายแล้วห่อในห่อผ้ามงคลสีแดง เด็กน้อยลืมตาขึ้นแล้วมีสีหน้าที่ดูค่อนข้าง งุนงงสีหน้านี้ทำให้หมอตำแยถึงกับมองด้วยความประหลาดใจเด็กคนนี้เกิดมาก็ลืมตาทันใดดวงตากลมโตของนางยังกลอกไปมาแล้วจ้องมองใบหน้าหมอตำแยด้วยความสงสัยหมอตำแยถูกทารกแรกเกิดจ้องมองด้วยดวงตาใสแจ๋วก็รู้สึกใจไม่ดี มิหนำซ้ำเด็กน้อยยังไม่ร้องสักแอะหรือว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติอ้ะ หรือว่า...นางเป็นใบ้!ไม่ได้การแล้วต้องรีบทำให้ร้องไห้ให้เร็วที่สุดในเมื่อเจ้าหัวไชเท้าขาวอวบที่เพิ่งดึงออกมาจากดินด้วยตนเองไม่ยอมส่งเสียง หมอตำแยจึงใช้ฝ่ามือฟาดที่ตูดไปสองที แต่เด็กน้อยยังมองตาแป๋วเหมือนไม่รู้สึกอันใดหมอตำแยเริ่มใจเสีย ฮูหยินคนนี้ไม่ได้รับความโปรดปรานหากว่าบุตรสาวที่คลอดมาเป็นใบ้ชีวิตที่เหลือของนางคงไม่พ้นถูกมอบหนังสือหย่าและจากนั้นไม่ต้องเอ่ยว่าจะมีชีวิตที

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 6

    บทที่ 6 ไร้ญาติขาดมิตร​ อ้ายอ้ายลืมตาดูโลกได้สามวันแล้วแต่อ้ายอ้ายก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครญาติพี่น้องคนใดมาเยี่ยมนางเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านพ่อของตัวเองอ้ายอ้ายก็ไม่เห็นว่าเขาจะโผล่มา อ้ายอ้ายอยากเห็นหน้าเขาคนผู้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้ใจจืดใจดำปานนั้นอ้ายอ้ายสงสารหม่าม้าเหลือเกินอยากจะพูดปลอบโยนให้หม่าม้าสบายใจแต่เพราะอ้ายอ้ายยังเป็นเด็กแรกเกิดถึงแม้ว่าจะมีหัวใจเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่อาจฝืนร่างกายที่อ่อนแอและต้องการพักผ่อนเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการตามประสาเด็กเกิดใหม่ออกมาได้ ดังนั้นทั้งวันทั้งคืนของอ้ายอ้ายก็คือการนอนและตื่นตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นอ้ายอ้ายแม้จะยังเป็นทารกแต่ก็มีเรื่องที่ชอบที่สุดแล้ว นั่นก็คือตอนนี้อ้ายอ้ายชอบเพ่งมองใบหน้าสวย ๆ ของหม่าม้ามากเป็นพิเศษ อ้ายอ้ายอยากจะพูดคุยกับหม่าม้าแต่ว่าดูเหมือนว่าร่างกายจะยังไม่พร้อมแม้อยากจะส่งเสียงแต่ก็เป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่เปล่งออกมาเท่านั้น พอพยายามพูดมากอ้ายอ้ายก็เหนื่อยจนหลับอีกแล้วอ้ายอ้ายกินไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่เพราะว่าน้ำนมของหม่าม้ายังมาน้อยนักจึงทำให้อ้ายอ้ายตื่นขึ้นมาบ่อยครั้ง แล

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 7

    บทที่ 7 บุตรสาวของข้า​"ลูกของข้าเจ้าจะพาไปไหนไม่ได้"อ้ายอ้ายได้ยินเสียงนั้นพร้อมกับท่าทางตกอกตกใจของมารดานางก็เข้าใจได้โดยพลันว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือผู้ใด ในใจของอ้ายอ้ายคิดแค้นเคืองนัก นี่หรือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเขาทักทายคนที่เป็นภรรยาหลวงที่ไม่ได้เจอกันมานานแบบนี้หรือช่างน่าชังนัก นางอยากจะหยุมหัวผู้ชายคนนั้นจริง ๆแม้จะง่วงเพียงใดอ้ายอ้ายก็ยังก่นด่าออกมา"อ้า อ้า อ้อ อ้อ..."หานชางเหยียนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็พลันรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งทำให้เขาอยากเห็นใบหน้านั้นทว่าเขากลับไม่กล้าขยับบุรุษร่างสูงมองแผ่นหลังของเมิ่งสืออีที่ยังนั่งหันหลังให้เขา พร้อมกับบังร่างทารกเอาไว้อย่างหวงแหนไม่ยอมให้เขาได้เห็นหน้าจึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กดข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้"ลูกสาวข้า ให้ข้าดูนางหน่อย"เมิ่งสืออีทั้งโกรธทั้งแค้นนางหันมามองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว สายตาของคนสองคนพลันประสานกันท่ามกลางปุยหิมะที่พัดเข้ามา หานชางเหยียนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในเนตรคู่งาม แต่เขากลับแสร้งไม่รับรู้"อย่ามายุ่งกับลูกของข้า อากาศเย็นมากเปิดประตูลมหนาวเข้ามาลูกของข้าจะไม่สบาย "ไฉไฉที่เพิ่งได้สติจึงขย

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 8

    บทที่ 8 ลู่ลี่ผู้อ่อนหวาน"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ได้ยินลู่ลี่หรือไม่ ได้ยินเสียงของเด็กร้องอีเจี่ยเอ๋อร์ไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ ลู่ลี่พาหมอมาด้วยให้ตรวจร่างกายเสียหน่อยดีหรือไม่"น้ำเสียงของลู่ลี่หากฟังเผิน ๆ นั้นช่างอ่อนโยนหวานใสจนทำให้อ้ายอ้ายอยากจะเห็นหน้านักว่านางจะมีใบหน้าอย่างไร ทว่าในใจของอ้ายอ้ายนั้นกลับยิ่งรู้สึกรังเกียจเมิ่งสืออีตะโกนดังลั่นให้เสียงของตนเองดังลอดออกไปด้านนอก"ลู่ลี่ เจ้าหุบปากอย่ามารบกวนบุตรสาวข้า"ลู่ลี่ที่อยู่ภายนอกย่อมได้ยินเสียงอย่างชัดเจน นางกำหมัดแน่นก็แค่เชลยไร้ค่าผู้หนึ่งกล้าดีอย่างไรมาสั่งให้นางเงียบ ลู่ลี่กำลังจะอ้าปากเอ่ยคำแต่นางกลับโดนแม่นมของตนเองจับมือเอาไว้ทั้งส่ายหน้า"คุณหนู อย่าเจ้าค่ะ"ลู่ลี่ฮึดฮัดขัดใจแต่นางก็เชื่อฟังแม่นมของตนเองอยู่มาก นั่นเป็นเพราะคำสอนของแม่นมจึงทำให้นางคว้าหัวใจของหานชางเหยียนเอาไว้ได้ นางจึงได้แต่เงียบเสียงทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวที่ไร้พิษภัยด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอ้ายอ้ายจำได้ว่าฮูหยินรองเป็นงูพิษจึงถ่มน้ำลาย ทั้งค่อนขอดในใจเสแสร้งดัดจริต อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่เหมือนผู้ชายคนนั้น เพ้ย!คิดดังนั้นก็ปล่อยเต้าของหม่าม้าออกจ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 9

    บทที่ 9 ท่านลุงผู้ใจดี"ไยข้าจะมาไม่ได้เล่า ข้ากับหานชางเหยียนเป็นสหายรักกันเจ้าไม่รู้หรือ"ไฉไฉไม่ได้ฝันไปจริง ๆ คุณชายรูปงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงบัดนี้ยืนอยู่เบื้องหน้านางแล้วคุณชายฮวาผู้นี้มาจากตระกูลบัณฑิตมีบิดาเป็นท่านเจ้ากรมสำนักศึกษา มารดาเป็นยอดอาจารย์หญิงที่สั่งสอนองค์หญิงในวังหลวง ส่วนเขาคือบัณฑิตมากความสามารถที่เก่งรอบด้านที่สุดผู้หนึ่งด้วยใบหน้างดงามดุจเทพเซียนและความสามารถด้านการบรรเลงเพลงพิณและเขียนพู่กันของเขาที่นับว่าเป็นยอดปรมาจารย์ทำให้มีสตรีน้อยใหญ่ต่อแถวกันถึงสามช่วงถนนเพื่อหมายแต่งงานกับเขา ทว่าเขากลับรักอิสรเสรีและยังเจ้าสำราญจึงไม่ยินยอมแต่งกับผู้ใด นามของเขาคือ 'ฮวาซานเหริน'ไฉไฉเคยเห็นเขาในภาพวาดที่มีคนวาดขายในเมืองหลวงอยู่หลายครา แต่นางไม่เคยเห็นตัวจริงของเขามาก่อน เพราะเขาเป็นคนที่หาตัวยากนักไปมาไร้ร่องรอย แต่เพราะความโดดเด่นอันยากที่จะลืมเลือนของเขาเพียงนางเห็นใบหน้านี้ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือผู้ใดเขาปล่อยให้ไฉไฉดื่มด่ำกับใบหน้าของเขาครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยว่า "ในนี้มีตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นของชางเหยียนที่เตรียมเอาไว้ให้ฮูหยิน พรุ่งนี้ก็ไปไถ่ของที่จำนำ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 10

    บทที่ 10 ข้าไม่เชื่อ​ หลังจากฮวาซานเหรินกลับไปแล้วเขามิได้ไปหาแม่นางคนงามอย่างที่บอกกับหานชางเหยียน ทว่าสองเท้าของฮวาซานเหรินกลับมุ่งตรงกลับเรือนของตนเองทันใด เมื่อไปถึงเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคานั่งดื่มสุราใต้แสงจันทร์เพียงลำพังทว่าสายตากับจดจ้องไปยังเรือนข้าง ๆเรือนหลังนั้นแสงตะเกียงยังไม่ดับมืด เขาจึงเห็นเงาสตรีนางหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะให้นมบุตรสาดส่องออกมาพร้อมกับได้ยินน้ำเสียงแผ่วหวานของนางพูดคุยกับบุตรสาวไม่หยุดฮวาซานเหรินมองเงานั้นด้วยหัวใจสงบ เด็กน้อยคนนั้นมักจะตื่นขึ้นกลางดึกเสมอคงเป็นเพราะหิวและยังไม่ยอมนอนจนต้องให้มารดากล่อมอย่างยากลำบากในทุกคืนเพียงแค่เงาของสองแม่ลูกที่เขาเห็นฮวาซานเหรินก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก น่าเสียดายที่คนเป็นพ่ออย่างหานชางเหยียนนั้นกลับไม่เคยสนใจความอบอุ่นนี้เลยแม้แต่น้อย คิดดังนั้นฮวาซานเหรินก็ได้แต่ทอดถอนหายใจด้วยความสงสารสองแม่ลูกอยู่เพียงลำพังด้านหานชางเหยียนเขามิได้กลับไปนอนยังเรือนของลู่ลี่ เขาตรงมายังห้องหนังสือแล้วดื่มสุราต่อ ทุกคำพูดของฮวาซานเหรินยังก้องอยู่ในหูของเขาในช่วงเวลาที่เขาออกรบนั้นเมิ่งสืออีได้รับความลำบากมากมายเพียงใดเขาไ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 11

    บทที่ 11 ย้ายบ้าน​ ยามเว่ย[1]วันต่อมาหานชางเหยียนก็มารับเมิ่งสืออีเพื่อย้ายไปยังเรือนหลังใหม่ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งเรือนหลังนั้นคือหนึ่งในเรือนรับรองของจวนสกุลฮวาที่หานชางเหยียนขอเช่าชั่วคราว เพราะสกุลฮวาเป็นสกุลบัณฑิตในแต่ละปีมีผู้เดินทางมาเพื่อร่ำเรียนกับบิดาของฮวาซานเหรินไม่น้อย คุณชายที่มาล้วนเป็นคนมีฐานะสูงส่งจากหลายเมืองหลายแคว้น สกุลฮวาจึงมีเรือนมากมายเพื่อรับรองแขกเหล่านี้แทนที่จะให้คุณชายผู้สูงศักดิ์พักที่โรงเตี๊ยมเมิ่งสืออีไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องบุตรสาวนางจึงอุ้มเด็กน้อยด้วยตัวเองและปล่อยให้ไฉไฉประคองเดินอ้ายอ้ายเพิ่งกินนมอิ่มนางลืมตานอนเล่นอยู่ครู่หนึ่งก็หลับไปอีกแล้วจึงไม่รู้ว่าบัดนี้ท่านพ่อของตนได้มารับท่านแม่ไปที่เรือนหลังใหม่หานชางเหยียนรอนางอยู่ที่หน้าประตูเมื่อเดินออกมาเมิ่งสืออีจึงเห็นว่าเขาพาลู่ลี่มาด้วย ลู่ลี่ทำความเคารพนางอย่างมีมารยาท เมิ่งสืออีมองด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับลู่ลี่ไร้ตัวตนในสายตาของนางลู่ลี่กำมือแน่นและกำลังอดทนไม่แผดเสียงดังด้วยความเกลียดชังออกไปหากไม่มีเมิ่งสืออีแม้นางจะแต่งเข้าจวนในนามฮูหยินรองแต่นางก็ย่อมเป็นหนึ่งในจวนนี้ กระนั้น

    Last Updated : 2025-04-15

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 49

    บทที่ 49 เด็กน้อยผู้วิเศษหานชางเหยียนเจ็บจนสะดุ้งและด้วยความตกใจในเวลานั้นเขาก็ปล่อยเมิ่งสืออีจนร่างของนางหล่นลงไปกองลงพื้นเมิ่งสืออีตะเกียกตะกายหายใจอย่างแรง นางคิดว่านางจะตายไปแล้วเสียอีกมีดยังปักคาเท้าของหานชางเหยียน เมื่อหม่าม้าเป็นอิสระอ้ายอ้ายผวาเข้าไปหามารดาที่กองอยู่บนพื้นและเมิ่งสืออีก็โอบกอดบุตรสาวเอาไว้ทันใดหานชางเหยียนจ้องมองสองแม่ลูกด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาก้มลงไปดึงมีดออกจากเท้า แม้อ้ายอ้ายจะมีแรงน้อยแต่เมื่อสักครู่นางออกแรงสุดชีวิตเพื่อปักมีดลงไปที่เท้าจึงทำให้หานชางเหยียนได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อยหานชางเหยียนยิ้มประดุจคนบ้า ชี้มีดสั้นไปที่พวกนางเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ลูกอกตัญญู ข้าน่าจะบีบคอให้เจ้าตายไปเสีย ไม่ต้องเกิดมาทำให้ข้าเจ็บปวดใจเช่นนี้”หานชางเหยียนคิดจะสั่งสอนสองแม่ลูกด้วยโทสะ ทว่าธนูดอกหนึ่งก็พลันพุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องเอนกายหลบทันใดหานชางเหยียนดึงกระบี่ออกมาปัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหาเขาอีกหลายลูกจากนั้นก็ตั้งรับกระบี่จากบุรุษชุดขาวที่โถมฟันลงมาอย่างรุนแรงเป็นฮวาซานเหรินฮวาซานเหรินเอ่ยเสียงรัวเร็ว“อาเจาพาสืออีกับอ้ายอ้ายออกไป”หม่าเจาติดตามฮวาซานเหรินมาพร้อมก

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 48

    บทที่ 48 ลูกเนรคุณหานชางเหยียนคิดว่าเมิ่งสืออีกำลังหึงหวง เขาจึงหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างมีความสุข ที่แท้การที่นางไม่กลับมาเพราะว่าสตรีนางนั้นจริง ๆ"หากเจ้าไม่ชอบลู่ลี่ ข้าจะกำจัดนางให้พ้นทาง ให้สตรีนางนั้นเป็นบ่าวรับใช้ของเจ้า หรือว่าให้ตายไปให้พ้นสายตา เจ้าอยากได้สิ่งใดข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่าง ดีหรือไม่ ต่อไปเจ้าอยู่ในจวนกับลูก ไม่ต้องพบเจอผู้อื่นที่จะทำให้เจ้าลำบากใจ ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าให้ดีที่สุด ข้าจะให้เจ้ามีอาภรณ์สวยงาม เงินทองมากมาย และให้เจ้าคลอดบุตรให้ข้ามาก ๆ ครอบครัวของพวกเราจะมีความสุข สืออีอยู่กับข้าดีที่สุดใช่หรือไม่"เมิ่งสืออีถึงกับนิ่งอึ้งไป มือของนางที่จับอ้ายอ้ายเอาไว้กำแน่น"แม้แต่ลู่ลี่ที่ทุ่มเทเพื่อเจ้าเพียงนั้น เจ้ายังกล้าคิดเช่นนี้กับนาง ได้อย่างไร หานชางเหยียน เจ้าทำได้อย่างไร"หานชางเหยียนยักไหล่ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาคิดและกระทำนั้นคือสิ่งผิด"นางคือตัวหายนะ ทำให้ครอบครัวของพวกเราแตกแยกทำให้เจ้าหนีไปจากข้าทั้งยังพาอ้ายอ้ายไปด้วย ลู่ลี่ยังทำสิ่งชั่วร้ายมากมายนางหักหลังบิดาได้ก็หักหลังข้าได้เช่นกัน ดังนั้นงูพิษเช่นลู่ลี่ ข้าไม่อาจเก็บไว้ข้างกายได้อีก"เมิ่งสือ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 47

    บทที่ 47 ลักพาตัวและแล้วก็มีเรื่องด่วนเกิดขึ้น เมื่อโรงเลี้ยงม้าเกิดโรคระบาดอย่างหนักจนทำให้ม้าล้มตายไปนับหมื่นตัวภายในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้ถูกถวายฎีกาอย่างเร่งด่วนและทำให้ฝ่าบาทต้องเรียกประชุมขุนนางแม้ว่าจะเป็นเวลายามดึกแล้ว“เกิดเรื่องได้อย่างไร”ฝ่าบาททรงพิโรธยิ่งนักที่กองงานทหารม้าปล่อยปละละเลยถึงเพียงนี้หัวหน้าหน่วยกองงานทหารม้ารีบคุกเข่ารายงาน“เมื่อสองเดือนก่อนมีม้าเพียงไม่กี่ตัวที่เกิดล้มป่วยที่หน่วยเพาะพันธุ์ม้าศึกเวลานั้นได้มีการแยกม้าป่วยออกไปรักษาอย่างเข้มงวดแต่คาดไม่ถึงว่าภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็เกิดมีม้าล้มตายเป็นจำนวนมากและยังตายติดต่อกันทุกวันบัดนี้เสียชีวิตนับหมื่นตัวภายในพริบตา โรคม้าชนิดนี้เป็นโรคใหม่ที่ไม่เคยพบจึงยากที่จะควบคุมพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจะบอกข้าว่าไม่รู้ถึงสาเหตุที่เกิดโรคระบาดหรือ”ทุกคนล้วนอึกอัก กระทั่งหานชางเหยียนที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่จำเป็นต้องออกหน้า เรื่องนี้เป็นเพราะความผิดพลาดของเขาเองที่เมื่อได้รับรายงานแล้วก็ละเลยด้วยคิดว่าการล้มป่วยไร้สาเหตุของม้าไม่กี่ตัวจะทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายได้เพียงนี้เขาคุกเข่าลงรับผิดและเอ่ยว่า“ฝ่าบาททั้งหมดเ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status