Share

บทที่ 16

Author: เฉียวเหมย
ฮั่วหยุนเซียวกระชับวงแขนกอดเฉินมู่แน่นขึ้นอีกนิด และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบที่โอวจินไม่เคยได้ยินมาก่อน “ผมมาช้าไป”

เฉินมู่จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก พลางเอนศีรษะเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะสลบไสลไปในอ้อมแขนของฮั่วหยุนเซียว

“โอวจิน!” ฮั่วหยุนเซียวตะโกนเรียก

โอวจินรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบทันควัน “แค่หมดสติไปน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

ฮานเฉิงลากประธานจางที่หน้าซีดเผือดให้เดินเข้ามาใกล้ พร้อมถามเสียงนิ่ง “บอสครับ จะจัดการยังไงต่อดี?”

ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองประธานจางแวบหนึ่ง แววตาของเขาดำมืดเหมือนคลื่นใต้น้ำ มันลึกจนไม่อาจเห็นก้นบึ้งของความคิด

เพียงมองแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ประธานจางตกใจกลัวจนตัวสั่น เจ้าตัวหมอบลงกับพื้นแล้วเอาศีรษะโขกอย่างเอาเป็นเอาตาย “บอสฮั่ว! บอสฮั่ว! ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของท่านนะครับ! ผม...”

ฮั่วหยุนเซียวกล่าวเสียงเย็น “ตัดแขน ตัดขาแล้วเอาไปขังคุกซะ”

“บอสฮั่ว! บอสฮั่ว!” ประธานจางร้องไห้ฟูมฟาย แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับไม่แม้แต่จะชายตามอง

เมื่อถึงโรงพยาบาล โอวจินตรวจสอบร่างกายของเฉินมู่อย่างละเอียด พอฉีดยาและพันผ้าพันแผลเสร็จอีกครั้งถึงได้เดินกลับไปที่ห้องทำงาน

ฮั่วหยุนเซียวเบนสายตามองเพื่อนสนิท เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเท่าที่ควร “เป็นยังไงบ้าง?”

โอวจินถอดเสื้อกาวน์ออก “วางใจเถอะ เป็นแค่แผลภายนอกที่ทำให้คนมองตกใจก็เท่านั้น บาดแผลทั่วร่างรวมกันยังไม่ร้ายแรงเท่าแผลที่ข้อมือเลย”

ฮั่วหยุนเซียวกำแก้วในมือแน่น “มีกี่แผล?”

โอวจินชะงักไป “นั่นฉันไม่ได้นับไว้ อาจจะสิบกว่าแผลมั้ง มีรอยขีดข่วน แล้วก็ยังมีรอยถูกเฆี่ยนกับรอยฟกช้ำอีกด้วย”

พลันบอสฮั่วก็ยกยิ้มเย็น เสียงทุ้มต่ำว่าตอบ “เก่งจริงนะ ตระกูลเฉิน ฝีมือไม่เบาเลย”

ได้ยินแบบนั้น โอวจินก็ถึงกับตัวสั่นงันงก

ฮั่วหยุนเซียวอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาเป็นเวลานาน แทบจะไม่มีใครกล้าไปยั่วยุเขาเพื่อรนหาที่ตาย ทว่าครั้งนี้ โอวจินรับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่าอาการบาดเจ็บของเฉินมู่ได้ทำให้ฮั่วหยุนเซียวโมโหเข้าแล้ว

โอวจินเอ่ยเตือนออกมาเสียงเบา “หยุนเซียว การตัดแขนตัดขาเป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดแล้ว ในประเทศที่มีสภาพแวดล้อมแบบนี้ จะทำมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ”

แก้วในมือของฮั่วหยุนเซียวถูกวางลงบนโต๊ะหินอ่อนดังเคร้ง เสียงสะท้อนดังกังวานไพเราะราวกับเข็มเงินที่ตกลงสู่พื้น แต่มันกลับทำให้ผู้คนที่ได้ยินหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ

เสียงเข้มเอ่ยชัดเจน “ฉันแค่ไม่ได้มือเปื้อนเลือดมาสองสามปี แต่มันกลับทำให้คนพวกนี้ลืมไปแล้วสินะ ว่าทั้งบนพื้นและใต้ดินในโลกสีขาวดำของเมืองปินไห่แห่งนี้ ใครกันแน่ที่เป็นราชาตัวจริง!”

บรรยากาศกดดันราวกับว่าห้องทั้งห้องนั้นมืดมนไปหมด ทว่าทันใดนั้นก็มีพยาบาลผลักประตูเข้ามาพลางพูดตะกุกตะกัก “ท่านคณบดีคะ...คุณหนูเฉินฟื้นแล้วค่ะ”

“ฟึบ” ฮั่วหยุนเซียวลุกขึ้นยืนแล้วก้าวยาว ๆ ออกจากห้องทำงานไปทันที ส่วนฮานเฉิงเองก็ตามหลังไปติด ๆ

ขายาวเดินเร็วจนมาถึงห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวที่อ่อนแรงเมื่อครู่ก่อน ตอนนี้ได้นั่งอยู่บนเตียงและขมวดคิ้วพูดคุยบางอย่างอยู่กับนางพยาบาล

“ฮานเฉิง” จู่ ๆ ฮั่วหยุนเซียวก็พูดออกมา “ให้เวลานายสามวัน ฉันต้องการข้อมูลของเฉินมู่ทั้งหมดตั้งแต่เด็กจนโต”

เดิมทีเขาคิดว่า เฉินมู่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของตระกูลเฉินขนาดนั้น แต่พอมองตอนนี้ ไม่เพียงแค่ไม่ได้รับความรักแล้ว ตระกูลเฉินยังอยากจะทำทุกทางให้เธอตายเลยด้วยซ้ำ!

“ครับ บอส” ฮานเฉิงตอบรับ พลันรีบไปจัดการทันที

ฮั่วหยุนเซียวเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เฉินมู่ยกแก้วน้ำในมือขึ้นแล้วจิบน้ำอึกเล็ก ๆ

ไอน้ำร้อนลอยขึ้นมาจนหน้าเธอแดงไปหมด มันดูงดงามและน่ารักมาก ไม่เหมือนคนที่ฮั่วหยุนเซียวเห็นตอนที่บุกเข้าไปในห้องเลยสักนิด เธอในตอนนั้นเป็นเหมือนนักรบหญิงที่เกือบจะฆ่าผู้ชายรูปร่างกำยำจนตาย

“เฉินมู่” ฮั่วหยุนเซียวเรียกเธอ

เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้ามองไปยังฮั่วหยุนเซียว เธอเลิกคิ้วขึ้นพร้อมฉีกยิ้ม “คุณชายฮั่ว คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอคะ?”

ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเดินเข้ามานั่งลงที่ขอบเตียงเพื่อไถ่ถาม “ยังเจ็บตรงไหนอยู่ไหม? โอวจินอยู่ที่นี่ ควรให้เขาช่วยตรวจดูอีกสักรอบหน่อยดีกว่า”

เฉินมู่ส่ายหน้า “ไม่เจ็บแล้ว มันเป็นแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้นเอง”

เธอยิ้มออกมาจากดวงตา ไม่มีความอ่อนแอแม้แต่น้อย

แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับปวดใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ปกติผู้หญิงที่พบเจอประสบการณ์เหล่านี้ ในเวลาแบบนี้พวกเธอจะร้องไห้ออกมาด้วยจิตใจที่แตกสลาย แต่สำหรับเฉินมู่แล้ว มันเปรียบเหมือนเรื่องทั่วไปที่พบได้ในกิจวัตรประจำวัน

ในช่วงเวลาที่เฉินมู่ไม่ได้พบกับเขา ในแต่ละวันเธอต้องใช้ชีวิตยังไงนะ?

