Share

บทที่ 11

Penulis: เฉียวเหมย
ลู่ซีเจ๋อรีบมาทันทีที่ได้ยินและพยุงตัวหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อ! เสวี่ยเอ๋อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เฉินชิงเสวี่ยเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ พี่เขา...ฉันคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าพี่เขาจะตามมาที่นี่...”

ลู่ซีเจ๋อมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ อารมณ์ที่ไม่ดีมาตลอดเช้าล้วนถูกระบายใส่เธอจนหมด “เฉินมู่! คุณเป็นคนตอบตกลงที่จะถอนหมั้นเองนะ ตอนนี้คนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดก็คือคุณ! นี่คุณไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยเหรอ! ช่วยละอายแก่ใจหน่อยได้ไหม!”

เฉินมู่โมโหจนปวดศีรษะ เธอโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “คุณชายลู่ ฉันแค่นั่งทานข้าวเฉย ๆเองนะคะ จะไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?”

ลู่ซีเจ๋อก้าวขายาว ๆ ไปด้านหน้ากำข้อมือของเฉินมู่ไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลำพองใจอยู่บางส่วน “เฉินมู่ อีกนิดผมก็เกือบจะเชื่อเรื่องที่คุณตอบตกลงถอนหมั้นไปแล้วเชียว ดูท่าตอนนี้ คุณมันก็แค่ปรับเปลี่ยนกลอุบายในการก่อเรื่องวุ่น ๆ เท่านั้นเอง!”

เขารู้อยู่แล้ว เฉินมู่รักเขามานานตั้งหลายปี จะมาบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบแล้วได้อย่างไร? ที่แท้ก็แค่เล่นละครตบตาให้ตายใจนี่เอง!

ข้อมือของเฉินมู่ถูกบีบอีกครั้ง ในขณะนั้นเองปากแผลที่ถูกเย็บไว้อย่างยากลำบากได้ปริออกมาจนได้ เลือดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา เฉินชิงเสวี่ยหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ...เลือด...”

ลู่ซีเจ๋อชะงักงัน รีบสลัดตัวเฉินมู่ออกไปทันควัน เขาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“เสี่ยวมู่ คุณตัดใจซะเถอะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็รักแค่เสวี่ยเอ๋อเพียงคนเดียว ไม่ว่าคุณจะใช้สารพัดกลอุบายอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผมได้หรอก”

เฉินมู่กุมข้อมือของตัวเองไว้ นี่คือการบาดแผลจากการกรีดข้อมือ เลือดไหลออกมามากขนาดนี้คงต้องตายแน่ ๆ เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปทะเลาะกับพวกเขาอีกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องไปที่โรงพยาบาลก่อน

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องอาหารก็ถูกผลักออกอย่างรุนแรง มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งล้อมรอบชายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงเข้มเดินเข้ามาพร้อมกัน…

ใบหน้าชายหนุ่มช่างดูสง่างามสมบูรณ์แบบ หางตางอนสวยงามอย่างบอกไม่ถูก เส้นผมที่ยุ่งเหยิงยิ่งขับให้เขาดูเหนื่อยหน่ายและเกียจคร้านมากยิ่งขึ้น มันดูกลับตาลปัตรแตกต่างกันกับคนส่วนมาก

ทันทีที่ฮั่วหยุนเฉินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงตรงที่นั่ง เขาก็ดึงคอเสื้อไปมาพร้อมกับพูดออกคำสั่งไปด้วย “จับพวกมันสองคนโยนออกไปซะ!”

บอดี้การ์ดนิ่งไปนานมาก ไม่รู้ว่าสองคนที่ว่าคือสองคนไหน ฮั่วหยุนเฉินหงุดหงิดจนแทบจะพ่นไฟได้ มือหนาดึงคอเสื้อไปมาอีกครั้ง และชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้นแล้วถาม “ใครเป็นคนทำ?”

เฉินมู่ยกมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ฉันเองค่ะ...”

ฮั่วหยุนเฉินมองพินิจพิเคราะห์เฉินมู่อย่างจริงจัง ในใจบอกว่านี่คือหญิงสาวที่ฮั่วหยุนเซียวยอมทานข้าวเช้าด้วยเป็นกรณีพิเศษ เขามองเธอด้วยความชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นจึงโบกมือให้เฉินมู่ “อย่ามัวยืนสร้างปัญหา คุณหลีกไปซะ!”

เสียงเข้มว่าก่อนหันไปมองเฉินชิงเสวี่ยอีกครั้งหนึ่ง “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”

เฉินมู่ “.....”

“เขียนบิลให้เธอซะ! พื้นของคุณชายนั้นมีมูลค่าไม่ต่ำไปกว่าสองแสน! ให้เธอชดใช้มา!”ฮั่วหยุนเฉินโบกมือใหญ่ ๆ ของเขา เป็นเชิงว่าสองแสนนะ ตกลงตามนั้นแหละ

“นี่คุณ!”เฉินชิงเสวี่ยใบหน้าแดงก่ำ “ทำไมคุณถึงไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย? นั่นฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ! เป็นเธอต่างหาก!”

ฮั่วหยุนเฉินไม่สนใจ เขาตะโกนขึ้นโต้กลับ “พอแล้ว เอาตัวออกไปซะ ฉันเคยพูดไว้ว่ายังไง ถ้ายังไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าแล้วใครมันปล่อยให้พวกคุณเข้ามาได้ห๊ะ!”

เฉินชิงเสวี่ยตะโกนขึ้นทันที “พวกฉันรู้จักกับเจ้าของร้านแห่งนี้! คุณจะมาไล่พวกฉันออกไปได้ยังไง?”

ฮั่วหยุนเฉินส่งสายตาเย็นชาออกมาแล้วเปล่งเสียงเหอะออกมาทางจมูก “ผมคือเจ้าของร้าน คุณล่ะเป็นใคร?”

“ฉัน...ฉัน...”เฉินชิงเสวี่ยตะลึงงัน ผู้ชายเฮ็งซวยที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าของร้าน? งั้นคนที่ลู่ซีเจ๋อรู้จักล่ะคือใคร?

เป็นเพราะว่าเธอเห็นนามบัตรในกระเป๋าของลู่ซีเจ๋อ ถึงได้มั่นใจว่าลู่ซีเจ๋อรู้จักกับเจ้าของร้านเซียวเซียงซวนแห่งนี้! จนกระทั่งถึงขั้นเคยเอาไปโอ้อวดในกลุ่มเพื่อนว่าตนเองเข้าออกเซียวเซียงซวนได้อย่างอิสระ!

ฮั่วหยุนเฉินยิ้มตาหยีพลางตอบ “คนที่คุณรู้จักคือใคร ไปเรียกผู้จัดการล็อบบี้มา ตอนนี้พวกคุณทั้งสองคนช่วยทำให้ผมอิ่มอกอิ่มใจหน่อยเถอะ ไสหัวไปซะ!”

ลู่ซีเจ๋อกับเฉินชิงเสวี่ยถูกพวกบอดี้การ์ดลากตัวออกไปจากร้านเซียวเซียงซวนแล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเก้าโมง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านมาได้เห็นฉากนี้เข้าแล้ว พวกเขากำลังพูดคุยกันว่า เห็นพวกเขาแต่งตัวดูดีขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ออกมาจากร้านอาหาร

ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะของการไล่คน ภายในห้องวีไอพี ฮานเฉิงก้มศีรษะลงต่ำกล่าวต่อคนเป็นหัวหน้า “บอสครับ คุณชายรองมาแล้ว”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องวีไอพีโดยเร็ว ฮั่วหยุนเฉินลุกขึ้นยืนทันทีและเปลี่ยนท่าทางจากที่ดุร้ายเมื่อสักครู่เป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้ชายตัวโต “พี่ชาย!”

พี่ชาย?? เฉินมู่มองฮั่วหยุนเซียวด้วยสีหน้างุนงง สายตามองไปที่ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีม่วงอีกครั้ง คนหนึ่งหล่อราวกับเทพบุตร อีกคนประณีตดุจมารร้าย ที่แท้เป็นพี่น้องกันอย่างนั้นเหรอ?

ฮั่วหยุนเซียวเดินเข้ามา ในสายตาเขามีเพียงแต่เลือดสีแดงสดบนข้อมือของหญิงสาวที่หยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะรีบโน้มตัวลงอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา “ฮานเฉิง ไปที่โรงพยาบาล โทรหาโอวจินด้วย”

“ครับบอส”

ฮั่วหยุนเฉินที่ถูกเมินยังคงยืดคอและโบกมือแรง ๆ “พี่! พาผมไปด้วยสิ!”

ฮานเฉิงมองภาพนั้นพร้อมถาม “แล้วคุณชายรองล่ะครับ...”

“เรื่องครั้งล่าสุดที่ล็อคประตูห้อง นายคิดว่าฉันจะลงโทษเขายังไงดี?”ฮั่วหยุนเซียวถาม

ฮานเฉิงพูดตอบอย่างอึดอัด “ให้เขาพิจารณาถึงความผิดของตัวเองที่ทำลงไปเพียงลำพังสักสามวัน”

ฮั่วหยุนเซียวอุ้มเฉินมู่ขึ้นไปบนรถ ฮานเฉิงหันศีรษะกลับมายิ้มแบบฝืน ๆ ให้กับฮั่วหยุนเฉินแล้วกล่าว “คุณชายรอง บอสสั่งให้คุณกลับบ้านแล้วไปทบทวนความผิดพลาดของตัวเองครับ ตามกำหนด พรุ่งนี้สองทุ่มคุณถึงจะออกไปข้างนอกได้”

ฮั่วหยุนเฉิน “...”

ที่เขารีบขับรถมาก็เพราะได้ยินจากพนักงานในร้านอาหารบอกว่า วันนี้ฮั่วหยุนเซียวพาผู้หญิงคนหนึ่งมาทานข้าวด้วย นี่มันสุดยอดจริง ๆ! ไม่แน่ว่าเขาจะได้มีพี่สะใภ้เร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้!

แต่ใครจะไปรู้ ยังไม่ทันได้พูดคุยกับพี่สะใภ้สักประโยค ฮั่วหยุนเซียวก็อุ้มเธอหายไปแล้ว!

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เลือดของเฉินมู่ได้ย้อมผ้าพันแผลจากสีเดิมเป็นสีแดงฉานไปหมดแล้ว ฮั่วหยุนเซียวอุ้มหญิงสาวที่หน้าซีดเซียวก้าวยาว ๆ เข้าไปในห้องทำงานของโอวจิน

เพียงครู่เดียวโอวจินได้เตรียมของเอาไว้เรียบร้อยและเตรียมตัวเย็บแผล วุ่นวายอยู่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็จบสักที

โอวจินเดินออกประตูไปหยิบยา ฮั่วหยุนเซียวจึงนั่งลงอยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ เฉินมู่ ตาคมมองไปยังบาดแผลที่น่ากลัวบนข้อมือของหญิงสาวพลันถาม “ทำไมถึงฆ่าตัวตาย?”

เฉินมู่เสียเลือดไปเยอะมาก เธอฟุบลงบนโต๊ะอย่างอ่อนแรง ในหัวมันขาวโพลนไปหมด จนคิดข้อแก้ตัวอื่น ๆ ไม่ออก จึงพึมพำออกมาว่า “บนหน้าที่มีแผลเป็นน่ะ มันอัปลักษณ์จะตาย....”

ฮั่วหยุนเซียวตะลึงงัน เขาพูดเสียงเบาทว่าชัดเจน “ยัยนักต้มตุ๋นตัวน้อย”

วันนั้นเฉินมู่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด อีกทั้งยังมีความเยือกเย็นและความเหงาเข้ามาควบคุม ไม่มีทางที่เธอจะฆ่าตัวตายเพียงเพราะรอยแผลเป็นแผลเดียวหรอก

พูดให้ถูกก็คือ เขาสัมผัสได้ว่าตัวเฉินมู่มีความชัดเจนอยู่อย่างหนึ่ง คือการศรัทธาที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อมากกว่าใคร ๆ

เขาโน้มตัวลงอุ้มเธอขึ้นมาและพาเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่จัดเตรียมเอาไว้ วางเธอลงบนเตียงอย่างระมัดระวังพร้อมห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย ไม่วายยังพูดเบา ๆ อีกว่า “พักผ่อนเถอะนะ”

เฉินมู่รู้สึกสับสนมึนงง ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปเกิดและตายลงในสนามรบ แต่หลังจากรอดภัยพิบัติร้ายนั่นมาไม่กี่นาทีก็ยังรู้สึกดีใจที่ยังโชคดีอยู่

ทันใดนั้นข้อมือของฮั่วหยุนเซียวก็ถูกคว้าไว้ ฝ่ามือที่แนบติดเขาอยู่นั้นเย็นเยือกเพราะการเสียเลือด เธอพึมพำออกมาหนึ่งประโยค “คุณชายฮั่ว ขอบคุณนะคะ”

โอวจินที่ไปเอายาได้กลับมาพอดี เขาผลักประตูออกและมองแผ่นหลังของฮั่วหยุนเซียวพลางพูดล้อเลียนเพื่อนสนิทกลาย ๆ “ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดรักษาให้หายดีภายในคืนเดียวหรอกมั้ง?”

ฮั่วหยุนเซียวเดินหันหลังออกมาจากห้องผู้ป่วยและถามว่า “แผลเป็นบนใบหน้าเธอ รักษาได้หรือเปล่า?”

เมื่อพูดถึงความชำนาญด้านการแพทย์ โอวจินก็หน้าบานด้วยความปิติยินดี “ทำได้สิ! คนที่บอสฮั่วชอบ ถึงแม้ว่าจะเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้ายฉันก็จะช่วยกลับมาให้นายเอง!”

ไม่นาน ฮานเฉิงก็เดินเข้ามาอีกครั้ง “บอสครับ ได้เวลาไปบริษัทแล้ว”

ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง “ดูเธอด้วย ตื่นแล้วให้มาบอกฉัน”

โอวจินยิ้มกรุ้มกริ่มและพยักหน้าตอบ “รู้แล้วน่า รู้แล้ว คราวนี้หนีไม่พ้นแน่นอน”

หานเฉิงขับรถอยู่ด้านหน้า ฮั่วหยุนเซียวที่นั่งอยู่ด้านหลังกำลังหลับตาพักผ่อน เพียงแต่ครั้งนี้ในหัวมักจะปรากฎใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงาม มีชีวิตชีวา สุขุมและหยิ่งยโสแทน

เขายกมือขึ้นสัมผัสแผ่นอกไปมา “ลู่กรุ๊ปกับฮั่วกรุ๊ปต้องร่วมงานกัน?”

ฮานเฉิงตอบกลับทันที “มันเป็นแค่โครงการหนึ่งของบริษัท เป็นหนึ่งในงานย่อยที่รับรองให้ลู่กรุ๊ปทำเท่านั้นเองครับ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ คนของบริษัทได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เจาะจงรายงานคุณเป็นพิเศษครับ”

ฮั่วหยุนเซียวลืมตาขึ้น หัวคิ้วและดวงตาที่ลึกล้ำนั่นเก็บซ่อนความเยือกเย็นเอาไว้ ก่อนพูดอย่างเย็นชา “เพิกถอนซะ”

“อะไรนะครับ?” ฮานเฉิงไม่ทันได้ตั้งตัว

“ถอนการร่วมงาน” ฮั่วหยุนเซียวตอบ

คำสี่คำนี้เป็นการลงโทษตระกูลลู่เพียงสถานเบา

ฮานเฉิงตกตะลึงและรีบพยักหน้าเข้าใจในทันที “ครับ”

“ปล่อยข่าวออกไปว่าคุณชายตระกูลลู่มีเรื่องกับหยุนเฉิน” ฮั่วหยุนเซียวกำชับ

“ทราบแล้วครับ” ฉับพลันฮานเฉิงก็เข้าใจความหมายของคำว่า “บอส” ของตนเองขึ้นมาทันที
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 12

    ตระกูลลู่ลู่ซีเจ๋อวุ่นวายแต่เช้าตรู่ กว่าจะเกลี้ยกล่อมเฉินชิงเสวี่ยให้ออกไปได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พริบตาถ้วยชาก็กระแทกเข้ากับหน้าผากเขาจนเลือดกระเด็นออกมาอย่างจังลู่ซีเจ๋อที่ถูกกระแทกยังคงมึนงงอยู่และถามอย่างโมโหว่า “พ่อ! นี่พ่อทำอะไรเนี่ย!”“ทำอะไร? ฉันจะฆ่าแกไอ้ลูกไม่รักดี!”ลู่เทาตะโกนด้วยใบหน้าเขียวปั๊ด “กว่าฉันจะได้โปรเจกต์นี้มาได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่มันกลับถูกแกทำลายไปแล้ว! นอกจากแกจะเอาแต่สร้างปัญหาแล้ว แกยังจะมีปัญญาไปทำอะไรได้อีก!”“พ่อ! นี่พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบ“วันนี้แกไปทำอะไรเอาไว้ที่ร้านเซียวเซียงซวนมาล่ะ? แกรู้ไหม เซียวเซียงซวนเป็นร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว! แกกล้าดียังไงถึงไปก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาเขตของตระกูลฮั่ว! แกกลัวว่าพ่อของแกจะอายุยืนใช่ไหม!” ลู่เทาอดกลั้นเอาไว้จนทั้งใบหน้าแดงก่ำไปหมดลู่ซีเจ๋อตะลึงงันไปครู่หนึ่ง อะไรนะ? เซียงเซียวซวนคือร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว? ถ้าอย่างนั้นไอ้เวรนั่นก็เป็นคุณชายรองเหรอ?เขากับเฉินชิงเสวี่ยถึงขั้นตะโกนปะทะฝีปากกับคนคนนั้น แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายโปรเจกต์ใหญ่ของลู่กรุ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 13

    ชายชราสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินชิงเสวี่ยพูดเมื่อสักครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวงผู้ใหญ่! แม้แต่ใบหน้าของฮั่วหยุนเซียวเธอก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ!ชายชรารู้สึกเสียหน้า จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเท่านั้น “เสี่ยวมู่รู้ความมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รบกวนเวลางานของเธอใช่ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองเฉินมู่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มชาแวบหนึ่งและขำออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ รู้ความมากจริง ๆ”เฉินมู่สำลักน้ำในปาก คราวก่อนเธอก็ถูกชมว่ารู้ความ หมายถึงแนวคิดคร่าว ๆ ตอนฆ่าคน เธอเลือกที่จะลั่นไกไม่ใช้การต่อสู้แบบประจัญบานน่ะนะ“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ๆ...”ชายชราคิดว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ผิดใจกับตระกูลฮั่ว แบบไหนก็ดีทั้งนั้นฮั่วหยุนเซียวเก็บรอยยิ้มและพูดต่อ “ที่มาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เรื่องอะไร? หยุนเซียว ไหนเธอลองว่ามาสิ” ชายชราถามกลับทันทีฮั่วหยุนเซียวเงยหน้ากวาดตามองเฉินชิงเสวี่ยครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยก็สะดุ้งเฮือก พลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจฮั่วหยุนเซียวรับใบเรียกเก็บเงินมาจากมือของฮานเฉิงและวางมันลงบนโต๊ะดื่มชาหินอ่อนเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 14

    เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”เฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 15

    เวลาหนึ่งทุ่มตรง เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้า มัดผมหางม้าโดยไร้ความลังเลหรือเขินอายแม้แต่น้อยเมื่อไม่มีเส้นผมมาปิดบังแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ปรากฎให้เห็นในสายตาอย่างชัดเจนเฉินมู่ไม่สนใจถ้าลู่ซีเจ๋อจะเห็นมัน กลับกันเธอน่ะเป็นคนที่สะอิดสะเอียนเขาด้วยซ้ำ พอได้ของแล้วเธอก็จะกลับเมื่อมาถึงร้านอาหารที่ลู่ซีเจ๋อจองเอาไว้ พนักงานพาเธอเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัว เฉินมู่ไม่ได้มารอลู่ซีเจ๋อ แต่กลับเป็นการมารอเฉินชิงเสวี่ยที่กำลังสวมรองเท้าส้นสูงอยู่เฉินชิงเสวี่ยยิ้มตาหยีให้เฉินมู่ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมะนาวและส่งให้กับเฉินมู่ “พี่คะ รอสักครู่นะ ซีเจ๋อยังอยู่ระหว่างทางอยู่เลย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ที่กำลังจะดื่มน้ำเข้าปาก พริบตาเธอกลับเทน้ำลงบนโต๊ะจนไม่เหลือสักหยดเธอมองเฉินชิงเสวี่ยอย่างเย้ยหยัน “เฉินชิงเสวี่ย ให้ฉันเดา ในน้ำนี่ต้องใส่อะไรไว้ใช่ไหม? เธอจงใจให้ฉันดื่มมัน ทำไมเหรอ อยากให้ฉันอับอายขายขี้หน้าล่ะสิใช่ไหม?”พอละครถูกเปิดโปง กิริยาของเฉินชิงเสวี่ยจึงเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น เธอฉีกยิ้มที่ใบหน้าและกัดฟันพูดว่า “พี่พูดเรื่องอะไรกันคะ ฉันจะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไรกัน?”เฉินมู่หยิบน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 16

    ฮั่วหยุนเซียวกระชับวงแขนกอดเฉินมู่แน่นขึ้นอีกนิด และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบที่โอวจินไม่เคยได้ยินมาก่อน “ผมมาช้าไป”เฉินมู่จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก พลางเอนศีรษะเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะสลบไสลไปในอ้อมแขนของฮั่วหยุนเซียว“โอวจิน!” ฮั่วหยุนเซียวตะโกนเรียกโอวจินรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบทันควัน “แค่หมดสติไปน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”ฮานเฉิงลากประธานจางที่หน้าซีดเผือดให้เดินเข้ามาใกล้ พร้อมถามเสียงนิ่ง “บอสครับ จะจัดการยังไงต่อดี?”ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองประธานจางแวบหนึ่ง แววตาของเขาดำมืดเหมือนคลื่นใต้น้ำ มันลึกจนไม่อาจเห็นก้นบึ้งของความคิดเพียงมองแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ประธานจางตกใจกลัวจนตัวสั่น เจ้าตัวหมอบลงกับพื้นแล้วเอาศีรษะโขกอย่างเอาเป็นเอาตาย “บอสฮั่ว! บอสฮั่ว! ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของท่านนะครับ! ผม...”ฮั่วหยุนเซียวกล่าวเสียงเย็น “ตัดแขน ตัดขาแล้วเอาไปขังคุกซะ”“บอสฮั่ว! บอสฮั่ว!” ประธานจางร้องไห้ฟูมฟาย แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับไม่แม้แต่จะชายตามองเมื่อถึงโรงพยาบาล โอวจินตรวจสอบร่างกายของเฉินมู่อย่างละเอียด พอฉีดยาและพันผ้าพันแผลเสร็จอีกครั้งถึงได้เดินกลับไปที่ห้องทำงานฮั่วหยุนเซียวเบนสายต

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 17

    พอเฉินมู่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเช้าของวันที่สองไปเสียแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกดตรวจสอบโปรแกรมของระบบเครื่องติดตาม ที่จริงแล้วมันเป็นของที่เธอทำขึ้นมาลวก ๆ ขณะเกิดเหตุ นัยย์ตาเรียวมองมือถืออยู่ครู่หนึ่ง โดยภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิดเธอทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกด้านของเตียง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วค่อยพาตัวเองก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้องผู้ป่วย ทว่าในห้องกลับมีโอวจินที่สวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่เฉินมู่ยกมือขึ้นทัก “คุณหมอโอว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”โอวจินสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างมีลับลมคมนัย “เฉินมู่ เมื่อวานหยุนเซียวสารภาพรักกับเธอแล้วใช่ไหม?”เฉินมู่ผงะไป เธอดันโทรศัพท์เข้าไปใต้หมอนด้วนสีหน้าเรียบเฉยพลันส่ายหัว “เปล่านี่คะ”โอวจินทุบต้นขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “เปล่าเหรอ? นี่เธอเป็นคนจริง ๆ หรือท่อนไม้กันแน่ห๊ะ!”เฉินมู่กระพริบตาปริบ ก่อนถาม “ทำไมเหรอคะ? ท่อนไม้อะไร?”โอวจินดึงเฉินมู่ให้นั่งลงและพูดว่า “เฉินมู่ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไง เมื่อวานตอนได้รับสายจากเธอ หยุนเซียวก็คลั่งจนแทบเป็นบ้า!”“เขาสั่งให้แฮ็กเกอร์เจาะระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร ให้คนปิดถนน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 18

    “คุณชายฮั่ว ฉันต้องการคลิปในห้องด้วย” น้ำเสียงของเฉินมู่นั้นเรียบเฉยและสงบนิ่งพลันมีเสียงถอนหายใจแผ่วดังออกมาจากโทรศัพท์ ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “คุณเคยเรียนกังฟูมาก่อนหรือเปล่า?”เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ “เคยเรียนค่ะ”“เรียนกับใคร?” เสียงเข้มถามขึ้นอีกครั้งเฉินมู่ขมวดคิ้ว เรียนกับใครอย่างนั้นเหรอ?เธอฝึกซ้อมอยู่ในค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของเคโจว ทั้งล้มลุกคลุกคลานมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุด“เฉินมู่ คุณ...”“ไม่มีใครหรอกค่ะ ฉันเรียนด้วยตัวเองจนชำนาญ” เฉินมู่บอกตัดบทเขา “คุณชายฮั่ว นี่คุณกำลังตรวจสอบฉันอยู่เหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมกำลังทดลองทำความเข้าใจคุณอยู่”ครั้งนี้ ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้รอให้เฉินมู่ตอบกลับมา มือหนากดวางสายเสียงดัง “ตู้ด” ทันทีทัศนคติของเธอมันชัดเจนมาก เฉินมู่แสดงให้เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าไม่อยากโดนสืบข้อมูลใบหน้าหล่อบึ้งตึงพลางวางโทรศัพท์ลงตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เขาดูแลปกป้องเธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันกลายเป็นว่า เฉินมู่ไม่ยอมบอกอะไรสักเลยคำกระทั่งถึงตอนนี้ คำที่เฉินมู่ใช้

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 19

    เมื่อวานเธอทั้งต่อสู้ทั้งหลีกเลี่ยงจนเหนื่อยล้าเกินไป ทั้งวันเฉินมู่จึงไม่ได้ออกไปไหนเลยกระทั่งฟ้ามืด ร่างบางจึงเก็บของอย่างลวก ๆ แล้วลงบันไดไปเพื่อหามื้อดึกทาน ทว่าตอนที่เดินผ่านห้องของเฉินชิงเสวี่ย เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายหญิงดังมาจากข้างใน…บังเอิญว่าประตูห้องปิดไม่สนิท คำพูดทุกประโยคจึงดังเข้าไปในหูของเฉินมู่อย่างชัดเจน“เสวี่ยเอ๋อ ผมได้ยินว่ามีบริษัทนายหน้าอยู่ในนามของเฉินมู่ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่าพี่เขาไม่เข้าใจการดำเนินการของบริษัท พ่อเลยบอกว่าจะขายบริษัททิ้งแล้วล่ะ!”เฉินมู่ขมวดคิ้ว มีเพียงแค่บริษัทนั่นที่เป็นมรดกชิ้นเดียวของคุณแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้เธอ มันเป็นสินสอดที่เตรียมไว้ให้เฉินมู่ตอนหมั้นกับตระกูลลู่ เฉินลี้ซานยังไม่ทันจะถามความเห็นเธอ ก็จะขายบริษัทเสียแล้ว?“ซีเจ๋อ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว คนที่ต้องหมั้นกับคุณเป็นพี่เขานะ ถ้าพวกเราสองคนพูดเรื่องพวกนี้ออกไปก็คงดูไม่ดีนักหรอก...”“เสวี่ยเอ๋อ ห้ามพูดแบบนี้นะ! คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียว!”“คุณวางใจเถอะ การลงทุนที่คุณแลกเปลี่ยนกับประธานจางในครั้งนี้ มันได้ช่วยแก้ไขปัญหาของผมแล้ว อี

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 249

    เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 248

    แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 247

    เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status