Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-02-05 22:29:24

หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้

ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน 

“อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”

“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”

“เรื่องอะไร!”

“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”

“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงถึงได้มากล่าวว่าร้ายอินเอ๋อร์ บุตรสาวของข้าเช่นนี้”

“มิเกินไปหรอกท่านแม่ทัพ บุตรสาวของท่าน เมามายเดินเข้ามากอดข้า จับข้ากรอกสุราที่นางถืออยู่ใส่ปากของข้า แล้วข้า ข้าก็มีอาการอย่างว่าขึ้นมา” 

แม้จะอยู่ในสภาพไม่สู้ดีเพราะเสียเลือดไปมาก แต่กระนั้นน้ำเสียงของฉือหย่งหลิง ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่น ว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนั้น ไม่ใช่เขาที่เป็นคนเริ่มก่อน แม้ว่าตอนที่อยู่ในงานเลี้ยง เขาจะต้องยกจอกสุราเข้าปาก ตอบรับเหล่าทหารที่แวะเวียนมาแสดงความยินดี เรื่องสมรสพระราชทานที่ฮ่องเต้แคว้นหลูพระราชทานให้ เมื่อสติสัมปชัญญะชันยะเริ่มลดลง ชายหนุ่มจึงขอตัวกลับมาพักผ่อนยังเรือนรับรอง แต่ทว่าด้วยฤทธิ์สุราประกอบกับการไม่คุ้นชินกับเส้นทาง ทำให้เขาเดินหลงเข้ามายังฝั่งเรือนของคุณหนูใหญ่ฟางอินบุตรสาวคนโตของทัพชวี่โดยไม่ได้ตั้งใจ

 กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองเดินมาผิดทาง ก็ถูกคุณหนูฟางอินที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากทางไหน โผเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น อย่างคนเมามายไม่มีสติสัมปชัญญะ ฉือหย่งหลิงพยายามแกะมือของนางออกจากเอว แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินสำหรับเขาในตอนนั้น ที่ยังถูกฤทธิ์สุราเล่นงานอยู่ คิดแล้วก็ได้แต่โทษตัวเองที่ตามใจพลทหารเหล่านั้นมากเกินไป จนทำให้ตนเองต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาและนางยื้อยุดกันไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายทั้งนางและเขาต่างก็ล้มลงไม่เป็นท่า ร่างของทั้งสองกลิ้งทับกันไปมา จนในที่สุดก็มาหยุดลงข้างพุ่มไม่ใหญ่ ด้วยท่าทางที่คุณหนูฟางอินนั้น กำลังค่อมร่างของเขาอยู่

“ลุกออกไปจากตัวข้า เจ้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนขุนนาง เหตุใดถึงได้ทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้”

“คิกๆ ท่านกล่าวอันใด ข้าฟังไม่เห็นรู้เรื่อง” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า ร่างบางตรงหน้ายังใช้มือของนาง ลูบไล้ไปทั่วแผงอกกำยำของฉือหย่งหลิง พร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมาย 

“ทำเจ้าอะไรของเจ้า! เอามือของเข้าออกไปบัดเดี๋ยวนี้”

“จิ๊! พูดมากเสียจริง ดื่มสุรานี่ซะ จะได้เลิกพูดมากเสียที”

“นี่เจ้า! หยุดนะ อุ๊บ!”

สุราในมือของฉือฟางอิน ถูกกรอกเข้ามาในปากจนหมด จนชายหนุ่มสำลักหน้าดำหน้าแดง เพียงครู่เดียวภายในกายก็ร้อนรุ่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้น มือที่เคยดันร่างของดันร่างของหญิงสาว ก็กลับกลายเป็นยกขึ้นมากอดรัดเอวนางไว้ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

“เป็นอย่างไร ไม่พูดมากต่อแล้วหรือท่าน”

ฉือฟางอินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน ที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของบุรุษตรงหน้า ด้านฉือหย่งหลิงเมื่อฟังนางพูดเช่นนั้นก็ขบกรามของตนแน่น ลุกขึ้นยืนได้โดยที่แขนทั้งสองข้าง ยังคงกอดคงกอดนางเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มพาร่างของคุณหนูใหญ่ของจวนสกุลชวี่ เข้าไปยังเรือนนอนของนาง

“ทุกอย่างดูเหมือนถูกจัดฉากเอาไว้ไม่มีผิด ในนั้นไม่มีคนรับใช้อยู่แม้แต่คนเดียว”

“จะเป็นไปได้อย่างไร จะไม่มีผู้ใดอยู่ในเรือนของนางเลยสักคนได้อย่างไร”

“มันเป็นไปแล้ว ท่านดูอย่างตอนนี้สิ มีคนรับใช้ในจวนของท่านโผล่หัวมาสักคนหรือไม่” 

“แล้วเจ้า ก กับอินเอ๋อร์ ด ได้”

 แม่ทัพชวี่หรือชวี่ละล่ำละลักเอ่ยถามออกมา ขณะที่กำลังกอดร่างของบุตรสาวเอาไว้ แม้นางจะไม่ได้อยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า ที่มีเพียงผ้าห่มห่อหุ้มร่างกายไว้ เหมือนอย่างชวี่หนิงซื่อน้องสาวต่างมารดาของนาง แต่ทว่าชุดที่นางสวมใส่อยู่นั้น ก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดีสักเท่าใดนัก 

“ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ข้าห้ามตัวเองเอาไว้ได้ทัน ด้วยแผลนี่” 

เมื่อฉือหย่งหลิงกล่าวเช่นนั้น แม่ทัพชวี่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าแผลที่แขนของบุรุษตรงหน้า เกิดจากการที่เขาพยายามที่จะหยุดการกระทำอันไร้สติ ด้วยการทำร้ายตนเอง แม่ทัพชวี่ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ที่ร่างกายของบุตรสาวยังไม่ได้รับความเสียหาย แต่ทว่าการถึงเนื้อถึงตัวกันถึงขั้นนั้น อินเอ๋อร์ของเขาก็ยังเป็นผู้ได้รับความเสียหาย มากกว่าบุรุษอย่างฉือหย่งหลิงอยู่ดี 

“แต่ในฐานะที่ข้าเป็นบิดาของนาง ข้าเองก็มั่นใจว่าอินเอ๋อร์ไม่เคยมีนิสัยเช่นนั้น ยิ่งกับสุราด้วยแล้ว นางไม่เคยแตะต้องมันเลยสักครั้ง”

“อาหั้ว ข้าเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่” เป็นหั้วชินอ๋องที่เอ่ยขึ้นมา หลังจากยืนฟังเรื่องราวอยู่พักใหญ่

“เจ้าคิดว่าอย่างไรหรือ”

 “ข้าคิดว่างานเลี้ยงวันนี้ต้องมีใครบางคน คิดจัดฉากทำเรื่องบางอย่างขึ้น แต่ทว่า แผนที่ว่านั่นอาจจะคาดเคลื่อนไป เพราะจู่ๆ อาหลิงคนของข้า ได้เข้ามาเกี่ยวโดยไม่ได้ตั้งใจ”

เมื่อลองคิดตามคำพูดของสหาย พลันตาของแม่ทัพชวี่ก็เบิกกว้างขึ้น เพราะในหัวเกิดฉายภาพเรื่องราว ที่เกิดขึ้นที่เรือนของชวี่หนิงซื่อเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ถูกต้อง! เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรือน ของบุตรสาวของเขาทั้งสองคน จะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นแน่

“แล้วคนที่พวกเจ้าจับมัดอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ คนผู้นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยใช่หรือไม่”

“ไม่ผิด คนผู้นั้นเข้ามาในเรือนของบุตรสาวเจ้า หลังจากที่อาหลิงใช้มีดกรีดแขนเพื่อเรียกสติตนเองได้แล้ว ดูท่าแล้วน่าจะเป็นคนที่ถูกส่งมาทำเรื่องเช่นนั้นกับบุตรสาวของเจ้า”

แม่ทัพชวี่ได้ยินเช่นนั้น ก็เกิดบันดาลโทสะจนเลือดขึ้นหน้า เขาค่อยๆ บรรจงวางร่างของฉือฟางอินลงบนเตียง บอกกับหั้วชินอ๋องว่าจะไปถามเอาความ จากชายผู้นั้นว่าใครกันแน่ที่คิดทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้ แต่ทว่าทันทีที่เขาเปิดประตูออกไป หนึ่งในพลทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ก็ได้ตระโกนบอกข่าวร้ายขึ้นมาเสียก่อน

          “ท่านอ๋องแย่แล้วขอรับ! ชายต้องสงสัยผู้นั้น กัดยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปาก สิ้นใจไปแล้วขอรับ!”

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

    Last Updated : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

    Last Updated : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 8

    “ฮ่องเต้เสด็จ!”“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมาแม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา“เ

    Last Updated : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 1

    แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...“อื้อ...”เฮือก!เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ฮืออ แง๊ ฮือออ” ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

    Last Updated : 2025-02-05

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 8

    “ฮ่องเต้เสด็จ!”“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมาแม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา“เ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 4

    หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน “อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”“เรื่องอะไร!”“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 1

    แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...“อื้อ...”เฮือก!เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ฮืออ แง๊ ฮือออ” ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status