ฮ่องเต้ที่ยังอยู่ในอดีตจมปลักอยู่กับหญิงหนึ่งในดวงใจไม่คิดสร้างความมั่นคงไม่นำพาบ้านเมืองสู่ความยิ่งใหญ่ ไม่คิดการขยายแว่นแคว้นคิดแต่เพียง จะ ย่ำอยู่กับที่ จะให้ย่ามอง หน้า พระอัยกาของหลานได้อย่างไร”
ชินอ๋องมองเหม่อไปไกล สิ่งที่ไทฮองไทเฮาอยากได้คืออะไรแน่ เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการหรือไม่
“ฝ่าบาท ทรงทำดีที่สุดแล้วแต่ยังดีไม่พอ”
“ไม่พอ ให้ย่าพอใจ แม้กระทั่งการเลือกฮองเฮายังไม่สามารถทำให้สำเร็จและเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย”
“ตอนนี้เองที่หลานก็ไม่สามารถเดา พระทัยเสด็จพี่ได้ว่าจะทรงเลือกใครแม้จะยังโปรดปรานเฟยลี่แต่ก็ยังเหมือนประวิงเวลารออะไรบางอย่าง”
“ความเหมาะสมย่าคิดว่า ฝ่าบาททรงรอสิ่งเดียวคือความเหมาะสม เท่านั้น”
ชินอ๋องนึกถึงความเหมาะสมที่ว่านั้นเขาเองเหมาะสมกับเฟยลี่มากกว่าฮ่องเต้เสียด้วยซ้ำ แต่เหตุไฉนเล่าฮ่องเต้ต้องเป็นฝ่ายมีโอกาสทุกครั้งไป หากครั้งนี้เขาสามารถทำสำเร็จ หวังว่าเฟยลี่ อาจจะเปลี่ยนใจจากฮ่องเต้ดวงจันทร์บนฟากฟ้าเป็นพยาน สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือ...เฟยลี่...นึกถึงภาพ ที่ฮ่องเต้เข้ารับคมมีดจากสนมฮุ่ย เพื่อปกป้องเฟยลี่กับดวงตาสวยที่มีแววเป็นห่วงเปี่ยมล้นของเฟยลี่ที่มองฮ่องเต้อีกเล่า
“เอาล่ะย่าไม่กวนเจ้าแล้วชินอ๋อง เวลาต่อจากนี้ไปของเจ้ามีค่ายิ่งกว่าสิ่งใด คิดให้รอบคอบให้ถ้วนถี่เพื่อย่า และอำนาจในมือเจ้าย่ารู้ว่าเจ้ามีสิ่งใดหมายปอง อย่าทำให้มันเป็นเพียงดวงจันทร์ที่ลอยบนฟ้าเท่านั้น จงเก็บมันไว้ในมือเจ้า”
ชินอ๋องโค้งคำนับก่อนจะจากลา
ไทฮองไทเฮา มองยังดวงจันทร์กระจ่าง
“ย่าขอโทษ หยางหลงถ้าให้เลือกระหว่างเจ้ากับชินอ๋อง คนที่คู่ควรคงไม่อาจเป็นเจ้า”
“ฝ่าบาทเรื่องที่ฝ่าบาท ขอแม่ไว้ตอนนี้แม่ได้จัดการให้แล้ว”
ไทเฮา พูดขึ้นหลังจากที่เข้าเยี่ยมอาการหยางหลงฮ่องเต้
“เสด็จแม่ หาคนในตระกูลหลิวที่จะรับรองเฟยลี่ให้ลูกได้แล้วใช่ไหม”
แววตาตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็ก
“แต่มี สิ่งหนึ่งที่แม่อยากขอฝ่าบาท”
แววตาจริงจังนั้นทำเอาฮ่องเต้หนุ่มหวาดระแวง
“ว่ามา เพียงเพื่อท่านแม่ขอมิไยลูกจะ ทำให้ไม่ได้”
“ขอเพียง ตำแหน่ง ฮองเฮาเจ้ายกให้สนมฮุ่ยจะได้ไหม เฟยลี่ขอให้เป็นเพียงกุ้ยเหรินหรือสนมเอกของเจ้า”
ฮ่องเต้ กัดฟันข่มอารมณ์โกรธ
“ลูกคงต้องการการตัดสินใจ อย่างดีอีกที”
