Share

บทที่ 8

last update Last Updated: 2025-02-11 09:32:12

“ฮ่องเต้เสด็จ!”

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”

“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมา

แม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา

“เบิกตัวเจ้าสาว!”

ทันทีที่ประกาศการมาถึงของเจ้าสาว สายตาทุกสายของแขกในงาน ต่างก็จดจ้องไปที่คุณหนูใหญ่ฟางอินเป็นตาเดียว หญิงสาวในวันนี้อยู่ในชุดผ้าไหมสีเพลิง ปักดิ้นทองลายมงคลด้วยฝีมือของนางเอง เมื่อนางเดินมาหยุดยืนข้างฉือหย่งหลิง ที่ในวันนี้ก็อยู่ในชุดที่สง่างามมากเช่นเดียวกัน แขกภายในงานต่างกระซิบกระซาบ ถึงความเหมาะสมของคนทั้งคู่ ว่าช่างดูเหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยกก็ไม่ปาน

อนุเหลียนที่ได้ฟังคำกล่าวเยินยอ ที่มีต่อบุตรสาวของสตรีที่นางเกลียด ภายในอกก็ร้อนรุ่มดังไฟ เพราะภาพตรงหน้านี้ไม่ต่างไปจากเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ในตอนที่นางต้องทนเห็นแม่ทัพชวี่ เข้าพิธีแต่งงานกับมารดาของชวี่ฟางอินเลยแม้แต่น้อย ในวันนั้นผู้คนต่างก็ยินดีกับคู่บ่าวสาวเช่นนี้ ผิดกับนางที่ได้แต่ยืนกำมือทั้งสองข้างแน่น ภายในใจร้อนรุ่มจนแทบจะทนไม่ไหว ที่เห็นบุรุษที่นางตกหลุมรักมานานหลายปี ต้องแต่งงานกับสตรีคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ทั้งๆ ที่นางสู้อุส่าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเขาถึงขนาดยอมจับดาบขี่ม้า ซึ่งเป็นสิ่งที่สตรีส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกัน ก็เพื่อต้องการให้แม่ทัพชวี่ แม่ทัพผู้เก่งกาจที่นางตกหลุมรักได้เห็นว่า นางเป็นสตรีที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ที่จะเป็นฮูหยินข้างกายของเขามากเพียงใด

 แต่สุดท้ายความพยายามของนางตลอดหลายปี กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับมารดาของชวี่ฟางอิน ที่เป็นเพียงบุตรสาวของคนงานตีดาบ ฐานะต่ำต้อยกว่านาง ที่เป็นถึงหลานของฮ่องเต้เป็นสิบเท่า เมื่อทุกอย่างที่นางทุ่มเทไปอย่างถูกต้อง กลับไม่นำพาให้ตนเองสมหวัง ในยามที่แคว้นหลูต้องเผชิญกับภัยสงครามอีกครั้ง นางจึงไม่รอข้าที่จะเสนอตัว เข้าร่วมทัพในครั้งนี้ด้วย พร้อมกับแผนการที่เตรียมเอาไว้ อนุเหลียนอาศัยช่วงเวลากว่าสิบเดือนนั้น วางแผนใช้ยาปลุกกำหนัดกับแม่ทัพชวี่จนสำเร็จ และตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา

 แม่ทัพชวี่จึงจำต้องพานางเข้ามายังจวนสกุลชวี่ พร้อมกับชวี่หนิงซื่อที่อยู่ในครรภ์อย่างจำใจ แม้ว่าการได้เข้ามาอยู่ในจวนสกุลชวี่ อนุเหลียนจะไม่ได้รับการเอาใจใส่จากแม่ทัพชวี่ฉันสามีภรรยา แต่การได้เห็นสตรีที่นางเคยพ่ายแพ้ ต้องทุกข์ระทมตรอมใจ เหตุเพราะนางเข้ามาเป็นภรรยาของแม่ทัพชวี่อีกคน ก็ทำให้อนุเหลียนรู้สึกดีมิใช่น้อย 

ฮูหยินชวี่ล้มป่วยนานกว่าสิบปีแล้วสิ้นใจจากไป เป็นโอกาสอันดีที่อนุเหลียนจะได้เลื่อนฐานะตนเอง เป็นฮูหยินคนใหม่ของสกลุชวี่ แต่นั่นยังไม่สาแก่ใจอนุเหลียนเท่าใดนัก เพราะเวลาสิบกว่าปีที่รอจะได้ก้าวขึ้นเป็นฮูหยินแห่งจวนสกุลชวี่ นั้นไม่เท่าหลายปีที่นางกับบุตรสาว ต้องทนกับวาจาร้ายๆ ที่ชวี่ฟางอินกล่าวกับนางสองแม่ลูก

แต่เพราะชายคนงานในหอนางโรมผู้นั้นแท้ๆ  ที่ไม่รู้ว่าทำงานอย่างไร ถึงทำให้ตนเองต้องกัดยาพิษตาย แทนที่จะได้ขืนใจชวี่ฟางอิน มิหนาซ้ำบุรุษที่ได้ขึ้นเตียงกับชวี่ฟางอินแทนเขา ก็เป็นถึงแม่ทัพหนุ่มจากจวนขุนนางใหญ่ ที่มีคุณงามความต่อฮ่องเต้ กลายเป็นว่าแทนที่นางและบุตรสาว จะได้เห็นฉือฟางอินทุกข์ระทมที่คู่หมั้นต้องไปแต่งงานกับสตรีอื่น เหมือนตอนที่อนุเหลียนต้องเห็นแม่ทัพชวี่ เข้าพิธีแต่งงานกับมารดาของฉือฟางอิน นางสองแม่ลูกกลับต้องมาทนยืนเห็นชวี่ฟางอิน ได้เข้าพิธีแต่งงานกับแม่ทัพฉือหย่งหลิง ที่ดูแล้วน่ามีทั้งทรัพย์สินและฐานะทางสังคม ดีกว่าเพ่ยเหยาซ่างหลายเท่านัก

ภายในอกของทั้งสองแม่ลูก ต่างร้อนรุ่มไปด้วยความไม่พอใจ แต่กระนั้นพวกนางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ มากไปกว่าการกำมือของตนเองแน่น เพื่อระบายความคับแค้นที่อยู่ภายในใจ พิธีแต่งงานยังคงดำเนินไปอย่างราบรื่น แขกเหลื่อในงานต่างออกปากชื่นชมกันอย่างไม่ขาดสาย ว่าพิธีแต่งงานนี้ช่างสมกับที่แม่ทัพชวี่ ทุ่มเททั้งแรงกายและเงินทองอย่างหนัก และเมื่อมองไปที่คู่บ่าวสาว พวกเขาก็เห็นแต่ความเหมาะสมระหว่างทั้งสองคน

จวบจนถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ บรรยากาศในห้องหอที่ใครต่างก็คาดเดาไปว่า อย่างไรแล้วทั้งสองคนคงจะต้องมีความสุข ในค่ำคืนนี้ด้วยกันเป็นแน่แท้ แต่ทว่าความจริงนั้น ภายในห้องกลับเต็มไปด้วยความอึดอันของคนทั้งคู่ ฉือหย่งหลิงแยกตัวเอง ไปนั่งอีกฟากหนึ่งของห้อง ด้วยสีหน้าท่าทางอย่างคนไม่พอใจตลอดเวลา 

ส่วนด้านฉือฟางอินเองก็มิได้ต่างกัน นางนั่งอยู่บนเตียงรอให้ฉือหย่งหลิง มาเปิดผ้าคลุมหัวตามพิธี เพื่อที่นางจะได้ไปจัดการตนเอง แล้วรีบพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้นางจะต้องเดินทางกลับไปแคว้นฟู่ พร้อมกับฉือหย่งหลิงแต่เช้า แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ทีท่าว่าฉือหย่งหลิงจะเดินมาหานาง และเมื่อลอบยกผ้าคลุมหัวขึ้นมาแอบดูเขา นางก็พบว่าฉือหย่งหลิง ได้ล้มตัวลงนอนหลับ อยู่บนเก้าอี้ยาวอีกฟากหนึ่งของห้องไปแล้ว

หญิงสาวจึงได้ดึงผ้าคลุมหัวเจ้าสาวออก อย่างไม่สนใจธรรมเนียมอะไรทั้งสิ้น แล้วพาตนเองหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ในเมื่อคนผู้นั้นไม่แม้แต่จะชายตามองนาง แล้วเหตุใดนางจะต้องใส่ใจธรรมเนียมพวกนี้อยู่ผู้เดียว

‘เฮอะ! คิดว่าข้าอยากแต่งงานกับท่านมากอย่างนั้นหรือ ข้าเองก็ฝืนใจไม่ต่างจากท่านหรอก แต่ช่างเถิด เป็นเช่นนี้ก็ดี ในเมื่อท่านไม่สนใจข้า ข้าก็จะไม่สนใจท่านเหมือนกัน’

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 1

    แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...“อื้อ...”เฮือก!เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ฮืออ แง๊ ฮือออ” ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 4

    หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน “อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”“เรื่องอะไร!”“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

    Last Updated : 2025-02-05
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

    Last Updated : 2025-02-11
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

    Last Updated : 2025-02-11

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 8

    “ฮ่องเต้เสด็จ!”“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!”“เอาเถิดๆ ไม่ต้องมากพิธี เดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียยามเอา”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลชวี่ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ณ จวนสกุลชวี่ เหตุเพราะหนึ่งในแขกที่มาร่วมงานนั้น เป็นถึงประมุขของแคว้น ฉะนั้นแล้ว เหล่าเสนบดีและขุนนางใหญ่ในราชสำนัก จึงได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย งานนี้นับว่าเป็นงานแต่งในจวนขุนนาง ที่ใหญ่โตมากที่สุดเท่าที่แคว้นหลูเคยมีมาแม้พิธีแต่งงานในครั้งนี้ แม้จะถูกตัดทอนธรรมเนียม ออกไปหลายอย่าง เพราะความร้อนใจของแม่ทัพชวี่ ที่ไม่อยากให้บุตรสาวคนโต ต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านนานจนเกินไป เขาจึงต้องจัดการเร่งรัดงานทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว และในความรวดเร็วนั้น ก็จะต้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้ ล้วนเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของทุกฝ่าย ไม่ได้จัดขึ้นอย่างขอไปที อย่างที่คำล่ำลือบางกระแส ที่พูดกันไปว่าทางฝั่งว่าที่สามีอย่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง มิได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ฟางอิน แต่เป็นเพราะแม่ทัพชวี่บังคับและยัดเยียดบุตรสาวให้แก่เขา“เ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 7

    ทางด้านฉือฟางอิน หลังจากที่ฟื้นขึ้นมารับรู้เรื่องแล้ว แม้ภายใจในจะเจ็บรู้สึกเจ็บช้ำ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง แต่นางก็ไม่ได้มีเวลาให้สำหรับการเสียใจมากนักเมื่อได้ทราบข่าวว่าน้องสาวต่างมารดา อย่างชวี่หนิงซื่อ คือเจ้าสาวคนใหม่ ที่จะได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่างแทนนาง เรื่องเมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เพ่ยเหยาซ่างเผยทาสแท้ตนเองออกมา ก็คงหนีไม่พ้นเป็นสองแม่ลูก ที่รวมหัวกันวางแผนนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ให้อนุเหลียน สตรีที่บิดาปันใจจากท่านแม่ ในตอนที่อยู่ที่สนามรบเป็นอันขาด ความโกรธเกลียดที่มีต่อสองแม่ลูกนั่น ฉือฟางอินจำเป็นต้องทิ้งความเจ็บปวดที่มีอยู่ออกไป แล้วลุกขึ้นมาจัดการกับตนเอง เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพิธีแต่งงาน ที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เวลาผ่านไม่ถึงสามวันดี ขบวนสินสอดจากจวนสกุลฉือ สกุลของฉือหย่งหลิง ก็เดินทางมาถึงที่จวนสกุลชวี่ พิธีแต่งงานระหว่างคุณหนูใหญ่สกุลฉือ และแม่ทัพฉือหย่งหลิงแห่งความฟู่ จึงถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าด้านหั้วชินอ๋องที่เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจากับฮ่องเต้แคว้นหลู ถึงเรื่องการยกเลิกสมรสพระราชทาน ระหว่างฉ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 6

    “ว่าอย่างไรนะ!” ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ใ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 5

    เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขาเมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 4

    หั้วชินอ๋องไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงพยักหน้าแล้วหันหลังเป็นสัญญาณให้แม่ทัพชวี่ เดินตามไปที่ด้านหลังเรือนของฉือฟางอิน แม้จะยังไม่เข้าใจกับท่าทีนั้นของสหาย แต่แม่ทัพชวี่ก็ยอมเดินตามไป แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่เห็นทันทีที่ไปถึงนั้น ทำเอาเขาถึงกับผงะ เมื่อบริเวณด้านหลังเรือนของบุตรสาว กลับเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ห้าถึงหกคน ยืนล้อมชายฉกรรจ์ที่กำลังคุกเข่า พร้อมกับถูกมัดมือและถูกปิดปากเอาไว้ใกล้ๆ กันนั้นยังปรากฏร่างของฉือหย่งหลิง แม่ทัพใหญ่ในกองกำลังของสหาย อยู่ในสภาพสวมอาภรไม่เรียบร้อย เหมือนกับสภาพของเพ่ยเหยาซ่าง ที่แม่ทัพชวี่พึ่งได้พบไปเมื่อครู่นี้ไม่มีผิด โดยที่แขนข้างซ้ายของฉือหย่งหลิง ยังมีบาทแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตามเนื้อตัวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ภายในใจของแม่ทัพชวี่เกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่อยากคาดการณ์สิ่งใดอีกต่อไป จึงต้องคาดคั้นเอากับสหายอย่างหั้วชินอ๋องเสียก่อน “อาหั้ว บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก่อนที่ข้าจะฆ่าคนผู้นั้น”“อาโหลว เจ้าใจเย็นก่อน เรื่องนี้ซับซ้อนยิ่งนัก”“เรื่องอะไร!”“ดูเหมือนว่าบุตรสาวของท่านจะวางยาคนของข้า”“ว่าอย่างไรนะ! อาหั้ว เจ้ากล่าวเกินไปแล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 3

    ห้าวันผ่านไปแล้ว เวลานี้กำลังพลของหั้วชินอ๋องที่มีฉือหย่งหลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ คงจะถึงเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดจะเดินร่วมกับกองกำลังของฮ่องเต้ ไปปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือของแคว้น ด้านฉือฟางอินเองก็ใช้ช่วงเวลาห้าวันนั้น คัดแยกสินเดิมจากมารดาที่นางเหลืออยู่ที่ลงในย่าม ด้วยความที่ตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ที่จวนสกุลฉือในฐานะฮูหยิน นอกจากเรือนหลังนี้ที่นางหลับนอนและใช้ชีวิตประจำวัน ก็ไม่มีสิ่งใดที่เลยที่บ่งบอกฐานะฮูหยินของนาง ฉือฟางอินต้องจัดการทุกอย่างในเรือนนี้ด้วยตัวเอง ไร้ซึ่งคนรับใช้ไร้ซึ่งอำนาจจัดการในจวน ต้องลำบากทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางเองก็คือคุณหนูใหญ่ในจวนขุนนาง มีคนคอยรองมือรองเท้ามาตั้งแต่เกิด แต่ฉือหย่งหลิงผู้นี้กลับทำใช้ชีวิตนางตกต่ำลง ไม่เหลือเคล้าของการเป็นสตรีที่เกิดในชนชั้นสูงเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะเขาปักใจเชื่อว่า นางจงใจวางแผนทำให้ตนเองได้แต่งงานกับเขา ในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น ณ จวนสกุลชวี่สกุลเดิมของนางคืนวันนั้นเป็นคืนจวนสกุลชวี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับหั้วชินอ๋อง สหายเก่าในวัยเด็กของใต้เท้าชวี่บิดาของนาง ทั้งสองเคยเล่าเรียนในสำนักศึกษา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 2

    แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ฉือฟางอินต้องคิดหาวิธีให้ได้ก่อนว่า นางจะหนีออกจากจวนสกุลฉืออย่างไร และไม่ให้ฉือหย่งหลิงจับได้ เพราะการหนีในครั้งนี้ ไม่ใช่การหนีไปเดินเที่ยวเตร่ที่ตลาด ในเมืองยามค่ำคืนเหมือนอย่างเคย ที่ถึงแม้เรื่องจะไปถึงหูของฉือหย่งหลิง แต่เขาจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าการว่าตักเตือนนางด้วยถ้อยคำร้ายๆ ว่าแม่พันธุ์หมูอย่างนางกำลังทำให้เด็กในท้องเกิดอันตราย อีกอย่างนางจะไม่เสี่ยงหอบครรภ์โตหกเดือนนี่ หนีไปให้ลำบากขึ้นหลายเท่าแน่นอนสามเดือนผ่านไป...ในที่สุดฉือฟางอิน ก็สบโอกาสที่จะพาตนเองหนีไปจากฉือหย่งหลิง เมื่อทางวังหลวงมีราชโองการเรียกตัวหั้วชินอ๋องยกกำลังพล ไปช่วยปราบกบฏที่ชายแดนทางเหนือ และไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายหั้วชินอ๋อง ก็จะต้องเดินทางไปทำศึกครั้งนี้ด้วย และการออกรบแต่ละครั้งนั้นกินเวลานานไม่ต่ำกว่าสามเดือน ระหว่างที่ฉือหย่งหลิงไปออกรบ นางจะต้องหาทางหนีไปจากจวนแห่งนี้ให้ได้ เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่นางได้รับ ซึ่งก่อนหน้าที่ฉือหย่งหลิง จะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงนั้น ฉือฟางอินก็ได้เจ็บท้องและคลอดบุตรชายออกมา เขาจึงอยู่ทันได้เห็นหน้าล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 1

    แอะ แง๊...แค่กๆ ฮือออ แง๊...“อื้อ...”เฮือก!เสียงร้องกระจองอแงของเด็กทารกดังไปทั่วผืนป่า พาให้คนที่นั่งกำลังสลบอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา พอเริ่มตั้งสติได้ก็รับรู้ได้ว่าในอ้อมกอดของตัวเองนั้น ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังแหกปากร้องด้วยความหิวโหยฉือฟางอิน สำรวจดูเจ้าก้อนน้อยๆ ที่กำลังร้องไห้โยเย เอาหน้าซุกอกของนางอยู่“เฉียนเอ๋อร์ลูกแม่ ไหนให้แม่ดูเจ้าหน่อย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”“ฮืออ แง๊ ฮือออ” ทารกที่ยังไม่รู้ความ ยังคงส่งเสียงร้องไห้ต่อไปเพราะความหิว ยามถูกพลิกตัวไปมาจนใบหน้ามาจ่อใกล้กับอกของมารดา ปากน้อยๆ ก็ห่อเล็กน้อยแล้วยื่นหน้ามาใกล้กับอกอุ่น พยายามจะดูดนมจากอกนั้นให้ได้ จนได้ยินเสียงจ้อบแจ้บ ฉือฟางอินถึงได้รู้ว่าที่ฉือเฟิ่งเฉียน ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเขากำลังหิวนม“โอ๋ๆ เจ้าหิวมากใช่หรือไม่ ได้ๆ มากินนมของแม่เถิด ครั้งนี้แม่จะให้เจ้าดูดจนกว่าเจ้าจะพอใจเลย ดีหรือไม่”เมื่อพูดจบฉือฟางอินก็รีบปลดชุดของตนเองลง แล้วรีบหันหน้าเด็กน้อยเข้าเต้านม เฉียนเอ๋อร์เมื่อสัมผัสได้ถึงเต้าอุ่นๆ ก็รีบใช้มือน้อยๆ นั้นคว้าเอาไว้ แล้วผวาอ้าปากงับหัวนมของมารดาดูดทันที ฉือฟางอินสะดุ้งกับสัมผัสแปลกใหม่นั้น นางนิ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status