Share

บทที่ 12

Author: เฉียวเหมย
ตระกูลลู่

ลู่ซีเจ๋อวุ่นวายแต่เช้าตรู่ กว่าจะเกลี้ยกล่อมเฉินชิงเสวี่ยให้ออกไปได้นั้นมันไม่ง่ายเลย ทันทีที่เข้ามาในบ้าน พริบตาถ้วยชาก็กระแทกเข้ากับหน้าผากเขาจนเลือดกระเด็นออกมาอย่างจัง

ลู่ซีเจ๋อที่ถูกกระแทกยังคงมึนงงอยู่และถามอย่างโมโหว่า “พ่อ! นี่พ่อทำอะไรเนี่ย!”

“ทำอะไร? ฉันจะฆ่าแกไอ้ลูกไม่รักดี!”

ลู่เทาตะโกนด้วยใบหน้าเขียวปั๊ด “กว่าฉันจะได้โปรเจกต์นี้มาได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่มันกลับถูกแกทำลายไปแล้ว! นอกจากแกจะเอาแต่สร้างปัญหาแล้ว แกยังจะมีปัญญาไปทำอะไรได้อีก!”

“พ่อ! นี่พ่อกำลังพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย!” ลู่ซีเจ๋อตะโกนตอบ

“วันนี้แกไปทำอะไรเอาไว้ที่ร้านเซียวเซียงซวนมาล่ะ? แกรู้ไหม เซียวเซียงซวนเป็นร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว! แกกล้าดียังไงถึงไปก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาเขตของตระกูลฮั่ว! แกกลัวว่าพ่อของแกจะอายุยืนใช่ไหม!” ลู่เทาอดกลั้นเอาไว้จนทั้งใบหน้าแดงก่ำไปหมด

ลู่ซีเจ๋อตะลึงงันไปครู่หนึ่ง อะไรนะ? เซียงเซียวซวนคือร้านของคุณชายรองตระกูลฮั่ว? ถ้าอย่างนั้นไอ้เวรนั่นก็เป็นคุณชายรองเหรอ?

เขากับเฉินชิงเสวี่ยถึงขั้นตะโกนปะทะฝีปากกับคนคนนั้น แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายโปรเจกต์ใหญ่ของลู่กรุ๊ปไปแล้วน่ะสิ!

ในตอนที่ลู่ซีเจ๋อถูกลู่เทาด่าจนเลือดแทบกระอัก คุณนายลู่ก็ด่าออกมาชุดใหญ่เช่นกัน

“ฉันรู้เรื่องแล้วนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินชิงเสวี่ย ลูกก็ไม่ต้องมีเรื่องกับคุณชายรองของตระกูลฮั่วหรอก แม่เคยพูดไปแล้วว่าเฉินชิงเสวี่ยน่ะเป็นตัวอันตราย แต่ลูกไม่ฟังเอง!”

ลู่ซีเจ๋อไม่พอใจขึ้นมาอย่างทันที

“เสวี่ยเอ๋ออ่อนโยนและเอาใจใส่จะตาย อันตรายตรงไหนกัน? อีกอย่างเรื่องวันนี้ก็โทษเธอไม่ได้! ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินมู่เอาแต่ตามตื๊อแบบไม่มีเหตุผล จะเกิดเรื่องที่ไหนกันเล่า? งานหมั้นนี่ผมก็ถอนหมั้นไปแล้วด้วย!”

คุณนายลู่โมโหจนหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าลูกชาย แม่มองคนไม่เคยผิด! เสี่ยวมู่ทั้งรู้ความและรอบรู้! แม่ของเธอก็เคยเป็นอัจฉริยะด้านธุรกิจในปีนั้นด้วย!”

“ถ้าตัดเรื่องนิสัยกับฐานะ ตอนนั้นที่แม่ของเสี่ยวมู่ทำเรื่องหมั้นหมายกับพวกเราไว้ เธอทิ้งบริษัทนายหน้าไว้เป็นสินสอดทองหมั้น ถ้าลูกแต่งงานกับเธอ บริษัทนั่นก็จะตกเป็นของลูก!”

ลู่ซีเจ๋อโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ “ผมไม่ได้อยากได้บริษัทอะไรนั่น! ผมต้องการแค่เสวี่ยเอ๋อ! อีกอย่าง เรื่องของสินสอดยังไงคุณลุงเฉินก็เป็นคนตัดสินใจไม่ใช่เหรอ? เขายินดีที่จะให้บริษัทกับใครก็ให้ไปเถอะ!”

คุณนายลู่เอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ซีเจ๋อ! รอให้เสี่ยวมู่ได้แต่งงานกับคนอื่นก่อนเถอะ ลูกจะมาเสียใจทีหลังมันก็สายเกินไปแล้ว!”

“ผมไม่มีทางเสียใจในภายหลังแน่!” ลู่ซีเจ๋อสาบานอย่างหนักแน่น

เฉินชิงเสวี่ยสวยกว่าเฉินมู่ตั้งเยอะ อีกทั้งยังรู้ความ อ่อนโยน มีน้ำใจ เธอยังจะมีอะไรให้เขาผิดหวังในอนาคตได้อีก?

ลู่เทาตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “ฉันไม่สนว่าแกจะแต่งกับใคร! แต่ถ้าแกไม่ได้โปรเจกต์ของฮั่วกรุ๊ปที่ขาดทุนไปกลับมาล่ะก็! ตำแหน่งรองประธานอะไรนั่นแกก็อย่าได้เป็นเลย!”

ทางด้านเฉินชิงเสวี่ย เธอได้กลับมาที่ตระกูลเฉินเป็นที่เรียบร้อย ซู่หรูหลานรีบเข้ามาต้อนรับเธอและถามว่า “เป็นอย่างไร? บอสฮั่วว่าไงบ้าง?”

เฉินชิงเสวี่ยยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วตอบ “บอสฮั่ว...บอสฮั่ววันนี้ยุ่งมาก ประชุมทั้งวันเลย หนูกับซีเจ๋อเลยไม่อยากรบกวนเขา...”

เมื่อชายชราได้ยินประโยคนี้จึงถามขึ้นว่า “ก็แสดงว่าแม้แต่หน้าเขาหลานก็ยังไม่ได้เห็น?”

“ไม่ใช่นะคะ!” เฉินชิงเสวี่ยรีบปฏิเสธทันที “แน่นอนว่าได้พบแล้วค่ะ! บอสฮั่วตอบตกลงที่จะมางานเลี้ยงวันเกิดแล้วด้วย เพียงแต่เรื่องเล็ก ๆ เมื่อคืนก่อนมันไม่ควรที่จะหยิบเอามาเบียดเบียนเวลางานของเขาต่างหาก”

ซู่หรูหลานรู้สึกเบิกบานขึ้นมาทันที “สมควรแล้ว ๆ ในเมื่อบอสฮั่วรับปากที่จะมางานเลี้ยงวันเกิด ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเมื่อวานเลย”

ชายชราพยักหน้า “ที่พูดมามันก็ถูก จริงสิ เสี่ยวมู่ไปไหนแล้วล่ะ? ทำไมถึงไม่เห็นเธอทั้งวันเลย?”

เฉินชิงเสวี่ยกลอกลูกตาไปมาด้วยความเลิ่กลั่กพลางพูดอย่างตะกุกตะกัก “พี่เขา พี่เขาวันนี้ไปทานข้าวที่ร้านเซียวเซียงซวนกับผู้ชายน่ะค่ะ...”

“ผู้ชาย? ผู้ชายอะไร?”ชายชราตกตะลึง

เฉินชิงเสวี่ยส่ายหน้า “เห็นไม่ค่อยชัด แต่น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตสักคนล่ะมั้ง? สถานที่อย่างเซียวเซียงซวนไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าไปได้หรอกนะคะ”

“การหมั้นของเธอยังคงอยู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”ชายชราพูดออกมาด้วยความโมโห “ยังมีครูสอนพิเศษอยู่ไหม! ไปตามคนกลับมาให้ฉัน หลายวันมานี้ยังขายขี้หน้ากันไม่พออีกใช่ไหม!”

เฉินชิงเสวี่ยยิ้มเยาะในใจ เฉินมู่ กล้าที่จะมาแย่งลู่ซีเจ๋อกับเธอหรือ เธอจะต้องทำให้เฉินมู่รับรู้ถึงความร้ายกาจเสียหน่อยแล้ว!

โรงพยาบาลอันเซิ่ง

ตอนที่เฉินมู่ตื่นขึ้นมา เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหมอนก็ดังขึ้นไม่หยุด เธอกดรับสายแล้วพูดเสียงอ่อนอย่างคนไร้เรี่ยวแรงว่า “สวัสดีค่ะ?”

“เสี่ยวมู่! เธอหลับอยู่งั้นเหรอ?”ซู่หรูหลานแผดเสียงพูดจนเพดานห้องเกือบจะถล่ม “นี่มันกลางวันแสก ๆ! เธอไปนอนอยู่ที่ไหนกัน?”

เฉินมู่ขมวดคิ้วเข้าหากัน อีกทั้งตรวจเช็คให้แน่ใจอีกครั้งว่าใครโทรมาและถามว่า “คุณป้าซู่มีธุระอะไรหรือคะ?”

น้ำเสียงของซู่หรูหลานนั้นเฉียบคมและแสบแก้วหู “ธุระน่ะมีแน่! เธอรีบกลับมาเถอะ! คุณปู่ทราบเรื่องเธอกับผู้ชายคนนั้นแล้ว แถมกำลังด่าว่าเธอไร้ยางอายอีกด้วย! เธอกลับมาอธิบายเองเถอะ!”

สายถูกตัดไปแล้ว เฉินมู่กระพริบตาปริบ ๆ ผู้ชายอะไรกัน? สองแม่ลูกซู่หรูหลานหาเรื่องอะไรให้เธออีก?

เธอตรวจสอบข้อมือที่พันผ้าพันแผลอย่างดี ลุกขึ้นเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยและทำท่ารีบร้อนจะออกไป แต่เสียงร้อนรนของโอวจินก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “คุณเฉิน! คุณจะไปไหนครับ?”

“กลับบ้าน!”

โอวจินมองไปยังเบื้องหลังของเฉินมู่ที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แค่คำว่ากลับบ้านสองคำ มันทำให้คำพูดของเธอดูทรงพลังเหมือนอยู่ในสนามรบ

โอวจินหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วพูดอย่างยั่วเย้าว่า “บอสฮั่ว คุณเฉินจะเข้าสู่สนามรบเพื่อไปสังหารศัตรูแล้ว ฉันส่งข่าวให้แล้วนะ ส่วนตัวคนฉันไม่สามารถยื้อไว้ได้จริง ๆ”

พอเฉินมู่เขามาภายในประตูบ้าน บรรยากาศในห้องรับแขกก็กดดันขึ้นมา ชายชรามองเฉินมู่ด้วยสายตาอึมครึมแวบหนึ่ง “เสี่ยวมู่ หลานพูดมาสิว่าช่วงเช้าหลานหายไปที่ไหนมา?”

เฉินมู่เปลี่ยนรองเท้าเดินเข้าไปข้างใน “ไปทานข้าวเช้าค่ะ”

“ไปทานกับใคร?”

เฉินมู่กำลังอ้าปากแต่ยังไม่ได้พูดออกไป ตอนนี้ถ้าเธอบอกว่าไปกับฮั่วหยุนเซียว มันจะยิ่งเป็นเรื่องที่อธิบายลำบาก

“ไปกินกับใคร!” คุณปู่เพิ่มเสียงและตะโกนถาม

เฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่อีกด้านพูดอย่างแผ่วเบาว่า “พี่คะ พี่ยอมรับไปเหอะน่า คุณปู่รู้เรื่องหมดแล้ว”

“ใช่เหรอคะ?”เฉินมู่ขมวดคิ้ว “คุณปู่ทราบอะไรมาคะ?”

เฉินชิงเสวี่ยขบกรามแน่น ยัยเฉินมู่คนนี้ ยังไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ!

“งานเลี้ยงเมื่อคืนก่อนหลานก็ออกไปมั่วสุมไม่ยอมกลับบ้าน วันนี้ก็ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ ตอนที่แม่โทรหาหลานก็ไม่รู้ว่าหลานไปนอนหลับอยู่ที่ไหน ปู่ได้ยินชัดเต็มสองรูหู หลานยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? จะต้องทำให้ปู่โกรธจนตายเลยใช่ไหม?”

เฉินชิงเสวี่ยตีหน้าเศร้าโศกเสียใจ

เฉินมู่ยิ้มขันพลางพูดขึ้นมาบ้าง “มีคนทำให้จริงเป็นเท็จทำให้ขาวเป็นดำแบบเธอกระโดดไปมาอยู่ในตระกูลเฉินแบบนี้ ต้องรอถึงรอบไหนล่ะฉันถึงจะทำให้ผู้ใหญ่โกรธจนตาย?”

“พี่! นี่แก...”

“พอแล้ว!”ชายชราตะโกนถามว่า “เสี่ยวมู่! หลานตอบมา! หลานไปทานข้าวเช้ากับใคร! เป็นผู้ชายคนไหน!”

“ผมเอง”

ทันใดนั้น น้ำเสียงที่เยือกเย็นน่าดึงดูดก็ดังขึ้น เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปเห็นผู้ชายในชุดสูทสีดำก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามาในห้องรับแขก ด้านหลังเป็นฮานเฉิงที่มีสีหน้าเอาจริงเอาจังตามมาด้วย

“ฮั่ว...บอสฮั่ว?”เฉินชิงเสวี่ยพูดติดอ่าง

ชายชราพยุงตัวลุกขึ้นในทันทีและถามว่า “หยุนเซียว ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”

“ผมมีธุระบางอย่างอยากพบคุณปู่ ไม่ได้ให้คนมาแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้า มันกระทันหันน่ะครับ”ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้าเล็กน้อย

ซู่หรูหลานรีบเรียกคนรับใช้มารินน้ำชาให้ฮั่วหยุนเซียวพร้อมกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่น “ท่านประธานฮั่ว! นั่งลงก่อนค่ะ! นั่งลงจิบชาก่อน! ยังมีธุระอะไรถึงได้ลำบากคุณให้มาด้วยตัวเองอีกเหรอคะ?”

ฮั่วหยุนเซียวนั่งลงอีกฝั่งของโซฟาคู่ เขาเอียงหน้าไปมองเฉินมู่พลันเรียกอีกฝ่าย “มานี่ นั่งลง”

“อ้อ” เฉินมู่ขยับตัวมาข้าง ๆ ฮั่วหยุนเซียวและนั่งลงอย่างเงียบ ๆ

ชายชราเพิ่งจะนึกหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ออก จึงถามขึ้น “หยุนเซียว เมื่อกี้พูดว่า...คนที่ทานข้าวเช้ากับเฉินมู่ก็คือ...”

“ผมเองครับ” มือของฮั่วหยุนเซียวแนบกับถ้วยชาและลูบไล้ไปมาขอบแก้วไปมา น้ำชายังอุ่นอยู่ เขาผลักถ้วยชาไปให้เฉินมู่เบา ๆ

ฮั่วหยุนเซียวพูดต่อว่า “คุณหนูเฉินรู้สึกละอายใจที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้มีข้อบกพร่อง จึงมาขอโทษเป็นพิเศษ ได้ยินมาว่าสุขภาพของคุณหนูเฉินไม่ค่อยดี ผมทนใจแข็งไม่ได้ เลยทานข้าวด้วยกันและไม่ถือสาเรื่องเมื่อคืนแล้ว”

น้ำชาที่เฉินมู่จิบเข้าปากไปหนึ่งอึกแทบจะพุ่งออกมา เธอเนี่ยนะละอายใจ? แถมยังมาขอโทษเป็นพิเศษ? ในบรรดาประโยคพวกนี้มีประโยคไหนที่ใกล้กับความจริงของเธอบ้าง?

ชายชรานิ่งอึ้งและหันไปมองเฉินชิงเสวี่ย ก่อนจะวกกลับไปมองที่ฮั่วหยุนเซียวแล้วถามอีกครั้ง “เป็นเสี่ยวมู่หรอกเหรอที่ไปขอโทษ? ไม่ใช่ชิงเสวี่ย?”

ขาของฮั่วหยุนเซียวไขว้กันอย่างเป็นธรรมชาติ ร่างแกร่งเอนตัวพิงโซฟาทำให้บรรยากาศรอบตัวเขานั้นดูมีพลังราวกับเป็นเทพเจ้า ดวงตาลึกล้ำของเขากวาดตามองทุกคนในห้องรับแขก เสียงเข้มเอ่ยเรียบนิ่ง “ใครคือชิงเสวี่ย?”

ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยแดงระเรื่อขึ้นมาทันที!

เมื่อครู่เธอยังพูดอย่างไม่อายปากอยู่เลยว่าฮั่วหยุนเซียวตอบตกลงที่จะมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเธอไปแล้ว!

สรุปตอนนี้คือฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร? นี่มันเจ็บยิ่งกว่าโดนเฉินมู่ตบหน้าเสียอีก!

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 13

    ชายชราสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาสื่อถึงอะไร เมื่อนึกถึงสิ่งที่เฉินชิงเสวี่ยพูดเมื่อสักครู่ ทั้งหมดล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวงผู้ใหญ่! แม้แต่ใบหน้าของฮั่วหยุนเซียวเธอก็ยังไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ!ชายชรารู้สึกเสียหน้า จึงทำได้เพียงแค่นยิ้มเท่านั้น “เสี่ยวมู่รู้ความมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้รบกวนเวลางานของเธอใช่ไหม?”ฮั่วหยุนเซียวหันหน้าไปมองเฉินมู่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาดื่มชาแวบหนึ่งและขำออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับ รู้ความมากจริง ๆ”เฉินมู่สำลักน้ำในปาก คราวก่อนเธอก็ถูกชมว่ารู้ความ หมายถึงแนวคิดคร่าว ๆ ตอนฆ่าคน เธอเลือกที่จะลั่นไกไม่ใช้การต่อสู้แบบประจัญบานน่ะนะ“อย่างนั้นก็ดีแล้ว ๆ...”ชายชราคิดว่าตราบใดที่เขายังไม่ได้ผิดใจกับตระกูลฮั่ว แบบไหนก็ดีทั้งนั้นฮั่วหยุนเซียวเก็บรอยยิ้มและพูดต่อ “ที่มาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”“เรื่องอะไร? หยุนเซียว ไหนเธอลองว่ามาสิ” ชายชราถามกลับทันทีฮั่วหยุนเซียวเงยหน้ากวาดตามองเฉินชิงเสวี่ยครู่เดียว เฉินชิงเสวี่ยก็สะดุ้งเฮือก พลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจฮั่วหยุนเซียวรับใบเรียกเก็บเงินมาจากมือของฮานเฉิงและวางมันลงบนโต๊ะดื่มชาหินอ่อนเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 14

    เฉินมู่ขมวดคิ้วตอบ “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ”แต่ชายชรากลับกระชับข้อมือเธอและพูดว่า “วันนี้บอสฮั่วยอมเอ่ยปากพูดเพื่อหลานเลยนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปล่ะก็ไม่มีทางที่จะได้รับอะไรแบบนี้หรอก! ปู่ให้พ่อบ้านเขียนเช็คให้หลานแล้วห้าแสน หลานไปหาซื้อเสื้อผ้าดี ๆ มาสักสองสามชุด ไปเชิญฮั่วหยุนเซียวทานข้าวเป็นการกล่าวขอบคุณเขาด้วย”เฉินมู่ขมวดคิ้วถาม “ปู่คะ ปู่หมายความว่า?”ชายชราตอบ “ช่วงนี้สถานการณ์ที่บริษัทไม่ค่อยดีนัก หลานดูพ่อของตัวเองสิ ร้อนใจจนกินข้าวไม่ลงแล้ว เดิมทีก็คิดที่จะเกี่ยวดองกับตระกูลฮั่วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของหลานของกับซีเจ๋อไม่ลงลอยกัน ถ้าหากสามารถผูกสัมพันธ์กับฮั่วกรุ๊ปไว้ได้ละก็ พวกเราคงจะสบายมากขึ้นเยอะเลย”เฉินมู่หน้าชาขึ้นมาทันที “หนูไม่ไปค่ะ หนูกับฮั่วหยุนเซียวไม่ได้สนิทกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขามาร่วมธุรกิจกับตระกูลเฉินเลย คุณปู่ให้เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนไปเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“เฉินมู่!”ชายชราตะโกน “ก็แค่กินข้าวแค่นั้นเอง! ตระกูลเฉินเลี้ยงหลานมาตั้งนาน! เรื่องเล็กแค่นี้หลานกลับไม่เต็มใจที่จะทำ หลานช่วยไตร่ตรองเพื่อผู้ใหญ่หน่อยจะได้ไหม?”เฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 15

    เวลาหนึ่งทุ่มตรง เฉินมู่เปลี่ยนเสื้อผ้า มัดผมหางม้าโดยไร้ความลังเลหรือเขินอายแม้แต่น้อยเมื่อไม่มีเส้นผมมาปิดบังแล้ว รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ปรากฎให้เห็นในสายตาอย่างชัดเจนเฉินมู่ไม่สนใจถ้าลู่ซีเจ๋อจะเห็นมัน กลับกันเธอน่ะเป็นคนที่สะอิดสะเอียนเขาด้วยซ้ำ พอได้ของแล้วเธอก็จะกลับเมื่อมาถึงร้านอาหารที่ลู่ซีเจ๋อจองเอาไว้ พนักงานพาเธอเข้ามาในห้องรับรองส่วนตัว เฉินมู่ไม่ได้มารอลู่ซีเจ๋อ แต่กลับเป็นการมารอเฉินชิงเสวี่ยที่กำลังสวมรองเท้าส้นสูงอยู่เฉินชิงเสวี่ยยิ้มตาหยีให้เฉินมู่ เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมะนาวและส่งให้กับเฉินมู่ “พี่คะ รอสักครู่นะ ซีเจ๋อยังอยู่ระหว่างทางอยู่เลย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ที่กำลังจะดื่มน้ำเข้าปาก พริบตาเธอกลับเทน้ำลงบนโต๊ะจนไม่เหลือสักหยดเธอมองเฉินชิงเสวี่ยอย่างเย้ยหยัน “เฉินชิงเสวี่ย ให้ฉันเดา ในน้ำนี่ต้องใส่อะไรไว้ใช่ไหม? เธอจงใจให้ฉันดื่มมัน ทำไมเหรอ อยากให้ฉันอับอายขายขี้หน้าล่ะสิใช่ไหม?”พอละครถูกเปิดโปง กิริยาของเฉินชิงเสวี่ยจึงเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น เธอฉีกยิ้มที่ใบหน้าและกัดฟันพูดว่า “พี่พูดเรื่องอะไรกันคะ ฉันจะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไรกัน?”เฉินมู่หยิบน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 16

    ฮั่วหยุนเซียวกระชับวงแขนกอดเฉินมู่แน่นขึ้นอีกนิด และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบที่โอวจินไม่เคยได้ยินมาก่อน “ผมมาช้าไป”เฉินมู่จุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก พลางเอนศีรษะเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะสลบไสลไปในอ้อมแขนของฮั่วหยุนเซียว“โอวจิน!” ฮั่วหยุนเซียวตะโกนเรียกโอวจินรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบทันควัน “แค่หมดสติไปน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”ฮานเฉิงลากประธานจางที่หน้าซีดเผือดให้เดินเข้ามาใกล้ พร้อมถามเสียงนิ่ง “บอสครับ จะจัดการยังไงต่อดี?”ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองประธานจางแวบหนึ่ง แววตาของเขาดำมืดเหมือนคลื่นใต้น้ำ มันลึกจนไม่อาจเห็นก้นบึ้งของความคิดเพียงมองแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ประธานจางตกใจกลัวจนตัวสั่น เจ้าตัวหมอบลงกับพื้นแล้วเอาศีรษะโขกอย่างเอาเป็นเอาตาย “บอสฮั่ว! บอสฮั่ว! ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของท่านนะครับ! ผม...”ฮั่วหยุนเซียวกล่าวเสียงเย็น “ตัดแขน ตัดขาแล้วเอาไปขังคุกซะ”“บอสฮั่ว! บอสฮั่ว!” ประธานจางร้องไห้ฟูมฟาย แต่ฮั่วหยุนเซียวกลับไม่แม้แต่จะชายตามองเมื่อถึงโรงพยาบาล โอวจินตรวจสอบร่างกายของเฉินมู่อย่างละเอียด พอฉีดยาและพันผ้าพันแผลเสร็จอีกครั้งถึงได้เดินกลับไปที่ห้องทำงานฮั่วหยุนเซียวเบนสายต

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 17

    พอเฉินมู่ตื่นขึ้นมาอีกที ก็เป็นเช้าของวันที่สองไปเสียแล้ว เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกดตรวจสอบโปรแกรมของระบบเครื่องติดตาม ที่จริงแล้วมันเป็นของที่เธอทำขึ้นมาลวก ๆ ขณะเกิดเหตุ นัยย์ตาเรียวมองมือถืออยู่ครู่หนึ่ง โดยภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิดเธอทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกด้านของเตียง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วค่อยพาตัวเองก้าวฉับ ๆ เข้ามาในห้องผู้ป่วย ทว่าในห้องกลับมีโอวจินที่สวมเสื้อกาวน์นั่งอยู่เฉินมู่ยกมือขึ้นทัก “คุณหมอโอว อรุณสวัสดิ์ค่ะ”โอวจินสาวเท้าเข้ามาใกล้ ๆ อย่างมีลับลมคมนัย “เฉินมู่ เมื่อวานหยุนเซียวสารภาพรักกับเธอแล้วใช่ไหม?”เฉินมู่ผงะไป เธอดันโทรศัพท์เข้าไปใต้หมอนด้วนสีหน้าเรียบเฉยพลันส่ายหัว “เปล่านี่คะ”โอวจินทุบต้นขาตัวเองอย่างแรงด้วยความโมโห “เปล่าเหรอ? นี่เธอเป็นคนจริง ๆ หรือท่อนไม้กันแน่ห๊ะ!”เฉินมู่กระพริบตาปริบ ก่อนถาม “ทำไมเหรอคะ? ท่อนไม้อะไร?”โอวจินดึงเฉินมู่ให้นั่งลงและพูดว่า “เฉินมู่ นี่เธอไม่รู้เลยหรือไง เมื่อวานตอนได้รับสายจากเธอ หยุนเซียวก็คลั่งจนแทบเป็นบ้า!”“เขาสั่งให้แฮ็กเกอร์เจาะระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร ให้คนปิดถนน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 18

    “คุณชายฮั่ว ฉันต้องการคลิปในห้องด้วย” น้ำเสียงของเฉินมู่นั้นเรียบเฉยและสงบนิ่งพลันมีเสียงถอนหายใจแผ่วดังออกมาจากโทรศัพท์ ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยถาม “คุณเคยเรียนกังฟูมาก่อนหรือเปล่า?”เฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ “เคยเรียนค่ะ”“เรียนกับใคร?” เสียงเข้มถามขึ้นอีกครั้งเฉินมู่ขมวดคิ้ว เรียนกับใครอย่างนั้นเหรอ?เธอฝึกซ้อมอยู่ในค่ายที่แข็งแกร่งที่สุดของเคโจว ทั้งล้มลุกคลุกคลานมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และพัฒนามาเรื่อย ๆ จนได้มายืนอยู่บนจุดสูงสุด“เฉินมู่ คุณ...”“ไม่มีใครหรอกค่ะ ฉันเรียนด้วยตัวเองจนชำนาญ” เฉินมู่บอกตัดบทเขา “คุณชายฮั่ว นี่คุณกำลังตรวจสอบฉันอยู่เหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมกำลังทดลองทำความเข้าใจคุณอยู่”ครั้งนี้ ฮั่วหยุนเซียวไม่ได้รอให้เฉินมู่ตอบกลับมา มือหนากดวางสายเสียงดัง “ตู้ด” ทันทีทัศนคติของเธอมันชัดเจนมาก เฉินมู่แสดงให้เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าไม่อยากโดนสืบข้อมูลใบหน้าหล่อบึ้งตึงพลางวางโทรศัพท์ลงตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา เขาดูแลปกป้องเธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันกลายเป็นว่า เฉินมู่ไม่ยอมบอกอะไรสักเลยคำกระทั่งถึงตอนนี้ คำที่เฉินมู่ใช้

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 19

    เมื่อวานเธอทั้งต่อสู้ทั้งหลีกเลี่ยงจนเหนื่อยล้าเกินไป ทั้งวันเฉินมู่จึงไม่ได้ออกไปไหนเลยกระทั่งฟ้ามืด ร่างบางจึงเก็บของอย่างลวก ๆ แล้วลงบันไดไปเพื่อหามื้อดึกทาน ทว่าตอนที่เดินผ่านห้องของเฉินชิงเสวี่ย เธอกลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายหญิงดังมาจากข้างใน…บังเอิญว่าประตูห้องปิดไม่สนิท คำพูดทุกประโยคจึงดังเข้าไปในหูของเฉินมู่อย่างชัดเจน“เสวี่ยเอ๋อ ผมได้ยินว่ามีบริษัทนายหน้าอยู่ในนามของเฉินมู่ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่าพี่เขาไม่เข้าใจการดำเนินการของบริษัท พ่อเลยบอกว่าจะขายบริษัททิ้งแล้วล่ะ!”เฉินมู่ขมวดคิ้ว มีเพียงแค่บริษัทนั่นที่เป็นมรดกชิ้นเดียวของคุณแม่ที่ทิ้งเอาไว้ให้เธอ มันเป็นสินสอดที่เตรียมไว้ให้เฉินมู่ตอนหมั้นกับตระกูลลู่ เฉินลี้ซานยังไม่ทันจะถามความเห็นเธอ ก็จะขายบริษัทเสียแล้ว?“ซีเจ๋อ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว คนที่ต้องหมั้นกับคุณเป็นพี่เขานะ ถ้าพวกเราสองคนพูดเรื่องพวกนี้ออกไปก็คงดูไม่ดีนักหรอก...”“เสวี่ยเอ๋อ ห้ามพูดแบบนี้นะ! คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียว!”“คุณวางใจเถอะ การลงทุนที่คุณแลกเปลี่ยนกับประธานจางในครั้งนี้ มันได้ช่วยแก้ไขปัญหาของผมแล้ว อี

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 20

    “ฉึก” เฉินมู่ฉีกกระดาษหลายแผ่นในมือออกเป็นชิ้น ๆ พร้อมใช้สายตาแข็งกระด้างดุจเหล็กเหลือบมองคนเป็นพ่อ “เชื่อเถอะค่ะ ของของหนู ใครก็คว้ามันไปไม่ได้!”พูดจบก็หมุนตัวออกจากห้องทำงาน ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆสามสิบล้าน!กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอต้องหาเงินสามสิบล้านให้ได้ภายในสามวัน ถึงจะสามารถเอาสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้กลับมาได้!“เสี่ยวมู่!” ซู่หรูหลานตามออกมาแล้วปิดประตูห้องทำงานอย่างเบามือเฉินมู่หันหน้ามองไปที่เธอซู่หรูหลานไม่ได้ดูอ่อนโยนอีกต่อไป สีหน้าท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความสะใจ เธอยิ้มจนตาหยี “ได้ยินพ่อของเธอพูดแล้วนะ? บ้านหลังนี้ เขาเป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง!”“พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนเป็นของชิงเสวี่ย รวมทั้งสมบัติที่แม่แกทิ้งไว้ด้วย! แต่จู่ ๆ แกก็อยากจะเรียกร้องขึ้นมา? เพ้อเจ้อ!”ดวงตาที่สุกใสคู่นั้นของเฉินมู่สบเข้ากับสายตาเหยียดหยามของหล่อน ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้น “จริงเหรอ? ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน!”ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะกินมื้อดึกอีกต่อไปแล้ว ขาเรียวจึงตรงกลับไปที่ห้องนอนทันควันการเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้งครอบครัวที่ไม่แ

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 249

    เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 248

    แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 247

    เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status