ฮ่องเต้ที่ยังอยู่ในอดีตจมปลักอยู่กับหญิงหนึ่งในดวงใจไม่คิดสร้างความมั่นคงไม่นำพาบ้านเมืองสู่ความยิ่งใหญ่ ไม่คิดการขยายแว่นแคว้นคิดแต่เพียง จะ ย่ำอยู่กับที่ จะให้ย่ามอง หน้า พระอัยกาของหลานได้อย่างไร”ชินอ๋องมองเหม่อไปไกล สิ่งที่ไทฮองไทเฮาอยากได้คืออะไรแน่ เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการหรือไม่“ฝ่าบาท ทรงทำดีที่สุดแล้วแต่ยังดีไม่พอ”“ไม่พอ ให้ย่าพอใจ แม้กระทั่งการเลือกฮองเฮายังไม่สามารถทำให้สำเร็จและเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย”“ตอนนี้เองที่หลานก็ไม่สามารถเดา พระทัยเสด็จพี่ได้ว่าจะทรงเลือกใครแม้จะยังโปรดปรานเฟยลี่แต่ก็ยังเหมือนประวิงเวลารออะไรบางอย่าง”“ความเหมาะสมย่าคิดว่า ฝ่าบาททรงรอสิ่งเดียวคือความเหมาะสม เท่านั้น”ชินอ๋องนึกถึงความเหมาะสมที่ว่านั้นเขาเองเหมาะสมกับเฟยลี่มากกว่าฮ่องเต้เสียด้วยซ้ำ แต่เหตุไฉนเล่าฮ่องเต้ต้องเป็นฝ่ายมีโอกาสทุกครั้งไป หากครั้งนี้เขาสามารถทำสำเร็จ หวังว่าเฟยลี่ อาจจะเปลี่ยนใจจากฮ่องเต้ดวงจันทร์บนฟากฟ้าเป็นพยาน สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือ...เฟยลี่...นึกถึงภาพ ที่ฮ่องเต้เข้ารับคมมีดจากสนมฮุ่ย เพื่อปกป้องเฟยลี่กับดวงตาสวยที่มีแววเป็นห่วงเปี่ยมล้นของเฟยลี่ที่มอง
จุมพิตอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางทำเอาใจสาวสั่นไหว ช่างอ่อนโยนจนจิตใจของแพรวาล่องลอยไปสู่ดินแดนที่อบอวลไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ รอยจุมพิตของหนุ่มหล่อช่างวาบวามชวนฝันนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่ารสจูบแห่งรัก ที่มักจะหวานหอมกว่ารสจูบในแบบอื่นๆจูบหวานนั้นไม่หยุดหย่อนไล่เรื่อยไปจนเกือบทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบางเปลือกตาสวยแก้มทั้งสองข้างแพรวาใจสั่นไหวอากาศกลายเป็นร้อนอบอ้าวทั้งที่หิมะโปรยปราย หยางหลงฮ่องเต้ รวบร่างบางอุ้มไปวางบนที่นอนนุ่มแพรวาไม่ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแพรวาปล่อยตัวปล่อยใจ จนคิดว่าไม่อาจฝืนได้อีกแล้ว ฮ่องเต้หนุ่มกับผละออกจากร่างสวยทันทีทั้งที่แสนจะเสียดาย“ข้า ไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจรอก่อนเฟยลี่รอทุกอย่างคลี่คลายรอให้ข้าสามารถบอกกับทุกคนได้เต็มปากว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจของข้าและเป็นเพียงคนเดียว ที่ข้าต้องการให้เป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์แห่งนี้"สนมฮุ่ยร้องไห้ฟูมฟาย จนเผลอหลับไปชินอ๋องเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องขังจ้องมองสนมฮุ่ยแล้วก็เดินจากไปยามสายของอีกวัน ชินอ๋องนั่งบนแท่นสูงกวาดตามองรอบบริเวณ ทหารคุมตัวสนมฮุ่ยมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีอิดโรย"บอกมา ใครอยู่เบ
"ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ขอได้รับการคารวะจากข้าใต้เท้าจาง"แพรวาทรุดตัวลงนั่งด้วยคาดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะยอมลงทุนถึงขนาดนี้"ลุกขึ้นเถิดใต้เท้า ข้าน้อยเพียงแต่ทำในสิ่งที่สมควรทำ""ภายหน้าหากมีสิ่งใดให้ข้าใต้เท้าจางรับใช้โปรดบอกข้าจะไม่ปฏิเสธท่านแน่นอน"แพวายิ้มชินอ๋องส่ายหัวไปมา"นางล้ำเส้นเกินไปแล้ว""เสด็จย่าอย่ากังวลนางเป็นคนที่ค่อนข้างเถรตรงสักหน่อยแต่ไม่มีพิษภัยกับเรานางไม่รู้แผนการของเราแน่"ไทฮองไทเฮาขมวดคิ้วเข้าหากัน"ดูว่าหลานย่าเข้าข้างข้าหลวงหญิงผู้นั้นเหลือเกิน ถ้าไม่มีนางเราก็เกือบจะกำจัดสนมฮุ่ยและดึงใต้เท้าจางมาสวามิภักดิ์ได้แล้วแท้ๆ หากใต้เท้าจางไม่พอใจฝ่าบาทหาว่าละเลยสนมฮุ่ย เมื่อนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต้องมาอยู่ข้างเราแต่เฟยลี่กลับทำให้แผนการของเรายุ่งเหยิง"ชินอ๋องก้มหน้านิ่งหมดคำแก้ตัว"ฝ่าบาททรงนิ่งเฉยเกินไปหรือเปล่าเรื่องสนมฮุ่ยอย่างไรเสียนางก็....เป็นเมีย"แพรวารู้สึกหงุดหงิดเมื่อฮ่องเต้มัวแต่นั่งดีดพิณไม่สนใจสิ่งใด"ฝ่าบาท...ได้ยินไหม"ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เอามาบังสายพิณไว้จนฮ่องเต้ไม่สามารถดีดพิณได้ใบหน้าหล่อหันมาสบตาแพรวาแลบลิ้นใส่ด้วยความหมั่นไส้ แขนใหญ่รวบร่างบางหงายลง
"ตอนนี้ ยอดบริจาคสามารถนำไปช่วยเหลือชาวบ้านได้บ้างแล้ว บางส่วนที่เหลือได้เก็บไว้หากมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอีกครั้ง"โหวหยางจื้อรายงานฉะฉานหยางหลงฮ่องเต้ยื่นรายชื่อขุนนางทั้งหมดให้แพรวา"เจ้าคิดว่าสมควรจัดการอย่างไรต่อไปในเมื่อได้รายชื่อมาแล้ว""ไม่ยากไม่ยาก คราวนี้ถึงคิวฝ่าบาทแล้วต้องแสดงความจริงจริงให้พวกเขาเห็น โดยการจัดงานแถลงข่าวไม่ใช่สิเรียกว่าอะไรนะอ๋อนึกออกแล้วเรียกว่าป่าวประกาศให้ทราบทั่วกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการที่พวกเขาได้ร่วมบริจาคในครั้งนี้ ตอนนี้เองฝ่าบาทต้องมอบของกำนัลที่ผู้ได้รับไม่อาจลืมเลือนเพื่อว่าหากมีคราวหน้าคราวหลังใครที่อยากได้ของล้ำค่าก็จะพากันบริจาคเยอะขึ้น"โหวหยางจื้อตบเข่าฉาดใหญ่"เฉียบคบยิ่งนัก แม่นางเฟยลี่ ข้าไม่คิดเลยว่าหญิงท่าทางธรรมดาเช่นท่านจะมีกลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ แบบนี้ชาวบ้านก็จะซาบซึ้งในน้ำใจของขุนนางและฝ่าบาทก็จะเป็นที่โจษขานกันว่าฮ่องเต้และขุนนางไม่ทิ้งประชาชนส่วนขุนนางทั้งหลายก็ จะรู้สึกว่าตัวว่าต้องช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันไปเป็นสิ่งดีๆ ที่น่ายกย่อง""ไม่เท่าไหร่ไม่เท่าไหร่ ลูกเป็ดขี้เหร่สุดท้า
แพรวาลืมตาตื่นขึ้นมาบนแท่นบรรทมในตำหนักของฮ่องเต้ ข้างกายมีลี่มี่บีบนวดอยู่ข้างๆถัดไปเป็นหมอหลวงที่จับชีพจรด้วยใบหน้าเคร่งเครียด"ลี่มี่ หิวน้ำขอน้ำหน่อย"ลี่มี่ท่าทางตื่นเต้นรีบกุลีกุจอรินน้ำใส่ถ้วยแพรวารับมาดื่มรวดเดียวเกือบหมดถ้วย" ออกไปข้างนอกก่อนลี่มี่ เจี่ยเจี่ยมีเรื่องจะคุยกับหมอหลวงเพียงลำพัง แต่เจ้าอย่าได้ปริปากบอกใครว่าพี่สาวฟื้นแล้วนะพี่สาวขอร้อง" ลี่มี่ย่อตัวทำความเคารพ เดินออกจากห้องไปปิดประตูอย่างแผ่วเบาฮ่องเต้ถลาเข้ามาหาลี่มี่ทันที" เฟยลี่ เป็นอย่างไรบ้าง"ลี่มี่ ขมวดคิ้วนึกหาคำโกหก" ท่านหมอบอกว่านายหญิงแค่เพียงอ่อนเพลียจึงทำให้เป็นลม อีกสักพักคงจะได้สติหมอหลวงวานให้ลี่มี่ไปหยิบเทียบยาเก่าที่ ห้องนายหญิงเพคะฝ่าบาทจึงจำต้องให้ลี่มี่ออกมา""อย่างนั้นข้าก็หมดห่วง เจ้าไปเถอะรีบไปรีบมา อย่าโอ้เอ้"หยางหลงฮ่องเต้สำทับ ลี่มี่ถวายพระพรก่อนเดินนวยนาดจากไป"ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นกังวลให้มาก พี่สาว ...ข้าหลวงหญิงนางเพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลีย ด้วยยาของหมอหลวงนางต้องแข็งแรงขึ้นแน่ "เสี่ยวโอพูดจาปลอบโยน หลังจากจ้องมองใบหน้าที่หม่นหมองของฮ่องเต้และแววตาที่เป็นกังวลอย่างมาก"นางมาอยู่ที่
ฮองเฮาตัดสินใจกระโดดลงไปทันที แพรวาหลับตาคิดถึงอาการของคนที่กำลังจมน้ำกลืนกินน้ำเข้าไปจนจุกในท้องลมหายใจที่สูดเข้าไปมีน้ำเข้าไปภายในเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีกเลยน้ำตาไหลเป็นสายออกจากดวงตาที่ยังหลับตาอยู่ ฮ่องเต้หนุ่มลุกพรวดพลาดจับร่างบางของแพรวามากอดไว้แน่น"เป็นอะไรไปเฟยลี่ ฝันร้ายหรืออย่างไร มาข้าจะกอดปลอบเจ้าให้หายกลัว"น้ำเสียงอ่อนโยนเอื้อาทร แพรวายิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินต่อไปเรื่อยๆ"ฝ่าบาท อย่าดีกับเฟยลี่มากไปกว่านี้เลย"หยางหลงฮ่องเต้ยังกอดแพรวาแน่น" เป็นอะไรไปเจ้าข้าทำอะไร ขัดใจเจ้าหรือเฟยลี่ หรือว่าแค่นี้ยังไม่พอ "จุมพิตดูดดื่ม อ่อนโยนปลอบ ประโลมจนแพรวาไม่อาจขัดขืน แต่น้ำตายังไหลรินไม่หยุดจูบอ่อนโยนนั้นซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา" ข้าพระองค์กับฝ่าบาท คงไร้ซึ่งวาสนาต่อกันเสียแล้ว...."พูดยังไม่ทันจบริมฝีปากหนาก็บดขยี้ลงไปบนริมฝีปากบางสวยเนิ่นนานก่อนจะถอนริมฝีปากออกด้วยอาการหักห้ามใจ"อย่าพูดถึงเรื่องวาสนาอะไรนั่นอีก เพียงแค่ตอนนี้ เราสองข้าและเจ้าอยู่เคียงข้างกันดุจจันทราคู่กับราตรี ก็เพียงพอแล้ว"แพรวากอดตอบร่างใหญ่เหมือนเด็กๆ หยางหลงฮ่องเต้ กดศีรษะแพรวาแนบ
ลี่มี่คุ้นคิดตรึกตรอง แพรวาฉุดมือลี่มี่ให้ลุกขึ้นยืน"ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาว ไม่มีทางทำร้ายเจ้า เจ้าล่ะเห็นข้าเป็นพี่สาวเหมือนที่เรียกข้าว่าเจี่ยเจียหรือไม่"ลี่มี่น้ำตาซึม"นายหญิง อย่าบีบคั้นข้าน้อยเลย"" งั้นเจ้าแค่ พยักหน้ากับส่ายหน้าทุกอย่างเป็นข้าพูดเองคนเดียวความผิดใดใดไม่เกี่ยวกับเจ้า"ลี่มี่พยักหน้าช้าๆ"ฮ่องเต้องค์ก่อน ถูกปลงพระชนม์โดยเซี้ยนตี้ใช่หรือไม่"ลี่มี่นิ่งก่อนจะพยักหน้า ใจแพรวาร่วงหล่นหายไปที่ใดไม่อาจเรียกคืนภาพความทรงจำไม่ได้โกหก แพรวาเห็นทุกอย่าง พ่อของเธอที่เป็นถึงฮ่องเต้ถูกคมกระบี่เสียบทะลุขั้วหัวใจมันชัดเจนออกอย่างนั้น แม้จะบอกว่าเหมือนฝันแต่แพรวาอยู่ที่นั่นจริงจริง"แล้วองค์หญิงน้อยเล่าลี่มี่ นางหายไปไหน"ลี่มี่ส่ายหน้า"ไปเอาเหล้ามา เดี๋ยวนี้เลยเสี่ยวโอเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้ารึ"เสียวโอถอยหลังไปสั่งขันทีอีกสองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปฮ่องเต้นั่งดื่มโดยมี เสี่ยวโอคอยรินสุราถวายด้วยสีหน้ากังวล“ฝ่าบาท ทรงเมามาย แล้วข้าพระองค์ว่าเลิกดื่มเถิด”ประตูที่เปิดกว้างอยู่ปรากฏร่างของเหมยหลิวอยู่เบื้องหน้าเสี่ยวโอจ้องมองไปที่ประตู“เหมยหลิว ถวายพระพรฝ่าบาท”น้ำเสียงอ่อนหวานอ่
แพรวาครุ่นคิดตาม ไม่แน่ ฮ่องเต้อาจไม่ไม่เคยรู้เรื่องที่แพรวารู้ก่อน คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แพรวาต้องลอง ถามความจริงดูสักครั้งและ อาจจะให้อภัยเขาชุดฮั่นฟูสี เหลืองสวยที่ ลี่มี่คัดสรร เพื่อให้ ขับผิวเนียนสีน้ำผึ้งซึ่งบัดนี้ เกือบจะขาวตามแบบฉบับ ของหญิงสาวเมืองหนาว คงเป็นเพราะอากาศที่ เย็นสบาย บางครั้งถึงกับหนาว ทำให้ ใบหน้าคมด้วยรูปหน้าที่ครบเครื่องของแพรวายิ่งน่ามองยิ่งนัก หากแววตาเปี่ยมสุขเหมือนทุกครั้งที่ไม่มีแววตาเป็นกังวลนั้นปะปนอยู่ แพรวาจะนับว่าสวยจน หาใครเทียบเคียงเดินตามทางเดินทอดยาว อากาศสดชื่น.. ใบไม้อ่อนอ่อนเริ่มผลิใบตามกิ่งก้านสีเขียวอ่อน ทำเอารู้สึกสดชื่นได้ไม่ยาก ลี่มี่เดินตามช้าช้า ทั้งคู่ไม่ได้เร่งรีบอะไรจนมาถึงตำหนักใหญ่ของฮ่องเต้ แพรวาเคยเข้าไปภายในแบบไม่ต้องขออนุญาตใครมาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นเวลางอนฮ่องเต้ หรือเวลาที่ฮ่องเต้ เรียกหาวันนี้ก็เช่นกันลี่มี่หยุดยืนอยู่หน้าห้องแพรวาผลักประตูเข้าไปเหมือนทุกครั้ง เดินเข้าไปจนถึง แท่นบรรทม ภาพที่เห็น เหมือนกงล้อที่หมุนวนมาอีกครั้งมันวนเวียนซ้ำรอยเดิมหัวใจแพรวาเกือบหยุดเต้นเหมยหลิวอยู่ในชุดชั้นใน แบบจีนโบราณที่มี เพียงผ้าบาง
คะนิ้งลืมตาตื่นมาบนแท่นนอนหนานุ่ม บรรยากาศน่านอนจนไม่อยากชันกายลุกขึ้น รู้สึกว่าผิวแก้มเย็นเฉียบ ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา กลิ่นกำยานกลิ่นแปลกๆ โชยมาเข้าจมูกเป็นระยะๆ รู้สึกหนักบนอกอิ่มเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มากดทับขยับตัวลำบาก พรึ่บลืมตาตื่นด้วยความตกใจ“กรี๊ดดดดดด” คะนิ้งส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายมานอนอยู่ข้างกาย ….แต่เดี๋ยวก่อนผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ทำไมผมยาว ใบหน้าขาวใส เหมือนผู้หญิง แต่จมูกเชิดหยิ่งน่าดึงเล่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเป็นทอม แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจัดว่าหล่อทีเดียว ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแน่น ผู้ชายแน่ๆคนที่นอนกอดอยู่สะดุ้งสุดตัว“เอะอะ อะไรของเจ้า” น้ำเสียงงัวเงียแต่ทุ้มนุ่มหูพิลึก“นาย นายเขามาได้ยังงัย”นึกขึ้นได้ที่นี่ไม่ใช่ที่นอนของเธอ แต่เป็นที่ไหน สภาพแปลกไป ผ้าม่านยาวบางที่ล้อมแท่นนอนวงกลมปลิวสะบัด โต๊ะตั่งก็แปลกตา แม้แต่หมอนยังเหมือนกับ….หรือว่า ไม่นะ ไม่ไม่ไม่“เจ้านี่อย่างไรกัน ทำไมต้องเอะอะ” คะนิ้งยกมืออุดปากตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาไทยแต่เป็น ภาษาจีนที่เรียนมาตั้งแต่อยู่อนุบาล“นอนๆ เจ้าจะรีบตื่นไปไหน” เสียงประตูเปิดออกมา หนุ่มน้อยอีก
หย่าจิ้ง ไทฮองไทเฮาและไทเฮาดื่มชาคารวะจากบ่าวสาวพร้อมเพรียงกัน หยางหลงและแพรวาหันมาสบตากันนิ่งนาน“ต่อแต่นี้สิ่งร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้ว ย่าหวังว่าจะมีสิ่งดีๆให้ได้ชื่นใจบ้าง”“เสด็จย่า คอยเวลาอุ้มเหลนตัวน้อยได้แล้ว อีกไม่นานหลานหวังอย่างนั้น”เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน ชินอ๋องเผลอสบตาลี่มี่ด้วยประกายตาลึกซึ้ง ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีต้องขอบคุณเฟยลี่ที่นางทำให้ทุกอย่าง เป็นไปตามที่คาดหวังไว้แพรวาสวมชุดเจ้าสาวสีแดงที่ส่งให้แพรวางดงามอย่างหาที่ติไม่ได้บนศีรษะสวมมงกุฎบ่งบอกฐานะฮองเฮาชัดเจนมือบางลูบคลำราวสะพาน ด้วยความรู้สึกขอบคุณ เบื้องล่างน้ำใสไหลเชื่องช้า ลี่มี่ยืนอยู่ด้านหลังถือเสื้อคลุมอากาศหนาวจับใจแต่ภายในอบอุ่นอย่างประหลาดคำพูดของหมอหลวงที่บอกแพรวาก่อนหน้านั้น“ห้วงเวลาที่แม่นางข้ามผ่านถูกปิดแล้วนับจากนี้ไม่ว่าแม่นางอยากจะจากไปแค่ไหนก็ไม่อาจที่จะไปได้ เพราะทุกอย่างเหมือนถูกสวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ข้าเองยังไม่สามารถข้ามผ่านไปได้เช่นกัน แม่นางแพรวาได้สาบสูญไปจากภพภูมิของนางเหลือเพียงเยว่ถิงหรือแม่นางเฟยลี่เท่านั้นที่ยังอยู่ที่นี่.ในฐานะฮองเฮา”“ฮองเฮาเพคะอากาศหนาว สวมเสื้อคลุมจะดีก
ภาพความทรงจำที่ผุดขึ้นให้เขาเห็นช้ำแล้วช้ำเล่าเมื่อคราวที่แพรวารับกระบี่แทนเขา มันมิใช่เพียงเพิ่งเกิดขึ้นหากเกิดขึ้นถึงสองครั้งสองครา คราวนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นเจ้าของกระบี่ แต่ภาพความทรงจำเด่นชัดคราวนี้เป็นเท้าจางที่ส่งกระบี่คมลงกลางอกของแพรวาหากแต่ดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ อย่างนี้จะให้เขายังมีสิ่งใดที่ต้องสงสัยในตัวของเฟยลี่ได้อีกเป็นเขาที่ติดค้างนาง“ฝ่าบาททรงคิดถึงเฟยลี่ใช่ไหม”ใบหน้าหวานยิ้มยียวน“ไม่เคยคิดถึงหากแต่คิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจะให้เจ้าฟื้นคืนมาเจรจาเหมือนอย่างนี้ได้”“ฝ่าบาททำอย่างไรกับสนมฮุ่ย”“นางในที่รอดชีวิตจากการช่วยเหลือของเสี่ยวโอ เมื่อคราวหลบหนีออกจากวังยอมให้พูดความจริงเรื่องที่ฮุ่ยเหนียงใช้ยาบำรุงครรภ์จนแท้งแต่กลับโยนความผิดให้เจ้าเฟยลี่ ใต้เท้าจางลงมือสังหารหมอที่นำเข้ามาจากนอกวัง แล้วยังสังหารเหล่านางในนับสิบที่รู้เรื่องนี้ ส่วนนางในคนที่เหลือกำลังจะหาทางหนีดีที่เสี่ยวโอพบเข้าเสียก่อน สนมฮุ่ยข้าให้นางสำนึกผิดในตำหนักเย็นชั่วชีวิตของนาง”แพรวาเลิกคิ้วฟังอย่างตั้งใจรู้สึกสบายกายสบายใจอย่างประหลาดแต่ก็อดที่จะสงสารสนมฮุ่ยไม่ได้เพราะเคยดูซีรีส์จีนตำหนักเย็นโดดเดี่ย
แสงเรืองรองตรงขอบฟ้านั่น แพรวาขยับตัวบิดตัวไปมารู้สึกถึงความวาบหวามจากคนข้างกายพลิกตะแคงกอดร่างใหญ่ข้างๆ มือใหญ่ลูบไล้แก้มเนียน“หายป่วยแล้วสงสัยจะได้ยาดี”“ไออุ่นจากฝ่าบาทนั่นอย่างไรที่ทำให้ข้า จากป่วยไข้ก็กลายเป็นสบายดี”หยางหลงเขย่าหัวเบาๆ ยังไม่ทันได้ชื่นจิตเสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังเล็ดลอดเข้ามาภายในกระท่อมหยางหลงพลิกตัวแพรวาให้ลงไปนอนด้านข้างเตียง เสียงวิ่งกรูกันเข้ามาบ้างมาจากด้านหน้า และวิ่งมาจากด้านหลังถูกล้อมกรอบถึงเพียงนั้นหยางหลงฉุดแขนแพรวาลุกจากที่ยังนอนอยู่ใช้กระบี่ในมือแหวกเป็นทางเพื่อพาตัวเองและแพรวาฝ่าวงล้อมออกไปใต้เท้าจางและทหารองครักษ์นับสิบยืนดาหน้าในมือมีอาวุธครบครัน“ฝ่าบาท ตามข้าน้อยกลับวังหลวงจะดีกว่า ตอนนี้คนของข้าได้เข้ายึดวังหลวงไว้เสียสิ้นฝ่าบาทออกมาเช่นนี้ข้าเห็นทีต้องเชิญฝ่าบาทกลับไปประทับยังวังหลวงตามเดิม”หยางหลงขมวดคิ้วคิดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้ข่าวเรื่องเขาออกจากวังไม่มีใครรู้แต่ทำไมใต้เท้าจางถึงฉวยโอกาสนี้บุกยึดวังหลวง"เหตุใดท่านถึงคิดการใหญ่ขนาดนี้ในเมื่อท่านก็ได้ทุกอย่างไปหมดแล้วทั้งอำนาจก็มีเสียมากมายมีสิ่งใดที่ท่านต้องการอีก”“ฝ
“ปล่อยข่าวออกไปเรื่องที่ข้าสำเร็จโทษพวกนางนั่นเป็นเพราะพวกนางไม่ดูแลพระสนมที่กำลังทรงครรภ์ให้ดีจึงต้องโทษถึงตาย และต่อไปต้องเป็นคราวของแม่นางเฟยลี่บ้างแล้ว เป็นการกดดันฝ่าบาทไม่ให้ใจอ่อนกับหญิงงามล่มเมืองคนนั้น"“แต่ใต้เท้าฝ่าบาทจะทรงสอบสวน”“ข้าจะนำเหล่าขุนนางทั้งหลายร่วมกันกดดันฝ่าบาทอีกทาง อย่างไรเสียพระสนมต้องไม่มีผู้ใดเทียบเคียงหากเรายังต้องการยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในแผ่นดินนี้”ใบหน้าเหี้ยมเกรียมแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียดท้องฟ้ามืดไร้ดาราและจันทราส่องแสง นางในนางหนึ่งหอบห่อผ้าที่บรรจุของมีค่าเล็กน้อย วิ่งหลบหลีกเร้นกายตามเงามืดด้วยความรุกลี้รุกรนแต่ดวงตาคมกริบคู่หนึ่งที่จับจ้องความเคลื่อนไหวอยู่ก่อนแล้วกับทะยานขึ้นสู่หลังคาตำหนักวิ่งตามไปทางเดียวกับที่นางเร้นกายทว่าวิชาตัวเบาเยี่ยมยอดจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแม้แต่น้อยอีกด้านทหารยามหน้าห้องขังถูกชายลึกลับที่โพกหน้าด้วยผ้าดำสกัดจุด จนหมดสติแล้วก็ลากร่างหนักอึ้งให้ไปนอนแผ่คุดคู้แสนสบายข้างกำแพงห้องขังกุญแจถูกหยิบมาใช้อย่างง่ายดายแพรวานอนขดตัวด้วยความหนาวเหน็บ ชุดนักโทษสีขาวบางเบาไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้ ชายลึกลับไขกุญแจเข้าไปภายในห้องขั
คำแรกที่เห็นหน้าสนมฮุ่ย“ลูกไม่อยากให้โอกาสหลุดลอยไปเราส่งมือสังหารไปฝ่าบาทก็อยู่ที่นั่นปกป้องนาง ครั้งนี้ถือเสียว่ายืมมือฝ่าบาทจัดการกับนางแค่เรื่องปองร้ายพระสนมนางก็ไม่อาจหลุดพ้นโทษประหารแล้วยังจะโทษฐานทำให้ลูกต้องสูญเสียองค์รัชทายาท มีกี่หัวก็ไม่พอให้ตัด”“แล้วเจ้าได้อะไร ได้เพียงให้ตาย ตายจากไปแต่ไม่ช้าไม่นานฝ่าบาทก็จะมีสนมคนอื่นอีกแต่หากเจ้ารั้งที่จะไม่บอกใครเรื่องการสูญเสียองค์รัชทายาทอย่างน้อยข้าก็เตรียมการให้เจ้าแล้วข้าไปเกณฑ์คนที่อายุครรภ์เท่ากับเจ้ามากักไว้เพื่อให้เจ้าได้มีองค์รัชทายาทเป็นแม่ขององค์รัชทายาทและแม่ของแผ่นดิน เจ้ากับทำให้ทุกอย่างพังทลายลงไป”สนมฮุ่ยหน้าเสีย แต่สักพักก็กลับเป็นปกติ“ท่านพ่อ องค์รัชทายาทจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ยังคงใช้แผนการของท่านพ่อได้เพียงแต่ลูกแสร้งว่ามีครรภ์แล้วเราก็สรรหาเด็กที่ไหนมาเป็นองค์รัชทายาทก็ได้ แต่โอกาสกำจัดนางนั้นหายากยิ่งตอนนี้ลูกยอมแลกทุกอย่างเพื่อการณ์นี้”“เจ้าอย่างไรก็ทำอะไรไม่หารือพ่อก่อน”“ลูกขออภัยท่านพ่อแต่ลูกเกลียดนาง นางแย่งฝ่าบาทและ แววตาอ่อนโยนของฝ่าบาทไปจากลูก”“ไม่จำเป็นต้องมีความรักความสงสาร มีเพียงอำนาจที่ได้รับเมื่อนั้
แพรวาอดขำไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นเราต้องหาทางปกป้องพี่สาว”“ข้าว่าเราแทบไม่ต้องลงแรงตอนนี้ ฝ่าบาททรงมีพระทัยเอนเอียงมาทางแม่นางเฟยลี่เพราะเหตุใดข้าไม่ทราบแน่ชัดหรืออาจเป็นเพราะ สนมฮุ่ยทำการใดไม่รอบคอบจนฝ่าบาทเห็นธาตุแท้ของนางกับตาตนเองด้วยนิสัยของฝ่าบาททรงไม่ชอบการแก่งแย่งและการทำร้ายกันทรงมีความยุติธรรมพอ ไม่เห็นแก่คนผิด”ลี่มี่พยักหน้าหงึกหงัก“อย่างนี้เห็นทีว่าสนมฮุ่ยและใต้เท้าจางต้องหาโอกาสอันดีจัดการกับพี่สาวว่าแต่จะเป็นเรื่องอะไรนะ”แพรวาเริ่มใจคอตุ่มๆต่อมๆ ขึ้นมาบ้างสนมฮุ่ยไม่เหมือนวันวานนางเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความรักที่หวังครอบครองเท่านั้นหยางหลงสาวเท้าเร่งรีบไปยังตำหนักฝ่ายซ้าย หากแต่ที่มุมทางเดินสนมฮุ่ยเดินเยื้องย่างด้วยสีหน้าเรียบเฉยยังห้องของแพรวาสวนกันเพียงนิดเดียวแต่หยางหลงไม่อาจมองเห็นนางเนื่องจากมุมกำแพงสูงที่หักมุม ตรงทางเข้าตำหนักพอดีแพรวาอยู่ในห้องเพียงลำพังกับ ลี่มี่สาวใช้สองสามคนเดินเข้ามาในห้องของแพรวาด้วยแววตาประสงค์ร้าย“แม่นางเฟยลี่ พระสนมเรียกหาเจ้า”ลี่มี่คว้ามือแพรวามากำไว้กระซิบเบาๆ“พี่สาวระวังตัวด้วย ข้าน้อยจะไปตามฝ่าบาท”แพรวาพยักห
คราวนี้เองที่เขาสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากร้ายกลับกลายเป็นดีมองแขนข้างที่เจ็บของหยางหลงมีมือบางเกาะเกี่ยวอยู่เขาอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้ที่หยางหลงไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสนมฮุ่ย“พระสนม ทำไมไม่เรียกหมอหลวงเพคะ”สนมฮุ่ยนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด“ใครให้เจ้ามาออกความเห็น”สาวใช้หดตัวลงนั่งก้มหน้านิ่ง“อย่างไรเสียเจ้าหมอนั่นก็ไม่อาจให้มันล่วงรู้”“ทำไมเพคะ”“เด็กคนนี้ไม่แข็งแรงพวกเจ้าก็รู้ดี แต่อย่างไรเสียข้าต้องพยายามให้องค์รัชทายาทอยู่กับข้าให้ได้”แววตามุ่งมั่น“พระสนมหมอจากนอกวังเข้ามาต้องผ่านเหล่าขันทีตรวจสอบ และเหล่าองครักษ์เกรงว่าไม่อาจปิดบังฝ่าบาท”“ข้าให้ท่านพ่อจัดการแล้ว ก็แค่ท่านพ่อเป็นห่วงข้าส่งหมอที่ดีที่สุดเข้ามาดูแลข้าเป็นพิเศษก็เท่านั้น”“ท่านหมอมาแล้วเพคะ”หญิงรับใช้ปิดม่านจนทึบ สนมฮุ่ยนอนหงายลงบนแท่นนอน“พระสนมอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้ารู้สึกปวดท้องจนไม่อาจทานทนได้”“ข้าน้อยขอตรวจดูชีพจรก่อน”สนมฮุ่ยยื่นแขนออกมานอกม่านกำบัง หมอชราจับชีพจรอย่างคล่องแคล่ว ขมวดคิ้วเข้าหากันใบหน้าเคร่งเครียด“พระอาญาไม่พ้นเกล้า พระสนมข้าน้อยไร้สามารถ”คุก
มือใหญ่เชยคางมนให้สบตา ก้มลงจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง เขาไม่อาจหักใจหากยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ริมฝีปากอ่อนหนุ่มกลิ่นกายหอม ผิวเนื้ออ่อนละมุน ซุกอยู่กับอกกว้างถอนริมฝีปากออก“เราเคยรักกันมาก่อนใช่ไหม ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกข้ามาก่อนที่ข้าจะกลืนกินเจ้าไป”สายตาคาดคั้น“ฝ่าบาทเชื่อเรื่องการเดินทางผ่านกาลเวลาไหม”หยางหลงขมวดคิ้ว“เช่นไร”“ข้ากับท่านเราเคยพบกัน ก่อนที่ข้าจะหายไปจากฝ่าบาทและกลับมาอีกครั้ง”หยางหลงครุ่นคิดภาพที่เขาเห็นนั้นเล่าชัดเจนแจ่มชัดในความทรงจำ เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้น“เจ้าใช้เวทมนตร์ใช่ไหม”“ไม่ใช่เวทมนตร์แต่มันคือเรื่องประหลาดที่ข้าไม่อาจอธิบายได้ และข้าเองมิได้กำหนดว่าจะมาจะไปตอนไหน สวรรค์เป็นผู้กำหนดเหมือนที่หมอหลวงบอกข้า ข้าเพียงแต่ไปมาตามแต่สวรรค์ต้องการ”“แล้วหมอหลวงทำไมถึงรู้ว่าเจ้าจะมา”“ท่านหมอบอกข้าว่าเขาเองไม่อาจเปิดเผยบัญชาสวรรค์ตัวเขาเองมีหน้าที่เพียง เป็นผู้แจ้งข่าว”ข้างนอกนั่น“ลี่มี่ เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าฝ่าบาท ประทับอยู่ในห้องของแม่นางเฟยลี่”เหอหลงเอ่ยปากถาม“ ข้าเห็นมากับตา ฝ่าบาททรงหายเข้าไปในห้องของพี่สาวข้าจึงรีบมาแจ้งข่าวกับท่าน”เหอหลงยิ้มมี