ฮั่วหยุนเซียวยกฝ่ามืออุ่น ๆ ขึ้นลูบเส้นผมบนศีรษะของเธออย่างนุ่มนวล พูดเหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยที่ถูกรังแกมา “สาวน้อย เวลาได้รับบาดเจ็บก็ต้องเรียนรู้ที่จะตะโกนออกมาว่าเจ็บนะ”

เฉินมู่ชะงักอึ้ง ขอบตาเรียวเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา

ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเติบโตที่เคโจว ตราบใดที่ไม่ได้เสียแขนและขาไป บาดแผลเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นที่ภายนอกผิวหนังเท่านั้น เธอเป็นควีนขององค์กรนะ เป็นถึงตำนานที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใคร เป็นบุคคลที่ไม่สามารถร้องตะโกนออกมาว่าเจ็บได้

ทว่าวันนี้ วันที่เธอฟื้นขึ้นมาเจอกับฮั่วหยุนเซียว ในใจกลับเต้นแรงด้วยความยินดี แถมยังคิดบอกตนเองว่านี่มันสุดยอดจริง ๆ ชีวิตที่ได้รับหลังจากภัยพิบัตินี่แหละ ที่ทำให้เธอมีความสุขมาก

แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับพูดเตือนเธอว่า ตอนได้รับบาดเจ็บ เธอควรที่จะตะโกนออกมาเลยว่า เจ็บ

ในใจนั้นก็รู้สึกกล้ำกลืนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็กลัวอยู่หน่อย ๆ

หากสติปัญญาส่วนลึกดันบอกกับตัวเองว่า คนอย่างฉินมู่ไม่ควรที่จะเป็นเช่นนั้น เธอควรที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายด้วยความสุขุมเยือกเย็น มั่นคงดั่งขุนเขา แต่ถ้าหันกลับมาคิดถึงคำพูดที่ฮั่วหยุนเซียวเตือนสติเธอ ก็เกือบจะทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาโดนไม่รู้ตัว และทำให้ตัวเธอเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงอ่อนแอ

ผู้ชายคนนี้ เขาพยายามทะลวงเข้ามาในใจเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำลายแนวกำแพงที่ตั้งสูงนั่นให้พังทลายลง

แววตาของเฉินมู่นั้นสว่างไสว เธอยังคงสีหน้าปกติ ก่อนตอบ “แผลเล็กนิดเดียว ไม่เจ็บจริง ๆ ค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวสัมผัสได้ถึงการป้องกันตัวเองจากสายตาเฉียบคมของเธอ ร่างบางตรงหน้าสวมเปลือกหนา ๆ ห่อหุ้มเอาไว้ เชิงไม่อนุญาตให้ใครเปิดเผยความยิ่งใหญ่ของเธอ

แต่ว่าดวงตาที่สว่างไสวคู่นั้น กลับแสดงออกให้เห็นได้ชัดว่ามันแฝงไปด้วยสีแดงเหมือนกระต่ายน้อยที่ถูกรังแก

เฉินมู่ดื่มน้ำอีกหนึ่งครั้ง จึงถามต่อ “แล้วประธานจางคนนั้นล่ะ?”

ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วมองเธอ “คุณอยากจัดการมันเหรอ?”

เฉินมู่พยักหน้า “แน่นอนค่ะ นี่มันเป็นธุระของฉัน แล้วก็เฉินชิงเสวี่ยด้วย ฉันจะจัดการเอง”

ร่างสูงรู้อยู่นานแล้ว เฉินมู่แตกต่างจากคนอื่น เธอไม่ใช่สาวน้อยที่ชอบพึ่งพาคนอื่น เธอคือหมาป่าจ่าฝูง

“ตกลง รอให้คุณดีขึ้นสักหน่อย แล้วผมจะพาคุณไปดูเอง” ฮั่วหยุนเซียวบอก

เฉินมู่ก้มหน้าดื่มน้ำ หญิงสาวเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณชายฮั่วคะ ไม่ต้องดีกับฉันขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”

ฮั่วหยุนเซียวยกยิ้ม “นี่เรียกว่าดีสำหรับเธอแล้ว?”

เฉินมู่ชะงักไป ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกหรือ! อย่างว่า ถึงเธอจะโตมาขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมาก่อนเลย เธอไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ทว่าตอนนี้ มีผู้ชายที่หล่อเหลาและรวยมากมาคอยเอาใจใส่กันอยู่ แบบนี้ยังไม่เรียกว่าดีอีกหรือ?

ฮั่วหยุนเซียวพูดเสริม “งั้นคุณก็รู้สึกว่าผมดีกับคุณมาตลอดเลยสินะ”

แต่คำพูดที่เฉินมู่คิดจะตอบกลับดันติดอยู่ที่ปลายลิ้น จึงทำได้เพียงเงียบแล้วกลืนมันกลับไป จากความคิดของเธอ เธอคิดออกแค่ว่าฮั่วหยุนเซียวอาจจะมีชีวิตที่ขาดสีสัน เขาเลยมาหาความสนุกสนานกับเธอ

เพราะความจริงแล้วฮั่วหยุนเซียวก็ไม่ใช่คนสายตาสั้นนะ อีกฝ่ายก็มองเห็นแผลเป็นทั้งหมดบนใบหน้าของเธอนี่

แต่ต่อให้ชายคนนี้มาหาความสนุกธรรมดา มันก็ยังทำให้เฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองยังคงตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี

ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้ดึงดันอะไรมาก เสียงทุ้มเอ่ยเพียง “พักผ่อนเถอะ เรื่องอื่นพวกเราค่อยว่ากัน”

เฉินมู่ร้องตอบ “อื้อ” แล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย

หลังจากชายหนุ่มร่างสูงเดินออกไป มือบางก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากใต้หมอนแล้วเปิดเครื่องติดตาม ตราบใดที่ยังไม่ได้เห็นศพคนคนนั้นด้วยตาตัวเอง ภายในจิตใจเธอก็ยังไม่ยอมสงบนิ่ง

โอวจินที่อยู่ในห้องทำงานอย่างสุดแสนจะเบื่อหน่ายได้แต่นั่งถอนหายใจ รออยู่นานหลายนาที ในที่สุดฮั่วหยุนเซียวก็กลับมา คนเป็นเพื่อนสนิทจึงรีบเอ่ยถามอย่างหยอกล้อ “หยุนเซียว ดอกรักของนายมันจะผลิบานเร็วไปหน่อยไหม? สนิทมากจนห่างไม่ได้เลยนะ?”

ฮั่วหยุนเซียวส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “เปิดแค่ฝ่ายเดียว”

“อะไรคือเปิดแค่ฝ่ายเดียว?” โอวจินถาม

ฮั่วหยุนเซียวคิดไปคิดมาอยู่พัก พลางเอ่ย “เปิดใจแค่ฉันฝ่ายเดียวไง”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งและต้องการปฏิบัติต่อเธอด้วยหัวใจ

แต่ว่าเฉินมู่คนนี้ พอดีกับเธอแบบโจ่งแจ้งเกินไป การป้องกันตัวของเธอก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มักจะถอยออกพร้อมเว้นระยะห่างอย่างเงียบ ๆ ทำให้ฮั่วหยุนเซียวปวดหัวอยู่เล็กน้อย

โอวจินถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เป็นถึงบอสใหญ่ผู้สง่าผ่าเผย กว่าจะตกหลุมรักผู้หญิงสักคนก็ยากเย็นแสนเข็ญ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะไม่สามารถทำให้คนอีกที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยเริ่มเปิดหูเปิดตาและเปิดใจให้ตัวเองได้ น่าแปลกเสียจริง?

ถ้าไปบอกใครว่าเป็นพี่น้องกับคุณชายโอวผู้เชี่ยวชาญด้านความรักนี่มันจะน่าขายหน้าเกินไปแล้ว เอาล่ะ ถึงเวลาที่เขาต้องออกโรงไปบ่นจู้จี้เรื่องคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ของการช่วยชีวิตคนในวันนี้เสียหน่อยแล้ว!

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 17

    พอเฉินมู่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเช้าของวันที่สองไปเสียแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกดตรวจสอบโปรแกรมของระบบเครื่องติดตาม ที่จริงแล้วมันเป็นของที่เธอทำขึ้นมาลวก ๆ ขณะเกิดเหตุ นัยย์ตาเรียวมองมือถืออยู่ครู่หนึ่ง โดยภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิดเธอทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกด้านของเตียง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วค่อยพาตัวเองก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้องผู้ป่วย ทว่าในห้องกลับมีโอวจินที่สวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่เฉินมู่ยกมือขึ้นทัก “คุณหมอโอว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”โอวจินสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างมีลับลมคมนัย “เฉินมู่ เมื่อวานหยุนเซียวสารภาพรักกับเธอแล้วใช่ไหม?”เฉินมู่ผงะไป เธอดันโทรศัพท์เข้าไปใต้หมอนด้วนสีหน้าเรียบเฉยพลันส่ายหัว “เปล่านี่คะ”โอวจินทุบต้นขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “เปล่าเหรอ? นี่เธอเป็นคนจริง ๆ หรือท่อนไม้กันแน่ห๊ะ!”เฉินมู่กระพริบตาปริบ ก่อนถาม “ทำไมเหรอคะ? ท่อนไม้อะไร?”โอวจินดึงเฉินมู่ให้นั่งลงและพูดว่า “เฉินมู่ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไง เมื่อวานตอนได้รับสายจากเธอ หยุนเซียวก็คลั่งจนแทบเป็นบ้า!”“เขาสั่งให้แฮ็กเกอร์เจาะระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร ให้คนปิดถนน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 18

    “คุณชายฮั่ว ฉันต้องการคลิปในห้องด้วย” น้ำเสียงของเฉินมู่นั้นเรียบเฉยและสงบนิ่งพลันมีเสียงถอนหายใจแผ่วดังออกมาจากโทรศัพท์ ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “คุณเคยเรียนกังฟูมาก่อนหรือเปล่า?”เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ “เคยเรียนค่ะ”“เรียนกับใคร?” เสียงเข้มถามขึ้นอีกครั้งเฉินมู่ขมวดคิ้ว เรียนกับใครอย่างนั้นเหรอ?เธอฝึกซ้อมอยู่ในค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของเคโจว ทั้งล้มลุกคลุกคลานมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุด“เฉินมู่ คุณ...”“ไม่มีใครหรอกค่ะ ฉันเรียนด้วยตัวเองจนชำนาญ” เฉินมู่บอกตัดบทเขา “คุณชายฮั่ว นี่คุณกำลังตรวจสอบฉันอยู่เหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมกำลังทดลองทำความเข้าใจคุณอยู่”ครั้งนี้ ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้รอให้เฉินมู่ตอบกลับมา มือหนากดวางสายเสียงดัง “ตู้ด” ทันทีทัศนคติของเธอมันชัดเจนมาก เฉินมู่แสดงให้เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าไม่อยากโดนสืบข้อมูลใบหน้าหล่อบึ้งตึงพลางวางโทรศัพท์ลงตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เขาดูแลปกป้องเธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันกลายเป็นว่า เฉินมู่ไม่ยอมบอกอะไรสักเลยคำกระทั่งถึงตอนนี้ คำที่เฉินมู่ใช้

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 19

    เมื่อวานเธอทั้งต่อสู้ทั้งหลีกเลี่ยงจนเหนื่อยล้าเกินไป ทั้งวันเฉินมู่จึงไม่ได้ออกไปไหนเลยกระทั่งฟ้ามืด ร่างบางจึงเก็บของอย่างลวก ๆ แล้วลงบันไดไปเพื่อหามื้อดึกทาน ทว่าตอนที่เดินผ่านห้องของเฉินชิงเสวี่ย เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายหญิงดังมาจากข้างใน…บังเอิญว่าประตูห้องปิดไม่สนิท คำพูดทุกประโยคจึงดังเข้าไปในหูของเฉินมู่อย่างชัดเจน“เสวี่ยเอ๋อ ผมได้ยินว่ามีบริษัทนายหน้าอยู่ในนามของเฉินมู่ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่าพี่เขาไม่เข้าใจการดำเนินการของบริษัท พ่อเลยบอกว่าจะขายบริษัททิ้งแล้วล่ะ!”เฉินมู่ขมวดคิ้ว มีเพียงแค่บริษัทนั่นที่เป็นมรดกชิ้นเดียวของคุณแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้เธอ มันเป็นสินสอดที่เตรียมไว้ให้เฉินมู่ตอนหมั้นกับตระกูลลู่ เฉินลี้ซานยังไม่ทันจะถามความเห็นเธอ ก็จะขายบริษัทเสียแล้ว?“ซีเจ๋อ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว คนที่ต้องหมั้นกับคุณเป็นพี่เขานะ ถ้าพวกเราสองคนพูดเรื่องพวกนี้ออกไปก็คงดูไม่ดีนักหรอก...”“เสวี่ยเอ๋อ ห้ามพูดแบบนี้นะ! คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียว!”“คุณวางใจเถอะ การลงทุนที่คุณแลกเปลี่ยนกับประธานจางในครั้งนี้ มันได้ช่วยแก้ไขปัญหาของผมแล้ว อี

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 20

    “ฉึก” เฉินมู่ฉีกกระดาษหลายแผ่นในมือออกเป็นชิ้น ๆ พร้อมใช้สายตาแข็งกระด้างดุจเหล็กเหลือบมองคนเป็นพ่อ “เชื่อเถอะค่ะ ของของหนู ใครก็คว้ามันไปไม่ได้!”พูดจบก็หมุนตัวออกจากห้องทำงาน ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆสามสิบล้าน!กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอต้องหาเงินสามสิบล้านให้ได้ภายในสามวัน ถึงจะสามารถเอาสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้กลับมาได้!“เสี่ยวมู่!” ซู่หรูหลานตามออกมาแล้วปิดประตูห้องทำงานอย่างเบามือเฉินมู่หันหน้ามองไปที่เธอซู่หรูหลานไม่ได้ดูอ่อนโยนอีกต่อไป สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความสะใจ เธอยิ้มจนตาหยี “ได้ยินพ่อของเธอพูดแล้วนะ? บ้านหลังนี้ เขาเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง!”“พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนเป็นของชิงเสวี่ย รวมทั้งสมบัติที่แม่แกทิ้งไว้ด้วย! แต่จู่ ๆ แกก็อยากจะเรียกร้องขึ้นมา? เพ้อเจ้อ!”ดวงตาที่สุกใสคู่นั้นของเฉินมู่สบเข้ากับสายตาเหยียดหยามของหล่อน ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้น “จริงเหรอ? ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน!”ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะกินมื้อดึกอีกต่อไปแล้ว ขาเรียวจึงตรงกลับไปที่ห้องนอนทันควันการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้งครอบครัวที่ไม่แ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 21

    โอวจินตกตะลึงอยู่นาน แม้ว่าทักษะของเฉินมู่จะเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่ก็ยังเป็นคนที่ฮั่วหยุนเซียวชื่นชอบอยู่ดี แต่เธอก็ไม่ควรถูกคนที่นี่กลั่นแกล้งหรือเปล่าล่ะ?ก่อนที่เขาจะมีเวลาคิดหาทางแก้ไข ก็มีเสียงโห่ร้องมากมายบนฟลอร์เต้นรำดังขึ้นแทรก พร้อมคำพูดเย๊าะเย้ยของหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดังเข้าหู “ลู่ซีเจ๋อและเฉินชิงเสวี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากนะคะ ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว ต้องจูบให้ดูแล้วแหละ”กลุ่มคนผลักเฉินชิงเสวี่ยกับลู่ซีเจ๋อไปให้เขยิบไปใกล้กัน แถมยังตะโกนโห่ร้อง “แต่งเลย! แต่งเลย! แต่งเลย!”เฉินชิงเสวี่ยกอดแขนของลู่ซีเจ๋อด้วยท่าทางเขินอาย แล้วตอบกลับ “พวกเธออย่าพูดซี้ซั้วสิ เสียงดังน่ารำคาญจะตาย…”ลู่ซีเจ๋อมองดูท่าทางเขินอายของเฉินชิงเสวี่ยโดยไม่ตา จากนั้นก็จูบหล่อนที่บนใบหน้า ก่อนที่จะตะโกนตอบ “พอแล้ว พอแล้ว! เดี๋ยวจะประกาศให้รู้อย่างเป็นทางการเอง!”ในห้องจัดเลี้ยง ซู่หรูหลานก้าวขึ้นไปบนเวที หล่อนกระแอมเป็นเชิงขอพูดเปิดงาน “วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของชิงเสวี่ย ดิฉันจึงขอใช้โอกาสนี้แบ่งปันความสุขให้กับทุกคนค่ะ! เราทั้งสองตระกูลได้ตัดสินใจกันแล้ว ชิงเสวี่ยและลู่ซีเจ๋อลูกชายคนเดียวของต

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 22

    เฉินมู่ที่เติบโตขึ้นมาในรูปลักษณ์นี้ ยังจะสามารถคบหาผู้ชายอื่นได้อีกหรือ?ทันใดนั้น ไฟของห้องจัดเลี้ยงก็ดับลง ภาพของเฉินชิงเสวี่ยบนหน้าจอขนาดใหญ่ก็หายไปแล้วกลายเป็นวิดีโอของเฉินมู่แทน!ภาพที่เห็นคือร่างของเฉินมู่ที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก เธอหลับอย่างสนิทเพราะพิษของสารที่สูดเข้าไป และข้าง ๆ กันก็มีสุนัขล่าเนื้อยืนวนอยู่เธอเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น จากนั้นภาพก็ตัดกลับมาให้เห็นใบหน้าของประธานจางที่กำลังขยี้มือตัวเองอย่างอารมณ์ดี แล้วเขาก็เดินไปหาเฉินมู่!เฉินชิงเสวี่ยรีบตะโกนด้วยความตกใจ “นี่มันอะไร ใครทำ ใครทำ! รีบปิดเร็วเข้า! ปิดสิปิด!”เธอวิ่งเข้าไปถอดปลั๊กหน้าจอขนาดใหญ่ แต่กลับไม่ระวังไปคลิกโดนรูปภาพที่ไม่น่าดูจำนวนมากในคอมพิวเตอร์ภาพถ่ายที่ล้นหลามปรากฏขึ้นมาบนจออย่างบ้าคลั่ง รูปเหล่านั้นครอบคลุมหน้าจอขนาดใหญ่ไปทั่ว ซึ่งเจ้าของใบหน้าในภาพถ่ายล้วนเป็นของเฉินมู่ทั้งหมด รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอก็ถูกถ่ายออกมาเห็นได้ชัดเจนเฉินชิงเสวี่ยร้องเสียงหลง “ซีเจ๋อ จะทำยังไงดี! ดูเหมือนคอมพิวเตอร์จะติดไวรัส! ฉันปิดมันไม่ได้!”ท่ามกลุ่มผู้คน ใบหน้าของโอวจินดเริ่มตึงเครียดจนน่ากลัว เขาร

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 23

    ทันใดนั้น ผู้คนในงานเลี้ยงต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล“โอ้พระเจ้า! ความลับแตกใช่ไหมเนี่ย เฉินมู่ถูกน้องสาวของตัวเองทำร้ายงั้นเหรอ”“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินชิงเสวี่ยที่ดูเหมือนจะเป็นคนใจดี จะทำเรื่องแบบนี้ได้...”“เฮอะ เกรงว่าจะแกล้งเป็นคนใจดีนะสิ จริง ๆ ตอนที่ภาพปรากฏขึ้นเมื่อกี้นี้ ทำไมหล่อนถึงไม่ถอดปลั๊กไฟออกล่ะ”“...”“ว่าไงล่ะ ชิงเสวี่ย?” เฉินมู่ที่อยู่บนเวที เอ่ยเรียกเฉินชิงเสวี่ยอย่างเหยียดหยาม ไม่เหมือนเด็กกำพร้าแม่ผู้โดดเดี่ยวในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเลยสักนิด!คิ้วเรียวตรงที่เย็นชาไร้ความรู้สึก เริ่มเลิกขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น เฉินมู่ย้ำสิ่งที่พูดเมื่อครู่อีกครั้ง “ฉันทำให้ใครขุ่นเคืองนะ? ลับหลังฉัน แกทำร้ายฉันแบบนี้เหรอ?”ลู่ซีเจ๋อยังมองไปที่หญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนของตนด้วยท่าทางตกใจ เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนอย่างรอบคอบ เธอไม่เคยทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลยสักครั้ง?โอวจินตกตะลึงขณะมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ เขาเพิ่งพบแหล่งที่มาของข่าว แต่จะเทียบกับความเร็วของแฮ็กเกอร์คอมพิวเตอร์อย่างเฉินมู่ได้อย่างไร?ใบหน้าที่น่าสงสารของเฉินชิงเสวี่ยซีดราวกับกระดาษ หล่อนส่ายหน้าจนเกือบจะล้มล

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 24

    แต่เฉินมู่ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอตัดวิดีโอตอนท้ายออก แม้แต่รองเท้าหนังของผู้ชายที่เข้ามาในกล้องโดยไม่ได้ตั้งใจก็ถูกเข้ารหัสไว้ไม่ให้เข้าถึงวิดีโอตัวเต็มได้ง่าย ๆ เธอขีดเส้นไว้ชัดเจน ไม่ว่าวันนี้เธอจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เธอจะไม่มีวันดึงคนอื่นให้ต่ำลงไปพร้อมกับตัวเองเด็ดขาดเฉินมู่ปิดวิดีโอ พลางมองไปที่คุณนายจาง “คุณนายจาง คุณกำลังมองหาประธานจางอยู่ใช่ไหมคะ? ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่สถานีตำรวจ เพื่อนของฉันช่วยฉันไว้ แล้วเรียกตำรวจมา คุณสามารถไปหาเขาที่นั่นได้”คุณนายจางตกตะลึง เธอทรมานมาเป็นเวลานานเพราะเรื่องของสามี เฉินมู่จะตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายได้ที่ไหนกัน? เธอคนนี้ไม่มีสิ่งที่บอกว่ายั่วยวนสามีเธอเลยแม้แต่น้อย!เธอจึงรีบโทรศัพท์หาที่บ้าน แล้วพรวดพราดออกจากงานเลี้ยงไปในพริบตาเฉินชิงเสวี่ย ปาดน้ำตาสะอื้นไห้“พี่คะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันคิดมาเสมอว่าพี่ทำ…และนั่นคือเหตุผลที่ฉันพยายามปกปิดมัน ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ฉันกับซีเจ๋อจะช่วยกันฟ้องร้องห้องทำงานนั่นให้พี่เอง! แล้วก็ประธานจางด้วย!”เฉินชิงเสวี่ยกำลังร้องไห้เพื่อให้คนอื่นรู้สึกสงสาร อีกฝ่ายแสร้งทุกข์ใจเรื่องพี่สาวและหวาดกลัว อย่างก

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 249

    เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 248

    แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 247

    เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status