แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: เฉียวเหมย
จากนั้นก็ทำท่าทางกระแอมไอออกมาเป็นเชิงเข้าใจสถานการณ์ของเพื่อน “ขอโทษที ผมไม่รบกวนดีกว่า! เชิญพวกคุณทำต่อเถอะ…”

“เฮ้ ไม่ใช่นะ เดี๋ยวก่อนสิคุณ!” เฉินมู่ยังไม่ทันได้คลี่คลายการเข้าใจผิดนั่น โอวจินกลับวิ่งหนีไปไปในพริบตาเสียอย่างนั้น เธอพูดอย่างหมดกำลังใจ “ทำไมคุณถึงไม่เรียกให้เขาหยุด!”

ฮั่วหยุนเซียวคลายมือออก “แก้ออกแล้วล่ะ”

ในที่สุดเฉินมู่ก็ได้รับอิสรภาพ เธอยืนตัวตรงและหวีสางผมให้เรียบ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นบนแก้มขวาของเธอ ฮั่วหยุนเซียวมันมองอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

พลันเฉินมู่ก็แต่งทรงผมปิดรอยแผลเป็น “คุณฮั่ว คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการออกไปทานข้าวข้างนอกกับฉัน ใบหน้าฉันไม่ได้งดงาม หรือเปลี่ยนเป็นให้ของขวัญคุณแทนดีกว่าไหม?”

“แล้วแต่คุณเลย” ฮั่วหยุนเซียวพูด

เฉินมู่ไม่รู้ว่า “แล้วแต่คุณ” ที่เขาหมายถึงคืออะไร ดังนั้นใบหน้าสวยจึงพยักหน้าตอบ “งั้นฉันขอตัวไปก่อนนะ”

ทว่าขณะที่เธอหันกลับไป ชายที่อยู่ข้างหลังก็โพล่งเอ่ยบางอย่างจนเฉินมู่หยุดยืนนิ่งชั่วคราว “คำว่ามู่ ที่มาจากการโค่นล้มสามราชวงศ์ใหญ่อย่างเฉา ฉิน ฉู่ สมัยจ้านกั๋วสินะ”

เฉินมู่ได้แต่คิดในใจ ชื่อของเธอในตอนนี้นั้นดีกว่ามาก ฉินมู่ คนก่อนที่มีความหมายชื่อมาจากสงครามชิงดินแดนสมัยยุคบุกเบิก ควรเหลือเพียง เฉินมู่ ในปัจจุบันก็พอแล้ว

ขาเรียวเดินกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยง แขกทุกคนอยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมดแล้ว ลู่ซีเจ๋อยืนอยู่ข้างบันไดด้วยใบหน้าซีดเซียว เฉินชิงเสวี่ยจับมือเขาด้วยท่าทางเงอะงะ พร้อมยังคงกระซิบปลอบโยนบางสิ่งบางอย่างแก่ชายหนุ่มด้วยเสียงต่ำเบา

เฉินมู่ไม่สนใจพวกเขา แม้สีหน้าจะแสดงออกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เธอแค่ต้องการหาเครื่องดื่มเย็น ๆ มาดับความใจร้อนในใจเธอก็เท่านั้น

ทางด้านคนที่ยังอยู่สวน โอวจินกลับเข้ามาหาเพื่อนสนิทอีกรอบ “คุณเฉินไปไหนแล้วล่ะ?”

“วิ่งหนีไปแล้ว” ฮั่วหยุนเซียวจุดบุหรี่ และยิ้มที่มุมริมฝีปาก โอวจินมองมาที่เขา และถามว่า “นายคงไม่ชอบเธอจริง ๆ ใช่ไหม? นี่นายแสดงออกชัดเจนมากเลยนะ!”

“แล้วนายไปรู้อะไรมา” ฮั่วหยุนเซียวพูด พร้อมสูดควันบุหรี่เข้าปอด

โอวจินสวมแว่นตาสีทองกลับเข้าที่ใบหน้า ก่อนเอ่ย “คุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉินผู้สูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก เป็นเสมือนกระสอบทรายของคนในตระกูลเฉิน แต่ก็มีเรื่องสัญญางานแต่งงานที่วางให้เธอเป็นคู่หมั้นของลู่ซีเจ๋อ พูดง่าย ๆ ก็คู่หมั้นที่หมั้นกันตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่มีบทบาทเยอะสำหรับการแต่งงานเพื่อธุรกิจ!”

ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว เขาเคยวาดภาพตอนที่เฉินมู่อยู่ในบ้านของตระกูลเฉิน แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะพลิกผันมากมายเช่นนี้

เขาทิ้งบุหรี่ครึ่งหนึ่งลงบนพื้น แล้วเหยียบด้วยรองเท้าหนังทำมือ “ไม่มีต่อแล้วเหรอ? แล้วแผลเป็นบนใบหน้าของเธอมาจากไหน?”

โอวจินจิบไวน์แดง แล้วพูดต่อ "ว่ากันว่าตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่น เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เล็ก ๆ น้อย ๆ กับลู่ซีเจ๋อ แถมได้ยินมาอีกว่าเป็นเพราะปกป้องลู่ซีเจ๋อ เลยถูกเศษแก้วบาดทำให้เป็นแผลเป็น”

“ตอนนั้น บังเอิญว่าตระกูลเฉินกำลังเดินทางไปทำธุรกิจ ทำให้เฉินมู่ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และบาดแผลก็ลึกมากจนทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ฉันเห็นแผลนั่นเมื่อวานนี้ รอยแผลเป็นนั่นดูเหมือนแผลเก่าจริงๆ”

“รักษามันได้ไหม?” ฮั่วหยุนเซียวถามอีกครั้ง

โอวจินส่ายหัวตอบ “มันยากที่จะตอบ ต้องดูแผลบนใบหน้าอีกครั้ง รอยแผลเป็นอายุน่าจะสักสองสามปี แต่ฉันแค่เหลือบมองเท่านั้น ยังไม่แน่ใจ”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้าส่งคืน “อืม เข้าไปข้างในกันเถอะ”

ทั้งสองกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะเดินไปที่โซฟาตรงมุมเพื่อนั่งลง ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองดูเฉินมู่ที่ซุกตัวอยู่ในโซฟาพลางจิบน้ำผลไม้ ท่าทีนั่นดูมีเสน่ห์และน่ารัก

เขาคิดในใจว่าหากไม่มีแผลเป็นนั่น ใบหน้าของเธอคงจะเป็นความงามที่ไร้ที่ติ

น่าเสียดายที่หยกอันสวยงามจำต้องซ่อนอยู่ในหินและไม่มีใครสังเกตเห็นสมบัตินี้

โอวจินมองตามสายตาของเขา พลางเอ่ยเสียงเบา "ได้ยินมาว่าพี่น้องสองคนของคุณนายเฉินมีความงามไม่เลวเลยนะ"

ฮั่วหยุนเซียวจิบไวน์แดงในมือ เสียงเข้มตอบเรียบ ๆ "ความแตกต่างระหว่างเมฆกับโคลน"

ทว่าขณะที่ทั้งสองคุยกัน ก็มีร่างหนึ่งเดินเข้าหาคนทั้งคู่เพื่อชวนไปที่ฟลอร์เต้นรำ เฉินชิงเสวี่ยเดินไปที่ฮั่วหยุนเซียวพร้อมแก้วไวน์สีสวย “เป็นการเยี่ยมเยือนที่หายากสำหรับคุณฮั่ว ฉันคิดว่าคุณปู่คงคิดถึงคุณมาก หลังจากงานเลี้ยงจบแล้ว ฉันอยากจะเชิญคุณฮั่วไปทานอาหารค่ำกับคุณปู่ค่ะ คุณคิดว่ายังไงคะ?”

เฉินชิงเสวี่ยคิดว่าคุณปู่ให้ความสำคัญกับตระกูลฮั่วมาก ถ้าเธอและลู่ซีเจ๋อสามารถเอาชนะใจฮั่วหยุนเซียวได้ คุณปู่คงจะเข้าข้างพวกเขาอย่างแน่นอน

ฮั่วหยุนเซียวเหล่ตาของสาวเจ้า พลันเหลือบไปยังด้านเฉินมู่ที่นั่งอยู่ด้วยสายตาที่ขี้เล่นแวบหนึ่ง"อาหารค่ำเหรอ?"

เมื่อเฉินชิงเสวี่ยเห็นการแสดงออกของฮั่วหยุนเซียวเธอก็รู้สึกมั่นใจ

เธอพยักหน้า “ใช่ นี่เป็นเพียงการต้อนรับเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่นานงานเลี้ยงก็จะเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณฮั่วมาที่นี่ ตระกูลเฉินของเราต้องการเลี้ยงต้อนรับคุณเป็นพิเศษเพียงผู้เดียวค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวเอียงศีรษะเพื่อมองเฉินมู่ เห็นเฉินมู่ใช้ปากคาบหลอดอยู่ ก่อนจะมองกลับไปที่เฉินชิงเสวี่ยที่ยืนทำท่าทางแน่วแน่เชิญฮั่วหยุนเซียวไปทานข้าว เรื่องที่โต้เถียงในตอนเที่ยงยังคงค้างคาอยู่ในใจ

แขกที่อยู่รายรอบก็แอบมองมาที่ด้านนี้ เป็นเพราะเฉินชิงเสวี่ยเป็นสาวงามที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวง บวกกับบุคคลิกของฮั่วหยุนเซียวเหมือนไม่เป็นที่ดึงดูดสำหรับผู้หญิงในเมืองปินไห่

ตอนที่เฉินชิงเสวี่ยเชิญฮั่วหยุนเซียวไปทานอาหารค่ำต่อหน้าสาธารณชน ถ้าหากฮั่วหยุนเซียวปฏิเสธมันคงน่าขันมากโข!

ฮั่วหยุนเซียวเอนหลังเล็กน้อย ขาเรียวยาวของเขาหุ้มด้วยกางเกงสูททรงตรงเนื้อดี ริมฝีปากบางของเขาก็เปิดออกเล็กน้อย “มานี่สิ”

เฉินชิงเสวี่ยตกตะลึง รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะผูกพันกับลู่ซีเจ๋ออย่างลึกซึ้ง แต่ฮั่วหยุนเซียวก็มีออร่า เงิน พร้อมความหล่อเหลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด!

เมื่อชายคนนั้นเอนกายลงบนโซฟาอย่างสงบแล้วก็เรียกเธอเข้าไป เธอก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเขินอาย

โอวจินกระแอมจนฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วงง ตาคมมองไปที่เฉินชิงเสวี่ยอีกครั้ง พร้อมยกมือขึ้นเชิงเรียกให้เข้ามา

เฉินชิงเสวี่ยก้าวออกไปพร้อมใบหน้าสวยที่ยกยิ้ม ทว่าไร้แรงดึงดูดสำหรับสายตาของฮั่วหยุนเซียว ชายหนุ่มเหลือบมองเฉินมู่ที่กำลังคาบหลอดอยู่ในปากของเธออีกครั้ง

ฮั่วหยุนเซียวเน้นเสียงเรียก "มานี่สิ"

เฉินมู่กระพริบตา และชี้ไปที่ตัวเอง “ฉันเหรอ?”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า เฉินมู่ก็เดินไปอย่างงุนงง ก่อนถาม "มีอะไรเหรอ?"

“ทานอาหารค่ำไหม?” ฮั่วหยุนเซียวถาม

หลังจากถูกถามด้วยเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ เฉินมู่ก็ส่ายหัว “ไม่ทาน”

ฮั่วหยุนเซียวไม่อารมณ์เสีย เขามองกลับไปที่เฉินชิงเสวี่ยที่ยืนอึ้งอยู่ แล้วตอบว่า “ไม่ทาน”

ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เธออุตส่าห์ชวนเชิญอย่างอ่อนโยนมาเป็นเวลานาน แต่แค่เฉินมู่บอกว่าไม่กินในประโยคเดียวเท่านั้น กลายเป็นว่าทุกอย่างที่พูดมามันไร้ประโยชน์ไปเลยเหรอ?

“คุณฮั่ว ฉัน...”

“มีเรื่องอะไรอีก?” ฮั่วหยุนเซียวตอบเธออย่างไม่พอใจ

เฉินชิงเสวี่ยกลัวจนรีบส่ายหัวไปมา “ไม่...ไม่มีอะไรแล้ว”

เมื่อเฉินมู่ได้ยินว่าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็หันหลังกลับและสาวเท้าเตรียมเดินจากไป หากแต่เฉินชิงเสวี่ยก็ตามไปอย่างเร็ว คนเป็นน้องกัดฟันพูด “เฉินมู่ อย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย!”

เฉินมู่พยักหน้าตอบกลับ “อืม”

“เธอ!”

เฉินมู่ถอนหายใจพูดอย่างจริงจัง “เฉินชิงเสวี่ย เธอต้องการอะไร ถ้าเธอต้องการลู่ซีเจ๋อฉันจะยกให้เธอ และถ้าตอนนี้ฉันจะบอกว่าฉันเย่อหยิ่งในตัวเอง เธอคงจะโกรธมากสินะ?”

“เธอทำตัวแบบนี้ทุกวันไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? เหมือนกับปลาปักเป้าไง ลู่ซีเจ๋อชอบพูดคำนี้หนิ”

“เฉินมู่! เธอว่าใครเป็นปลาปักเป้าห๊ะ!” เฉินชิงเสวี่ยยิ่งโกรธมากขึ้น

เฉินมู่ถอนหายใจ พลางตอบเสียงเนือย “ใครร้อนตัวก็คนนั้นแหละ…”

เฉินชิงเสวี่ยที่โกรธจัดยกเท้าขึ้นเหยียบชายกระโปรงของของเฉินมู่ในพริบตา!

แต่ก็ไม่สามารถทำให้อีกคนขายขี้หน้าได้!

กระโปรงไม่ขยับหลุดเลย...

เสียงฝีเท้าของเฉินมู่หยุดลง หันไปจ้องที่เฉินชิงเสวี่ยด้วยสายตาที่คมราวกับมีด “เฉินชิงเสวี่ย ที่ฉันพูดจาดี ๆ กับเธอ ไม่ใช่เพราะกลัวเธอ แต่มันคงจะดีกว่าถ้ารู้จักยับยั้งตัวเอง!”

เฉินชิงเสวี่ยไม่แปลกใจ เธอรีบลุกขึ้นแล้วส่ายหัวอย่างไร้เดียงสา “ขอโทษทีนะพี่สาว ฉันเหยียบกระโปรงของเธอซะแล้ว อย่าโกรธเลยนะ...”

“เสวี่ยเอ๋อ!” ลู่ซีเจ๋อเดินเข้ามาดึงเฉินชิงเสวี่ยไปซ่อนไว้ข้างหลัง และมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ “คุณกำลังทำอะไร คุณจะกลั่นแกล้งเสวี่ยเอ๋ออีกแล้วงั้นเหรอ?”

หลังจากประมวลสิ่งที่ประสบพบเจอในวันนี้ ลู่ซีเจ๋อไม่สามารถมองผ่านเฉินมู่ได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ถูกดูถูกยันกระดูกของตัวเอง!

เฉินมู่เปิดปากของตัวเองเตรียมโต้ตอบ แต่ลู่ซีเจ๋อก็พูดสวนมารัวอย่างกับกระสุน “เฉินมู่ ถ้ายังสร้างปัญหาที่ไม่สมควรอีกล่ะก็ ผมคงไม่สามารถแต่งงานกับคนแบบคุณได้!”

“และผมเพิ่งบอกคุณพ่อ รวมทั้งคุณป้าด้วยว่า ผมต้องยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ ฉันไม่ต้องการใครนอกจากชิงเสวี่ย ในชีวิตนี้ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณอีกต่อไป!”

“ซีเจ๋อ อย่าพูดกับพี่สาวฉันแบบนั้น...” เฉินชิงเสวี่ยดึงมุมเสื้อผ้าของลู่ซีเจ๋อ

ลู่ซีเจ๋อตบที่ไหล่บางของเฉินชิงเสวี่ยเบา ๆ “ชิงเสวี่ย ถ้าคุณไม่อธิบายให้ชัดเจน เธอจะต้องเข้าไปพัวพันกับคุณอีก เธอแตกต่างจากคุณ เธอไม่มีน้ำใจเหมือนคุณ”

“ซีเจ๋อ พี่สาวมีความรักอย่างลึกซึ้งต่อฉัน แต่เป็นเพราะว่าฉันควบคุมความรู้สึกได้ไม่ดี เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง…”

“เสวี่ยเอ๋อ คุณใจดีเกินไปแล้ว! เาอแต่คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ!”

ทั้งสองยังคงพูดคุยกันต่อไป แต่เฉินมู่ไม่มีอารมณ์จะดูพวกเขาแสดงแล้ว จึงถามอย่างเฉยเมย “นักแสดงทั้งสอง คุยกันพอแล้วเนอะ ช่วยถอยออกไปหน่อยนะ”

ลู่ซีเจ๋อเหลือบมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจแล้วหันหลังกลับ เฉินชิงเสวี่ยยิ้มอย่างมีชัยชนะพลางกระซิบ “น่าสมเพช เธอไม่มีทางชนะฉันได้ตลอดชีวิต!”

เสมือนใบหน้าของมนุษย์และสัตว์ที่ไม่เป็นอันตราย แต่มีงูและแมงป่องซ่อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา!

“จริงเหรอ?” เฉินมู่ยิ้มพร้อมเหยียดเท้าออกไปเงียบ ๆ แล้วรองเท้าส้นสูงคู่สวยก็เหยียบลงบนชายกระโปรงของเฉินชิงเสวี่ยอย่างแรง!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 8

    โอวจินเห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของเฉินมู่ ก็รีบปิดริมฝีปากของตัวเองเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังฮั่วหยุนเซียว “ฉันขอพนันร้อยหยวน เฉินชิงเสวี่ยลูกสาวผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับการฝึกฝนเรื่องมารยาท เดิมทีจะไม่มีวันล้ม”เฉินชิงเสวี่ยไม่ได้ล้ม แต่ชุดของเธอก็หลุดออกไปเธอชะงักไปครู่หนึ่ง และเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง!“กรี๊ด—”เธอกอดชุดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก แล้ววิ่งไปที่ประตูหลังผ้าม่านทันที...ผลลัพธ์ก็คือ เธอบังเอิญเหยียบชายกระโปรงตัวเอง และล้มไปที่เค้กบนโต๊ะอาหารโดยไม่ได้ตั้งใจ“ชิงเสวี่ย!” ลู่ซีเจ๋อรีบวิ่งไปหาเธอทันที และมือที่เหยียดออกของเขาหยุดค้างอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้าตอนแรกที่มีคนเห็นเฉินชิงเสวี่ย บางคนก็ผิวปากแซว ทว่าไม่นานต่างก็เงียบเสียงลงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้ที่ตกลงไปในเค้กงานเลี้ยง ซู่หรูหยุนจ้องมองชุดของเฉินชิงเสวี่ยที่หลุดออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นกับเฉินมู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงกลับกันล่ะ?เฉินมู่แค่อยากจะทำให้เธออาย ซึ่งเธอไม่คิดว่าเฉินชิงเสวี่ยจะจบลงด้วยครีมและผลไม้บนไหล่ของเธอ ร่างเล็กอ้าปากกว้

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 9

    เฉินมู่ผลักเธอออกไป ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยถูกบีบด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เฉินชิงเสวี่ยไม่กล้าหาเรื่องเธออีกต่อไป แต่เธอไม่อยากจากไปด้วยความอับอายเช่นนี้ เธอจึงเดินไปหา แล้วพูดเสริม “เฉินมู่ ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหน! ซีเจ๋อก็ไม่ต้องการสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดอย่างเธอหรอก!”“เธอเองก็ไม่ส่องกระจกหรือไงกันนะ! จะมีใครบ้างที่อยากเห็นรอยถลอกบนหน้าของเธอ! รอให้ถึงวันแต่งงานของฉันกับซีเจ๋อก่อน เธอได้ร้องไห้แน่!”เฉินมู่หัวเราะเยาะ “ก็แค่เธอคนเดียวที่ชอบขยะ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเหมือนเธอ การที่เธอเป็นคนยังไง มันมีค่าสำหรับฉันงั้นเหรอ?”หากเป็นเมื่อก่อน แค่ใช้เงินก็สามารถพบเจอฉินมู่ได้ ทว่าเนื้อแท้นั้น ฉินมู่ค่อนข้างจะซ่อนตัวอยู่ในเคโจวและหนานเคอ ขี้เกียจเกินกว่าที่จะออกไปข้างนอก นับประสาอะไรกับลู่ซีเจ๋อแค่คนเดียว?เฉินชิงเสวี่ยหน้าแดง เธอพยายามรั้งไว้เป็นเวลานานเพียงเพื่อสาปแช่งด่าทอ “น่าเกลียด! ในชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก!”พูดจบก็รีบวิ่งออกมาทันที ราวกับว่ากลัวว่าเฉินมู่จะทำร้ายเธออีกเฉินมู่ปิดประตู นั่งหน้ากระจก เมื่อพูดถึงเคโจว เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงภารกิจที่ตามหลอกหลอนราวฝันร้ายอ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 10

    เฉินมู่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณสามารถกินอะไรก็ได้ อาหารเช้าแบบด่วนที่นี่สดใหม่มาก!”ผลของการมโนธรรมที่ชัดเจนและเที่ยงตรง! พอเจ็ดโมงตรงเรียกคนให้ออกมา มันก็ยังมีร้านที่สะอาดอย่างเคเอฟซีไหมล่ะ?ฮานเฉิงนั่งอยู่ในรถเบนท์ลีย์ด้านนอกประตูร้าน เขารอเจ้านายพลางฟังเสียงหัวเราะของโอวจินทางโทรศัพท์ไปด้วย “นายพูดว่าอะไรนะ? ฮั่วหยุนเซียวทานข้าวกับผู้หญิงเป็นครั้งแรก! แล้วก็กินเคเอฟซีด้วยเหรอ? กินพาอะไรนะ?”“อาหารเช้าพานินี่ ที่มีชีสและซี่โครงหมู...” ฮานเฉิงตอบอย่างเงียบ ๆโอวจินตบโต๊ะ ตะโกนลั่น “ถ้าฮั่วหยุนเซียวกินเสร็จแล้วบอกฉันด้วย! ไอ้อาการแบบนี้ ฉันต้องไปที่บริษัทฮั่วเพื่อหัวเราะเยาะเขาเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ!”ตัดภาพมาที่ร้านอาหาร ฮั่วหยุนเซียวไม่รำคาญ แถมยังถามต่อ “เหตุผลล่ะ”ชายในชุดสูทที่สั่งตัดราคาแพงมากนั่งอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาถูกบังคับให้มาทันใดนั้นเฉินมู่ก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ ฮั่วหยุนเซียวเป็นมังกรในหมู่คน เธอหลอกลวงคนอื่นเพียงครั้งเดียว เท่านั้น แต่เธอไม่สามารถหลอกพวกเขาได้ตลอดเฉินมู่เคี้ยวแฮมในปากของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ พูดอ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 11

    ลู่ซีเจ๋อรีบมาทันทีที่ได้ยินและพยุงตัวหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อ! เสวี่ยเอ๋อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เฉินชิงเสวี่ยเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ พี่เขา...ฉันคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าพี่เขาจะตามมาที่นี่...” ลู่ซีเจ๋อมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ อารมณ์ที่ไม่ดีมาตลอดเช้าล้วนถูกระบายใส่เธอจนหมด “เฉินมู่! คุณเป็นคนตอบตกลงที่จะถอนหมั้นเองนะ ตอนนี้คนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดก็คือคุณ! นี่คุณไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยเหรอ! ช่วยละอายแก่ใจหน่อยได้ไหม!”เฉินมู่โมโหจนปวดศีรษะ เธอโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “คุณชายลู่ ฉันแค่นั่งทานข้าวเฉย ๆเองนะคะ จะไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?”ลู่ซีเจ๋อก้าวขายาว ๆ ไปด้านหน้ากำข้อมือของเฉินมู่ไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลำพองใจอยู่บางส่วน “เฉินมู่ อีกนิดผมก็เกือบจะเชื่อเรื่องที่คุณตอบตกลงถอนหมั้นไปแล้วเชียว ดูท่าตอนนี้ คุณมันก็แค่ปรับเปลี่ยนกลอุบายในการก่อเรื่องวุ่น ๆ เท่านั้นเอง!”เขารู้อยู่แล้ว เฉินมู่รักเขามานานตั้งหลายปี จะมาบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบแล้วได้อย่างไร? ที่แท้ก็แค่เล่นละครตบตาให้ตายใจนี่เอง!

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 12

    ตระกูลลู่ลู่ซีเจ๋อวุ่นวายแต่เช้าตรู่ กว่าจะเกลี้ยกล่อมเฉินชิงเสวี่ยให้ออกไปได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พริบตาถ้วยชาก็กระแทกเข้ากับหน้าผากเขาจนเลือดกระเด็นออกมาอย่างจังลู่ซีเจ๋อที่ถูกกระแทกยังคงมึนงงอยู่และถามอย่างโมโหว่า “พ่อ! นี่พ่อทำอะไรเนี่ย!”“ทำอะไร? ฉันจะฆ่าแกไอ้ลูกไม่รักดี!”ลู่เทาตะโกนด้วยใบหน้าเขียวปั๊ด “กว่าฉันจะได้โปรเจกต์นี้มาได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่มันกลับถูกแกทำลายไปแล้ว! นอกจากแกจะเอาแต่สร้างปัญหาแล้ว แกยังจะมีปัญญาไปทำอะไรได้อีก!”“พ่อ! นี่พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบ“วันนี้แกไปทำอะไรเอาไว้ที่ร้านเซียวเซียงซวนมาล่ะ? แกรู้ไหม เซียวเซียงซวนเป็นร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว! แกกล้าดียังไงถึงไปก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาเขตของตระกูลฮั่ว! แกกลัวว่าพ่อของแกจะอายุยืนใช่ไหม!” ลู่เทาอดกลั้นเอาไว้จนทั้งใบหน้าแดงก่ำไปหมดลู่ซีเจ๋อตะลึงงันไปครู่หนึ่ง อะไรนะ? เซียงเซียวซวนคือร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว? ถ้าอย่างนั้นไอ้เวรนั่นก็เป็นคุณชายรองเหรอ?เขากับเฉินชิงเสวี่ยถึงขั้นตะโกนปะทะฝีปากกับคนคนนั้น แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายโปรเจกต์ใหญ่ของลู่กรุ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 13

    ชายชราสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินชิงเสวี่ยพูดเมื่อสักครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวงผู้ใหญ่! แม้แต่ใบหน้าของฮั่วหยุนเซียวเธอก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ!ชายชรารู้สึกเสียหน้า จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเท่านั้น “เสี่ยวมู่รู้ความมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รบกวนเวลางานของเธอใช่ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองเฉินมู่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มชาแวบหนึ่งและขำออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ รู้ความมากจริง ๆ”เฉินมู่สำลักน้ำในปาก คราวก่อนเธอก็ถูกชมว่ารู้ความ หมายถึงแนวคิดคร่าว ๆ ตอนฆ่าคน เธอเลือกที่จะลั่นไกไม่ใช้การต่อสู้แบบประจัญบานน่ะนะ“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ๆ...”ชายชราคิดว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ผิดใจกับตระกูลฮั่ว แบบไหนก็ดีทั้งนั้นฮั่วหยุนเซียวเก็บรอยยิ้มและพูดต่อ “ที่มาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เรื่องอะไร? หยุนเซียว ไหนเธอลองว่ามาสิ” ชายชราถามกลับทันทีฮั่วหยุนเซียวเงยหน้ากวาดตามองเฉินชิงเสวี่ยครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยก็สะดุ้งเฮือก พลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจฮั่วหยุนเซียวรับใบเรียกเก็บเงินมาจากมือของฮานเฉิงและวางมันลงบนโต๊ะดื่มชาหินอ่อนเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 14

    เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”เฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 15

    เวลาหนึ่งทุ่มตรง เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้า มัดผมหางม้าโดยไร้ความลังเลหรือเขินอายแม้แต่น้อยเมื่อไม่มีเส้นผมมาปิดบังแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ปรากฎให้เห็นในสายตาอย่างชัดเจนเฉินมู่ไม่สนใจถ้าลู่ซีเจ๋อจะเห็นมัน กลับกันเธอน่ะเป็นคนที่สะอิดสะเอียนเขาด้วยซ้ำ พอได้ของแล้วเธอก็จะกลับเมื่อมาถึงร้านอาหารที่ลู่ซีเจ๋อจองเอาไว้ พนักงานพาเธอเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัว เฉินมู่ไม่ได้มารอลู่ซีเจ๋อ แต่กลับเป็นการมารอเฉินชิงเสวี่ยที่กำลังสวมรองเท้าส้นสูงอยู่เฉินชิงเสวี่ยยิ้มตาหยีให้เฉินมู่ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมะนาวและส่งให้กับเฉินมู่ “พี่คะ รอสักครู่นะ ซีเจ๋อยังอยู่ระหว่างทางอยู่เลย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ที่กำลังจะดื่มน้ำเข้าปาก พริบตาเธอกลับเทน้ำลงบนโต๊ะจนไม่เหลือสักหยดเธอมองเฉินชิงเสวี่ยอย่างเย้ยหยัน “เฉินชิงเสวี่ย ให้ฉันเดา ในน้ำนี่ต้องใส่อะไรไว้ใช่ไหม? เธอจงใจให้ฉันดื่มมัน ทำไมเหรอ อยากให้ฉันอับอายขายขี้หน้าล่ะสิใช่ไหม?”พอละครถูกเปิดโปง กิริยาของเฉินชิงเสวี่ยจึงเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น เธอฉีกยิ้มที่ใบหน้าและกัดฟันพูดว่า “พี่พูดเรื่องอะไรกันคะ ฉันจะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไรกัน?”เฉินมู่หยิบน้ำ

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 249

    เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 248

    แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 247

    เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status