ทันใดนั้น ผู้คนในงานเลี้ยงต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล“โอ้พระเจ้า! ความลับแตกใช่ไหมเนี่ย เฉินมู่ถูกน้องสาวของตัวเองทำร้ายงั้นเหรอ”“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินชิงเสวี่ยที่ดูเหมือนจะเป็นคนใจดี จะทำเรื่องแบบนี้ได้...”“เฮอะ เกรงว่าจะแกล้งเป็นคนใจดีนะสิ จริง ๆ ตอนที่ภาพปรากฏขึ้นเมื่อกี้นี้ ทำไมหล่อนถึงไม่ถอดปลั๊กไฟออกล่ะ”“...”“ว่าไงล่ะ ชิงเสวี่ย?” เฉินมู่ที่อยู่บนเวที เอ่ยเรียกเฉินชิงเสวี่ยอย่างเหยียดหยาม ไม่เหมือนเด็กกำพร้าแม่ผู้โดดเดี่ยวในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเลยสักนิด!คิ้วเรียวตรงที่เย็นชาไร้ความรู้สึก เริ่มเลิกขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น เฉินมู่ย้ำสิ่งที่พูดเมื่อครู่อีกครั้ง “ฉันทำให้ใครขุ่นเคืองนะ? ลับหลังฉัน แกทำร้ายฉันแบบนี้เหรอ?”ลู่ซีเจ๋อยังมองไปที่หญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนของตนด้วยท่าทางตกใจ เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนอย่างรอบคอบ เธอไม่เคยทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลยสักครั้ง?โอวจินตกตะลึงขณะมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ เขาเพิ่งพบแหล่งที่มาของข่าว แต่จะเทียบกับความเร็วของแฮ็กเกอร์คอมพิวเตอร์อย่างเฉินมู่ได้อย่างไร?ใบหน้าที่น่าสงสารของเฉินชิงเสวี่ยซีดราวกับกระดาษ หล่อนส่ายหน้าจนเกือบจะล้มล
แต่เฉินมู่ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอตัดวิดีโอตอนท้ายออก แม้แต่รองเท้าหนังของผู้ชายที่เข้ามาในกล้องโดยไม่ได้ตั้งใจก็ถูกเข้ารหัสไว้ไม่ให้เข้าถึงวิดีโอตัวเต็มได้ง่าย ๆ เธอขีดเส้นไว้ชัดเจน ไม่ว่าวันนี้เธอจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เธอจะไม่มีวันดึงคนอื่นให้ต่ำลงไปพร้อมกับตัวเองเด็ดขาดเฉินมู่ปิดวิดีโอ พลางมองไปที่คุณนายจาง “คุณนายจาง คุณกำลังมองหาประธานจางอยู่ใช่ไหมคะ? ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่สถานีตำรวจ เพื่อนของฉันช่วยฉันไว้ แล้วเรียกตำรวจมา คุณสามารถไปหาเขาที่นั่นได้”คุณนายจางตกตะลึง เธอทรมานมาเป็นเวลานานเพราะเรื่องของสามี เฉินมู่จะตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายได้ที่ไหนกัน? เธอคนนี้ไม่มีสิ่งที่บอกว่ายั่วยวนสามีเธอเลยแม้แต่น้อย!เธอจึงรีบโทรศัพท์หาที่บ้าน แล้วพรวดพราดออกจากงานเลี้ยงไปในพริบตาเฉินชิงเสวี่ย ปาดน้ำตาสะอื้นไห้“พี่คะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันคิดมาเสมอว่าพี่ทำ…และนั่นคือเหตุผลที่ฉันพยายามปกปิดมัน ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ฉันกับซีเจ๋อจะช่วยกันฟ้องร้องห้องทำงานนั่นให้พี่เอง! แล้วก็ประธานจางด้วย!”เฉินชิงเสวี่ยกำลังร้องไห้เพื่อให้คนอื่นรู้สึกสงสาร อีกฝ่ายแสร้งทุกข์ใจเรื่องพี่สาวและหวาดกลัว อย่างก
“ถอนหมั้น?” เซินมู่เลิกคิ้วขึ้นถาม “มีเพียงของที่คุณภาพดีเท่านั้นที่ฉันอยากได้คืน จะบอกให้เอาบุญนะ สำหรับเราสองคน ฉันเปรียบเสมือนหัวหน้า และเขาคือผู้ลูกน้องที่ไม่มีประโยนช์ เธอคิดว่าเขามีคุณสมบัติอะไรเหรอที่จะถอนหมั้นฉันได้?”เฉินมู่หันไปมองคุณปู่พลันเหยียดหลังให้ตรง ร่างบางยื่นนิ่งไม่ถ่อมตัวหากไม่ได้เอาแต่ใจเช่นกัน “คุณปู่คะ ไหนไหนท่านก็มาแล้ว ได้โปรดให้หนูตัดสินใจเรื่องที่ถอนหมั้นด้วยค่ะ แล้วหนูจะไม่ค้านความคิดเห็นอื่นเลย!”“ขอแค่ไม่ใช่ตระกูลลู่ที่จะถอนหมั้น แต่เป็นตระกูลเฉินของเราต่างหากที่กำลังจะถอนหมั้น วันนี้ฉันเฉินมู่ จะประกาศให้รู้อย่างเป็นทางการว่า ฉันขอถอนหมั้นกับลู่ซีเจ๋อ!”“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย?” ยังไม่ทันที่ลู่ซีเจ๋อจะได้จัดแจงเรื่องของเฉินชิงเสวี่ยเมื่อครู่ ชายหนุ่มกลับต้องชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินมู่พูดออกมา!ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “จะถอนหมั้นงั้นเหรอ? แล้วคุณมีหลักฐานฟ้องร้องหรือไง?”เฉินมู่ไม่ได้มองที่ลู่ซีเจ๋อด้วยซ้ำ เธอแค่มองไปที่คุณปู่ แล้วพูดว่า “ลู่ซีเจ๋อตัดสินผู้คนจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายไม่รักษาสัญญาการแต่งงานในครั้งนี้ อีกอย่างตอ
ท่าทางของเฉินมู่ในปัจจุบันไม่ได้ด้อยกว่าแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กเลย บางทีเฉินมู่อาจเป็นลูกที่ดีที่สุดของตระกูลเฉินก็ได้ เขาจะเธอรีบออกจากบ้านไปได้ยังไงกันล่ะ?เฉินมู่ยิ้ม “คุณปู่เป็นคนตัดสินใจเองเถอะค่ะ”“เสี่ยวมู่ มานี่ กลับบ้านกับปู่ ปล่อยให้ทั้งคู่จัดการเรื่องเลอะเทอะนี่ไปเถอะ!” คุณปู่พูดอย่างหงุดหงิดเฉินมู่ไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินไปหาคุณปู่ แต่ทันทีที่ผ่านหน้าเฉินชิงเสวี่ย เฉินมู่ก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย “จะประกาศสงครามไม่ใช่เหรอ? วันเกิดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น! แกพอใจกับมันไหม?”เฉินชิงเสวี่ยตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้ ขาของหล่อนอ่อนแรงลง และเกือบจะล้มลงกับพื้นคืนนี้คนที่ต้องถูกทำลายควรจะเป็นเฉินมู่ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังชี้เป้าไปที่เฉินชิงเสวี่ยเธอแพ้ และแพ้อย่างไม่น่าให้อภัยด้วย!ลู่ซีเจ๋อมองไปที่แผ่นหลังของเฉินมู่ที่มีผมยาวสยายถึงเอว อีกทั้งยังมีรูปร่างผอมเพรียว แต่เธอได้แสดงออร่าที่กล้าหาญและเฉียบขาดออกมาให้พวกเขาได้เห็นแล้วตั้งแต่เมื่อไรกัน เฉินมู่ไม่ใช่เด็กกำพร้าแม่ที่แสนโด่ดเดี่ยวอีกต่อไป เธอทั้งมีความภูมิใจ มีอำนาจ และยังมีเสน่ห์จนน่าอิจฉามีเสน่ห์เหรอ? ลู่ซีเ
ทันทีที่เฉินมู่พูดจบ ไม้เท้าของคุณปู่ก็กระแทกกับพื้นอย่างแรง“เธอกำลังจะหมั้นอยู่แล้ว! ยังจะใช้ความอายุน้อยของเธอเป็นข้ออ้างอีก เพราะความประพฤติผิดของเธอ ยังคิดเพ้อเจ้อที่จะแต่งงานกับตระกูลลู่อีก! แล้วยังคิดที่จะเข้าวงการบันเทิงตามชิงโหรวงั้นเหรอ! หน้าฉันคงไม่เหลือที่ว่างให้อับอายแล้ว!”“พ่อครับ ชิงเสวี่ยเธอ…” เฉินลี้ซานคงต้องการพูดอะไรบางอย่างกับลูกสาวตัวน้อยของเขา“หุบปาก!” คุณปู่ดุ “ถ้าเธอไม่เอาแต่ใจจนเคยตัว เธอจะคิดแผนที่ชั่วร้ายแบบนี้ออกมาได้ไหม?”“ระหว่างพี่น้อง แค่มีปัญหาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็พอฟัง แต่นี่เธอต้องการทำลายความบริสุทธิ์ของพี่สาวตัวเองจริง ๆ! หักเงินค่าขนมของเธอซะ เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกในช่วงวันหยุดนี้ จงพิจารณาตัวเองอยู่ที่บ้าน! ถ้าสร้างปัญหาอีก ก็ให้ส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศเลย แล้วคืนนี้ก็ไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วย!”เฉินชิงเสวี่ยร้องไห้โฮ เมื่อปู่พูดออกมาแบบนี้ เธอจึงต้องไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษและคุกเข่าสำนึกผิด ซู่หรูหลานรู้สึกเสียใจต่อลูกสาวของเธอ ดังนั้นเธอจึงไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วยเฉินลี้ซานนั่งบนโซฟา พลางถามอย่างไม่พอใจ
ฮานเฉิงแอบเช็ดเหงื่อออกจากหน้าอย่างเงียบ ๆ เขาติดตามฮั่วหยุนเซียวหลายปีแล้ว อีกทั้งยังคงรู้จักฮั่วหยุนเซียวเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเดาความคิดของบอสตัวเองได้เลย!เขาไม่สามารถเก็บซ่อนสายไม่จากคุณเฉินได้ ร่างสูงทำท่าทีเฉยเมย แต่ลึก ๆ แล้วกลับไม่มีความสุขอยู่สินะ?หัวใจผู้ชายนี่ยากจะเข้าถึง ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก…เฉินมู่วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว แล้วหันไปนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ เธอก็ไม่เคยเกลี้ยกล่อมคนได้สำเร็จ ก็เธอเป็นนักฆ่านี่หน่า จะเกลี้ยกล่อมคนได้อย่างไร?เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินมู่ลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง เหล่าคนรับใช้ต่างก็เปลี่ยนพฤติกรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ พร้อมทั้งกล่าวทักทายเธอด้วยความเคารพ “คุณหนูใหญ่ สวัสดีตอนเช้าค่ะ!”ทันทีที่เฉินมู่นั่งลง คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามาพลางส่งการ์ดเชิญให้เธอ หล่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู ใหญ่ นี่คือการ์ดเชิญที่ส่งมาจากคุณนายลู่ ขอเชิญคุณไปงานเลี้ยงตระกูลลู่ในตอนบ่ายค่ะ”เฉินมู่รับการ์ดเชิญ พลางชำเลืองมองดู แน่นอนว่ามาจากตระกูลลู่จริง ๆเธอแปลกใจเล็กน้อย เมื่อวานเธอตบหน้าตระกูลลู่ท่ามกลางสาธารณชนแบบนั้น แ
ประโยคนี้คงจะแทงใจดำเฉินชิงเสวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย!หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืน ลู่ซีเจ๋อก็รีบออกจากงานไปทันที เฉินชิงเสวี่ยโทรไปหลายรอบ แต่ไม่มีใครรับสายจนถึงตอนนี้ลู่ซีเจ๋อก็ไม่ได้ติดต่อกลับมานานกว่าสิบชั่วโมงแล้ว!ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยแยกจากกันเลย! ทว่าครั้งนี้ ลู่ซีเจ๋อคงโกรธมากจนไม่อยากคุยกับเธอ!เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองไปที่เฉินมู่ “หุบปาก! มันเป็นเพราะเธอนั่นแหละ!”เฉินมู่เยาะเย้ย “เพราะฉันงั้นเหรอ? เฉินชิงเสวี่ย แกหาคนมาลักพาตัวและใส่ร้ายฉัน ตอนนี้ยังจะมาตำหนิฉันอีก หน้าแกนี่ทำมาจากอะไรเหรอ? ทำไมถึงหนาได้ขนาดนี้นะ?”“หุบปาก หุบปาก!” เฉินชิงเสวี่ยผลักเฉินมู่ออกไป “นั่นเป็นเพราะเธอ! ถ้าเธอออกจากบ้านตระกูลเฉินไป ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น! เฉินมู่...ทำไมเธอไม่ตายไปพร้อมกับแม่ของเธอห๊ะ!”ปกติแล้วเฉินชิงเสวี่ยจะแสร้งทำเป็นสุภาพและใจดี แต่ตอนนี้เธอถูกกระทบกระเทือนจากการละเลยของลู่ซีเจ๋อ เธอจึงดุด่าเฉินมู่โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอผลักเฉินมู่อย่างแรงเหมือนผู้หญิงบ้าแต่เฉินมู่ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยถูกรังแกอีกต่อไป เธอผลักเฉินชิงเสวี่ยคืนจนอีกฝ่ายล้มเสียงดังลั่น!
“ฉันตบเธองั้นเหรอ?” เฉินมู่มองเฉินชิงเสวี่ยที่ทำตัวน่าสงสารบนโซฟา เจ้าตัวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าที่ซีดขาวนั่นหล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังอยากบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งมันเป็นความพิเศษของน้องสาวคนนี้เฉินมู่เดินเข้าไปพร้อมยักไหล่ด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม “ถ้าฉันอยากจะทำอะไรกับเธอจริง ๆ ตอนนี้เธอคงจะอยู่ในหอผู้ป่วยหนักหรือไม่ก็...ห้องเก็บศพ”“เฉินมู่!” เฉินลี้ซานพูดด้วยความโกรธ “อย่าให้มันเยอะเกินไป!”ลู่ซีเจ๋อก็ดูผิดหวังเช่นกัน เขายืนขึ้นเดินไปใกล้เฉินมู่ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เฉินมู่ ผมรู้ว่าแม่ของผมส่งการ์ดเชิญให้คุณในวันนี้ ผมจะบอกคุณให้ชัดเจนว่า คุณล้มเลิกความตั้งใจนี้ซะเถอะ!”“แม้ว่าแม่ของผมจะชอบคุณ! และแม้ว่าเสวี่ยเอ๋อจะทำผิดพลาดไปบ้าง แต่ผมก็จะไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ใจร้ายอย่างคุณ!”ลู่ซีเจ๋อเคยมีความประทับใจที่ดีต่อเฉินมู่ แต่หลังจากที่เฉินมู่เสียโฉม เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับเขาต่อให้เฉินมู่จะร้องไห้ขี้มูกโป่งขนาดไหน ก็มีแต่จะทำให้เขาเบื่อมากยิ่งขึ้นหลังจากรู้จักกันมาหลายปี เขาเริ่มรู้สึกเคยชินกับการไล่ติดตามของเฉินมู่ดั่งเช่นครั้งที่เขาสั่งสอนเฉินมู่อ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง