แพรวา น้ำตาร่วงกราว เป็นอะไรของเขาวันนี้ ผุดลุกขึ้นหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทั้งโกรธทั้งอาย
เมื่อแพรวาจากไปฮ่องเต้ ถอนหายใจยาวเหยียด
"เสี่ยวโอจัดคนอารักขา ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ให้ แน่นหนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับนางอีกไม่อย่างนั้นหัวพวกเจ้าจะหลุดจากบ่า”
ก่อนจะโบกมือไล่ เสี่ยวโอ ให้ ออกไปนอกห้องปิดประตูลง กุ้ยเหรินกับ สนมฮุ่ยยิ้มในหน้า ฮ่องเต้พาตัวเองนั่งจมอยู่กับฎีกากองใหญ่ไม่สนใจทั้งคู่แต่จิตใจร้อนรุ่ม นึกเห็น รอยน้ำตาอยาก จูบปลอบโยน แต่ต้องหักห้ามใจสงสารเพียงใดต้องทำใจแข็งไว้ใบหน้าเรียบตึงไม่แสดงอาการใดใด ยังคงปล่อยให้สนมฮุ่ย เดินมาบีบนวดตามประสา กุ้ยเหรินก็นั่งนิ่งเป็นหุ่น
แพรวา นึกมโน ไปไกล ถึง ภายในห้องของฮ่องเต้ที่กุ้ยเหรินกำลังเปลื้องผ้าเหมือนวันนั้น กับสนมฮุ่ยที่ขึ้นคร่อมร่างฮ่องเต้ ถวายการปรนนิบัติอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วหันมายิ้มเยาะ แพรวาในภาพมโน แพรวาคับแค้นใจสลัดความคิดนั้นทิ้งไปฟุบหน้าร้องไห้
“พี่สาว อย่าโกรธเคืองไปเลย ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล”
เสียงเสี่ยวโอ ดังลอดประตูเข้ามา แพรวานิ่งงันหยุดสะอื้นกลัวเสี่ยวโอได้ยิน
“ฮ่องเต้ ทรงเป็นห่วงพี่สาวมากนะ สั่งคนมาอารักขา”
แพรวาเกิดความสงสัยกระชากประตูให้เปิดเสี่ยวโอล้มหัวคะมำ
“ทำไมต้องอารักขาวุ่นวาย บอกพี่สาวมาเดี๋ยวนี้เสี่ยวโอ”
กระชากคอเสื้อ
“มะ...มะไม่มีอะไร ขอน้อยเสี่ยวโอขอตัว"
แพรวากระตุกคอเสื้อให้กลับมา
“บอกมา ห้ามมีความลับกับเจี่ยเจีย”
แววตาแสร้งทำให้ดุดัน
“ข้าน้อยไม่บังอาจ” เสี่ยวโอคุกเข่าจำคำพูดคาดโทษของฮ่องเต้ได้ดีกว่าถ้าใคร บอกเฟยลี่เรื่องลอบทำร้าย
“บอกม เถอะเสี่ยวโอ พี่สาวไม่พูด เจ้าไม่พูดไม่มีใครรู้พี่สาวเคยให้เจ้าต้องลำบากรึ”
เสี่ยวโอสั่นหน้าไปมา
“งั้นบอกมา”
หมดเปลือก เป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่อยู่แล้วแพรวาทำหน้าครุ่นคิด ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ ลงทุน ออกโรงปกป้องเธอถึงเพียงนี้ แต่ช่างดูถูกน้ำใจเธอนัก คิดว่าคนอย่างแพรวาจะรักตัวกลัวตายหรืออย่างไรไม่มีทางเสียหรอก ว่าแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องบรรทมผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจเสี่ยวโอที่วิ่งพลางตะโกนห้ามเสียงดังลั่น เหล่าองครักษ์วิ่งตามเป็นพรวน ท่าทางอย่างกับ หญิงเหล็กที่ก้าวเข้าไปในห้องไม่สนใจใครนั้นถ้าใครผ่านมาเห็นก็จะอดขำไม่ได้ หลับตาปี้นึกมโนภาพที่สนมฮุ่ยยังอยู่ในห้องแต่เปล่า กลับเป็นโหวหยางจื้อที่นั่งอยู่เบื้องหน้าสองนางนั่งอยู่ไกลออกไปกระแทกตูดลงกับพื้นฮ่องเต้ มองหน้ากับโหวหยางจื้อไปมา
“เป็นอะไรไปข้าหลวงหญิง”
โหวหยางจื้ออดรนทนไม่ไหวถามขึ้นก่อน
“ไม่เกี่ยวกับท่าน” ปลายเสียงสะบัด น้อยๆ
“แล้วเกี่ยวกับใครหรือว่าเป็นฝ่าบาท”
แพรวาพยักหน้า ฮ่องเต้หนุ่มหล่อนิ่วหน้ามองใบหน้าสวยด้วยความเอ็นดูก่อนจะอมยิ้ม
“หึง ข้า หรืออย่างไร”
“ใครบอก ไม่มีทางเสียล่ะ ช่างกล้าพูดต่อหน้าคนอื่นไม่ไว้หน้ากัน ข้าน้อย แค่มีเรื่องต้องการจะ เคลียร์กับฝ่าบาท”
“ความจริง ก็เหมือนต้นไม้เลื่อย ยิ่ง ตัด ยิ่งงอกงาม”
โบกมือไล่ โหวหยางจื้อที่ลังเลไม่อยากลุกจากตรงนั้น
“เสี่ยวโอ ส่งกุ้ยเหรินกับ สนมฮุ่ย ข้ามีเรื่องต้อง พูดกับเฟยลี่...ตามลำพัง”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่อาจปกปิด สองสาวเองก็มีใบหน้าเปลี่ยนไปเช่นกันแต่ในทางตรงกันข้าม
ฮ่อเงต้ตบ หมอนรองนั่ง ข้างตัวเบาๆ แพรวาสั่นหน้าไปมา
“มานั่งลงข้างๆ ข้า ฝ่าบาทของเจ้า”
น้ำเสียงอ่อนโยน ไม่มีติติงแพรวาเดินไปนั่งข้างๆแต่ยังไว้ตัวชันเข่า ขึ้นมากอดไว้
“มีอะไรไหนบอกมา”
อึดอัดเล็กน้อยกับสายตา หวามไหวนั้นที่จ้องมองไม่วางตา
“ฝ่าบาทจงใจปกปิด”
“เรื่อง” ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้เลยแพรวาคิด
“เรื่องแผลที่แขน “
ว่าแล้วหยิกหมับเข้าที่แขนข้างที่เจ็บฮ่องเต้ร้องโอ๊ย แพรวารู้สึกผิดก่อนจะถูกร่างใหญ่คว้าตัวไปกอด
“เรื่องแค่นี้ ข้าไม่เจ็บ ไม่เป็นไร”
ตาหวานปานจะหยาดหยด
แพรวากระทุ้งศอกเบาๆ
“ฝ่าบาทรับกระบี่แทน ถ้า เป็นอะไรไปมากกว่านี้”
ฮ่องเต้ตระหนักถึงความห่วงใยจากสายตา ที่ส่งมาของแพรวารวบตัวเข้ามากอด แนบแน่น
“ก็ข้าเต็มใจ แต่ถ้าไม่รับแทนเจ้าแล้วเจ้าเกิด เป็นอะไรไปทิ้งข้า.....”
เสียงเบาขาดหายไปแพรวาเองก็ใจหายไม่แพ้กัน
“ไม่ไปไหนจนกว่า...”
หยุดคำพูดไว้แค่นั้นแค่นั้นจริงๆ แพรวาไม่อาจคาดเดาได้ฮ่องเต้ใช้ปลายนิ้ว แตะที่ริมฝีปากบางก่อนจะใช้ปากหนานุ่มประกบ จูบอย่างอ่อนโยนเป็นสัญญาณว่าห้ามพูด แพรวาเผลอเผยอปากรับรสจูบ เข้าไปเต็มที่ฮ่องเต้หนุ่มยิ้มด้วยความสุขใจ
รสจูบอ่อนโยนวาบหวามถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย
“ไปไหนไม่ได้ไม่อนุญาตเด็ดขาด ถ้าเป็นเจ้าห้ามไปไหน”
แพรวารู้สึกอิ่มเอมในหัวใจอย่างที่สุดคำพูดหวานแว่วข้างหูอยากได้ยินไม่รู้เบื่อ
“แต่ตอนนี้เราไปตรงนู้นกัน ข้าง่วงเต็มทน”
ชี้ไปยังแท่นบรรทม แพรวาอมยิ้มแล้วส่ายหน้า ฮ่องเต้จุ๊ปากเบาๆ
“แค่นอนกอดเฉยๆได้ไหมเล่าเฟยลี่ แค่นอนกอดจริงๆ”
จะเชื่อดีไหม แพรวาไม่อาจฝืนใจตัวเองยอมเดินตามโดยดีมือใหญ่จูงไปยังแท่นบรรทม
“ข้าไม่ฝืนใจเจ้าเฟยลี่เพียงแค่เจ้าบอกว่า...ไม่...ข้าไม่อาจ หักหาญน้ำใจ”
โอ้มายก๊อด สุภาพบุรุษตัวจริงแพรวาคิด
“แต่ตอนนี้จะลองดูว่าเจ้าจะบอกว่า..ไม่..ไหม”
โน้มตัวลง กอดก่ายแพรวาไว้ด้วยแรงเสน่ห์หา
า แพรวาใช้มือยันแผงอกกว้างไว้แน่น
“ไม่ เพคะ ยังไม่เอาแบบนี้ไหนว่าจะนอนกอดเฉยๆ”
ฮ่องเต้ยิ้มหล่ออย่างมีเลศนัย
“ก็แค่กอดเจ้าคิดว่าข้าอดทน แค่ไหนกับเจ้ากันเล่าเฟยลี่”
ก่อนจะพลิกตัวลงนอนข้างๆ กอดแพรวาอย่างเบามือหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข แพรวาพลิกตัวซุกใบหน้าเนียนกับอกกว้าง
ฮ่องเต้ลืมตาพลิกตัวขึ้นทาบทับร่างบางของแพรวาไว้
“ตอนนี้ง่วงมาก เลยแค่.....กอดเฉยๆแต่หลังจากนอนไปสักพักข้าไม่รับปากว่าจะทำอย่างไรกับเจ้าเฟยลี่ ลูกไก่ในกำมือ”
จุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากและเปลือกตาสวย แพรวาปล่อยให้ฮ่องเต้เลือกจูบได้ตามใจทั้งใจตอนนี้ ไม่เหลือช่องว่างอีกแล้ว
หิมะโปรยปรายความหนาวเหน็บภายนอกไม่อาจทำร้ายจิตใจที่อบอุ่นได้
ร้อยผ้าห่มกายไม่อุ่นเท่า หนึ่งคนรัก ร่วมห้อง
เช้าสดใส หิมะโปรยปรายบางเบา แพรวาขยับกายเบาๆ ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่น คนกอดยังหลับตาพริ้มอยู่เหมือนเปี่ยมสุข แพรวายก แขนข้างที่กอดออกเบาเบาภายใต้ผ้าห่มแพรอุ่นสบายอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหนอการที่อยากให้เขาสบายอยากให้เขามีความสุขกลัวเขาตื่นอยากให้เขานอนต่อนานๆ ภายใต้การดูแลของเรา แพรวาคิดก่อนจะลุก สำรวจตัวเองไม่มีอะไรบุบสลาย และยังมี สิ่งอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาคือ จิตใจที่อิ่มเอมเป็นสุขเดินสำรวจรอบๆห้องบรรทมก่อนจะหยุดอยู่ที่ โต๊ะถวายงานที่มีฎีกาวางอยู่ระเกะระกะบ่อยไปที่แพรวาต้องจัดห้องหับให้พี่กันต์เมื่อครั้งที่อยู่บ้านสมัยนั้น เพราะความที่พี่กันต์งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำความสะอาดคอนโด แม้จะมีแม่บ้านที่จ้างมาแต่พวกกองเอกสารหรือของใช้ส่วนตัวแม่บ้านก็ไม่กล้ายุ่มย่าม นี่เองเป็นเหตุให้แพรวามีกุญแจคอนโดของพี่เขาที่ให้ไว้เมื่อเธอว่างมักจะแวะเวียนมาจัดระเบียบในห้องสักครั้ง บางครั้งก็เผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆที่มีกลิ่นโคโลญน์หอมอ่อนๆ ก่อนจะถูกปลุกด้วยจุมพิตหวานทุกครั้งเมื่อนึกถึงตอนนี้แพรวาใจหายวาบก่อนจะกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอมอง ผ่านไปยังคนนอนบนแท่นบรรทมเขาเหมือนจะอ่อนโยนกว่าพี่กันต์ด้วยซ้ำหากไม่ติดที่ว่าเ
“ข้า จะกลับไปได้อย่างไรในเมื่อถูกนำมาแทนที่ใครบางคน”น้ำเสียงเศร้าสลด“อาจเป็นนาง มากกว่าที่ถูกนำไปแทนที่เจ้า เจ้าอาจเป็นคนที่อยู่นี่ตั้งแต่ทีแรก”แพรวาสะดุดใจกับคำพูดหมอหลวงเมื่อนึกถึงความฝันที่เห็นตัวเองยังเล็กนั้นวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงนางหนึ่งที่ถึงกับต้องเรียกว่า ...แม่...“ถ้าไม่ได้กลับ ไปก็อย่าเสียใจเลย แม่นาง ...แพรวา เจ้ายังคงอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่กับคนที่สมควรเป็นคนที่คอยปกป้องเจ้า เจ้าเองก็ต้องมอบความภักดีและต้องช่วยเหลือเขาเมื่อถึงเวลาอันควร”“เวลาอันควร ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะเป็นลิขิตฟ้าเจ้าก็จะเข้าใจ ได้โดยไม่มีข้อกังขา”เอะอะอะไรก็ลิขิตฟ้า แพรวาชักฉุน“แม่นางเฟยลี่ ท่านชินอ๋องได้ส่งเครื่องบรรณาการและ และโสมชั้นดีจากฮันกึลให้ข้านำมันมามอบแก่ แม่นาง”หมอหลวงพยักหน้าแพรวารับเอาไปอย่างงงงง อันเก่าก็ยังไม่หมดขยันให้กันจริงวุ้ย“ชินอ๋องมีรับสั่งให้ท่านร่วมดื่มชา ที่จวน" แพรวานิ่วหน้าทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย พยักหน้าอย่างขอไปที“ได้ เดี๋ยวข้าจะรีบไป”จวนอ๋องถูกจัดไว้อย่างสวยงามเหมือนต้อนรับบุคคลสำคัญ หรือแขกต่างบ้านต่างเมือง“แม่นางเฟยลี่เกรงใจเจ้
อย่าทำแบบนี้เลย แบบนี้เลยเหมือนฉันไม่เคยมีความหมาย เธอไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นก็เป็นแค่เพียงอากาศ แค่ลมที่พัดไม่มีตัวตนT_Tเสี่ยวโอเขย่งเท้ามอง ก่อน จะนิ่วหน้า แสดงการสงสัยใคร่รู้ แพรวา เดินหลบออกไปยังห้องของตัวเอง อย่างไม่สนใจ ใคร่ดีใคร แต่กลับต้องดีใจอย่างที่สุดเมื่อพบกับ ลี่มี่ ที่กำลังจัดเก็บของในห้องอยู่เพียงลำพัง แพรวา กระโดดเข้าคว้ามือลี่มี่เขย่าเบาๆ“เจ้าหายดีแล้ว ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย”รู้สึกเหมือนที่พึ่งพิงกลับมาแล้ว ลี่มี่ยิ้มบางๆ“ข้าก็คิดถึงท่านแทบแย่ หมอหลวงอนุญาตให้กลับมารับใช้ท่านข้าดีใจแทบตายนายหญิง”“เจ้าอยู่กลับหมอหลวงข้าก็เบาใจ”แพรวาพูดจากใจจริงอย่างน้อยในวังแห่งนี้ สองคนนี้ก็เป็นที่พึ่งพิงทางใจได้อย่างดี“แล้วนายหญิงไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติ ฝ่าบาทหรือวันนี้”แพรวาสีหน้า เศร้าสลดลงทันที“ฝ่าบาท ทรงมีหญิงงามนางใหม่”“หาแสดงว่าข้าน้อยตกข่าว ทำไมได้ยินแต่เรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนายหญิงยิ่งกว่าหญิงใด”“ผ้าแพรผืนเก่าสีไม่สวยถูกใจ เท่า ผ้าไหมผืนใหม่ หรอกลี่มี่”“แล้วนายหญิงยอมรึเจ้าค่ะ”มองหน้าลี่มี่แบบไม่เชื่อสายตายามที่แพรวาท้อ อย่างน้อยก็มี ลี่มี่นี่แหละที่ ปลุก สกิลเทพใ
“ความเจ็บช้ำเปรียบดั่งหิมะ ไม่คงทนอีกไม่นานก็มลายหายไป”“ความเจ็บช้ำใจ เปรียบดั่งหินผา ไม่มีทางมลายหายไป”แพรวาต่อปากต่อคำ“ท่านมาพอดี ข้ากำลังหาคนร่วมดื่ม”แพรวากอดแขนชินอ๋องด้วยความเมามาย ไม่ทันระวังคนโดนกอดแขนสะดุ้งกับอาการสนิทสนมนั้นใจหนุ่มวาบไหวมองมือที่เกาะกุมไม่วางตา“นั่งๆ ๆ”ฉุดแขนชินอ๋องที่ทำท่าทางเก้อเขินให้นั่งลง คว้าไหเหล้ารินเหล้าใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบจนหกเลอะ ชินอ๋องจับมือบางที่ถือไหก่อนจะสบตาสีน้ำตาลเข้มของแพรวาพยายามค้นคว้าหาคำตอบ“เจ้าโศกเศร้าเสียใจ ถึงเพียงนี้เชียวหรือจึงดื่มจนเมามายเพื่อท่านพี่”มองแพรวาด้วยสายตาลึกซึ้งปนสงสาร ลี่มี่ขยับตัวออกห่าง“เปล่าววววว ข้าแค่อยากดื่มไม่ได้ดื่มมานานแล้ว”“เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า ถ้าหากข้าไม่พาเหมยหลิวมา”“อย่าซีเรียส น่าข้าไม่แคร์ คนแบบนั้นหรอกมาดื่มกันดีกว่า”ชินอ๋องจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็พอเข้าใจ แพรวายกถ้วยสุราจ่อริมฝีปากชินอ๋องชินอ๋องรับมาถือไว้ในมือแพรวายกจอกสุราของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจอก เช็ดริมฝีปากที่เต็มไปด้วยหยดเหล้าเรี่ยราด ก่อนจะฟุบลงหมดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์เต็มพิกัด ชินอ๋องเขย่าร่างเล็กที่นอนฟุบหน้าไ
“เจ้าอย่าได้แสดง ออกแบบนี้อีกเป็นอันขาด ข้าขอเตือนการที่ข้ายังให้เจ้าอยู่ไม่ต้องรับโทษตายเป็นเพราะอย่างน้อยเจ้า ก็ยังทำประโยชน์ให้แก่ข้าได้บ้างเท่านั้น เจ้าก็รู้ลี่มี่ว่าข้าไม่ละเว้นใครง่ายๆ หากทำให้ข้าไม่พอใจ”ลี่มี่นั่งพับเพียบกับพื้นนิ่ง มือกำชายกระโปรงแน่น ไม่อาจหักห้ามใจน้ำตาร่วงพรูชินอ๋องย่อตัวลงข้างๆ ปาดน้ำตาจุมพิตบดขยี้รุนแรงก่อนจะกระซิบที่ข้างหู“ถ้ายังอยากเป็นคนของข้า อย่าให้เฟยลี่รู้ว่าเจ้าเป็นคนของข้าชินอ๋อง เจ้าต้องดูแลนางและคอยช่วยเหลือนาง งานสำคัญของเจ้าอีกอย่างที่ข้าสั่งเจ้าคอยจับตาฝ่าบาทอย่าลืม"สะบัดมือจนคางเล็กๆ ไหวตามแรงมือลี่มี่เช็ดตัวให้แพรวาอย่างเบามือ ความคิดสับสนวุ่นวายจะภักดีหรือว่าเกลียดชังหญิงคนที่นอนต่อหน้าคนนี้ดี ไม่ว่าจะรักหรือชังลี่มี่ก็เจ็บช้ำไม่แพ้กันแพรวาปวดหัวแทบระเบิด ตื่นขึ้นมาเมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้างมองไปข้างเตียงลี่มี่นอนฟุบหน้าอยู่ใกล้ๆ เอื้อมมือเขย่าตัวลี่มี่“นายหญิง โอ้ ลี่มี่ต้องขออภัยท่านเมื่อคืนเฝ้าเช็ดตัวให้ท่านจนดึกดื่น เพิ่งจะได้งีบหลับตอนรุ่งสาง”“ไม่เป็นไรลี่มี่ เจ้าช่างดีกับข้าจริงๆ ขนาดเพิ่งจะหายป่วย แทนที่เป็นข้าจะต้องดูแล
คนที่ไม่ยอมมานู้นแล้วสนมฮุ่ยกับขบวนเสด็จ ที่ถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้เชื้อเชิญ“ฮุ่ยเหนียง ถวายพระพร ฝ่าบาท”น้ำเสียยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แพรวาคิดดัดเสียงได้อ่อนหวานนัก ชายตามองเหมยหลิวเหมือนเป็นสิ่งปฏิกูลเหมยหลิวขยับตัวรวดเร็วยืนขึ้น ถวายพระพรสนมฮุ่ยดวงแววตาใสซื่อเช่นเดิม“วันนี้ฮุ่ยเหนียง ตุ๋นรากบัวมาถวายฝ่าบาท”รากบัวอีกแล้วแพรวาคิดคงไม่เหมือนวันนั้นนะฮ่องเต้ชำเลืองตามอง เพียงแวบเดียวสนมฮุ่ย พาหุ่นสะโอดสะองเดินเข้าไปนั่งใกล้ฝ่าบาทจนเกือบกลายเป็นนั่งตัก“เหมยหลิวลองชิม ตุ๋นรากบัว”ฮ่องเต้เอ่ยปากชวนรอยยิ้ม สว่างใสก่อเกิดขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน“หวังว่าคงไม่ได้เหมือนครานั้น”สนมฮุ่ยหน้างอแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นแช่มชื่น“ไม่เพคะ วันนี้ฮุ่ยเหนียงรู้ว่าฝ่าบาททรงงานหนักฮุ่ยเหนียงไม่อาจดูดาย”สายตาไม่ต่างจากคำพูด สาวใช้ติดตามสนมฮุ่ยยกโถรากบัวตุ๋นเข้ามาวางลงตรงหน้าตักใส่ถ้วยกระเบื้องใบเล็ก เหมยหลิวท่าทีนอบน้อมรับถ้วยมาถือไว้ ก่อนจะละเมียดในการชิมสนมฮุ่ยตวาดแว้ดทันที“ใครให้เจ้าลิ้มรสก่อนฝ่าบาท”เหมยหลิวคุกเข่าลงกับพื้น“เหมยหลิวไม่กล้าพระสนมอย่าได้ถือสาเพียงเพราะเหมยหลิว คิดว่าฝ่าบาทเชิญชวน”
ฮ่องเต้เอ่ยปาก“นาง โดนพิษเข้าไปเพียงน้อยนิด พิษไม่สามารถทำอันตรายนางจนถึงชีวิตได้ ข้าน้อยได้ให้ยาถอนพิษกับนางแล้ว ตอนนี้นางฟื้นคืนสติ ดังเดิม”เสียงถอนหายใจรวมทั้งแพรวาที่ถอนหายใจโล่งอกเสียยกใหญ่ ฮ่องเต้และชินอ๋องเดินเข้าไปในตำหนัก ตอนนี้เองที่สนมฮุ่ยได้ยินคำพูดของหมอหลวงชัดเจน ถลาเข้าไปในห้องพร้อมกับทุกๆ คนแพรวาจึงเร่งฝีเท้าตามไปทั้งหมดสี่คนรวมทั้งแพรวา จึงเดินเข้าไปดูอาการเหมยหลิวเหมยหลิวใบหน้าซีดจาง แทบไม่มีสีเลือดนอนอยู่บนเตียงนอน ฮ่องเต้ทรุดตัวลงนั่งปลายข้างแท่นนอนยิ้มบางๆอย่างที่แพรวามองว่ามันสวยหวานของเหมยหลิวทำไมกลายเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งไปในตอนนี้ขยับตัวลุกขึ้นยากเย็นก่อนจะ ทำท่าทางเหมือนจะล้มให้ฮ่องเต้ประคอง ทำเอาใจของแพรวาไหวยวบ สนมฮุ่ยขมวดคิ้วเก็บกดอารมณ์ไว้“ฝ่าบาท เหมยหลิว ขอร้องฝ่าบาทอย่าได้กล่าวโทษพระสนมเลย อาจจะไม่ใช่พระสนมที่เป็นคนลงมือ ทรงสอบสวนก่อน”ท่าทีอ่อนน้อมน่าสงสารนั้นทำให้ฮ่องเต้ถึงกับรวบมือทั้งสองข้างมากุมไว้แต่ สนมฮุ่ยและแพรวาที่เข้ามาพร้อมกันกับตะลึงในคำพูดของเหมยหลิวไม่ คาดคิดว่านางจะใช้ไม้นี้ไม่ตีโพยตีพาย แต่มาแบบเหนือเมฆ ความสงสารสยบทุกสิ่งจริงๆ“เจ้
“ตามหมอหลวง ฝ่าบาท ทรง ต้องคมมีด"เป็นเสียงชินอ๋องอีกเหมือนเดิมเหมยหลิวจ้องมองที่แพรวาและฮ่องเต้ด้วยแววตาที่อยากจะคาดเดาความคิดของนางสนมฮุ่ยดิ้นสุดแรง เพื่อให้หลุดจากการควบคุมตัวเมื่อองครักษ์สองสามคนเข้ามาจับตัว“ฝ่าบาท อย่าจองจำฮุ่ยเหนียงเลย ฮุ่ยเหนียงไม่ได้ตั้งใจทำให้ฝ่าบาทต้องบาดเจ็บ เห็นแก่ความเป็นผัวเมียของเราด้วยเถิดฝ่าบาท...ฝ่าบาท..ฝ่าบาท”เสียงตะโกนดังห่างออกไปเรื่อยๆแพวาถลาเข้าจับท่อนแขนที่มีรอยเลือดเป็นด่างดวงน้ำตาไหลริน“อย่าร้องเลย ...ข้าไม่เจ็บ..ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง อย่าร้องไห้คนดีของข้า”น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แพรวากลับติดลมเสียแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่ง มือใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือแล้วก็สวมกอดเมื่อยังได้ยินเสียงสะอื้น หนักขึ้นกว่าเดิมชินอ๋องเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เหมยหลิวกัดเม้มริมฝีปากแน่น“ปล่อยข้านะ ข้าจะขอความเป็นธรรมกับฝ่าบาทท่านพ่อช่วยข้าด้วยพวกเจ้าปล่อยข้านะไม่อย่างนั้นพ่อข้าใต้เท้าจางต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่”สนมฮุ่ยโวยวายเสียงดังจนถึงห้องขังหมอหลวงพันแผลให้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวแพรวานั่งมองอยู่ใกล้ๆ“เพียงแค่เฉี่ยวๆแผลไม่ลึกนักไม่เหมือนคราวก่อน ข้าน้อยจะเฝ้าดูอากา
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว