คนที่ไม่ยอมมานู้นแล้วสนมฮุ่ยกับขบวนเสด็จ ที่ถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้เชื้อเชิญ
“ฮุ่ยเหนียง ถวายพระพร ฝ่าบาท”
น้ำเสียยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แพรวาคิดดัดเสียงได้อ่อนหวานนัก ชายตามองเหมยหลิวเหมือนเป็นสิ่งปฏิกูล
เหมยหลิวขยับตัวรวดเร็วยืนขึ้น ถวายพระพรสนมฮุ่ยดวงแววตาใสซื่อเช่นเดิม
“วันนี้ฮุ่ยเหนียง ตุ๋นรากบัวมาถวายฝ่าบาท”
รากบัวอีกแล้วแพรวาคิดคงไม่เหมือนวันนั้นนะ
ฮ่องเต้ชำเลืองตามอง เพียงแวบเดียว
สนมฮุ่ย พาหุ่นสะโอดสะองเดินเข้าไปนั่งใกล้ฝ่าบาทจนเกือบกลายเป็นนั่งตัก
“เหมยหลิวลองชิม ตุ๋นรากบัว”
ฮ่องเต้เอ่ยปากชวนรอยยิ้ม สว่างใสก่อเกิดขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน
“หวังว่าคงไม่ได้เหมือนครานั้น”
สนมฮุ่ยหน้างอแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นแช่มชื่น
“ไม่เพคะ วันนี้ฮุ่ยเหนียงรู้ว่าฝ่าบาททรงงานหนักฮุ่ยเหนียงไม่อาจดูดาย”
สายตาไม่ต่างจากคำพูด สาวใช้ติดตามสนมฮุ่ยยกโถรากบัวตุ๋นเข้ามาวางลงตรงหน้าตักใส่ถ้วยกระเบื้องใบเล็ก เหมยหลิวท่าทีนอบน้อมรับถ้วยมาถือไว้ ก่อนจะละเมียดในการชิมสนมฮุ่ยตวาดแว้ดทันที
“ใครให้เจ้าลิ้มรสก่อนฝ่าบาท”
เหมยหลิวคุกเข่าลงกับพื้น
“เหมยหลิวไม่กล้าพระสนมอย่าได้ถือสาเพียงเพราะเหมยหลิว คิดว่าฝ่าบาทเชิญชวน”
ฮ่องเต้โบกมือห้ามสนมฮุ่ยด้วยความรำคาญ
ฉับพลันนั้นเอง เหมยหลิวที่กำลังคุกเข่าอยู่นั้นก็เกิดอาการเกร็งกระตุกเลือดสดๆไหลออกปากคนทั้งหมดในที่นั้นตะลึงพรึงเพริศทำอะไรไม่ถูก เสียงเสี่ยวโอตะโกนลั่น
“ตามหมอหลวงนางถูกพิษ”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีตุ๋นรากบัว กลายเป็นหลักฐานสำคัญสนมฮุ่ยคุกเข่าอยู่แทบฝ่าพระบาทของฮ่องเต้
“ฝ่าบาท ทรงพระปรีชา ให้ความเป็นธรรมกับฮุ่ยเหนียงด้วย”
แพรวามือไม้สั่น เพียงแค่พริบตาเดียวจากสนมเอกกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยภายในชั่วผลิกฝ่ามือ ร่างบอบบางของเหมยหลิวถูกหาม เข้าไปในตำหนัก หมอหลวงเดินราวกับวิ่งตามเข้าไปทันทีฝ่าบาทร้อนรนอยู่หน้าตำหนัก สนมฮุ่ยยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม แพรวาสาวเท้าเดินด้วยเป็นห่วงอาการของเหมยหลิว สนมฮุ่ยกอดขาแพรวาไว้แววตาสลดลงน่าใจหายน้ำตาเต็มตา
“เฟยลี่ ช่วยข้าด้วย ช่วยพูดกับฝ่าบาทให้ข้าด้วย”
แพรวาย่อตัวลงจับมือสนมฮุ่ยด้วยความเห็นใจ บางอย่างทำให้แพรวารู้ว่าสนมฮุ่ยบริสุทธิ์
“ใจเย็นๆ ถ้าหากเจ้าไม่ได้ทำใครก็ไม่สามารถกล่าวโทษเจ้าได้”
ผละจากสนมฮุ่ย ไปยังหน้าตำหนักฮ่องเต้เดินวนเวียนไปมาหาสนใจแพรวาไม่ แพรวาคิดว่าฮ่องเต้คงจะเป็นห่วงเหมยหลิวจึงไม่อาจสนใจผู้อื่น แพรวาเองก็เห็นว่าอาการนางหนักแค่ไหน ป่านนี้กระเพาะคงทะลุไปแล้วกระอักเลือดขนาดนั้น เวลาผ่านไปเนิ่นนานแพรวา นั่งนิ่งเฝ้าอาการของเหมยหลิวโดยไม่มีคำพูดหรือคำทักทายฮ่องเต้สักคำฮ่องเต้เองก็เหมือนจะไม่สนใจแพรวาเลยด้วยซ้ำ
บรรยากาศมืดดำนั้นเองชินอ๋อง เดินสาวเท้าเร็วรี่ใจคงร้อนรนไม่ต่างกับการก้าวเดิน
“ฝ่าบาท เหมยหลิว”
“หมอหลวงดูอาการนาง กินไปเพียงน้อยนิดข้าคิดว่าพิษคง ยังไม่แทรกซึมเท่าที่ควร”
“นางถูกพิษได้อย่างไร”
ฮ่องเต้ยกมือห้ามเป็นเชิงปรามไม่ให้ถามต่อ
“ไว้ข้าจะสืบสวนอีกที วังหลวงแห่งนี้กับการถูกพิษเป็นของคู่กัน ตอนนี้ยังกล่าวโทษใครไม่ได้”
“ข้าชินอ๋องเป็นผู้นำนางมา ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของนางถ้าหากนางเป็นอะไรไปข้าจะมีหน้าไปพบกับพ่อแม่นางได้อย่างไร”
“ข้าต้องให้ความเป็นธรรมแน่ใจเย็นๆ ก่อนเรายังไม่ทราบอาการ ที่แน่ชัดและพิษที่นางได้รับ”
แพรวานิ่งฟังวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ตามไปด้วยเรื่องนี้ถ้าจะมีใครได้ผลประโยชน์ก็คงไม่เกินกุ้ยเหรินที่กำจัดได้ทั้งคู่สนมฮุ่ย ไม่ตายก็เหมือนตาย เหมยหลิวหากตายก็คง กุ้ยเหรินก็หมดคู่แข่ง แต่จะมีกี่คนที่คิดจะทำอะไรตื้นๆขนาดนี้ แล้วยังจะบรรดาเมียเล็กเมียน้อยอีกโขยงหนึ่งของฮ่องเต้ทั้งหมดย่อมเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งนั้น แต่จะว่าไปไทฮองไทเฮาก็ทรงหนุนกุ้ยเหรินอยู่อาจจะเป็นฝีมือของนาง แต่นางก็คงไม่กล้าลงมืออีก เมื่อคราวที่แพรวาโดนยาขับเลือดตอนนั้นฮ่องเต้ได้คาดโทษไว้แล้ว แพรวาคิดจนหัวแทบแตกแล้วจะเป็นใครได้อีก หรือว่าคนทำจงใจ ..ให้..ไม่ได้การแล้วคนทำคงไม่คิดโยนความผิดให้แพรวาหรอกนะ ไม่น่าเชื่อในวังหลวงแห่งนี้อะไรๆ ก็ช่างดู ลับลวงพรางจนไม่อาจไว้ใจใครได้
หมอหลวงออกมาจากตำหนักที่เหมยหลิวนอนรักษาตัวอยู่
“อาการนาง เป็นอย่างไรบ้าง”
ฮ่องเต้เอ่ยปาก“นาง โดนพิษเข้าไปเพียงน้อยนิด พิษไม่สามารถทำอันตรายนางจนถึงชีวิตได้ ข้าน้อยได้ให้ยาถอนพิษกับนางแล้ว ตอนนี้นางฟื้นคืนสติ ดังเดิม”เสียงถอนหายใจรวมทั้งแพรวาที่ถอนหายใจโล่งอกเสียยกใหญ่ ฮ่องเต้และชินอ๋องเดินเข้าไปในตำหนัก ตอนนี้เองที่สนมฮุ่ยได้ยินคำพูดของหมอหลวงชัดเจน ถลาเข้าไปในห้องพร้อมกับทุกๆ คนแพรวาจึงเร่งฝีเท้าตามไปทั้งหมดสี่คนรวมทั้งแพรวา จึงเดินเข้าไปดูอาการเหมยหลิวเหมยหลิวใบหน้าซีดจาง แทบไม่มีสีเลือดนอนอยู่บนเตียงนอน ฮ่องเต้ทรุดตัวลงนั่งปลายข้างแท่นนอนยิ้มบางๆอย่างที่แพรวามองว่ามันสวยหวานของเหมยหลิวทำไมกลายเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งไปในตอนนี้ขยับตัวลุกขึ้นยากเย็นก่อนจะ ทำท่าทางเหมือนจะล้มให้ฮ่องเต้ประคอง ทำเอาใจของแพรวาไหวยวบ สนมฮุ่ยขมวดคิ้วเก็บกดอารมณ์ไว้“ฝ่าบาท เหมยหลิว ขอร้องฝ่าบาทอย่าได้กล่าวโทษพระสนมเลย อาจจะไม่ใช่พระสนมที่เป็นคนลงมือ ทรงสอบสวนก่อน”ท่าทีอ่อนน้อมน่าสงสารนั้นทำให้ฮ่องเต้ถึงกับรวบมือทั้งสองข้างมากุมไว้แต่ สนมฮุ่ยและแพรวาที่เข้ามาพร้อมกันกับตะลึงในคำพูดของเหมยหลิวไม่ คาดคิดว่านางจะใช้ไม้นี้ไม่ตีโพยตีพาย แต่มาแบบเหนือเมฆ ความสงสารสยบทุกสิ่งจริงๆ“เจ้
“ตามหมอหลวง ฝ่าบาท ทรง ต้องคมมีด"เป็นเสียงชินอ๋องอีกเหมือนเดิมเหมยหลิวจ้องมองที่แพรวาและฮ่องเต้ด้วยแววตาที่อยากจะคาดเดาความคิดของนางสนมฮุ่ยดิ้นสุดแรง เพื่อให้หลุดจากการควบคุมตัวเมื่อองครักษ์สองสามคนเข้ามาจับตัว“ฝ่าบาท อย่าจองจำฮุ่ยเหนียงเลย ฮุ่ยเหนียงไม่ได้ตั้งใจทำให้ฝ่าบาทต้องบาดเจ็บ เห็นแก่ความเป็นผัวเมียของเราด้วยเถิดฝ่าบาท...ฝ่าบาท..ฝ่าบาท”เสียงตะโกนดังห่างออกไปเรื่อยๆแพวาถลาเข้าจับท่อนแขนที่มีรอยเลือดเป็นด่างดวงน้ำตาไหลริน“อย่าร้องเลย ...ข้าไม่เจ็บ..ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง อย่าร้องไห้คนดีของข้า”น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แพรวากลับติดลมเสียแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่ง มือใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือแล้วก็สวมกอดเมื่อยังได้ยินเสียงสะอื้น หนักขึ้นกว่าเดิมชินอ๋องเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เหมยหลิวกัดเม้มริมฝีปากแน่น“ปล่อยข้านะ ข้าจะขอความเป็นธรรมกับฝ่าบาทท่านพ่อช่วยข้าด้วยพวกเจ้าปล่อยข้านะไม่อย่างนั้นพ่อข้าใต้เท้าจางต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่”สนมฮุ่ยโวยวายเสียงดังจนถึงห้องขังหมอหลวงพันแผลให้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวแพรวานั่งมองอยู่ใกล้ๆ“เพียงแค่เฉี่ยวๆแผลไม่ลึกนักไม่เหมือนคราวก่อน ข้าน้อยจะเฝ้าดูอากา
ฮ่องเต้ที่ยังอยู่ในอดีตจมปลักอยู่กับหญิงหนึ่งในดวงใจไม่คิดสร้างความมั่นคงไม่นำพาบ้านเมืองสู่ความยิ่งใหญ่ ไม่คิดการขยายแว่นแคว้นคิดแต่เพียง จะ ย่ำอยู่กับที่ จะให้ย่ามอง หน้า พระอัยกาของหลานได้อย่างไร”ชินอ๋องมองเหม่อไปไกล สิ่งที่ไทฮองไทเฮาอยากได้คืออะไรแน่ เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการหรือไม่“ฝ่าบาท ทรงทำดีที่สุดแล้วแต่ยังดีไม่พอ”“ไม่พอ ให้ย่าพอใจ แม้กระทั่งการเลือกฮองเฮายังไม่สามารถทำให้สำเร็จและเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย”“ตอนนี้เองที่หลานก็ไม่สามารถเดา พระทัยเสด็จพี่ได้ว่าจะทรงเลือกใครแม้จะยังโปรดปรานเฟยลี่แต่ก็ยังเหมือนประวิงเวลารออะไรบางอย่าง”“ความเหมาะสมย่าคิดว่า ฝ่าบาททรงรอสิ่งเดียวคือความเหมาะสม เท่านั้น”ชินอ๋องนึกถึงความเหมาะสมที่ว่านั้นเขาเองเหมาะสมกับเฟยลี่มากกว่าฮ่องเต้เสียด้วยซ้ำ แต่เหตุไฉนเล่าฮ่องเต้ต้องเป็นฝ่ายมีโอกาสทุกครั้งไป หากครั้งนี้เขาสามารถทำสำเร็จ หวังว่าเฟยลี่ อาจจะเปลี่ยนใจจากฮ่องเต้ดวงจันทร์บนฟากฟ้าเป็นพยาน สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือ...เฟยลี่...นึกถึงภาพ ที่ฮ่องเต้เข้ารับคมมีดจากสนมฮุ่ย เพื่อปกป้องเฟยลี่กับดวงตาสวยที่มีแววเป็นห่วงเปี่ยมล้นของเฟยลี่ที่มอง
จุมพิตอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางทำเอาใจสาวสั่นไหว ช่างอ่อนโยนจนจิตใจของแพรวาล่องลอยไปสู่ดินแดนที่อบอวลไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ รอยจุมพิตของหนุ่มหล่อช่างวาบวามชวนฝันนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่ารสจูบแห่งรัก ที่มักจะหวานหอมกว่ารสจูบในแบบอื่นๆจูบหวานนั้นไม่หยุดหย่อนไล่เรื่อยไปจนเกือบทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบางเปลือกตาสวยแก้มทั้งสองข้างแพรวาใจสั่นไหวอากาศกลายเป็นร้อนอบอ้าวทั้งที่หิมะโปรยปราย หยางหลงฮ่องเต้ รวบร่างบางอุ้มไปวางบนที่นอนนุ่มแพรวาไม่ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแพรวาปล่อยตัวปล่อยใจ จนคิดว่าไม่อาจฝืนได้อีกแล้ว ฮ่องเต้หนุ่มกับผละออกจากร่างสวยทันทีทั้งที่แสนจะเสียดาย“ข้า ไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจรอก่อนเฟยลี่รอทุกอย่างคลี่คลายรอให้ข้าสามารถบอกกับทุกคนได้เต็มปากว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจของข้าและเป็นเพียงคนเดียว ที่ข้าต้องการให้เป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์แห่งนี้"สนมฮุ่ยร้องไห้ฟูมฟาย จนเผลอหลับไปชินอ๋องเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องขังจ้องมองสนมฮุ่ยแล้วก็เดินจากไปยามสายของอีกวัน ชินอ๋องนั่งบนแท่นสูงกวาดตามองรอบบริเวณ ทหารคุมตัวสนมฮุ่ยมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีอิดโรย"บอกมา ใครอยู่เบ
"ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ขอได้รับการคารวะจากข้าใต้เท้าจาง"แพรวาทรุดตัวลงนั่งด้วยคาดไม่ถึงว่าใต้เท้าจางจะยอมลงทุนถึงขนาดนี้"ลุกขึ้นเถิดใต้เท้า ข้าน้อยเพียงแต่ทำในสิ่งที่สมควรทำ""ภายหน้าหากมีสิ่งใดให้ข้าใต้เท้าจางรับใช้โปรดบอกข้าจะไม่ปฏิเสธท่านแน่นอน"แพวายิ้มชินอ๋องส่ายหัวไปมา"นางล้ำเส้นเกินไปแล้ว""เสด็จย่าอย่ากังวลนางเป็นคนที่ค่อนข้างเถรตรงสักหน่อยแต่ไม่มีพิษภัยกับเรานางไม่รู้แผนการของเราแน่"ไทฮองไทเฮาขมวดคิ้วเข้าหากัน"ดูว่าหลานย่าเข้าข้างข้าหลวงหญิงผู้นั้นเหลือเกิน ถ้าไม่มีนางเราก็เกือบจะกำจัดสนมฮุ่ยและดึงใต้เท้าจางมาสวามิภักดิ์ได้แล้วแท้ๆ หากใต้เท้าจางไม่พอใจฝ่าบาทหาว่าละเลยสนมฮุ่ย เมื่อนั้นตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต้องมาอยู่ข้างเราแต่เฟยลี่กลับทำให้แผนการของเรายุ่งเหยิง"ชินอ๋องก้มหน้านิ่งหมดคำแก้ตัว"ฝ่าบาททรงนิ่งเฉยเกินไปหรือเปล่าเรื่องสนมฮุ่ยอย่างไรเสียนางก็....เป็นเมีย"แพรวารู้สึกหงุดหงิดเมื่อฮ่องเต้มัวแต่นั่งดีดพิณไม่สนใจสิ่งใด"ฝ่าบาท...ได้ยินไหม"ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เอามาบังสายพิณไว้จนฮ่องเต้ไม่สามารถดีดพิณได้ใบหน้าหล่อหันมาสบตาแพรวาแลบลิ้นใส่ด้วยความหมั่นไส้ แขนใหญ่รวบร่างบางหงายลง
"ตอนนี้ ยอดบริจาคสามารถนำไปช่วยเหลือชาวบ้านได้บ้างแล้ว บางส่วนที่เหลือได้เก็บไว้หากมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอีกครั้ง"โหวหยางจื้อรายงานฉะฉานหยางหลงฮ่องเต้ยื่นรายชื่อขุนนางทั้งหมดให้แพรวา"เจ้าคิดว่าสมควรจัดการอย่างไรต่อไปในเมื่อได้รายชื่อมาแล้ว""ไม่ยากไม่ยาก คราวนี้ถึงคิวฝ่าบาทแล้วต้องแสดงความจริงจริงให้พวกเขาเห็น โดยการจัดงานแถลงข่าวไม่ใช่สิเรียกว่าอะไรนะอ๋อนึกออกแล้วเรียกว่าป่าวประกาศให้ทราบทั่วกัน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการที่พวกเขาได้ร่วมบริจาคในครั้งนี้ ตอนนี้เองฝ่าบาทต้องมอบของกำนัลที่ผู้ได้รับไม่อาจลืมเลือนเพื่อว่าหากมีคราวหน้าคราวหลังใครที่อยากได้ของล้ำค่าก็จะพากันบริจาคเยอะขึ้น"โหวหยางจื้อตบเข่าฉาดใหญ่"เฉียบคบยิ่งนัก แม่นางเฟยลี่ ข้าไม่คิดเลยว่าหญิงท่าทางธรรมดาเช่นท่านจะมีกลยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ แบบนี้ชาวบ้านก็จะซาบซึ้งในน้ำใจของขุนนางและฝ่าบาทก็จะเป็นที่โจษขานกันว่าฮ่องเต้และขุนนางไม่ทิ้งประชาชนส่วนขุนนางทั้งหลายก็ จะรู้สึกว่าตัวว่าต้องช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันไปเป็นสิ่งดีๆ ที่น่ายกย่อง""ไม่เท่าไหร่ไม่เท่าไหร่ ลูกเป็ดขี้เหร่สุดท้า
แพรวาลืมตาตื่นขึ้นมาบนแท่นบรรทมในตำหนักของฮ่องเต้ ข้างกายมีลี่มี่บีบนวดอยู่ข้างๆถัดไปเป็นหมอหลวงที่จับชีพจรด้วยใบหน้าเคร่งเครียด"ลี่มี่ หิวน้ำขอน้ำหน่อย"ลี่มี่ท่าทางตื่นเต้นรีบกุลีกุจอรินน้ำใส่ถ้วยแพรวารับมาดื่มรวดเดียวเกือบหมดถ้วย" ออกไปข้างนอกก่อนลี่มี่ เจี่ยเจี่ยมีเรื่องจะคุยกับหมอหลวงเพียงลำพัง แต่เจ้าอย่าได้ปริปากบอกใครว่าพี่สาวฟื้นแล้วนะพี่สาวขอร้อง" ลี่มี่ย่อตัวทำความเคารพ เดินออกจากห้องไปปิดประตูอย่างแผ่วเบาฮ่องเต้ถลาเข้ามาหาลี่มี่ทันที" เฟยลี่ เป็นอย่างไรบ้าง"ลี่มี่ ขมวดคิ้วนึกหาคำโกหก" ท่านหมอบอกว่านายหญิงแค่เพียงอ่อนเพลียจึงทำให้เป็นลม อีกสักพักคงจะได้สติหมอหลวงวานให้ลี่มี่ไปหยิบเทียบยาเก่าที่ ห้องนายหญิงเพคะฝ่าบาทจึงจำต้องให้ลี่มี่ออกมา""อย่างนั้นข้าก็หมดห่วง เจ้าไปเถอะรีบไปรีบมา อย่าโอ้เอ้"หยางหลงฮ่องเต้สำทับ ลี่มี่ถวายพระพรก่อนเดินนวยนาดจากไป"ฝ่าบาทอย่าทรงเป็นกังวลให้มาก พี่สาว ...ข้าหลวงหญิงนางเพียงแค่ร่างกายอ่อนเพลีย ด้วยยาของหมอหลวงนางต้องแข็งแรงขึ้นแน่ "เสี่ยวโอพูดจาปลอบโยน หลังจากจ้องมองใบหน้าที่หม่นหมองของฮ่องเต้และแววตาที่เป็นกังวลอย่างมาก"นางมาอยู่ที่
ฮองเฮาตัดสินใจกระโดดลงไปทันที แพรวาหลับตาคิดถึงอาการของคนที่กำลังจมน้ำกลืนกินน้ำเข้าไปจนจุกในท้องลมหายใจที่สูดเข้าไปมีน้ำเข้าไปภายในเท่านั้น จนในที่สุดก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีกเลยน้ำตาไหลเป็นสายออกจากดวงตาที่ยังหลับตาอยู่ ฮ่องเต้หนุ่มลุกพรวดพลาดจับร่างบางของแพรวามากอดไว้แน่น"เป็นอะไรไปเฟยลี่ ฝันร้ายหรืออย่างไร มาข้าจะกอดปลอบเจ้าให้หายกลัว"น้ำเสียงอ่อนโยนเอื้อาทร แพรวายิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินต่อไปเรื่อยๆ"ฝ่าบาท อย่าดีกับเฟยลี่มากไปกว่านี้เลย"หยางหลงฮ่องเต้ยังกอดแพรวาแน่น" เป็นอะไรไปเจ้าข้าทำอะไร ขัดใจเจ้าหรือเฟยลี่ หรือว่าแค่นี้ยังไม่พอ "จุมพิตดูดดื่ม อ่อนโยนปลอบ ประโลมจนแพรวาไม่อาจขัดขืน แต่น้ำตายังไหลรินไม่หยุดจูบอ่อนโยนนั้นซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา" ข้าพระองค์กับฝ่าบาท คงไร้ซึ่งวาสนาต่อกันเสียแล้ว...."พูดยังไม่ทันจบริมฝีปากหนาก็บดขยี้ลงไปบนริมฝีปากบางสวยเนิ่นนานก่อนจะถอนริมฝีปากออกด้วยอาการหักห้ามใจ"อย่าพูดถึงเรื่องวาสนาอะไรนั่นอีก เพียงแค่ตอนนี้ เราสองข้าและเจ้าอยู่เคียงข้างกันดุจจันทราคู่กับราตรี ก็เพียงพอแล้ว"แพรวากอดตอบร่างใหญ่เหมือนเด็กๆ หยางหลงฮ่องเต้ กดศีรษะแพรวาแนบ
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว