Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-04-15 15:41:29

บทที่ 6 ไร้ญาติขาดมิตร

อ้ายอ้ายลืมตาดูโลกได้สามวันแล้วแต่อ้ายอ้ายก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครญาติพี่น้องคนใดมาเยี่ยมนางเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านพ่อของตัวเองอ้ายอ้ายก็ไม่เห็นว่าเขาจะโผล่มา อ้ายอ้ายอยากเห็นหน้าเขาคนผู้นั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมถึงได้ใจจืดใจดำปานนั้น

อ้ายอ้ายสงสารหม่าม้าเหลือเกินอยากจะพูดปลอบโยนให้หม่าม้าสบายใจแต่เพราะอ้ายอ้ายยังเป็นเด็กแรกเกิดถึงแม้ว่าจะมีหัวใจเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่อาจฝืนร่างกายที่อ่อนแอและต้องการพักผ่อนเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการตามประสาเด็กเกิดใหม่ออกมาได้ ดังนั้นทั้งวันทั้งคืนของอ้ายอ้ายก็คือการนอนและตื่นตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

อ้ายอ้ายแม้จะยังเป็นทารกแต่ก็มีเรื่องที่ชอบที่สุดแล้ว นั่นก็คือตอนนี้อ้ายอ้ายชอบเพ่งมองใบหน้าสวย ๆ ของหม่าม้ามากเป็นพิเศษ อ้ายอ้ายอยากจะพูดคุยกับหม่าม้าแต่ว่าดูเหมือนว่าร่างกายจะยังไม่พร้อมแม้อยากจะส่งเสียงแต่ก็เป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่เปล่งออกมาเท่านั้น พอพยายามพูดมากอ้ายอ้ายก็เหนื่อยจนหลับอีกแล้ว

อ้ายอ้ายกินไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่เพราะว่าน้ำนมของหม่าม้ายังมาน้อยนักจึงทำให้อ้ายอ้ายตื่นขึ้นมาบ่อยครั้ง และทุกครั้งอ้ายอ้ายจะได้ยินเสียงสะอื้นและยังสัมผัสได้ถึงหยดน้ำที่น่าจะไหลออกมาจากดวงตาของหม่าม้าที่กำลังเป็นทุกข์ใจ อ้ายอ้ายพูดไม่ได้จึงได้แต่จับนิ้วเรียวของหม่าม้าเอาไว้แน่น

สู้ สู้ นะหม่าม้า!

ผู้ชายคนนั้นน่าโมโหจริง ๆ อ้ายอ้ายอยากโตไว ๆ จะสอนให้หม่าม้าปั่นหัวให้ท่านพ่อหลงรักและทิ้งเขาไปให้สำนึกคอยดู

ความจริงฮูหยินในจวนใหญ่มักจะมีแม่นมคอยช่วยเลี้ยงดูบุตร แต่เพราะมารดาของอ้ายอ้ายเป็นสตรีที่มาจากสกุลศัตรูจึงถูกรังเกียจชิงชัง

ที่ผ่านมาถึงจะตั้งท้องแต่กลับไม่ได้รับอาหารบำรุงร่างกายจึงทำให้มารดาผ่ายผอมครรภ์เล็กนิดเดียว แต่จากคำของหมอตำแยนั้น อ้ายอ้ายเกิดมาร่างกายสมบูรณ์อ้วนท้วนเห็นชัดว่าสารอาหารที่มารดากินเข้าไปอ้ายอ้ายได้รับมาทั้งหมด

อ้ายอ้ายรู้สึกผิดที่ทำให้หม่าม้าได้รับความลำบาก แต่เอาเถิดอ้ายอ้ายจะชดเชยให้อย่างแน่นอน 

ระหว่างนี้ในใจของอ้ายอ้ายได้เริ่มวางแผนเอาไว้ ต้องขอบคุณความทรงจำอันดีเลิศของอ้ายอ้ายที่ทำให้จดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ได้ ทำให้อ้ายอ้ายพอที่จะมองเห็นช่องทางสร้างโอกาสให้มารดาได้พลิกชีวิต ถึงไม่รู้ว่าจะใช้วิธีการใดแต่อ้ายอ้ายจะค่อย ๆ คิดอย่างรอบคอบและหาทางช่วยหม่าม้าด้วยสมองอันชาญฉลาดของอ้ายอ้ายเอง

หลังจากหลับไปได้ราวหนึ่งชั่วยามอ้ายอ้ายก็ส่งเสียงร้องอ้อแอ้เบา ๆ เมิ่งสืออีเพียงได้ยินเสียงเล็ก ๆ ครั้งเดียวนางก็ลืมตาตื่นระยะนี้นางต้องอยู่ไฟและยังขยับตัวลำบากจึงได้ร้องเรียกให้สาวใช้ไปอุ้มลูกที่นอนอยู่บนที่นอนมาให้นาง

"บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ"

ไฉไฉเข้ามาพร้อมกับถ้วยกระเบื้องสีดำที่ด้านในมีน้ำนมขาวอยู่ในมือ

"ฮูหยินบ่าวได้น้ำนมแพะมาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวอุ่นเรียบร้อยแล้วฮูหยินไม่ค่อยมีน้ำนมคุณหนูก็ตื่นบ่อยสงสัยคงเป็นเพราะกินไม่อิ่ม"

เมิ่งสืออีเอ่ยว่า

"หมอตำแยจัดยาเอาไว้ให้ข้าแล้วเพื่อเพิ่มน้ำนม ยังบอกว่าให้อดทนสักหลายวันหน่อยหากข้าขยันให้อีเจี่ยเอ๋อร์ดูดเต้าไม่นานน้ำนมจะมาเอง"

ไฉไฉวางถ้วยน้ำนมเอาไว้บนโต๊ะตัวเล็กใกล้ ๆ กับเตาผิงไฟด้วยความระมัดระวัง ความจริงที่ไฉไฉไม่อยากให้คุณหนูดื่มนมจากเต้าของฮูหยินเพราะเกรงถันจะเสียทรงและไม่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านอีกจะมีฮูหยินบ้านใดบ้างที่ป้อนนมให้บุตรด้วยตัวเองเช่นนี้

แต่เมื่อคิดดูแล้ว รักษาตัวเองเพื่อชายที่ไม่ได้รักจะมีประโยชน์อันใด เช่นนั้นไฉไฉก็เลยไม่คะยั้นคะยอฮูหยินอีก นางขยับไปอุ้มเด็กน้อยที่ตื่นแล้ว และดวงตากลมโตคู่งามของคุณหนูยังจ้องหน้าไฉไฉไม่วางตา

ไฉไฉยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดูยิ่งนัก 

"คุณหนูคงรู้ว่าฮูหยินลำบาก ตั้งแต่คลอดออกมาวันนั้นบ่าวยังไม่เห็นว่าคุณหนูจะร้องงอแงเหมือนเด็กเล็ก ๆ ทั่วไป เพียงแต่ส่งเสียงอ้อแอ้เบา ๆ เท่านั้น"

เมิ่งสืออียิ้มเล็กน้อย

"ส่งอีเจี่ยเอ๋อร์มาให้ข้าเถิด"

หลังจากรับลูกมานางก็ขยับหันหลังให้ไฉไฉแล้วให้ลูกดื่มนมจากเต้าของตนเองทันที อ้ายอ้ายอ้าปากกว้างงับปลายถันของมารดาเอาไว้แล้วเริ่มออกแรงดูด

เมิ่งสืออีรับรู้ได้ถึงสายธารอุ่นสายหนึ่งกำลังไหลออกจากเต้าของตนเองผ่านไปยังปลายถันเข้าสู่ปากของลูกน้อย ช่างเป็นความรู้สึกที่ละมุนละไมยิ่งนัก

ทุกครั้งที่บุตรสาวดื่มนมก็มักจะจับนิ้วของนางเอาไว้แน่นแล้วดวงตาคู่นั้นก็จับจ้องมาที่ใบหน้าของนางราวกับต้องการจะให้กำลังใจให้นางมีแรงสู้ต่อไป

ไฉไฉเห็นเมิ่งสืออีให้นมลูกด้วยตัวเองอีกแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว

"ไม่ลองให้ดื่มนมแพะสักหน่อยหรือเจ้าคะ"

เมิ่งสืออีส่ายหน้า

"ข้าเชื่อท่านหมอตำแย อดทนอีกสักหน่อยน้ำนมต้องไหลออกมาอย่างแน่นอน เจ้าดูบุตรสาวของข้าสิ แม้จะกินนมไม่ค่อยอิ่มก็ยังไม่ค่อยงอแง อีเจี่ยเอ๋อร์เป็นทารกแรกเกิดยังรู้จักอดทนข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด"

สิ้นคำนี้ของนางเมิ่งสืออีรู้สึกว่ามือเล็กป้อมของบุตรสาวกำมือนางแน่นขึ้น เหมือนจะย้ำว่านางเข้าใจถูกแล้ว เมิ่งสืออีประหลาดใจยิ่งนัก เด็กตัวแค่นี้จะเข้าใจคำที่นางเอ่ยจริงหรือ 

เพราะต้องเป็นแม่คนนางจึงศึกษามาไม่น้อยว่าทารกแรกเกิดขยับตัวได้เล็กน้อย ยังมองไม่ค่อยเห็นและไม่เข้าใจภาษาดังนั้นนางจึงแปลกใจที่เห็นบุตรสาวเป็นเช่นนี้

อ้ายอ้ายดื่มนมไปก็ร้องอืออาในลำคอสลับกันไป วันนี้น้ำนมของมารดาไหลแรงขึ้นถึงแม้จะยังน้อยแต่นางก็รู้สึกว่าตัวเองได้กินเต็มปากเต็มคำกว่าสองวันที่ผ่านมา 

อ้ายอ้ายดื่มนมจนเกลี้ยงเต้าทั้งสองแต่ก็ยังไม่อิ่มเช่นเคยทว่าวันนี้ยังตักตวงได้มากกว่าทุกครั้ง อ้ายอ้ายจึงพยายามอดทนเอาไว้และหลังจากนมหมดเต้าอ้ายอ้ายก็ดวงตาปรือ

ให้ตายเถิดง่วงนอนอีกแล้ว น่ารำคาญชะมัด

ไม่เพียงแต่ง่วงนอนอ้ายอ้ายยังปัสสาวะราด สองสามวันมานี้ล้วนมีแต่เรื่องน่าอาย

ถึงตอนแรกจะอับอายจนอยากตายไปอีกครั้งแต่เพราะสัมผัสของมารดาช่างอ่อนโยนทำให้อ้ายอ้ายรู้สึกเบาสบายตัว ดังนั้นนอกจากมองหน้าหม่าม้าและชอบฟังเสียงหวาน ๆ ของหม่าม้าแล้ว อ้ายอ้ายยังชอบให้หม่าม้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้อีกด้วย

หลังจากเช็ดก้นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บุตรสาวและห่อตัวทารกน้อยจนกลายเป็นซาลาเปาก้อนกลมก้อนหนึ่งแล้วเมิ่งสืออีก็กล่อมให้บุตรสาวนอนด้วยเพลงพื้นบ้านที่มารดาของนางเคยร้องให้ฟังบ่อย ๆ เมื่อตอนสมัยเด็ก ๆ แต่ครานี้ร้องเพลงจบไปรอบหนึ่งแล้วบุตรสาวก็ยังไม่ยอมนอน เมิ่งสืออีจึงได้หันมาพูดคุยกับไฉไฉแทน

ไฉไฉช่วยเมิ่งสืออีเก็บผ้าอ้อมที่เปื้อนใส่ไว้ในตะกร้าหวายจากนั้นก็ส่งนมแพะให้เมิ่งสืออีดื่มแทน

"เช่นนั้นฮูหยินดื่มนมแพะนี่เถิดนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวบ่าวจะไปต้มยาบำรุงพร้อมกับนำอาหารเย็นมาให้ท่าน"

เมิ่งสืออีรับนมแพะไปดื่มจนหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่จะช่วยบำรุงร่างกายของนางแม้จะไม่ชอบแต่เมิ่งสืออีก็พยายามกินทั้งหมดเพื่อบุตรสาว

ไฉไฉมองใบหน้ากลมป้อมของทารกน้อยพร้อมกับเอ่ยเบา ๆ 

"เรื่องชื่อของคุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ จะรอนายท่านหรือเจ้าคะ หากนายท่านไม่สนใจ..."

เมิ่งสืออีตอบว่า

"ยังไม่รีบ เรียกอีเจี่ยเอ๋อร์ไปก่อน จดหมายที่ข้าวานเจ้าไปส่งเรียบร้อยหรือไม่"

ไฉไฉพยักหน้า

"เรียบร้อยเจ้าค่ะ แต่คงอีกนานกว่าจะถึงมือท่านเจ้าเมือง"

"ข้ารู้ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน"

ไฉไฉเอ่ยต่อ

"ฮูหยินที่จวนใหญ่ เรื่องของนายท่าน..."

"ไม่ต้องพูดถึงคนพวกนั้นแล้ว ข้าไม่อยากฟัง ข้าคลอดอีเจี่ยเอ๋อร์ออกมาอย่างปลอดภัยแล้วข้าก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกันอีก"

เมิ่งสืออีไม่อยากฟัง นางรู้สึกว่าตนเองไม่อยากเจ็บช้ำน้ำใจและได้รับความกระทบกระเทือนอันใดอีก

ที่ผ่านมาไม่ว่าจะได้รับความลำบากเพียงใดนางไม่เคยปริปากบ่นหรือตัดพ้อต่อว่าผู้ใด ซ้ำยังยินยอมรับคำดูถูกจากผู้อื่นโดยไม่ตอบโต้นั่นเป็นเพราะว่านางต้องการให้บุตรในครรภ์ของนางคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

หลังจากนี้นางวางแผนเอาไว้แล้ว เมื่อนางแข็งแรงขึ้นนางจะลักลอบพาบุตรสาวจากไปอย่างเงียบ ๆ  เมิ่งสืออีคิดว่าผ่านมานานเพียงนี้แล้ว บิดาและมารดาคงมั่นคงแล้วกระมังนางจึงตัดสินใจคิดหย่าขาดจากสามีและกลับไปที่บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมา เวลานั้นค่อยให้บิดาตั้งชื่อให้หลานสาวด้วยตนเอง

"แต่ว่า...ดูเหมือนว่านายท่านจะไม่ทราบว่าท่านถูกไล่มาอยู่ที่นี่"

เมิ่งสืออียิ้มเย็น

"ข้าบอกแล้วว่าไม่สำคัญ เขากับข้านับแต่นี้ไม่เกี่ยวข้องกัน"

อ้ายอ้ายส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอพยายามดึงให้ตัวเองมีสติถึงแม้ว่าดวงตาปรือแทบจะปิดลงมาแล้วแต่นางก็ยังพยายามฝืนเอาไว้อย่างน่าขัน นั่นเป็นเพราะเรื่องของบิดาที่นางกำลังได้ยินในยามนี้ ตั้งแต่มาอยู่ในโลกใหม่นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าม้าพูดถึงผู้ชายคนนั้น

แต่แล้วอ้ายอ้ายก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงของเย็นขาบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น

"ผู้ใดบอกว่าข้ากับเจ้าไม่เกี่ยวข้องกัน ในเมื่อเจ้าคลอดบุตรสาวให้ข้าเช่นนี้!"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 7

    บทที่ 7 บุตรสาวของข้า​"ลูกของข้าเจ้าจะพาไปไหนไม่ได้"อ้ายอ้ายได้ยินเสียงนั้นพร้อมกับท่าทางตกอกตกใจของมารดานางก็เข้าใจได้โดยพลันว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคือผู้ใด ในใจของอ้ายอ้ายคิดแค้นเคืองนัก นี่หรือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเขาทักทายคนที่เป็นภรรยาหลวงที่ไม่ได้เจอกันมานานแบบนี้หรือช่างน่าชังนัก นางอยากจะหยุมหัวผู้ชายคนนั้นจริง ๆแม้จะง่วงเพียงใดอ้ายอ้ายก็ยังก่นด่าออกมา"อ้า อ้า อ้อ อ้อ..."หานชางเหยียนได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของบุตรสาวก็พลันรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งทำให้เขาอยากเห็นใบหน้านั้นทว่าเขากลับไม่กล้าขยับบุรุษร่างสูงมองแผ่นหลังของเมิ่งสืออีที่ยังนั่งหันหลังให้เขา พร้อมกับบังร่างทารกเอาไว้อย่างหวงแหนไม่ยอมให้เขาได้เห็นหน้าจึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กดข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้"ลูกสาวข้า ให้ข้าดูนางหน่อย"เมิ่งสืออีทั้งโกรธทั้งแค้นนางหันมามองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว สายตาของคนสองคนพลันประสานกันท่ามกลางปุยหิมะที่พัดเข้ามา หานชางเหยียนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่ในเนตรคู่งาม แต่เขากลับแสร้งไม่รับรู้"อย่ามายุ่งกับลูกของข้า อากาศเย็นมากเปิดประตูลมหนาวเข้ามาลูกของข้าจะไม่สบาย "ไฉไฉที่เพิ่งได้สติจึงขย

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 8

    บทที่ 8 ลู่ลี่ผู้อ่อนหวาน"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ได้ยินลู่ลี่หรือไม่ ได้ยินเสียงของเด็กร้องอีเจี่ยเอ๋อร์ไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ ลู่ลี่พาหมอมาด้วยให้ตรวจร่างกายเสียหน่อยดีหรือไม่"น้ำเสียงของลู่ลี่หากฟังเผิน ๆ นั้นช่างอ่อนโยนหวานใสจนทำให้อ้ายอ้ายอยากจะเห็นหน้านักว่านางจะมีใบหน้าอย่างไร ทว่าในใจของอ้ายอ้ายนั้นกลับยิ่งรู้สึกรังเกียจเมิ่งสืออีตะโกนดังลั่นให้เสียงของตนเองดังลอดออกไปด้านนอก"ลู่ลี่ เจ้าหุบปากอย่ามารบกวนบุตรสาวข้า"ลู่ลี่ที่อยู่ภายนอกย่อมได้ยินเสียงอย่างชัดเจน นางกำหมัดแน่นก็แค่เชลยไร้ค่าผู้หนึ่งกล้าดีอย่างไรมาสั่งให้นางเงียบ ลู่ลี่กำลังจะอ้าปากเอ่ยคำแต่นางกลับโดนแม่นมของตนเองจับมือเอาไว้ทั้งส่ายหน้า"คุณหนู อย่าเจ้าค่ะ"ลู่ลี่ฮึดฮัดขัดใจแต่นางก็เชื่อฟังแม่นมของตนเองอยู่มาก นั่นเป็นเพราะคำสอนของแม่นมจึงทำให้นางคว้าหัวใจของหานชางเหยียนเอาไว้ได้ นางจึงได้แต่เงียบเสียงทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวที่ไร้พิษภัยด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอ้ายอ้ายจำได้ว่าฮูหยินรองเป็นงูพิษจึงถ่มน้ำลาย ทั้งค่อนขอดในใจเสแสร้งดัดจริต อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่เหมือนผู้ชายคนนั้น เพ้ย!คิดดังนั้นก็ปล่อยเต้าของหม่าม้าออกจ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 9

    บทที่ 9 ท่านลุงผู้ใจดี"ไยข้าจะมาไม่ได้เล่า ข้ากับหานชางเหยียนเป็นสหายรักกันเจ้าไม่รู้หรือ"ไฉไฉไม่ได้ฝันไปจริง ๆ คุณชายรูปงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงบัดนี้ยืนอยู่เบื้องหน้านางแล้วคุณชายฮวาผู้นี้มาจากตระกูลบัณฑิตมีบิดาเป็นท่านเจ้ากรมสำนักศึกษา มารดาเป็นยอดอาจารย์หญิงที่สั่งสอนองค์หญิงในวังหลวง ส่วนเขาคือบัณฑิตมากความสามารถที่เก่งรอบด้านที่สุดผู้หนึ่งด้วยใบหน้างดงามดุจเทพเซียนและความสามารถด้านการบรรเลงเพลงพิณและเขียนพู่กันของเขาที่นับว่าเป็นยอดปรมาจารย์ทำให้มีสตรีน้อยใหญ่ต่อแถวกันถึงสามช่วงถนนเพื่อหมายแต่งงานกับเขา ทว่าเขากลับรักอิสรเสรีและยังเจ้าสำราญจึงไม่ยินยอมแต่งกับผู้ใด นามของเขาคือ 'ฮวาซานเหริน'ไฉไฉเคยเห็นเขาในภาพวาดที่มีคนวาดขายในเมืองหลวงอยู่หลายครา แต่นางไม่เคยเห็นตัวจริงของเขามาก่อน เพราะเขาเป็นคนที่หาตัวยากนักไปมาไร้ร่องรอย แต่เพราะความโดดเด่นอันยากที่จะลืมเลือนของเขาเพียงนางเห็นใบหน้านี้ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือผู้ใดเขาปล่อยให้ไฉไฉดื่มด่ำกับใบหน้าของเขาครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยว่า "ในนี้มีตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นของชางเหยียนที่เตรียมเอาไว้ให้ฮูหยิน พรุ่งนี้ก็ไปไถ่ของที่จำนำ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 10

    บทที่ 10 ข้าไม่เชื่อ​ หลังจากฮวาซานเหรินกลับไปแล้วเขามิได้ไปหาแม่นางคนงามอย่างที่บอกกับหานชางเหยียน ทว่าสองเท้าของฮวาซานเหรินกลับมุ่งตรงกลับเรือนของตนเองทันใด เมื่อไปถึงเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคานั่งดื่มสุราใต้แสงจันทร์เพียงลำพังทว่าสายตากับจดจ้องไปยังเรือนข้าง ๆเรือนหลังนั้นแสงตะเกียงยังไม่ดับมืด เขาจึงเห็นเงาสตรีนางหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะให้นมบุตรสาดส่องออกมาพร้อมกับได้ยินน้ำเสียงแผ่วหวานของนางพูดคุยกับบุตรสาวไม่หยุดฮวาซานเหรินมองเงานั้นด้วยหัวใจสงบ เด็กน้อยคนนั้นมักจะตื่นขึ้นกลางดึกเสมอคงเป็นเพราะหิวและยังไม่ยอมนอนจนต้องให้มารดากล่อมอย่างยากลำบากในทุกคืนเพียงแค่เงาของสองแม่ลูกที่เขาเห็นฮวาซานเหรินก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก น่าเสียดายที่คนเป็นพ่ออย่างหานชางเหยียนนั้นกลับไม่เคยสนใจความอบอุ่นนี้เลยแม้แต่น้อย คิดดังนั้นฮวาซานเหรินก็ได้แต่ทอดถอนหายใจด้วยความสงสารสองแม่ลูกอยู่เพียงลำพังด้านหานชางเหยียนเขามิได้กลับไปนอนยังเรือนของลู่ลี่ เขาตรงมายังห้องหนังสือแล้วดื่มสุราต่อ ทุกคำพูดของฮวาซานเหรินยังก้องอยู่ในหูของเขาในช่วงเวลาที่เขาออกรบนั้นเมิ่งสืออีได้รับความลำบากมากมายเพียงใดเขาไ

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 11

    บทที่ 11 ย้ายบ้าน​ ยามเว่ย[1]วันต่อมาหานชางเหยียนก็มารับเมิ่งสืออีเพื่อย้ายไปยังเรือนหลังใหม่ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้ให้ ซึ่งเรือนหลังนั้นคือหนึ่งในเรือนรับรองของจวนสกุลฮวาที่หานชางเหยียนขอเช่าชั่วคราว เพราะสกุลฮวาเป็นสกุลบัณฑิตในแต่ละปีมีผู้เดินทางมาเพื่อร่ำเรียนกับบิดาของฮวาซานเหรินไม่น้อย คุณชายที่มาล้วนเป็นคนมีฐานะสูงส่งจากหลายเมืองหลายแคว้น สกุลฮวาจึงมีเรือนมากมายเพื่อรับรองแขกเหล่านี้แทนที่จะให้คุณชายผู้สูงศักดิ์พักที่โรงเตี๊ยมเมิ่งสืออีไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องบุตรสาวนางจึงอุ้มเด็กน้อยด้วยตัวเองและปล่อยให้ไฉไฉประคองเดินอ้ายอ้ายเพิ่งกินนมอิ่มนางลืมตานอนเล่นอยู่ครู่หนึ่งก็หลับไปอีกแล้วจึงไม่รู้ว่าบัดนี้ท่านพ่อของตนได้มารับท่านแม่ไปที่เรือนหลังใหม่หานชางเหยียนรอนางอยู่ที่หน้าประตูเมื่อเดินออกมาเมิ่งสืออีจึงเห็นว่าเขาพาลู่ลี่มาด้วย ลู่ลี่ทำความเคารพนางอย่างมีมารยาท เมิ่งสืออีมองด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับลู่ลี่ไร้ตัวตนในสายตาของนางลู่ลี่กำมือแน่นและกำลังอดทนไม่แผดเสียงดังด้วยความเกลียดชังออกไปหากไม่มีเมิ่งสืออีแม้นางจะแต่งเข้าจวนในนามฮูหยินรองแต่นางก็ย่อมเป็นหนึ่งในจวนนี้ กระนั้น

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 12

    บทที่ 12 ต้องเข้มแข็งรถม้าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เพราะต้องผ่านเส้นทางแคบที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ เมิ่งสืออีเห็นหานชางเหยียนขี่ม้ามาเคียงข้างรถของนางแต่ไม่เห็นลู่ลี่แล้ว "ฮูหยินรองสงสัยจะกลับจวนแล้วเจ้าค่ะ คงแค้นฮูหยินมากที่ไม่ยอมรับคำขอโทษของนาง""ช่างนางเถิด นางเป็นตัวไร้ค่าสำหรับข้าแล้ว"ไฉไฉช่วยเมิ่งสืออีปิดม่านบังตา เพราะคุณหนูใหญ่ตื่นแล้วต้องให้นม ในระหว่างที่เมิ่งสืออีป้อนนมบุตรสาวอยู่นั้น เด็กน้อยก็หูผึ่งตั้งใจฟังน้าไฉกับหม่าม้าพูดคุยกัน อ้ายอ้ายจึงรู้เรื่องที่ลู่ลี่มาคุกเข่าขออภัย และอดทึ่งในความกล้าหาญเข้มแข็งของหม่าม้าไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าหม่าม้าจะทำแบบนั้น หม่าม้าของอ้ายอ้ายเก่งที่สุดด้วยพื้นฐานที่ได้รับการเลี้ยงดูในจวนเจ้าเมือง ชีวิตเกิดมาไม่เคยลำบากและเป็นคนไม่สู้คน ทำให้เมิ่งสืออีมีนิสัยอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อเจออุปสรรคก็เอาแต่ร้องไห้ไม่แม้แต่จะกล้าหาญที่จะปกป้องตัวเอง ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่านิสัยของหม่าม้าจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิด คงเป็นเพราะว่าอ้ายอ้ายกลายมาเป็นลูกสาวของหม่าม้ากระมังอ้ายอ้ายไม่รู้ว่าในอนาคตเนื้อเรื่องจะดำเนินไปตามที่นางได้อ่านมาหรือไม่ แต่เมื่ออ้

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 13

    บทที่ 13 ต้องหนี​ หลายวันต่อมาอาการของเมิ่งสืออีก็ดีขึ้นมากกระทั่งนางสามารถเดินเหินได้สะดวกยิ่งขึ้น แม่นมที่ฮวาซานเหรินช่วยจัดหามาให้นับว่ามีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ด้วยนางผ่านการคลอดบุตรมาแล้วถึงสี่คนและนางยังมาจากสกุลบัณฑิตที่มีความรู้ไม่น้อยวันนี้ฮวาซานเหรินมาเยี่ยมนางพร้อมกับนำของบำรุงร่างกายมาให้ด้วย เมิ่งสืออีกล่าวขอบคุณฮวาซานเหรินอีกครั้งที่ช่วยนางคัดเลือกคนมาเป็นอย่างดี"อย่าเกรงใจไปเลย คนกันเองแท้ ๆ ในเมื่อชางเหยียนไหว้วานและยังเป็นเรื่องของน้องสืออีข้าย่อมให้คนเสาะหาคนที่ไว้วางใจได้มาดูแลเจี่ยเอ๋อร์"เมิ่งสืออีรินน้ำชาให้กับฮวาซานเหรินแล้วเอ่ยต่อ"อย่างไรก็ต้องขอบคุณพี่เหรินที่มีน้ำใจกับสืออี"ฮวาซานเหรินยิ้มบาง "สำหรับพวกเราไม่ต้องมีคำว่าขอบคุณหรือเกรงใจกันแล้วมิใช่หรือ เจ้าคือน้องสะใภ้ของข้าหากข้าไม่ดูแลจะเป็นผู้ใดกันเล่า"เมิ่งสืออีอยากจะพูดคำว่า ก็บิดาของเจี่ยเอ๋อร์อย่างไรเล่า แต่นางก็ยั้งปากเอาไว้เพราะตนเองสาบานแล้วว่าจะไม่พึ่งพาคนผู้นี้อีก เสียงเด็กน้อยหัวเราะอย่างมีความสุขดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ฮวาซานเหรินและเมิ่งสืออีที่นั่งอยู่ไม่ไกลหันไปมองด้วยสายตาอบอุ่นเมื

    Last Updated : 2025-04-15
  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 14

    บทที่ 14 จะมาทำอะไรบ่อย ๆบัดนี้เมิ่งสืออีกำลังนั่งเผชิญหน้ากับหานชางเหยียน บนโต๊ะอาหารเย็นนี้เป็นโจ๊กไก่ฉีกที่ผสมสมุนไพรบำรุงน้ำนม และน้ำแกงไก่ตุ๋นโสมอีกชามใหญ่ ด้วยไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหานชางเหยียนจะกลับมาที่นี่อีกจึงไม่ได้ตระเตรียมอาหารเย็นสำหรับเขาเขาจึงสั่งให้บ่าวนำสุราร้อนมากาหนึ่งพร้อมกับเนื้อแห้งจานหนึ่ง จากนั้นเขาก็มองนางกินอาหารเงียบ ๆ เมื่อเมิ่งสืออีกินโจ๊กหมดชามหานชางเหยียนก็ดื่มสุราไปกาที่สี่แล้วเขาดื่มรวดเร็วราวกับกระหายน้ำ และท่าทางเขาในตอนนี้คล้ายจะมึนเมาไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำสายตาที่มองนางนั้น เมิ่งสืออีไม่กล้าคาดเดาบางครั้งคล้ายจะใส่ใจรักใคร่ บางครั้งก็ดูเหมือนจะจ้องมองนางด้วยสายตาเคียดแค้นและสับสน เมิ่งสืออีถอนใจยาวออกมาคำรบหนึ่งพร้อมกับขมวดคิ้ว "ท่านดื่มสุรามาหลายกาแล้วยังไม่กลับอีกหรือ ข้ามิได้ว่างสนทนากับท่านหรอกนะ"อาหารมื้อเดียวที่ต้องกินร่วมกับเขาในแต่ละวันก็ทำให้นางรู้สึกว่ามากเกินพอแล้ว วันนี้ยังต้องร่วมโต๊ะกับเขาถึงสองครั้งเมิ่งสืออีจึงมีสีหน้าที่เรียกได้ว่าฝืดฝืนเต็มกลืนบัดนี้ความรู้สึกในใจของหานชางเหยียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภาพจำสำหรับเขาที่

    Last Updated : 2025-04-15

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 49

    บทที่ 49 เด็กน้อยผู้วิเศษหานชางเหยียนเจ็บจนสะดุ้งและด้วยความตกใจในเวลานั้นเขาก็ปล่อยเมิ่งสืออีจนร่างของนางหล่นลงไปกองลงพื้นเมิ่งสืออีตะเกียกตะกายหายใจอย่างแรง นางคิดว่านางจะตายไปแล้วเสียอีกมีดยังปักคาเท้าของหานชางเหยียน เมื่อหม่าม้าเป็นอิสระอ้ายอ้ายผวาเข้าไปหามารดาที่กองอยู่บนพื้นและเมิ่งสืออีก็โอบกอดบุตรสาวเอาไว้ทันใดหานชางเหยียนจ้องมองสองแม่ลูกด้วยดวงตาแดงก่ำ เขาก้มลงไปดึงมีดออกจากเท้า แม้อ้ายอ้ายจะมีแรงน้อยแต่เมื่อสักครู่นางออกแรงสุดชีวิตเพื่อปักมีดลงไปที่เท้าจึงทำให้หานชางเหยียนได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อยหานชางเหยียนยิ้มประดุจคนบ้า ชี้มีดสั้นไปที่พวกนางเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ“ลูกอกตัญญู ข้าน่าจะบีบคอให้เจ้าตายไปเสีย ไม่ต้องเกิดมาทำให้ข้าเจ็บปวดใจเช่นนี้”หานชางเหยียนคิดจะสั่งสอนสองแม่ลูกด้วยโทสะ ทว่าธนูดอกหนึ่งก็พลันพุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องเอนกายหลบทันใดหานชางเหยียนดึงกระบี่ออกมาปัดลูกธนูที่พุ่งเข้ามาหาเขาอีกหลายลูกจากนั้นก็ตั้งรับกระบี่จากบุรุษชุดขาวที่โถมฟันลงมาอย่างรุนแรงเป็นฮวาซานเหรินฮวาซานเหรินเอ่ยเสียงรัวเร็ว“อาเจาพาสืออีกับอ้ายอ้ายออกไป”หม่าเจาติดตามฮวาซานเหรินมาพร้อมก

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 48

    บทที่ 48 ลูกเนรคุณหานชางเหยียนคิดว่าเมิ่งสืออีกำลังหึงหวง เขาจึงหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างมีความสุข ที่แท้การที่นางไม่กลับมาเพราะว่าสตรีนางนั้นจริง ๆ"หากเจ้าไม่ชอบลู่ลี่ ข้าจะกำจัดนางให้พ้นทาง ให้สตรีนางนั้นเป็นบ่าวรับใช้ของเจ้า หรือว่าให้ตายไปให้พ้นสายตา เจ้าอยากได้สิ่งใดข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่าง ดีหรือไม่ ต่อไปเจ้าอยู่ในจวนกับลูก ไม่ต้องพบเจอผู้อื่นที่จะทำให้เจ้าลำบากใจ ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าให้ดีที่สุด ข้าจะให้เจ้ามีอาภรณ์สวยงาม เงินทองมากมาย และให้เจ้าคลอดบุตรให้ข้ามาก ๆ ครอบครัวของพวกเราจะมีความสุข สืออีอยู่กับข้าดีที่สุดใช่หรือไม่"เมิ่งสืออีถึงกับนิ่งอึ้งไป มือของนางที่จับอ้ายอ้ายเอาไว้กำแน่น"แม้แต่ลู่ลี่ที่ทุ่มเทเพื่อเจ้าเพียงนั้น เจ้ายังกล้าคิดเช่นนี้กับนาง ได้อย่างไร หานชางเหยียน เจ้าทำได้อย่างไร"หานชางเหยียนยักไหล่ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาคิดและกระทำนั้นคือสิ่งผิด"นางคือตัวหายนะ ทำให้ครอบครัวของพวกเราแตกแยกทำให้เจ้าหนีไปจากข้าทั้งยังพาอ้ายอ้ายไปด้วย ลู่ลี่ยังทำสิ่งชั่วร้ายมากมายนางหักหลังบิดาได้ก็หักหลังข้าได้เช่นกัน ดังนั้นงูพิษเช่นลู่ลี่ ข้าไม่อาจเก็บไว้ข้างกายได้อีก"เมิ่งสือ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 47

    บทที่ 47 ลักพาตัวและแล้วก็มีเรื่องด่วนเกิดขึ้น เมื่อโรงเลี้ยงม้าเกิดโรคระบาดอย่างหนักจนทำให้ม้าล้มตายไปนับหมื่นตัวภายในชั่วข้ามคืน เรื่องนี้ถูกถวายฎีกาอย่างเร่งด่วนและทำให้ฝ่าบาทต้องเรียกประชุมขุนนางแม้ว่าจะเป็นเวลายามดึกแล้ว“เกิดเรื่องได้อย่างไร”ฝ่าบาททรงพิโรธยิ่งนักที่กองงานทหารม้าปล่อยปละละเลยถึงเพียงนี้หัวหน้าหน่วยกองงานทหารม้ารีบคุกเข่ารายงาน“เมื่อสองเดือนก่อนมีม้าเพียงไม่กี่ตัวที่เกิดล้มป่วยที่หน่วยเพาะพันธุ์ม้าศึกเวลานั้นได้มีการแยกม้าป่วยออกไปรักษาอย่างเข้มงวดแต่คาดไม่ถึงว่าภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็เกิดมีม้าล้มตายเป็นจำนวนมากและยังตายติดต่อกันทุกวันบัดนี้เสียชีวิตนับหมื่นตัวภายในพริบตา โรคม้าชนิดนี้เป็นโรคใหม่ที่ไม่เคยพบจึงยากที่จะควบคุมพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าจะบอกข้าว่าไม่รู้ถึงสาเหตุที่เกิดโรคระบาดหรือ”ทุกคนล้วนอึกอัก กระทั่งหานชางเหยียนที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่จำเป็นต้องออกหน้า เรื่องนี้เป็นเพราะความผิดพลาดของเขาเองที่เมื่อได้รับรายงานแล้วก็ละเลยด้วยคิดว่าการล้มป่วยไร้สาเหตุของม้าไม่กี่ตัวจะทำให้เกิดเรื่องราวบานปลายได้เพียงนี้เขาคุกเข่าลงรับผิดและเอ่ยว่า“ฝ่าบาททั้งหมดเ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status