“คิดดูให้ดีฝ่าบาทสนมฮุ่ยจะทำให้บัลลังก์ของฝ่าบาทแข็งแกร่ง จนไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนเพราะนางและพ่อของนางเป็นผู้นำ ของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ แต่เฟยลี่นางไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ แล้วอีกอย่างสนมฮุ่ยนับว่าจริงใจกับฝ่าบาทนางไม่มีเสแสร้ง รักหรือเกลียดก็บอกตามตรง เรื่องที่นางถูกกล่าวหาแม่ว่าฝ่าบาทคงอภัยโทษให้นางได้ เรื่องที่พลั้งมือทำฝ่าบาทบาดเจ็บก็เป็นเรื่องของลิ้นกับฟันย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง นางเองก็ใช่จะมีเจตนาทำร้ายฝ่าบาท แต่เป็นเพราะฝ่าบาทจงใจปกป้องข้าหลวงหญิงผู้นั้น"
“ไว้ลูกจะทบทวนเรื่องที่เสด็จแม่ต้องการอีกที”
ตัดบทง่ายๆ คนที่เขาคิดถึงตอนนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากเฟยลี่นางจะว่าอย่างไรหาก ต้องเป็นที่สองรองจากสนมฮุ่ยเขาเองเสียอีกที่ไม่ต้องการให้นางเป็นรองใคร ไม่ว่าจะใครทั้งนั้นเพราะนางหนึ่งเดียวในใจของฮ่องเต้อย่างเขามีเพียงเฟยลี่เท่านั้น
“ฝ่าบาท ทำไมมาที่นี่เสียได้”
“เจ้าไม่ไปที่ตำหนักเลยเฟยลี่ ข้า...คิดถึง”
ลี่มี่ย่อตัวเดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มละมือจากการแปรงผมให้แพรวา
“กำลังเพคะฝ่าบาท กำลังอย่าใจร้อน”
“ถ้าหากเจ้าไม่ได้เป็นฮองเฮาของข้าเล่าเฟยลี่”
แพรวา หันหน้าไปมองใบหน้าเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร แต่มีข้อแม้ฝ่าบาทต้องอยู่กับเฟยลี่ทุกคืนทั้งคืน ห้ามไปหาคนอื่น”
ยิ้มเหมือนเป็นเรื่องซิลๆเสียได้แต่ในใจเจ็บแปลบ
“ข้าไม่มีใครอื่นหากมีเจ้าอยู่เคียงข้างเจ้าคนเดียว”
แพรวาอยากจะกระโดดตัวลอย อันนี้จากใจไหมหนอ ฝ่าบาทอยากถามไปแบบนั้น
“เฟยลี่จะอยู่กับฝ่าบาทเช่นกันหากฝ่าบาทรักษาคำมั่น”
ฮ่องเต้หนุ่ม ยิ้มหากเป็นยิ้มที่ดูจืดชืด
“เจ้าไม่เสียใจแน่หรือหากไม่ได้ตำแหน่งฮองเฮา”
แพรวากลืนน้ำลายลงคอสั่นหน้าไปมาแสร้งทำ หน้าตาให้ร่าเริง
“ฝ่าบาท ..เราไม่ควร ..เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก .คมกระบี่ ยิ่งบาดลึกหากท่านออกแรงกดมัน"
ฮ่องเต้ รวบร่างของแพรวา เข้ามากอดซบลงบนไหล่บาง
“ข้ามีพียงเจ้าเฟยลี่ เพียงเจ้าจริง”
แพรวาน้ำตารื้นขอบตาคำคำนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอต้องเดินทางมาไกลแสนไกลถึงจะได้ยินมัน ทั้งระยะทางและเวลาที่ไกลแสนไกล
“ข้ามี อะไรจะให้เจ้า”
แหวนหยกเนื้อเนียนถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายด้วยอาการบรรจง
“สิ่งนี้ เป็นของ ฮ่องเต้องค์ก่อนที่สืบทอดมายังข้าเฟยลี่ เป็นเจ้าที่ข้ามอบมันให้เจ้าเป็นผู้ครอบครองสิ่งนี้ เป็นสิ่งมีค่าที่สุดของข้าและเป็นสิ่งเดียวที่ข้ารักที่สุดนอกจาก....เจ้าเฟยลี่"
ฮ่องเต้หนุ่มยก มือบางขึ้นมาจุมพิตเบาเบา ตรงที่แหวนสวมอยู่
“มันมีค่าเกินไปเฟยลี่ ไม่อาจรับ ไว้ได้”
ทำของเขาหายจะทำอย่างไรแพรวา
“ขอเพียง สิ่งนี้ยังอยู่กับเจ้าให้เจ้ารู้ไว้เฟยลี่ เจ้ามีค่าคู่ควรกับมัน และข้าจะมีเจ้าคนเดียวสวมมันไว้เพื่อคำมั่นของข้า”
จุมพิตอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางทำเอาใจสาวสั่นไหว ช่างอ่อนโยนจนจิตใจของแพรวาล่องลอยไปสู่ดินแดนที่อบอวลไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ รอยจุมพิตของหนุ่มหล่อช่างวาบวามชวนฝันนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่ารสจูบแห่งรัก ที่มักจะหวานหอมกว่ารสจูบในแบบอื่นๆจูบหวานนั้นไม่หยุดหย่อนไล่เรื่อยไปจนเกือบทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบางเปลือกตาสวยแก้มทั้งสองข้างแพรวาใจสั่นไหวอากาศกลายเป็นร้อนอบอ้าวทั้งที่หิมะโปรยปราย หยางหลงฮ่องเต้ รวบร่างบางอุ้มไปวางบนที่นอนนุ่มแพรวาไม่ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าไม่ควร
จุมพิตอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางทำเอาใจสาวสั่นไหว ช่างอ่อนโยนจนจิตใจของแพรวาล่องลอยไปสู่ดินแดนที่อบอวลไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ รอยจุมพิตของหนุ่มหล่อช่างวาบวามชวนฝันนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่ารสจูบแห่งรัก ที่มักจะหวานหอมกว่ารสจูบในแบบอื่นๆจูบหวานนั้นไม่หยุดหย่อนไล่เรื่อยไปจนเกือบทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบางเปลือกตาสวยแก้มทั้งสองข้างแพรวาใจสั่นไหวอากาศกลายเป็นร้อนอบอ้าวทั้งที่หิมะโปรยปราย หยางหลงฮ่องเต้ รวบร่างบางอุ้มไปวางบนที่นอนนุ่มแพรวาไม่ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแพรวาปล่อยตัวปล่อยใจ จนคิดว่าไม่อาจฝืนได้อีกแล้ว ฮ่องเต้หนุ่มกับผละออกจากร่างสวยทันทีทั้งที่แสนจะเสียดาย“ข้า ไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจรอก่อนเฟยลี่รอทุกอย่างคลี่คลายรอให้ข้าสามารถบอกกับทุกคนได้เต็มปากว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจของข้าและเป็นเพียงคนเดียว ที่ข้าต้องการให้เป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์แห่งนี้"สนมฮุ่ยร้องไห้ฟูมฟาย จนเผลอหลับไปชินอ๋องเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องขังจ้องมองสนมฮุ่ยแล้วก็เดินจากไปยามสายของอีกวัน ชินอ๋องนั่งบนแท่นสูงกวาดตามองรอบบริเวณ ทหารคุมตัวสนมฮุ่ยมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีอิดโรย"บอกมา ใครอยู่เบ
"ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ขอได้รับการคารวะจากข้าใต้เท้าจาง"แพรวาทรุดตัวลงนั่งด้วยคาดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะยอมลงทุนถึงขนาดนี้"ลุกขึ้นเถิดใต้เท้า ข้าน้อยเพียงแต่ทำในสิ่งที่สมควรทำ""ภายหน้าหากมีสิ่งใดให้ข้าใต้เท้าจางรับใช้โปรดบอกข้าจะไม่ปฏิเสธท่านแน่นอน"แพวายิ้มชินอ๋องส่ายหัวไปมา"นางล้ำเส้นเกินไปแล้ว""เสด็จย่าอย่ากังวลนางเป็นคนที่ค่อนข้างเถรตรงสักหน่อยแต่ไม่มีพิษภัยกับเรานางไม่รู้แผนการของเราแน่"ไทฮองไทเฮาขมวดคิ้วเข้าหากัน"ดูว่าหลานย่าเข้าข้างข้าหลวงหญิงผู้นั้นเหลือเกิน ถ้าไม่มีนางเราก็เกือบจะกำจัดสนมฮุ่ยและดึงใต้เท้าจางมาสวามิภักดิ์ได้แล้วแท้ๆ หากใต้เท้าจางไม่พอใจฝ่าบาทหาว่าละเลยสนมฮุ่ย เมื่อนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต้องมาอยู่ข้างเราแต่เฟยลี่กลับทำให้แผนการของเรายุ่งเหยิง"ชินอ๋องก้มหน้านิ่งหมดคำแก้ตัว"ฝ่าบาททรงนิ่งเฉยเกินไปหรือเปล่าเรื่องสนมฮุ่ยอย่างไรเสียนางก็....เป็นเมีย"แพรวารู้สึกหงุดหงิดเมื่อฮ่องเต้มัวแต่นั่งดีดพิณไม่สนใจสิ่งใด"ฝ่าบาท...ได้ยินไหม"ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เอามาบังสายพิณไว้จนฮ่องเต้ไม่สามารถดีดพิณได้ใบหน้าหล่อหันมาสบตาแพรวาแลบลิ้นใส่ด้วยความหมั่นไส้ แขนใหญ่รวบร่างบางหงายลง
"ตอนนี้ ยอดบริจาคสามารถนำไปช่วยเหลือชาวบ้านได้บ้างแล้ว บางส่วนที่เหลือได้เก็บไว้หากมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอีกครั้ง"โหวหยางจื้อรายงานฉะฉานหยางหลงฮ่องเต้ยื่นรายชื่อขุนนางทั้งหมดให้แพรวา"เจ้าคิดว่าสมควรจัดการอย่างไรต่อไปในเมื่อได้รายชื่อมาแล้ว""ไม่ยากไม่ยาก คราวนี้ถึงคิวฝ่าบาทแล้วต้องแสดงความจริงจริงให้พวกเขาเห็น โดยการจัดงานแถลงข่าวไม่ใช่สิเรียกว่าอะไรนะอ๋อนึกออกแล้วเรียกว่าป่าวประกาศให้ทราบทั่วกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการที่พวกเขาได้ร่วมบริจาคในครั้งนี้ ตอนนี้เองฝ่าบาทต้องมอบของกำนัลที่ผู้ได้รับไม่อาจลืมเลือนเพื่อว่าหากมีคราวหน้าคราวหลังใครที่อยากได้ของล้ำค่าก็จะพากันบริจาคเยอะขึ้น"โหวหยางจื้อตบเข่าฉาดใหญ่"เฉียบคบยิ่งนัก แม่นางเฟยลี่ ข้าไม่คิดเลยว่าหญิงท่าทางธรรมดาเช่นท่านจะมีกลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ แบบนี้ชาวบ้านก็จะซาบซึ้งในน้ำใจของขุนนางและฝ่าบาทก็จะเป็นที่โจษขานกันว่าฮ่องเต้และขุนนางไม่ทิ้งประชาชนส่วนขุนนางทั้งหลายก็ จะรู้สึกว่าตัวว่าต้องช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันไปเป็นสิ่งดีๆ ที่น่ายกย่อง""ไม่เท่าไหร่ไม่เท่าไหร่ ลูกเป็ดขี้เหร่สุดท้า
แพรวาลืมตาตื่นขึ้นมาบนแท่นบรรทมในตำหนักของฮ่องเต้ ข้างกายมีลี่มี่บีบนวดอยู่ข้างๆถัดไปเป็นหมอหลวงที่จับชีพจรด้วยใบหน้าเคร่งเครียด"ลี่มี่ หิวน้ำขอน้ำหน่อย"ลี่มี่ท่าทางตื่นเต้นรีบกุลีกุจอรินน้ำใส่ถ้วยแพรวารับมาดื่มรวดเดียวเกือบหมดถ้วย" ออกไปข้างนอกก่อนลี่มี่ เจี่ยเจี่ยมีเรื่องจะคุยกับหมอหลวงเพียงลำพัง แต่เจ้าอย่าได้ปริปากบอกใครว่าพี่สาวฟื้นแล้วนะพี่สาวขอร้อง" ลี่มี่ย่อตัวทำความเคารพ เดินออกจากห้องไปปิดประตูอย่างแผ่วเบาฮ่องเต้ถลาเข้ามาหาลี่มี่ทันที" เฟยลี่ เป็นอย่างไรบ้าง"ลี่มี่ ขมวดคิ้วนึกหาคำโกหก" ท่านหมอบอกว่านายหญิงแค่เพียงอ่อนเพลียจึงทำให้เป็นลม อีกสักพักคงจะได้สติหมอหลวงวานให้ลี่มี่ไปหยิบเทียบยาเก่าที่ ห้องนายหญิงเพคะฝ่าบาทจึงจำต้องให้ลี่มี่ออกมา""อย่างนั้นข้าก็หมดห่วง เจ้าไปเถอะรีบไปรีบมา อย่าโอ้เอ้"หยางหลงฮ่องเต้สำทับ ลี่มี่ถวายพระพรก่อนเดินนวยนาดจากไป"ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นกังวลให้มาก พี่สาว ...ข้าหลวงหญิงนางเพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลีย ด้วยยาของหมอหลวงนางต้องแข็งแรงขึ้นแน่ "เสี่ยวโอพูดจาปลอบโยน หลังจากจ้องมองใบหน้าที่หม่นหมองของฮ่องเต้และแววตาที่เป็นกังวลอย่างมาก"นางมาอยู่ที่
ฮองเฮาตัดสินใจกระโดดลงไปทันที แพรวาหลับตาคิดถึงอาการของคนที่กำลังจมน้ำกลืนกินน้ำเข้าไปจนจุกในท้องลมหายใจที่สูดเข้าไปมีน้ำเข้าไปภายในเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีกเลยน้ำตาไหลเป็นสายออกจากดวงตาที่ยังหลับตาอยู่ ฮ่องเต้หนุ่มลุกพรวดพลาดจับร่างบางของแพรวามากอดไว้แน่น"เป็นอะไรไปเฟยลี่ ฝันร้ายหรืออย่างไร มาข้าจะกอดปลอบเจ้าให้หายกลัว"น้ำเสียงอ่อนโยนเอื้อาทร แพรวายิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินต่อไปเรื่อยๆ"ฝ่าบาท อย่าดีกับเฟยลี่มากไปกว่านี้เลย"หยางหลงฮ่องเต้ยังกอดแพรวาแน่น" เป็นอะไรไปเจ้าข้าทำอะไร ขัดใจเจ้าหรือเฟยลี่ หรือว่าแค่นี้ยังไม่พอ "จุมพิตดูดดื่ม อ่อนโยนปลอบ ประโลมจนแพรวาไม่อาจขัดขืน แต่น้ำตายังไหลรินไม่หยุดจูบอ่อนโยนนั้นซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา" ข้าพระองค์กับฝ่าบาท คงไร้ซึ่งวาสนาต่อกันเสียแล้ว...."พูดยังไม่ทันจบริมฝีปากหนาก็บดขยี้ลงไปบนริมฝีปากบางสวยเนิ่นนานก่อนจะถอนริมฝีปากออกด้วยอาการหักห้ามใจ"อย่าพูดถึงเรื่องวาสนาอะไรนั่นอีก เพียงแค่ตอนนี้ เราสองข้าและเจ้าอยู่เคียงข้างกันดุจจันทราคู่กับราตรี ก็เพียงพอแล้ว"แพรวากอดตอบร่างใหญ่เหมือนเด็กๆ หยางหลงฮ่องเต้ กดศีรษะแพรวาแนบ
ลี่มี่คุ้นคิดตรึกตรอง แพรวาฉุดมือลี่มี่ให้ลุกขึ้นยืน"ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาว ไม่มีทางทำร้ายเจ้า เจ้าล่ะเห็นข้าเป็นพี่สาวเหมือนที่เรียกข้าว่าเจี่ยเจียหรือไม่"ลี่มี่น้ำตาซึม"นายหญิง อย่าบีบคั้นข้าน้อยเลย"" งั้นเจ้าแค่ พยักหน้ากับส่ายหน้าทุกอย่างเป็นข้าพูดเองคนเดียวความผิดใดใดไม่เกี่ยวกับเจ้า"ลี่มี่พยักหน้าช้าๆ"ฮ่องเต้องค์ก่อน ถูกปลงพระชนม์โดยเซี้ยนตี้ใช่หรือไม่"ลี่มี่นิ่งก่อนจะพยักหน้า ใจแพรวาร่วงหล่นหายไปที่ใดไม่อาจเรียกคืนภาพความทรงจำไม่ได้โกหก แพรวาเห็นทุกอย่าง พ่อของเธอที่เป็นถึงฮ่องเต้ถูกคมกระบี่เสียบทะลุขั้วหัวใจมันชัดเจนออกอย่างนั้น แม้จะบอกว่าเหมือนฝันแต่แพรวาอยู่ที่นั่นจริงจริง"แล้วองค์หญิงน้อยเล่าลี่มี่ นางหายไปไหน"ลี่มี่ส่ายหน้า"ไปเอาเหล้ามา เดี๋ยวนี้เลยเสี่ยวโอเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้ารึ"เสียวโอถอยหลังไปสั่งขันทีอีกสองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปฮ่องเต้นั่งดื่มโดยมี เสี่ยวโอคอยรินสุราถวายด้วยสีหน้ากังวล“ฝ่าบาท ทรงเมามาย แล้วข้าพระองค์ว่าเลิกดื่มเถิด”ประตูที่เปิดกว้างอยู่ปรากฏร่างของเหมยหลิวอยู่เบื้องหน้าเสี่ยวโอจ้องมองไปที่ประตู“เหมยหลิว ถวายพระพรฝ่าบาท”น้ำเสียงอ่อนหวานอ่
แพรวาครุ่นคิดตาม ไม่แน่ ฮ่องเต้อาจไม่ไม่เคยรู้เรื่องที่แพรวารู้ก่อน คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แพรวาต้องลอง ถามความจริงดูสักครั้งและ อาจจะให้อภัยเขาชุดฮั่นฟูสี เหลืองสวยที่ ลี่มี่คัดสรร เพื่อให้ ขับผิวเนียนสีน้ำผึ้งซึ่งบัดนี้ เกือบจะขาวตามแบบฉบับ ของหญิงสาวเมืองหนาว คงเป็นเพราะอากาศที่ เย็นสบาย บางครั้งถึงกับหนาว ทำให้ ใบหน้าคมด้วยรูปหน้าที่ครบเครื่องของแพรวายิ่งน่ามองยิ่งนัก หากแววตาเปี่ยมสุขเหมือนทุกครั้งที่ไม่มีแววตาเป็นกังวลนั้นปะปนอยู่ แพรวาจะนับว่าสวยจน หาใครเทียบเคียงเดินตามทางเดินทอดยาว อากาศสดชื่น.. ใบไม้อ่อนอ่อนเริ่มผลิใบตามกิ่งก้านสีเขียวอ่อน ทำเอารู้สึกสดชื่นได้ไม่ยาก ลี่มี่เดินตามช้าช้า ทั้งคู่ไม่ได้เร่งรีบอะไรจนมาถึงตำหนักใหญ่ของฮ่องเต้ แพรวาเคยเข้าไปภายในแบบไม่ต้องขออนุญาตใครมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นเวลางอนฮ่องเต้ หรือเวลาที่ฮ่องเต้ เรียกหาวันนี้ก็เช่นกันลี่มี่หยุดยืนอยู่หน้าห้องแพรวาผลักประตูเข้าไปเหมือนทุกครั้ง เดินเข้าไปจนถึง แท่นบรรทม ภาพที่เห็น เหมือนกงล้อที่หมุนวนมาอีกครั้งมันวนเวียนซ้ำรอยเดิมหัวใจแพรวาเกือบหยุดเต้นเหมยหลิวอยู่ในชุดชั้นใน แบบจีนโบราณที่มี เพียงผ้าบาง
“มาเถิดมากับข้า เข้าไปนั่งข้างในก่อน” แพรวาเดินตามอย่างว่าง่าย ภายใน บรรยากาศอึมครึม แสงใดใดแทบไม่เล็ดลอดเข้ามา ชา อุ่นบนเตาถูกรินส่งให้แพรวา มือเย็นเฉียบกุมถ้วยชา ไว้ ก่อนจะยกขึ้นจิบ“สถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนทั่วไป แต่สำหรับข้ามันที่ที่พักพิงสุดท้าย”น้ำเสียงเศร้าสร้อย แพรวา รู้สึกหดหู่ตาม นางต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ดูจากซีรีส์จีน ใครที่ต้องเข้าไปอยู่ในสุสานบรรพชน นี่ถือว่าต้องทรมานทั้งกายใจ“ข้าหย่าจิ้ง แม่นางน้อยมีนามว่าอะไร”“ข้า เฟยลี่ เป็นข้าหลวงหญิงหน้าพระพักตร์ของ ฮ่องเต้”“เจ้าหมายถึง หยางหลง ใช่ไหม” แพรวาพยักหน้า“ข้าอยู่นานไป จนเกือบลืมว่าแผ่นดินแสนสงบนี้ กลายเป็นของหยางหลงไปเสียแล้ว อย่างไรก็ดีหยางหลงผู้นี้ไม่เหมือนพ่อของเขา ที่มักใหญ่ใฝ่สูงเจ้าอยู่ข้างกายเขาคง ปกติสุขไม่น้อย”ดวงตาเศร้าสร้อยทอดยาวไปไกล เหมือนกำลังคุ้นคิดอะไรบางอย่าง แพรวาอยากหาคำพูดปลอบใจมากไปกว่านี้แต่ไม่รู้ว่าจะหาคำพูดไหนมาปลอบใจนาง“ข้าปกติสุขดี....” อยากต่อท้ายด้วยคำว่า ท่านแม่เหลือเกิน“ไหน ไหนก็มาแล้ว อยู่เป็นเพื่อนคุย กับข้าสักพักคงไม่ถือว่าเป็นการรบกวนเจ้า ใช่ไหมแม่นางน้อย” ชาถูกรินเติมลงในถ้วย“ข้
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว