แชร์

เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้
เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้
ผู้แต่ง: มู่เหลียง

บทที่ 1

ผู้เขียน: มู่เหลียง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-05 22:27:05

แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...

“อื้อ...”

เฮือก!

เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่

“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”

“ฮืออ แง๊ ฮือออ” 

ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม

“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”

เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บ เมื่อทารกในอกเริ่มดูดนมแรงขึ้น น้ำนมคงจะออกมาไม่ทันใจสินะ เจ้าตัวน้อยถึงได้ดูดแรงเช่นนี้ ไม่เป็นไรอย่างน้อยก็ยังไม่สายเกินไป อดทนอีกสักหน่อยเดี๋ยวน้ำนมก็คงจะไหลได้ดีเอง ฉือฟางอินร้องไห้ให้กับภาพตรงหน้า ภายในอกเกิดความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาเป็นอย่างมาก

 'นี่น่ะหรือความรู้สึกของคนเป็นแม่'  

โชคดีเหลือเกินที่แม่คนนี้ได้ย้อนเวลากลับมาพบเจ้า เพราะในชีวิตที่แล้วนางเป็นมารดาที่แย่ ด้วยความถือทิฐิและอคติที่มีต่อสามี เพื่อต้องการจะประชดที่คนผู้นั้น เคยพูดจาร้ายกาจกับนางว่าสำหรับเขาแล้ว นางก็เป็นแค่หมูแม่พันธุ์ที่แค่ออกลูกให้กับเขา และหลังจากเฉียนเอ๋อร์คลอดออกมา เขาก็ทำเหมือนนางเป็นเพียงหมูแม่พันธ์ให้กับเขาจริงๆ เท่านั้นยังไม่พอ สามีของนางยังไล่ให้นางกลับเรือนของตัวเองไป พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้ลูกอีกนับตั้งแต่นั้น ด้วยทิฐินั้นเอง ฉือฟางอินจึงได้ประชดเขาด้วยการไม่ไปดูดำดูดีเฉียนเอ๋อร์เลยสักครั้ง นี่จึงถือเป็นครั้งแรก ที่นางได้ให้เฉียนเอ๋อร์ดื่มน้ำนมจากอกของนาง

"เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องไปดื่มนมของใครอีกแล้วนะ แม่จะให้เจ้ากินนมแม่ทุกวัน กล่อมเจ้านอนทุกคืน อยู่กับเจ้า ไม่จากเจ้าไปไหนอีกแล้วเฉียนเอ๋อร์ของแม่" 

ฉือฟางอินกระชับกอดให้แน่นขึ้น แล้วบรรจงจูบลงที่ข้างขมับน้อยๆ ของบุตรชายอย่างทะนุถนอม กว่าที่นางจะสึกนึกได้นางก็เกือบจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเสียแล้ว

“อื้อ! แอ๊ะ!” เจ้าหมั่นโถวน้อยส่งเสียงกับนาง เมื่อเขากินนมจนอิ่มแล้ว

“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าอิ่มแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นเรารีบกลับบ้านกันเถิด หากโชคดีเราอาจยังกลับไปได้ทันก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้า ว่าแม่พาเจ้าหนีออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว”

เพราะถ้าหากนางจำไม่ผิด ช่วงเวลานี้ในชีวิตที่แล้วนั้น วันนี้คงจะเป็นวันที่นางนัดพบกับซือไท่อี้ ชายผู้นั้นที่อ้างตนว่าเป็นคหบดีร่ำรวย แต่ที่จริงแล้วเป็นนายหน้าค้าหญิงคณิกา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญที่ตลาด ในขณะที่ซือไท่อี้ที่มาจากต่างแคว้น กำลังมองหาหญิงสาวที่จะเอาไปขายให้หอคณิกาที่แคว้นของตนเอง ตัวนางในตอนนั้นที่แอบฉือหย่งหลิง ผู้เป็นสามีออกมาจากจวน เพื่อมาเดินเที่ยวเตร่และหาร้านเหลาสุรานั่งที่ตลาดโดยไร้สาวใช้ข้างกาย ทันทีที่ซือไท่อี้ได้พบกับนางเข้า และความงามของนางนั้นก็ได้เตะตาซือไท่อี้เข้าอย่างจัง

หลังจากวันนั้นซือไท่อี้ก็หมายตาฉือฟางอินเอาไว้ และไม่รอช้ารีบเข้ามาทำความรู้จักกับนางทันที โดยกล่าวอ้างว่าตนเองนั้น มีฐานะเป็นคณะบดีร่ำรวยจากต่างแคว้น มาศึกษาเส้นทางการค้าที่เมืองแห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ใจคิด เมื่อซือไท่อี้ได้ทราบในภายหลังว่า ฉือฟางอินนั้นไม่ได้เป็นเพียงภรรยา ของบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง แต่ทว่านางเป็นถึงฮูหยินในจวนแม่ทัพ ในกองกำลังของหั้วชินอ๋อง พระเชษฐาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งแคว้นฟู่ ที่ได้รับหน้าที่ให้อยู่ที่แดนตะวันออกของแคว้นอีกด้วย

แต่กระนั้น แม้หนทางจะยากลำบากเพียงไหน แต่ด้วยความงามของฉือฟางอินที่หากซือไท่อี้ สามารถพาตัวนางไปต่อรองราคากับแม่เล้าหอนางโรมแคว้นบ้านเกิดของเขา ต่อให้ฉือฟางอินจะไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์

 ด้วยความงามที่ไร้ที่ตินี้ แม้จะมิใช่สตรีที่ร่างกายยังบริสุทธิ์อยู่ แต่เงินที่เขาจะได้จากแม่เล้านั้น คงนับเป็นเงินหลายร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว ประกอบกับกว่าที่ตัวของซือไท่อี้ จะมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ เขาเองก็ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย ซือไท่อี้ถึงได้มั่นใจในฝีมือของตนเองอยู่พอสมควร ว่าตนเองนั้นจะสามารถทำงานนี้ ให้สำเร็จได้ ซือไท่อี้จึงสั่งให้คนของตนเอง แอบตามดูฉือฟางอินอยู่ห่างๆ จึงพอได้ข่าวมาว่า

 ความสัมพันธ์ระหว่างฉือฟางอิน กับแม่ทัพฉือหย่งหลิงนั้นไม่ลงรอยกันเท่าไรนัก เพราะดูจากที่ฉือฟางอินนั้น มักจะออกจากจวนมาดื่มสุรา ที่เหลาสุราในยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการกระทำนี้ เป็นการกระทำที่ผิดวิสัยของสตรีที่เป็นถึงฮูหยินในจวนแม่ทัพ พึงกระทำเป็นอย่างมาก และเมื่อลองสอบถามจากชาวบ้านละแวกนั้น ทุกคนต่างก็เดากันไปต่างๆ นานา โดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริง ซื่อไท่อี้จึงได้ส่งหญิงบำเรอที่เขาให้ติดตามมา เข้าไปทำความรู้จักกับฉือฟางอิน

เพราะอย่างไรแล้ว สตรีย่อมไว้ใจสตรีด้วยกันมากกว่าบุรุษอย่างเขา และแผนการนี้ก็ทำให้ฉือฟางอิน ที่ในตอนนั้นสภาพจิตใจที่กำลังย่ำแย่และไร้ที่พึ่ง เพราต้องจากบ้านเดิมมาไกล ทั้งยังถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีระเลยอย่างไร้เยื่อใย เมื่อถูกหญิงบำเรอของซือไท่อี้ เข้ามาตีสนิทพร้อมทั้งโกหก ว่าตนเองนั้นมีชีวิตไม่ต่างกัน วันเวลาผ่านไปฉือฟางอินก็ค่อยๆ ไว้ใจหญิงบำเรอ ยอมรับให้นางบำเรอได้รับรู้ชีวิตของตนเอง ในยามที่ฤทธิ์สุราเริ่มออกฤทธิ์ ได้ความว่า การที่หญิงสาวออกมาร่ำสุรานอกจวน ก็เพราะต้องการประชดแม่ทัพฉือหย่งหลิง

ที่เอาแต่ทำร้ายนางด้วยวาจา ละเลยปล่อยให้นางอาศัยอยู่ที่เรือนไม่เก่าๆ ไม่มีคนรับใช้คอยช่วยเหลือ ทั้งยังไม่ให้เงินที่นางควรจะได้ ในฐานะฮูหยินแม้แต่สักตำลึงเดียว หากไม่เห็นแก่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่บิดาออกหน้าช่วยเหลือไว้ นางคงได้หย่าขาดจากเขา ขนสินเดิมที่มารดามอบไว้ให้ก่อนตาย ไปตั้งตัวที่อื่นนานแล้ว เมื่อซือไท่อี้ได้ทราบถึงเรื่องนี้ จึงสบโอกาสเข้าไปโอ้อวดฐานะหลอกๆ กับฉือฟางอิน ว่าตนเองเป็นคหบดีผู้มั่งคั่ง พร้อมทั้งพูดจาเชิญชวนเป็นนัยๆ ว่าเมืองต่างแคว้นที่เขาอาศัยอยู่นั้น ชาวบ้านที่อาศัยอยู่มีชีวิตที่ดีอย่างไร และไม่ลืมที่จะเกี้ยวพาราสีฉือฟางอิน เป่าหูทุกวันว่าถ้าหากนางหนีไปกับเขา

 แม้จะเข้าจวนไปในฐานะอนุภรรยา แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของนางนั้น จะต้อวดีกว่าอยู่ที่นี้อย่างแน่นอน นางจะไม่ต้องทนลำบากทำงานบ้านเอง มีคนรับใช้มากมายเหมือนอย่างตอนที่นางยังเป็นคุณหนู ใช้วาจาให้ฉือฟางอินเห็นการเปรียบเทียบความเป็นอยู่ที่ดีที่ฉือฟางอินจะได้รับ หากว่านางนั้นหนีไปกับเขา กับความเป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน

และสุดท้าย เพราะทิฐิและความโกรธเกลียดที่นางมีต่อฉือหย่งหลิง ฉือฟางอินก็ตกหลุมพรางที่ซือไท่อี้ขุดเอาไว้ นางตัดสินใจที่จะหนีตามซือไท่อี้ไปเริ่มชีวิตใหม่กับเขา แต่กระนั้น ตัวนางเองไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็นอนุภรรยาของซือไท่อี้ แต่เพราะยังต้องพึ่งพาเขา ในยามที่ต้องหลบหนีออกไปจากเมืองนี้ ฉือฟางอินจึงทำทีเป็นเชื่อฟังเขาไปก่อน ในวันข้างหน้าค่อยปฏิเสธซือไท่อี้ในตอนที่แผนการหนีสำเร็จก็แล้วกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 4

    หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน “อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”“เรื่องอะไร!”“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 8

    “ฮ่องเต้เสด็จ!”“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมาแม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา“เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-11

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 8

    “ฮ่องเต้เสด็จ!”“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมาแม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา“เ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 4

    หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน “อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”“เรื่องอะไร!”“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 1

    แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...“อื้อ...”เฮือก!เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ฮืออ แง๊ ฮือออ” ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status