หมู่บ้านปัญญาวดี
หมูบ้านไฮโซที่มีแต่บ้านหลังใหญ่สิบห้าล้านบาทขึ้นไปนับเป็นหมู่บ้านติดท๊อปๆ ในกรุงเทพฯ ว่าเป็นหมู่บ้านของกลุ่มคนรวยระดับท๊อปของในสังคมของคนกรุงเทพฯ แน่นอน หนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อแพทย์หญิงนิภา แพทย์หญิงด้านสูตินารีชื่อดัง หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าในหมู่บ้านด้วยความหงุดหงิดเพราะแม้จะนอนพักที่ห้องพักแพทย์สามวันเพื่อดักจะรอพบนายแพทย์อนวินท์แต่ก็ต้องหมดหวัง เพราะผ่านไปสามวันก็ยังไม่มีวี่แววว่าชายหนุ่มจะกลับเข้ามาอีก วันนี้ก็เลยกะว่าจะกลับมาพักผ่อนที่บ้านเพราะพรุ่งนี้กับวันมะรืนเป็นวันหยุด กว่าสิบหกวันที่ทำงานติดกันไม่ได้พัก เนื่องจากแพทย์อีกคนบินไปดูงานที่ต่างประเทศ ทำให้แพทย์หญิงนิภารู้สึกเหนื่อยล้า วันนี้เลยกะว่าจะกลับบ้านมาดื่มสักหน่อย เมื่อเลี้ยวเข้าใกล้กับตัวบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถยุโรปสีดำป้ายยังเป็นสีแดง เหมือนเป็นรถใหม่ หญิงสาวขมวดคิ้วเพราะปกติบ้านเธอแทบจะไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียน เพราะทั้งเธอและมารดาเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต แพทย์หญิงนิภาจอดรถไว้หน้าบ้านเพราะไม่สามารถจะเอารถเข้าไปในตอนนี้ได้ เพราะชายหนุ่มจอดขวางอยู่ หญิงสาวเปิดประตูรถ ก่อนจะขยับแว่นตากันแดดขึ้นมองป้ายทะเบียนรถ แล้วยิ่งขมวดคิ้ว หญิงสาวล้วงเอามือถือถ่ายป้ายทะเบียนรถ แล้วเดินเข้าบ้านปากก็ตะโกนเรียก แม่บ้านคู่ใจเสียงดังลั่น บ่งบอกนิสัยเอาแต่ใจ “ปิ่น ...ปิ่น” เสียงแพทย์หญิงนิภาตะโกนลั่นบ้าน สาวใช้ปิ่นวิ่งมารับหน้านายผู้หญิงของบ้าน คนที่บ้านนี้เรียกแพทย์หญิงนิภาว่านายผู้หญิง และคุณหญิงแม่ว่านายแม่ ปิ่นวิ่งมารับกระเป๋าท่าทางลนลาน เพราะคนในบ้านรู้จักนายผู้หญิงบ้านนี้ดีว่าอารมณ์แปรปรวน “รถใคร มาจอดหน้าบ้าน จอดเหมือนคนปัญญาอ่อน ทำไมไม่เลื่อนไปข้างหน้าหน่อย จอดขวางประตูแล้วใครหน้าไหนจะถอยรถเข้าบ้านได้ล่ะ” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภาแสดงอารมณ์หงุดหงิด “รถคุณหมอค่ะ นายหญิง” “รถหมอเหรอ” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภา ตื่นเต้นก่อนจะออกตัวเดินแกมวิ่ง โดยไม่หยุดฟัง ว่าสาวใช้กำลังจะบอกว่า นายแพทย์ที่ว่าเป็นคนใหม่ไม่ใช่คนที่เคยมา แพทย์หญิงนิภาวิ่งไปในห้องรับแขก ได้ยินเสียงมารดาหัวเราะ ปนกับเสียงชายหนุ่มหัวเราะตามหลัง หญิงสาวใจเต้นแรง แพทย์หญิงนิภาหยุดจัดผมให้อยู่ทรง ก่อนจะหยิบตลับแป้งมาเติม พร้อมกับทาลิปสติกสีแดงที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว หญิงสาวจะฉีกแนวของแพทย์หญิงทั่วๆไปที่ดูจะเรียบร้อย อ่อนหวาน แต่งหน้าน้อยๆ สำหรับแพทย์หญิงนิภาที่มีดีกรีจบจากต่างประเทศจะเปรี้ยวเฉี่ยว แล้วที่ผู้คนในโรงพยาบาลรู้จักคือ “คุณหมอลิปแดง” ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ถ้าตนเองได้ยินคำนี้จะปรี๊ดแตก แล้วอาละวาดซะกระเจิง เสียงของชายหนุ่มทำให้แพทย์หญิงนิภาฉงน เพราะไม่เหมือนกับเสียงที่คุ้นเคย แต่อีกใจก็คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นหวัดเลยเสียงเปลี่ยน แพทย์หญิงนิภาเดินแกมวิ่ง ก่อนจะร้องเรียกมารดาน้ำเสียงสดใส แต่แล้วก็ชะงักเมื่อชายหนุ่มที่นั่งกับมารดาไม่ใช่คนที่เธอคิด “นายขนมครก มาทำอะไรบ้านฉันยะ” “คุณหมอขี้วีน...” นายแพทย์สุชาติหลุดปากตอบ แต่ก็เอามือปิดปากเมื่อเห็นคุณหญิงอำภาหันมามองด้วยความประหลาดใจ “อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอลูก นี่คุณหมอคนใหม่ที่หมอวินท์ส่งมาให้แม่ ถูกใจแม่มากๆเลย” คุณหญิงอำภาพูดคล่อง “คุณแม่คะ” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภาเข้ม คุณหญิงอำภามองหน้าลูกสาว แล้วใบหน้าสลดลงก่อนจะมองลูกสาวอย่างขอโทษ แพทย์หญิงนิภาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันไปหาสาวใช้คนสนิทแล้วกดเสียงต่ำ “ปิ่น พานายแม่ไปพักผ่อนแล้วทีหลังอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านอีก ถ้าฉันไม่อนุญาตเข้าใจไหม” “ผมมาจากอนวินท์ ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าดังนั้นผมมาได้” นายแพทย์สุชาติกล่าวน้ำเสียงสุขุม “ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะผมรหัส สี่สอง” “ฉันไม่มีพี่รหัส ระบบพี่รหัสน้องรหัส ฉันไม่นับถือตอนเรียนฉันเรียนด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเอง” “โลกแคบ” นายแพทย์สุชาติลุกขึ้นยืน เมื่อคุณหญิงอำภาออกจากห้องไป “นายมาที่นี่ทำไม..” “ก็มาตรวจแม่คุณไง ก็คุณไปร้องห่มร้องไห้ว่าแม่ป่วยหนัก เป็นอัลไซเมอร์ขั้นรุนแรง ตามที่ผมตรวจดูประวัติ แล้วจากที่ผมพาแม่คุณไปทำซีทีสแกนก็ไม่เจออะไรผิดปกติที่จะเป็นอะไรขั้นรุนแรงมาก ตามประวัตินี้เรียกว่า อาจจะผิดเกือบทั้งหมด เมื่อวานนั่งคุยกับแม่คุณก็ไม่ใช่ความผิดของแพทย์ แต่เป็นความผิดของลูกที่บังคับให้แม่แกล้งทำเป็นป่วยหนักเพราะอยากจับผู้ชาย” นายแพทย์สุชาติเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะหยิบแฟ้มประวัติ ตบเบาๆ ที่ไหล่ชนิดเฉียดๆ แต่เมื่อแพทย์หญิงนิภาจะคว้า ชายหนุ่มก็เอาแอบไปไว้ด้านหลัง หน้าตายียวน นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีความรู้สึกสนุกแบบนี้ ตั้งแต่ภรรยาตายด้วยโรคมะเร็งเมื่อห้าปีก่อน ชายหนุ่มแทบไม่ได้เจอใครนอกจากพยาบาลและคนไข้ แต่สำหรับตนเองก็มองทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่และน้อง ไม่รู้สึกสนุกและท้าทายเหมือนผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าที่ฉีกบทบาทแพทย์แต่งตัวเปรี้ยว ท่าทางร้ายๆ ปกติตนเองเจอคนรอบข้าง มีแต่คนดีรอบๆ ตัว จนทำให้ไม่รู้สึกว่าแปลกหรือท้าทาย นายแพทย์สุชาติรู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกของตนเองต่อแพทย์หญิงรุ่นน้องที่มองมาราวกับจะเผาให้เป็นจุล ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยว มองแล้วหน้าเกลียดมากกว่าน่ารัก แต่ในความรู้สึกของตนเองกลับรู้สึกท้าทายตื่นเต้น “หมอบ้า มา ..เสื...ก เออ มายุ่งอะไรด้วย” คำหยาบคำนั้นไม่ได้หลุดออกมา แต่ก็ไม่ได้หลุดออกมา เพราะพยายามกลั้นเอาไว้ “คุณแม่คุณสารภาพกับผมหมดแล้ว และผมก็รักษาแม่คุณไปแล้ว สี่หน วันนี้เป็นครั้งที่ห้า แล้วคุณล่ะเป็นลูกหายไปไหนมา บ้านช่องไม่กลับ ปล่อยให้แม่ที่พิการ และป่วยหนักมากกกกกกกกก อยู่กับคนรับใช้” น้ำเสียงนายแพทย์สุชาติตำหนิเสียงเข้ม “อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน เอาแฟ้มประวัติแม่ฉันมา” น้ำเสียงแพทย์หญิงนิภาตวาดเสียงแหลม “ไม่ให้ อยากได้ก็ไปตามเอาที่อนวินท์ อาทิตย์หน้า” “ห้ามให้วินท์รู้เรื่องนี้นะ ไม่งั้นฉันฆ่าคุณแน่” แพทย์หญิงนิภาตรงเข้าเพื่อแย่งแฟ้มประวัติ แต่นายแพทย์สุชาติหลบ แล้วเดินแกมวิ่งออกจากบ้านทันที แพทย์หญิงนิภา กระทืบเท้าด้วยความโมโห เมื่อชายหนุ่มออกรถเพื่อขับออกจากบ้านเธอ หญิงสาวก็วิ่งตาม เมื่อเห็นรถวิ่งไปเกือบลับตา หญิงสาวก็วิ่งไปที่รถแล้วขับตามเร็วราวกับพายุ “อีตาบ้า....จะแฉฉันงั้นเหรอ ไม่รู้จักนิภาเสียแล้ว คอยดู...ฉันจะเอาคุณให้ไม่มีที่ยืนในวงการแพทย์เลยไม่รู้จักนิภาเสียแล้ว” แพทย์หญิงนิภาจ้องมองรถด้านหน้าด้านความโกรธแค้น เมื่อสามารถจะขับบี้จนเข้ามาใกล้รถของชายหนุ่ม แพทย์หญิงนิภาบีบแตรยาว ปากก็ตะโกน “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้า” นายแพทย์สุชาติ มองไปที่รถด้านหลัง แล้วยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจที่แหย่คุณหมอจอมหยิ่งที่คอเชิดตลอดเวลาให้โมโหได้ ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกที่ได้แกล้ง แต่เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวที่รู้มาจากคุณหญิงอำภาที่เป็นแม่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสาร ผู้หญิงที่ขับรถตามมาอย่างสุดซึ้ง มัวแต่คิดเพลิน ทำให้หญิงสาวขับมาเทียบเคียง นายแพทย์สุชาติเปิดกระจกแล้วถือแฟ้มประวัติแกว่งไปมา อย่างต้องการยั่วเย้า แล้วรู้สึกสนุกเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดจากแพทย์หญิงนิภา “จอดรถ ไอ้บ้า นายขนมครกจอดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันชนนายแน่ๆ” “ไม่จอด” “จอดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันชนจริงๆนะ” “ไม่จอด เรื่องอะไรผมต้องฟังคุณ...” “ไอ้บ้า ไม่รู้จักฤทธิ์แม่ซะแล้ว” แพทย์หญิงนิภารอให้นพ.สุชาติพุ่งไปด้านหน้า ตนเองก็พุ่งให้รถเฉี่ยวอย่างที่ต้องการเพียงให้รถได้รับความเสียหาย เพราะเป็นรถใหม่ดังนั้นหญิงสาวก็คิดว่าชายหนุ่มคงหัวใจแทบสลาย ถ้ารถได้รับความเสียหาย เสียงดังโครมแล้วตามมาอีกครั้ง นายแพทย์สุชาติคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะบ้าชนรถของเขาจริงๆ นึกแล้ว อารมณ์โกรธก็พุ่งปรี๊ด ชายหนุ่มขับรถเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันตรงหน้า แล้วเมื่อหญิงสาวขับรถตามมา นายแพทย์สุชาติโยนแฟ้มประวัติไว้ในลิ้นชัก ก่อนปิดล็อคอย่างรอบคอบ นายแพทย์สุชาติตบที่หน้ารถของหญิงสาว เมื่อแพทย์หญิงยังกอดอก แล้วไม่ยอมลงมาจากรถ แต่เปิดกระจกเงื้อมไว้เล็กน้อย “ลงมาคุยกันคุณหมอปากแดง...” แพทย์หญิงนิภาตาลุกโพลง เมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกเธอ ตามสมญานามของคนที่โรงพยาบาลเม้าส์เธอลับหลัง หญิงสาวเปิดประตู แล้วยิ้มที่มุมปาก “คืนแฟ้มประวัติแม่ฉันมา” “ไม่คืน ....แล้วจ่ายค่าเสียหายที่คุณมาชนรถผมด้วย ผมไม่เรียกประกันนะ เพราะมันไม่ใช่อุบัติเหตุมันคือการจงใจ” นายแพทย์สุชาติก้าวเข้ามาประชิดตัว แพทย์หญิงนิภาเดินถอยหลังทำให้ร่างของเธอไปปะทะที่รถของตัวเองแรงจนทำให้นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด “จะเอาเงินว่างั้น” “ใช่ แต่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินคุณ แต่ต้องการให้คุณรับผิดชอบ” แพทย์หญิงนิภาเปิดประตูรถ แล้วไปหยิบสมุดเช็ค แล้วกรอกตัวเลข พร้อมกับยื่นให้ชายหนุ่มแทบจะขว้างให้ นายแพทย์สุชาติรับมาถือแล้วก้มมองตัวเลข แล้วยิ้มที่มุมปาก “แล้วผมจะส่งใบอนุโมทนาบุญไปให้นะ เพราะเงินนี้ผมไม่อยากได้ แต่จะเอาไปทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ผมต้องมาทำผู้หญิงบ้าระห่ำแบบคุณ” “แล้วแฟ้มแม่ฉันล่ะ” “ไปพบผมที่ห้องทำงาน พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า” “บ้าเหรอ พรุ่งนี้วันหยุดฉันนะคุณ ฉันทำงานมาตั้งสิบหกวัน” “ถ้าไม่อยากคุยก็ไม่เป็นไร ผมยังไงก็ได้” “ไอ้บ้า....” แพทย์หญิงนิภากัดฟันด่า เมื่อชายหนุ่มเดินขึ้นรถ พร้อมกับโบกเช็คไปมา อย่างต้องการยั่วโมโห หญิงสาวกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “คอยดู ฉันจะทำให้คุณจำชื่อฉันจนวันตาย...นายกลับชาติมาเกิด” แพทย์หญิงนิภากำมือแน่น ตาจ้องมองไปด้านหน้าที่รถวิ่งผ่านไปไกลสุดตา แววตาโหดเหี้ยมโรงพยาบาล เลิศวสิน กรุงเทพฯอินเตอร์ แพทย์หญิงนิภาสูดลมหายใจ เมื่อมายืนห้องทำงานของนายแพทย์สุชาติ หญิงสาวยกมือขึ้นเคาะก่อนจะเปิดเข้าไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาตนายแพทย์สุชาติเงยหน้าแล้วขยับแว่น หญิงสาวมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าด้วยความเกลียดชัง แต่ในใจก็แอบสำรวจอีกฝ่ายชายหนุ่มวัยสี่สิบกว่า ผมมีสีขาวตรงปลายๆเส้นผมที่มองเห็นแซมอยู่กับผมขาว ส่งให้ชายหนุ่มดูเป็นหนุ่มใหญ่ ใบหน้าตี๋ๆ ผิวขาวอย่างผิวของคนภาคเหนือ ทำให้อีกฝ่ายก็ดูไม่ใช่เป็นคนขี้เหร่มากในสายตาเธอ แต่คำพูดและท่าทางกวนประสาทต่างหากที่ทำให้เธอเกลียด “คุณควรรอให้ผมอนุญาตก่อน ค่อยเปิดประตูเข้ามา” นายแพทย์สุชาติเอ่ยตำหนิซึ่งๆหน้า “ฉันจะมาเอาแฟ้มประวัติแม่ แล้วอยากมาเตือนให้คุณอยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้” “เสียใจ ผมเป็นแพทย์ผมตรวจไปตามอาการ แล้วที่วินท์เค้าตรวจไม่เจอ อาจเป็นเพราะคุณแม่ของคุณรักลูกสาวมากจนหลงผิดอย่างที่ท่านสารภาพกับผม สามปีนะคุณอย่าทรมานคนแก่เลย อาการของแม่คุณก็เหมือนคนแก่ทั่วๆ ไป ความดันสูงต้องควบคุมน้ำตาล ไขมันอุดดันในเส้นเลือด” นายแพทย์สุชาติอ่านแฟ้มประวัติ แล้ววางบนโต๊ะ แพทย์หญิงนิภามองแฟ้มประวัติเขม็ง “อย่
โรงพยาบาลเลิศวสิน กรุงเทพฯ อินเตอร์ แพทย์หญิงนิภาแอบมองนายแพทย์สุชาติ เดินเข้าไปในห้องออลคอลรูม แล้วล้วงมือไปหยิบขวดยาที่เพิ่งได้รับตอนบ่ายแววตาโหดเหี้ยม หญิงสาวมองแม่บ้านถือแก้วน้ำส้มใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว แม่บ้านกำลังจะเดินตรงไปที่ห้องออนคอลรูม “มณี เดี๋ยวก่อน” แม่บ้านสาวหยุดแล้วเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมถาดเครื่องดื่ม “ขอฉันก่อนแก้วนี้” “เออ คือว่า คือว่า หมอสุชาติสั่งให้หนูเอาไปให้ท่านค่ะ” “ฉันหิวน้ำ ฉันขอก่อน เธอก็ไปเตรียมมาให้ท่านใหม่แล้วกันนะ” “แต่....” “ไม่รู้เหรอ ใครใหญ่ที่นี่ นั่นนะหมอพิเศษ ส่วนฉันเนี่ยมีหุ้นที่โรงพยาบาลนี้นะ ไม่รู้เหรอ” แพทย์หญิงนิภาพูดโอ้อวด แม่บ้านสาววัยกลางคน ยื่นถาดเครื่องดื่มให้ แล้วเดินแกมวิ่งเพื่อจะไปเตรียมน้ำแก้วใหม่ แพทย์หญิงนิภา หยิบแก้วน้ำแล้ววางถาดไว้ที่เก้าอี้หน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูห้องออนคอลที่เปิดไว้ หญิงสาวได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องออนคอลรูม แพทย์หญิงนิภาจัดการหยดยาเข้าไปในแก้ว แล้วหันไปมองที่ห้องน้ำอย่างโหดเหี้ยม “ขอโทษนะคุณหมอ ช่วยไม่ได้คุณอยากมาขวางทางฉัน เห็นทีวงการแพทย์คงเสียหมอดีๆ ถ้าคุณยังขวางทางฉัน” แพทย์
โรงพยาบาลเลิศวสิน กรุงเทพฯ อินเตอร์“ว่าไง คุณอนงค์ หมอโจเซฟตกลงคอนเฟิร์มไหม” หมอภัทรถามพยาบาลชมพู่ถึงนายแพทย์โจเซฟโทมัสนายแพทย์ชื่อดังของประเทศเยอรมันด้านการศัลยกรรม อันดับหนึ่งของยุโรปกำลังจะบินมาเที่ยวในแถวเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ อนวินท์ไลน์มาบอกให้ติดต่อให้ท่านมาบรรยายพิเศษโดยส่งจดหมายเชิญไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ติดว่าภรรยาของท่านป่วยหนักทำให้ท่านปฏิเสธ แต่เมื่อต้นปีได้รับคำตอบจากท่านว่าจะมาเพราะอยากมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้งหนึ่ง นายแพทย์ภัทรได้อ่านหนังสือพิมพ์พิเศษ ว่าท่านได้เดินทางมาแถบนี้ จึงรู้สึกตื่นเต้นพยายามติดต่อแทบจะทุกทาง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอน“ยังติดต่อไม่ได้ค่ะ หมอภัทร”“เสียดายจัง ถ้าเชิญท่านไปบรรยายที่เชียงใหม่ได้คงจะดี”“นงค์ก็ติดต่อตลอดนะคะ แต่เลขาท่านบอกว่าจะบอกให้ค่ะ แต่ไม่รับปาก”“เสียดายจัง พยายามต่อไปนะครับชมพู่”“ค่ะ หมอภัทร”“ถ้าไม่ทันวันศุกร์นี้ ก็อีกสองเดือนข้างหน้านี้ โรงพยาบาลจะครบรอบ เจ็ดสิบปีจะมีการจัดงานเลี้ยงใหญ่ รับรองงานนั้นท่านมาแน่ๆ”“ทำไมคุณหมอถึงแน่ใจคะ”“ก็ท่านเคยรับปากคุณพ่อหมอวินท์ว่า ถ้าโรงพยาบาลครบเจ็ดสิบปี เท่ากับตัวท่าน ท่านจะมา” เชี
โรงพยาบาลเลิศวสิน อินเตอร์ กรุงเทพฯแพทย์หญิงนิภาเปิดประตูห้องทำงานนายแพทย์สุชาติ แล้วโยนซองสีน้ำตาลไปบนโต๊ะ เธอเพิ่งกลับจากออสเตรเลียเมื่อคืนไฟล์ดึก เช้ามาเมื่อไปรายงานตัวกับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล จึงทราบว่าคนที่เสนอชื่อให้เธอไปดูงานครั้งนี้คือนายแพทย์สุชาติ แพทย์หญิงนิภาตัวสั่นด้วยความโกรธ เมื่อรองผู้อำนวยการจะให้พยาบาลนำตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ไปให้ หญิงสาวจึงอาสาจะเอามาให้ชายหนุ่ม เพื่อจะมาคิดบัญชีชายหนุ่มที่เป็นตัวกีดกันทำให้ตนเองเดินทางไปเชียงใหม่ช้าไปอีกสามอาทิตย์ นายแพทย์สุชาติเงยหน้ามองแพทย์หญิงรุ่นน้อง แล้วยิ้มมุมปาก “ยินดีกลับเมืองไทย เป็นไงไปดูงาน”“ไอ้บ้า...คิดเหรอว่าจะกีดกันฉันได้ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็จะได้เจอกับวินท์ คิดเหรอว่าการที่คุณเสนอชื่อให้ฉันไปดูงานตั้งหลายอาทิตย์ จะหยุดความตั้งใจฉันได้”นายแพทย์สุชาติ เดินออกมาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงาน กอดอกท่าทางสุขุม “ผมไม่เข้าใจ จริงๆแล้วคุณมีคุณสมบัติ รูปสมบัติพอที่จะหาใครก็ได้ที่ดีกว่าวินท์ทำไมต้องไปแย่งคนอื่น เรียนจบแพทย์มาไม่ช่วยทำให้คุณมีความคิดได้ดีกว่านี้เลยงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจจริงๆ” “วินท์ คือคนที่ฉันเลือก
“พี่หมอ...”“ไปกันได้แล้วครับ พี่มีเวลาอีกแค่สิบห้านาที แล้วอย่าลืม หกโมงเย็นน้ำต้องไปเจอกับพี่ที่โรงแรม ปางสวนแก้ว ห้ามเบี้ยวนะครับ”“ค่ะ ย้ำนักหนา ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”“ต้องย้ำสิ เพราะน้ำชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ”“ไปกันได้แล้วครับ เห็นไหม ยิ่งน้ำช้า คนยิ่งมองเรา”“ก็พี่หมอปล่อยมือน้ำสิ คนจะได้ไม่มอง”“พี่จะจับมือเมียเดิน มีอะไรไหม” อนวินท์ออกเดิน พร้อมๆกับลากให้หญิงสาวเดินออกไปด้วย นายแพทย์อนวินท์ยิ้มทักทายผู้คนระหว่างทาง ต้นน้ำรู้สึกอายเพราะเป็นเป้าสายตาของทั้งกลุ่มพยาบาลและหมอที่เดินไปมา“เฮ้ยแก ดูดิคุณหมออนวินท์จูงมือพี่น้ำ หมายความว่าไงอ่ะ” เชอรี่ พยาบาลสาวสะกิด เพื่อนสาวอีกคนให้มอง นายแพทย์หนุ่มชื่อดังกำลังจูงมือกับรุ่นพี่พยาบาลอย่างสงสัย“นั่นสิแก หัวใจสลาย ทำไมคุณหมอทำกับนิ่มได้ นิ่มอุตส่าห์หลงรัก ว่าแต่คุณหมอรู้ไหมแกว่าพี่น้ำเป็นแม่ม่าย แม่เลี้ยงเดี่ยว” พยาบาลนิ่มนวลสะกิดเพื่อนร่วมอาชีพ “ต้องรู้สิแก เออว่าแต่คุณหมอลาพักร้อนพร้อมๆกับพี่น้ำเลยนะแก เค้าไปด้วยกันแน่ๆเลย ทำไมสป๊าคกันเร็วจัง มันน่าสงสัย เพราะปกติพี่น้ำไว้ตัวจะตาย พวกหมอหนุ่มๆ จีบตั้งหลายคน ไม่มีใครจีบติดสักคน ไหนจะพวก
“อธิบายมาพี่น้ำ อะไรสามี พี่น้ำเป็นเมียหมอวินท์งั้นเหรอ ที่หายไปด้วยกันสามสี่วันเนี่ยนะอะไรมันจะเร็วปานนี้ เล่ามาดิเทลเน้นๆ เลย” ชมพู่พูดเร็วบรื้อ“เออ เรื่องมันยาว ไว้เล่าทีหลังได้ไหม ตอนนี้ไปทำงานก่อนนะ” ต้นน้ำวางกระเป๋า แล้วหอบแฟ้มก่อนจะเดินออกจากห้องพักพยาบาลอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของพยาบาล ร่วมอาชีพ และแน่นอน ภายในเวลาไม่กี่นาที ไลน์กรุ๊ปของพยาบาลก็เม้าส์เรื่องนี้กันอย่างเมามันส์ ต้นน้ำรู้สึกราวกับตัวประหลาด เมื่อเดินไปดูคนไข้ตามห้องต่างๆ ก็มีสายตามองมาอย่างประหลาด หญิงสาวได้แต่บ่นในใจเบาๆ “พี่หมอนะพี่หมอ จะอดทนอีกไม่กี่อาทิตย์ไม่ได้ ทำให้น้ำทำงานท่ามกลางสายตาอยากรู้ อยากเห็นแบบนี้ มันน่าจริงๆ” หญิงสาวบ่นในใจ แต่อีกใจกับรู้สึกพองโตอย่างประหลาด ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่แพทย์หญิงนิภา โบกมืออย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่มที่เธอหลงรัก หญิงสาวแทบอยากจะวิ่งเข้าไปกอด แต่ติดว่ายังรอกระเป๋าที่เลื่อนบนสายพานอย่างเชื่องช้า นายแพทย์สุชาติมองเห็นอาการของหญิงสาวถึงกับส่ายศีรษะ “นี่คุณเก็บอาการไว้บ้าง รู้หรือเปล่าว่าตัวเองมีอาชีพอะไรควรสำรวมขนาดไหน” นายแพทย์สุชาติอดที่จะเหน
“คืนนี้นั่งข้างๆ ได้เต็มที่ แต่ขอให้งานเสร็จก่อนนะหมอนิ”“รู้แล้ว สั่งจริงเชียว” แพทย์หญิงนิภากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด ก่อนจะไปนั่งทางด้านหลัง แต่ก็ขยับขึ้นมา พลางเกาะไหล่คนขับไว้แน่น“โห เชียงใหม่เปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะคะวินท์”“ครับ”“นิ ชักอยากมาทำงานที่สาขานี้จัง”“คลินิกที่เชียงใหม่ ไม่ได้ต้องการหมอสูตินะเท่าที่รู้” นายแพทย์สุชาติพูดลอยๆ ก่อนจะมองไปที่กระจกด้านข้าง เห็นแพทย์หญิงส่งสายตามาอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วสัญญากับตัวเองว่าคืนนี้ยังไงก็ต้องจับตาดูพฤติกรรมของแพทย์หญิงรุ่นน้องอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมให้หมอรุ่นน้องตกหลุมพรางเหมือนที่ตนเองได้ตกมาแล้ว นายแพทย์สุชาติหรี่ตามองเห็นแพทย์หญิงซบศีรษะลงที่ไหล่ แม้จะทำจากด้านหลังรถโรงพยาบาลพิงค์วราคมต้นน้ำอ้าแขน เมื่อลูกชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาหา โดยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล “แม่ครับ แม่”“น้องนนท์” ต้นน้ำหันไปตามเสียงแล้วกางแขนเพื่อรอรับร่างลูกชายเพียงคนเดียวเข้าสู่อ้อมกอด “น้องนนท์คิดถึงคุณแม่”“แม่ก็คิดถึงลูกครับ” ต้นน้ำกอดลูกชายเพียงคนเดียวแน่น น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันเมื่อลูกชายซบศีรษะที่บ่า “คุณตากับคุณย
ภายในบริเวณงาน ทั้งช่างภาพ แขกที่ได้รับเชิญทั้งที่เป็นลูกค้า และเพื่อนๆ ร่วมรุ่น เพื่อนร่วมอาชีพอนวินท์เดินเคียงข้างมากับแพทย์หญิงนิภากล่าวทักทายแขกทุกคนอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ทำให้เหลือบตาไปมอง พอดิสเพย์ที่หน้าจอ ปรากฎเป็นรูปภรรยาสาว ที่ในอ้อมกอดคือบุตรชายเพียงคนเดียว อนวินท์ก็ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะขอปลีกตัวเพื่อจะมารับสายของภรรยาสาวอย่างรีบเร่งสีหน้านายแพทย์อนวินท์จากที่กำลังยิ้มแย้มทักทายแขกที่มาร่วมงานแสดงความยินดีเปิดคลินิกสาขาใหม่ล่าสุด เปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงภรรยาสาวทางโทรศัพท์พูดละล่ำละลัก“พี่หมอขา ได้ยินหรือเปล่า น้ำคิดว่า น้ำคงไปไม่ทันแน่ๆ น้ำต้องอยู่เวรแทนเพื่อนค่ะ” ภรรยาสาว กล่าวเสียงอ่อย “ทำไมถึงมาไม่ทัน ก็บอกแล้วไงว่าพี่อยากให้มา” อนวินท์เดินไปที่มุมตึก น้ำเสียงกดต่ำบ่งบอกอารมณ์ว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิด“เออ คือพี่หมอฟังน้ำก่อนนะคะ” น้ำเสียงต้นน้ำพยายามออดอ้อน“ก็พูดมาสิฟังอยู่” อนวินท์ทำเสียงเย็น“พอดีว่า สามีของยิ้มตกเครื่องก็เลยไม่มีใครไปรับลูก ยิ้มก็เลยฝากงานน้ำสองชั่วโมง น้ำหาใครไม่ได้จริงๆ ค่ะ น้ำสัญญาค่ะพี่หมอถ้ายิ้มกลับมาเมื่อไหร่
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม