เฉินมู่ผลักเธอออกไป ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยถูกบีบด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เฉินชิงเสวี่ยไม่กล้าหาเรื่องเธออีกต่อไป แต่เธอไม่อยากจากไปด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอจึงเดินไปหา แล้วพูดเสริม “เฉินมู่ ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหน! ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดอย่างเธอหรอก!”“เธอเองก็ไม่ส่องกระจกหรือไงกันนะ! จะมีใครบ้างที่อยากเห็นรอยถลอกบนหน้าของเธอ! รอให้ถึงวันแต่งงานของฉันกับซีเจ๋อก่อน เธอได้ร้องไห้แน่!”เฉินมู่หัวเราะเยาะ “ก็แค่เธอคนเดียวที่ชอบขยะ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเหมือนเธอ การที่เธอเป็นคนยังไง มันมีค่าสำหรับฉันงั้นเหรอ?”หากเป็นเมื่อก่อน แค่ใช้เงินก็สามารถพบเจอฉินมู่ได้ ทว่าเนื้อแท้นั้น ฉินมู่ค่อนข้างจะซ่อนตัวอยู่ในเคโจวและหนานเคอ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอก นับประสาอะไรกับลู่ซีเจ๋อแค่คนเดียว?เฉินชิงเสวี่ยหน้าแดง เธอพยายามรั้งไว้เป็นเวลานานเพียงเพื่อสาปแช่งด่าทอ “น่าเกลียด! ในชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”พูดจบก็รีบวิ่งออกมาทันที ราวกับว่ากลัวว่าเฉินมู่จะทำร้ายเธออีกเฉินมู่ปิดประตู นั่งหน้ากระจก เมื่อพูดถึงเคโจว เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงภารกิจที่ตามหลอกหลอนราวฝันร้ายอ
เฉินมู่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณสามารถกินอะไรก็ได้ อาหารเช้าแบบด่วนที่นี่สดใหม่มาก!”ผลของการมโนธรรมที่ชัดเจนและเที่ยงตรง! พอเจ็ดโมงตรงเรียกคนให้ออกมา มันก็ยังมีร้านที่สะอาดอย่างเคเอฟซีไหมล่ะ?ฮานเฉิงนั่งอยู่ในรถเบนท์ลีย์ด้านนอกประตูร้าน เขารอเจ้านายพลางฟังเสียงหัวเราะของโอวจินทางโทรศัพท์ไปด้วย “นายพูดว่าอะไรนะ? ฮั่วหยุนเซียวทานข้าวกับผู้หญิงเป็นครั้งแรก! แล้วก็กินเคเอฟซีด้วยเหรอ? กินพาอะไรนะ?”“อาหารเช้าพานินี่ ที่มีชีสและซี่โครงหมู...” ฮานเฉิงตอบอย่างเงียบ ๆโอวจินตบโต๊ะ ตะโกนลั่น “ถ้าฮั่วหยุนเซียวกินเสร็จแล้วบอกฉันด้วย! ไอ้อาการแบบนี้ ฉันต้องไปที่บริษัทฮั่วเพื่อหัวเราะเยาะเขาเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ!”ตัดภาพมาที่ร้านอาหาร ฮั่วหยุนเซียวไม่รำคาญ แถมยังถามต่อ “เหตุผลล่ะ”ชายในชุดสูทที่สั่งตัดราคาแพงมากนั่งอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาถูกบังคับให้มาทันใดนั้นเฉินมู่ก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ ฮั่วหยุนเซียวเป็นมังกรในหมู่คน เธอหลอกลวงคนอื่นเพียงครั้งเดียว เท่านั้น แต่เธอไม่สามารถหลอกพวกเขาได้ตลอดเฉินมู่เคี้ยวแฮมในปากของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ พูดอ
ลู่ซีเจ๋อรีบมาทันทีที่ได้ยินและพยุงตัวหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อ! เสวี่ยเอ๋อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เฉินชิงเสวี่ยเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ พี่เขา...ฉันคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าพี่เขาจะตามมาที่นี่...” ลู่ซีเจ๋อมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ อารมณ์ที่ไม่ดีมาตลอดเช้าล้วนถูกระบายใส่เธอจนหมด “เฉินมู่! คุณเป็นคนตอบตกลงที่จะถอนหมั้นเองนะ ตอนนี้คนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดก็คือคุณ! นี่คุณไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยเหรอ! ช่วยละอายแก่ใจหน่อยได้ไหม!”เฉินมู่โมโหจนปวดศีรษะ เธอโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “คุณชายลู่ ฉันแค่นั่งทานข้าวเฉย ๆเองนะคะ จะไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?”ลู่ซีเจ๋อก้าวขายาว ๆ ไปด้านหน้ากำข้อมือของเฉินมู่ไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลำพองใจอยู่บางส่วน “เฉินมู่ อีกนิดผมก็เกือบจะเชื่อเรื่องที่คุณตอบตกลงถอนหมั้นไปแล้วเชียว ดูท่าตอนนี้ คุณมันก็แค่ปรับเปลี่ยนกลอุบายในการก่อเรื่องวุ่น ๆ เท่านั้นเอง!”เขารู้อยู่แล้ว เฉินมู่รักเขามานานตั้งหลายปี จะมาบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบแล้วได้อย่างไร? ที่แท้ก็แค่เล่นละครตบตาให้ตายใจนี่เอง!
ตระกูลลู่ลู่ซีเจ๋อวุ่นวายแต่เช้าตรู่ กว่าจะเกลี้ยกล่อมเฉินชิงเสวี่ยให้ออกไปได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พริบตาถ้วยชาก็กระแทกเข้ากับหน้าผากเขาจนเลือดกระเด็นออกมาอย่างจังลู่ซีเจ๋อที่ถูกกระแทกยังคงมึนงงอยู่และถามอย่างโมโหว่า “พ่อ! นี่พ่อทำอะไรเนี่ย!”“ทำอะไร? ฉันจะฆ่าแกไอ้ลูกไม่รักดี!”ลู่เทาตะโกนด้วยใบหน้าเขียวปั๊ด “กว่าฉันจะได้โปรเจกต์นี้มาได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่มันกลับถูกแกทำลายไปแล้ว! นอกจากแกจะเอาแต่สร้างปัญหาแล้ว แกยังจะมีปัญญาไปทำอะไรได้อีก!”“พ่อ! นี่พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบ“วันนี้แกไปทำอะไรเอาไว้ที่ร้านเซียวเซียงซวนมาล่ะ? แกรู้ไหม เซียวเซียงซวนเป็นร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว! แกกล้าดียังไงถึงไปก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาเขตของตระกูลฮั่ว! แกกลัวว่าพ่อของแกจะอายุยืนใช่ไหม!” ลู่เทาอดกลั้นเอาไว้จนทั้งใบหน้าแดงก่ำไปหมดลู่ซีเจ๋อตะลึงงันไปครู่หนึ่ง อะไรนะ? เซียงเซียวซวนคือร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว? ถ้าอย่างนั้นไอ้เวรนั่นก็เป็นคุณชายรองเหรอ?เขากับเฉินชิงเสวี่ยถึงขั้นตะโกนปะทะฝีปากกับคนคนนั้น แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายโปรเจกต์ใหญ่ของลู่กรุ
ชายชราสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินชิงเสวี่ยพูดเมื่อสักครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวงผู้ใหญ่! แม้แต่ใบหน้าของฮั่วหยุนเซียวเธอก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ!ชายชรารู้สึกเสียหน้า จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเท่านั้น “เสี่ยวมู่รู้ความมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รบกวนเวลางานของเธอใช่ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองเฉินมู่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มชาแวบหนึ่งและขำออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ รู้ความมากจริง ๆ”เฉินมู่สำลักน้ำในปาก คราวก่อนเธอก็ถูกชมว่ารู้ความ หมายถึงแนวคิดคร่าว ๆ ตอนฆ่าคน เธอเลือกที่จะลั่นไกไม่ใช้การต่อสู้แบบประจัญบานน่ะนะ“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ๆ...”ชายชราคิดว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ผิดใจกับตระกูลฮั่ว แบบไหนก็ดีทั้งนั้นฮั่วหยุนเซียวเก็บรอยยิ้มและพูดต่อ “ที่มาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เรื่องอะไร? หยุนเซียว ไหนเธอลองว่ามาสิ” ชายชราถามกลับทันทีฮั่วหยุนเซียวเงยหน้ากวาดตามองเฉินชิงเสวี่ยครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยก็สะดุ้งเฮือก พลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจฮั่วหยุนเซียวรับใบเรียกเก็บเงินมาจากมือของฮานเฉิงและวางมันลงบนโต๊ะดื่มชาหินอ่อนเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย
เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”เฉ
เวลาหนึ่งทุ่มตรง เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้า มัดผมหางม้าโดยไร้ความลังเลหรือเขินอายแม้แต่น้อยเมื่อไม่มีเส้นผมมาปิดบังแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ปรากฎให้เห็นในสายตาอย่างชัดเจนเฉินมู่ไม่สนใจถ้าลู่ซีเจ๋อจะเห็นมัน กลับกันเธอน่ะเป็นคนที่สะอิดสะเอียนเขาด้วยซ้ำ พอได้ของแล้วเธอก็จะกลับเมื่อมาถึงร้านอาหารที่ลู่ซีเจ๋อจองเอาไว้ พนักงานพาเธอเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัว เฉินมู่ไม่ได้มารอลู่ซีเจ๋อ แต่กลับเป็นการมารอเฉินชิงเสวี่ยที่กำลังสวมรองเท้าส้นสูงอยู่เฉินชิงเสวี่ยยิ้มตาหยีให้เฉินมู่ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมะนาวและส่งให้กับเฉินมู่ “พี่คะ รอสักครู่นะ ซีเจ๋อยังอยู่ระหว่างทางอยู่เลย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ที่กำลังจะดื่มน้ำเข้าปาก พริบตาเธอกลับเทน้ำลงบนโต๊ะจนไม่เหลือสักหยดเธอมองเฉินชิงเสวี่ยอย่างเย้ยหยัน “เฉินชิงเสวี่ย ให้ฉันเดา ในน้ำนี่ต้องใส่อะไรไว้ใช่ไหม? เธอจงใจให้ฉันดื่มมัน ทำไมเหรอ อยากให้ฉันอับอายขายขี้หน้าล่ะสิใช่ไหม?”พอละครถูกเปิดโปง กิริยาของเฉินชิงเสวี่ยจึงเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น เธอฉีกยิ้มที่ใบหน้าและกัดฟันพูดว่า “พี่พูดเรื่องอะไรกันคะ ฉันจะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไรกัน?”เฉินมู่หยิบน้ำ
ฮั่วหยุนเซียวกระชับวงแขนกอดเฉินมู่แน่นขึ้นอีกนิด และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบที่โอวจินไม่เคยได้ยินมาก่อน “ผมมาช้าไป”เฉินมู่จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก พลางเอนศีรษะเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะสลบไสลไปในอ้อมแขนของฮั่วหยุนเซียว“โอวจิน!” ฮั่วหยุนเซียวตะโกนเรียกโอวจินรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบทันควัน “แค่หมดสติไปน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”ฮานเฉิงลากประธานจางที่หน้าซีดเผือดให้เดินเข้ามาใกล้ พร้อมถามเสียงนิ่ง “บอสครับ จะจัดการยังไงต่อดี?”ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองประธานจางแวบหนึ่ง แววตาของเขาดำมืดเหมือนคลื่นใต้น้ำ มันลึกจนไม่อาจเห็นก้นบึ้งของความคิดเพียงมองแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ประธานจางตกใจกลัวจนตัวสั่น เจ้าตัวหมอบลงกับพื้นแล้วเอาศีรษะโขกอย่างเอาเป็นเอาตาย “บอสฮั่ว! บอสฮั่ว! ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของท่านนะครับ! ผม...”ฮั่วหยุนเซียวกล่าวเสียงเย็น “ตัดแขน ตัดขาแล้วเอาไปขังคุกซะ”“บอสฮั่ว! บอสฮั่ว!” ประธานจางร้องไห้ฟูมฟาย แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับไม่แม้แต่จะชายตามองเมื่อถึงโรงพยาบาล โอวจินตรวจสอบร่างกายของเฉินมู่อย่างละเอียด พอฉีดยาและพันผ้าพันแผลเสร็จอีกครั้งถึงได้เดินกลับไปที่ห้องทำงานฮั่วหยุนเซียวเบนสายต
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง