ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของนายน้อย นายท่านล้วนต้องเข้ามาตรวจสอบ แม้ตัวเขาจะเชื่อใจพระชายา ทว่าภาพจำที่ผู้อื่นมีต่อพระชายายังคงหยุดอยู่ในอดีต ดังนั้น เขายังคงมีความจำเป็นที่จะต้องถามให้ละเอียด เพื่อเลี่ยงไม่ให้มิอาจตอบคำถามในยามที่นายท่านถามได้เสิ่นหรูโจวรู้ว่าฉินอวี่กังวลเรื่องใด จึงกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “ตอนเป็นเด็กข้าศึกษาตำราแพทย์โบราณไม่น้อย สะสมไว้ก็ไม่น้อย ยามที่ยังไม่ได้ออกเรือน ชอบนำคนในจวนแม่ทัพมาฝึกฝนฝีมือ ข้ารู้วิชาแพทย์มาตลอด เพียงแต่คนนอกไม่รู้เท่านั้น”วิชาแพทย์ของนางศึกษาในชาติก่อน ชาตินี้เป็นวิชาอย่างไม่มีที่ไปที่มา ยากจะเลี่ยงมิให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆนานา มิสู้มอบเหตุผลให้สักข้อดีกว่าลู่หวายหนิงเชื่อเสิ่นหรูโจว ไม่ว่านางกล่าวสิ่งใดเขาล้วนเชื่อทั้งสิ้น กระทั่งตอนนี้เพียงแค่มองเสิ่นหรูโจว ในใจของเขาก็บังเกิดความปิติขึ้นมาพี่สาวคนสวยงดงามสะกดสายตาผู้คน ช่างคู่ควรกับท่านอาจารย์ยิ่งนัก!บนใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความจริงจังขึ้นมา “พี่สาว ท่านทั้งงดงามทั้งชาญฉลาด หากอาจารย์ของข้าได้พบท่าน จะต้องชมชอบท่านอย่างแน่นอน”“โอ๋?” คิ้วงามของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้นเล็กน้อย ทว่ามิได้
ท่านหมอชราประสานมือคำนับเขา กล่าวพร้อมเคราแพะสีเทาที่สั่นไหวว่า “ท่านอ๋องมิต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเพียงแค่เพลิงโทสะจู่โจมหัวใจ จึงหมดสติไปเท่านั้น ผู้น้อยจะสั่งยาให้พระชายารองเสวยลงไปก่อน จากนั้นค่อยดูอาการพ่ะย่ะค่ะ”เพลิงโทสะจู่โจมจิตใจ?หัวคิ้วของเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดเข้าหากัน แม้จะบอกว่ากงฉางจื้อเป็นหมอของนาง แต่ก็เป็นเพียงหมอผู้หนึ่งเท่านั้น จำจะต้องโกรธกริ้วร้อนใจเช่นนี้ด้วยหรือ?“เช่นนั้นก็รีบสั่งยาเถิด”หลังจากท่านหมอชราคำนับเสร็จก็จากไป เซียวเฉินเหยี่ยนร้องเรียกคนว่า “เด็ก ๆ ดูแลพระชายารองให้ดี”“บ่าวน้อมรับคำสั่งเพคะ” สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวนางหนึ่งก้าวออกมาเซียวเฉินเหยี่ยนกวาดตามองนางครั้งหนึ่ง “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”สาวใช้นางนี้ก็เป็นผู้ที่คอยปรนนิบัติอยู่เบื้องหน้าหว่านโหรวเช่นกัน เพียงแต่ดูแล้วไม่หัวไวเท่าหลิงเฟิงเท่านั้นถงอวิ๋นก้มศีรษะ ตอบตามตรงว่า “ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่พี่หลิงเฟิงเป็นลมไปแล้วเพคะ คิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้าถูกโบย ยังไม่หายดีเพคะ”เซียวเฉินเหยี่ยนจึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่า หลิงเฟิงยังถูกโบยด้วยเขามิได้กล่าวสิ่งใดอีก สาวเท้าจากไป กลับไปที่เรือนของตน
“ที่ก่อเรื่องหลังแต่งงาน ก็เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีแย่งความโปรดปรานเท่านั้น อยากให้พระองค์ทรงมองนางมากขึ้นอีกสักครั้ง แม้ผลลัพธ์จะมิได้ดีนัก แต่ท่านอ๋องก็ทรงสนพระทัยพระชายาอย่างมากแล้วจริงๆ ภายในสองวันสั้นๆ จำนวนครั้งที่พบพระชายา นึกถึงพระชายา เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนแปลกไปเล็กน้อย “ข้าถึงกับให้ความสนใจนางเพียงนี้?”เห็นจวินอู่พยักหน้า ริมฝีปากบางของเซียวเฉินเหยี่ยนเม้มเล็กน้อย ในใจกลับรู้สึกอธิบายไม่ถูกว่า การที่เสิ่นหรูโจวใช้ลูกไม้แย่งชิงความโปรดปราน เทียบกับการที่นางคิดจะไต่เต้าขึ้นที่สูงแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก และสบายใจกว่ามากก็ใช่ หากในใจนางไม่มีเขา แล้วจะฝืนแต่งกับให้ได้เขาด้วยเหตุใดจวินอู่เห็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่กล่าวสิ่งใด ก็อดถามไม่ได้ว่า “ท่านอ๋อง พรุ่งนี้พระชายากลับบ้านเดิม จะทรงเสด็จไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นหากไม่มีสวามีกลับไปด้วย นางจะถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้?”เซียวเฉินเหยี่ยนหลุบขนตายาวลง ราวกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใด ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็มิได้กล่าวแม้เพียงคำเดียว ……อาการป่วยของลู่หวายหนิงคงที่แล้ว
“อะไรนะ?” บนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวมีความประหลาดใจวาบผ่าน “ไม่ใช่เสียหน่อย เหตุใดเจ้าจึงได้คิดเช่นนี้?”เมี่ยวตงคิดว่าที่นางพยายามช่วยลู่หวายหนิงอย่างยากลำบาก เป็นเพราะคิดอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเซียวเฉินเหยี่ยน? นี่มันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?เมี่ยวตงเบิกตากลมโต กล่าวตอบอย่างจริงจังว่า “แม้อุปนิสัยของพระองค์จะเปลี่ยนไปมาก แต่ข้าน้อยรู้ว่า ทรงรักท่านอ๋องอย่างลึกซึ้ง หัวใจรักที่มีต่อท่านอ๋องไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพคะ”“ก่อนหน้านี้ พระชายาทรงอ่อนโยน มีเมตตาและคุณธรรม แต่ท่านอ๋องไม่ทรงโปรด ยามนี้พระชายาทรงกระทำสิ่งต่างๆอย่างห้าวหาญ ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ คนทั้งคนเข้มแข็งขึ้นมา กลับกลายเป็นดึงดูดความสนใจของท่านอ๋อง จนแม้แต่พระชายารองก็ทรงสนพระทัยน้อยลง นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่า นี่ทำให้ทรงได้รับความน้อยใจมากเกินไปหรือเปล่าเพคะ”คุณหนูเพื่อช่วยลู่หวายหนิงแล้ว สถานการณ์พลิกผันไปมา ได้รับความยากลำบากมากมายเริ่มจากถูกคนเข้าใจผิด ท่านอ๋องไม่สอบถามเรื่องราวให้กระจ่างก็ลงมือทำร้ายคน ตีจนคุณหนูกระอักเลือดแล้ว! จากนั้นก็นำคุณหนูไปขังไว้ในคุกใต้ดินที่ทั้งหนาวทั้งชื้นนั่นอีก ในยามที่คุณหนูออกม
“เมี่ยวตง ยามนี้ข้าไม่ได้ชอบเซียวเฉินเหยี่ยนแม้แต่น้อย…”ขณะกำลังพูดอยู่ หางตาของเสิ่นหรูโจวพลันเหลือบไปเห็นเงาร่างสูงโปร่งเหยียดตรงกำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องนางรู้ว่าเป็นผู้ใดทันทีโดยไม่ต้องมองให้ละเอียด พลันเพิ่มน้ำเสียงให้ดังขึ้นอีกหลายส่วน“ข้าช่วยนายน้อยลู่เพราะข้ามีเมตตา มิใช่เพื่อช่วยเซียวเฉินเหยี่ยน ยิ่งมิใช่เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา ใครต้องการเขากัน ข้าไม่มีทางเสียแรงใจกับบุรุษที่โง่เขลาพักนั้น เขาไม่คู่ควร”สองคำสุดท้ายนางจงใจพูดเสียงดังมาก น้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่ง ราวต้องการทุบพื้นให้ทะลุส่วนเซียวเฉินเหยี่ยนที่ได้ยินสิ่งเหล่านี้กับหูกลับสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง สาวเท้ายาวเข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่งเขาเหลือบมองเสิ่นหรูโจวอย่างราบเรียบ หว่างคิ้วที่งดงามมีความเย่อหยิ่งโดยธรรมชาติเขารู้ว่าเสิ่นหรูโจวเป็นเพราะมองเห็นเขา จึงได้ตั้งใจพูดเช่นนี้ แม้ปากจะกล่าวว่าไม่สนใจแม้แต่น้อย ทว่าแท้จริงแล้วในใจกลับไม่ยอมแพ้อยู่อย่างลับๆช่างเถอะ หากเป็นเพราะต้องการแย่งชิงความโปรดปราน เขาสามารถเห็นแก่หน้าเสิ่นหรูโจวขึ้นอีกเล็กน้อย ทำให้นางสมหวังก็ได้แล้ว ดีกว่าปล่อยให้นางบังเกิดความคิดที่ไม่ควร ไปสร
มันจะทำให้เสียรสชาติมากเซียวเฉินเหยี่ยนหันศีรษะมาอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นความรังเกียจในก้นบึ้งดวงตาของเสิ่นหรูโจว ไฟโทสะกลุ่มหนึ่งก็ลุกโชนขึ้นมานี่มิใช่สิ่งที่นางต้องการหรือ นางลงแรงมากถึงเพียงนั้นเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา มิใช่อยากให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางทำเพื่อเขาพวกนั้น เขาก็พยายามอดทน นิ้วเรียวกำแน่น กล่าวเย้ยหยันว่า “ได้ ในเมื่อเจ้าปฏิเสธข้า เช่นนั้นก็ช่างเถอะ อย่าได้เสียใจก็แล้วกัน”“พรุ่งนี้เป็นวันกลับบ้านเดิม พรุ่งนี้เช้าเจ้าตื่นให้เร็วหน่อย จัดของให้เรียบร้อย อย่าให้ข้าต้องรอเจ้า”สีหน้าของเสิ่นหรูโจวแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไรกัน ท่านจะกลับบ้านเดิมกับข้า?”“ดวงตาของเขามืดมิด แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง” “หืม เจ้าไม่ต้องการ?”เสิ่นหรูโจวลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน ใบหน้าที่เดิมสงบ เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มในเสี้ยววินาที“เซียวเฉินเหยี่ยน ท่านว่างมากใช่หรือไม่? หากท่านไม่มีสิ่งใดทำ สามารถกลับห้องไปนอนได้ สามารถไปเฝ้าที่หัวเตียงของมู่หว่านหรง สวดภาวนาให้นาง ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ อย่ามาเกะกะสายตาข้า”“ข้าขอพูดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ข้าไ
มีบางครั้งเขายิ่งเป็นเป็นบ้า เสียสติถึงขั้นคิดจะล่วงเกินนาง เช่นนั้นยังน่ากลัวกว่าเซียวเฉินเหยี่ยนในยามนี้มากข้อมือบางถูกเซียวเฉินเหยี่ยนกุมจนเจ็บ ทว่าเสิ่นหรูโจวมิได้รีบดึงออก แต่กลับเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แย้มริมฝีปากอย่างแผ่วบาง“เซียวเฉินเหยี่ยน ท่านอยากรู้ว่าข้าต้องการสิ่งใด ข้าสามารถบอกท่านได้ ก็ใช้เงื่อนไขที่ท่านติดค้างข้าอยู่สามข้อ ดูว่าท่านจะสามารถทำได้หรือไม่”“เวลานี้มาต่อรองเงื่อนไขกับเขา ช่างรู้จักเลือกเวลาเสียจริง!”เซียวเฉินเหยี่ยนจ้องนาง สีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว สะกดกลั้นไฟโทสะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแสดงอาการหมดความอดทน พ่นออกมาคำหนึ่งว่า “พูด”เสิ่นหรูโจวกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ข้าต้องการหย่า”เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตกตะลึงไป เขาคิดว่านางจะเอ่ยถึงการร่วมหอ คิดไม่ถึงว่ายังคงเป็นการหย่าร้าง!จากนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกโมโหอย่างไม่รู้ที่มา พลันความโกรธเกรี้ยวที่ต้องการจะทำลายล้างสายหนึ่งก็โหมกระหน่ำเข้ามา “ไม่ได้”เนตรหงส์ของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้น ที่จริงแล้วนางก็ไม่ได้ตั้งความหวังสูงนัก การหย่าร้างมิใช่จะทำได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น“เช่นนั้นเงื่อนไขในการหย่าร้างต้องเปลี่ยนแปลง ทองคำล
ดวงตาใสกระจ่างของเสิ่นหรูโจวมองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างแน่วแน่“เงื่อนไขที่สอง ยามนี้ข้ายังคงเป็นพระชายา ดังนั้นเมื่อข้าอยู่ในจวนอ๋อง ก็ควรมีฐานะเฉกเช่นที่พระชายาควรมี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเฉินเหยี่ยนก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “เจ้ายังไม่มีฐานะ? เจ้าอยู่ในจวนอ๋องใช้อำนาจทำตามอำเภอใจ ไม่มีผู้ใดโอหังยิ่งไปกว่าเจ้าแล้ว!”เหอะ นางมีฐานะอย่างนั้นหรือ?แต่ไรมาเซียวเฉินเหยี่ยนล้วนคิดไปเองว่าได้มอบสิ่งต่างๆ ให้นางมากมาย นางเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่เห็นความไม่เป็นธรรมทั้งมวลที่นางได้รับอยู่ในสายตา ไม่รู้แม้แต่น้อยว่า นางต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดบนใบหน้าดวงน้อยที่ประณีตงดงามของเสิ่นหรูโจวไร้ซึ่งรอยยิ้มอีกต่อไป กล่าวอย่างเย็นชาว่า“ที่ข้าต้องการ คือให้เหล่าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง รวมถึงมู่หว่านหรงที่มีฐานะเป็นชายารอง ปฏิบัติต่อข้าตามมารยาทที่ควรปฏิบัติต่อพระชายา ไม่อาจล่วงเกินข้า ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่มู่หว่านหรงจับข้าขังคุกใต้ดินในวันนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นอีก”“อีกอย่าง ในเมื่อข้ามีฐานะเป็นพระชายา เยี่ยงนั้นท่านอ๋องเช่นท่านก็ควรอยู่ร่วมกับข้าอย่างให้เกียรติ อย่างน้