“ข้า จะกลับไปได้อย่างไรในเมื่อถูกนำมาแทนที่ใครบางคน”
น้ำเสียงเศร้าสลด
“อาจเป็นนาง มากกว่าที่ถูกนำไปแทนที่เจ้า เจ้าอาจเป็นคนที่อยู่นี่ตั้งแต่ทีแรก”
แพรวาสะดุดใจกับคำพูดหมอหลวงเมื่อนึกถึงความฝันที่เห็นตัวเองยังเล็กนั้นวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงนางหนึ่งที่ถึงกับต้องเรียกว่า ...แม่...
“ถ้าไม่ได้กลับ ไปก็อย่าเสียใจเลย แม่นาง ...แพรวา เจ้ายังคงอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่กับคนที่สมควรเป็นคนที่คอยปกป้องเจ้า เจ้าเองก็ต้องมอบความภักดีและต้องช่วยเหลือเขาเมื่อถึงเวลาอันควร”
“เวลาอันควร ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“เมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะเป็นลิขิตฟ้าเจ้าก็จะเข้าใจ ได้โดยไม่มีข้อกังขา”
เอะอะอะไรก็ลิขิตฟ้า แพรวาชักฉุน
“แม่นางเฟยลี่ ท่านชินอ๋องได้ส่งเครื่องบรรณาการและ และโสมชั้นดีจากฮันกึลให้ข้านำมันมามอบแก่ แม่นาง”
หมอหลวงพยักหน้าแพรวารับเอาไปอย่างงงงง อันเก่าก็ยังไม่หมดขยันให้กันจริงวุ้ย
“ชินอ๋องมีรับสั่งให้ท่านร่วมดื่มชา ที่จวน"
แพรวานิ่วหน้าทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย พยักหน้าอย่างขอไปที
“ได้ เดี๋ยวข้าจะรีบไป”
จวนอ๋องถูกจัดไว้อย่างสวยงามเหมือนต้อนรับบุคคลสำคัญ หรือแขกต่างบ้านต่างเมือง
“แม่นางเฟยลี่เกรงใจเจ้าแล้วชินอ๋องออกมาต้อนรับ ข้างหน้าอย่างเป็นพิธีรีตอง
“ข้าชินอ๋องวันนี้มีแขกสำคัญอยาก ให้แม่นางเฟยลี่แนะนำนางกับฝ่าบาท”
เอาแล้วอย่างไรล่ะ สร้างกระแสให้แพรวาอีกแล้วมีจุดประสงค์อะไรหนอ
“ทำไมต้องเป็นข้าด้วย ตำแหน่งชินอ๋องเหมาะที่จะเป็นท่านมากกว่า”
แพรวาไม่ยอมง่ายๆ
“ในวังหลวง ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าแม่นางเฟยลี่ทรงเป็นที่โปรดปรานเพียงใด ข้าไม่อาจเทียบได้กับแม่นาง”
แพรวายิ้มจาง ๆ
เดินตามชินอ๋องเข้าไปในจวน
หญิงนางหนึ่งยืนหันหลังมองรูปวาดและงานฝีมือเครื่องปั้นต่างๆอย่างสนใจไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งคู่
“นี่คือแม่นางเหมยหลิว น้องสาวร่วมบิดา ของแม่นางเหมยเจียง เหมยหลิวนี่ข้าหลวงหญิงหน้าพระพักตร์เฟยลี่”
ใบหน้าหวานหยดย้อยหันมาย่อตัวแสดงความเคารพแบบที่สวยงามที่สุดเท่าที่แพรวาเคยเห็นมา
แพรวายิ้มน้อยๆ สงวนท่าที ใบหน้างดงามราวภาพวาดบนกูเกิ้ลของหญิงสาวชาวจีนโบราณไม่มีผิดเพี้ยน แววตางอนงามละม้ายคล้ายแววตาของเหมยเจียงอย่างไม่อาจปฏิเสธ
“ข้าน้อย เหมยหลิว คารวะชินอ๋องและใต้เท้า”
น้ำเสียงไพเราะนั้นเล่า แพรวาใจสั่นหวิวไหวหากฮ่องเต้พบเจอนาง คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเหมยหลิวมีความคล้ายกับ เหมยเจียงอย่างยิ่ง
ชินอ๋องคิดอ่านกะการเรื่องยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้เชียว หรือจะเหมือนในนิยายจีนและซีรีส์ที่แพรวาเคยอ่านเคยดูไหมนะ
แล้วจะปฏิเสธอย่างไรสายตาคาดหวังมากมายจากทั้งสองคน
แพรวาไม่อาจละเลย แล้วถ้าหากตัวเธอเองต้องจากไปอย่างน้อย
เหมยหลิวอาจเป็น คนที่อยู่ เป็นตัวแทนของเธอได้และอาจเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ในอีกไม่ช้าคิดอีกอย่างถึงแม้เธอ ไม่พาเหมยหลิวเข้าวังชินอ๋องก็คงไม่ปล่อยโอกาสอย่างไรเสีย ให้เหมยหลิวในความดูแลของแพรวาไม่แน่อาจจะสามารถ เปิดโปงเรื่องที่ชินอ๋อง ได้วางแผนการไว้ก็เป็นได้
“ฝ่าบาท เฟยลี่ มีบางอย่างกราบทูล และบางคนอยากให้ฝ่าบาททรงพบเจอ”
ร่างใหญ่ผึ่งผายมือไพล่หลังหันมามอง ด้วยแววตาลึกซึ้งและรอยยิ้มอ่อนโยน
“ฝ่าบาท นี่แม่นางเหมยหลิวน้องสาวร่วมบิดากับแม่นางเหมยเจียง”
ฮ่องเต้จ้องมองภาพหญิงสาวตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง แววตาอาวรณ์และครุ่นคิด
“เป็นไปไม่ได้ เหมยเจียงนางต้องเป็นเหมยเจียง”
แพรวากลืนก้อนแข็งๆลงคอเจ็บที่หัวใจ
เหมือนกันทุกคนผู้ชาย คนรักเก่าคนรักใหม่และเขาก็ไม่อาจลืมคนรักเก่าได้เลย
“เป็นไปไม่ได้ เหมยเจียงนางต้องเป็นเหมยเจียง”
แพรวากลืนก้อนแข็งๆ ลงคอ เจ็บที่หัวใจ เหมือนกันทุกคนผู้ชาย คนรักเก่าคนรักใหม่และเขาก็ไม่อาจลืมคนรักเก่าได้เลย
สายตาอาวรณ์โหยหาจับจ้องที่ใบหน้าสวยหวานนั้นไม่คาดสายตา แพรวาก้มมองผิวสีน้ำผึ้งของตนเองก่อนจะปลงอนิจจังคนหรือผีจูออน ทำไมขาวอย่างนั้น เลี่ยงออกมาห่าง ๆ แบบที่ใครก็ไม่สังเกตเห็นหรือว่าตัวเองเป็นเพียงอากาศไปเสียแล้วเพลง อากาศของพี่ป้างล่องลอยพลิ้วไหวในสายลมหนาว
อย่าทำแบบนี้เลย แบบนี้เลยเหมือนฉันไม่เคยมีความหมาย เธอไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นก็เป็นแค่เพียงอากาศ แค่ลมที่พัดไม่มีตัวตนT_Tเสี่ยวโอเขย่งเท้ามอง ก่อน จะนิ่วหน้า แสดงการสงสัยใคร่รู้ แพรวา เดินหลบออกไปยังห้องของตัวเอง อย่างไม่สนใจ ใคร่ดีใคร แต่กลับต้องดีใจอย่างที่สุดเมื่อพบกับ ลี่มี่ ที่กำลังจัดเก็บของในห้องอยู่เพียงลำพัง แพรวา กระโดดเข้าคว้ามือลี่มี่เขย่าเบาๆ“เจ้าหายดีแล้ว ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย”รู้สึกเหมือนที่พึ่งพิงกลับมาแล้ว ลี่มี่ยิ้มบางๆ“ข้าก็คิดถึงท่านแทบแย่ หมอหลวงอนุญาตให้กลับมารับใช้ท่านข้าดีใจแทบตายนายหญิง”“เจ้าอยู่กลับหมอหลวงข้าก็เบาใจ”แพรวาพูดจากใจจริงอย่างน้อยในวังแห่งนี้ สองคนนี้ก็เป็นที่พึ่งพิงทางใจได้อย่างดี“แล้วนายหญิงไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติ ฝ่าบาทหรือวันนี้”แพรวาสีหน้า เศร้าสลดลงทันที“ฝ่าบาท ทรงมีหญิงงามนางใหม่”“หาแสดงว่าข้าน้อยตกข่าว ทำไมได้ยินแต่เรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนายหญิงยิ่งกว่าหญิงใด”“ผ้าแพรผืนเก่าสีไม่สวยถูกใจ เท่า ผ้าไหมผืนใหม่ หรอกลี่มี่”“แล้วนายหญิงยอมรึเจ้าค่ะ”มองหน้าลี่มี่แบบไม่เชื่อสายตายามที่แพรวาท้อ อย่างน้อยก็มี ลี่มี่นี่แหละที่ ปลุก สกิลเทพใ
“ความเจ็บช้ำเปรียบดั่งหิมะ ไม่คงทนอีกไม่นานก็มลายหายไป”“ความเจ็บช้ำใจ เปรียบดั่งหินผา ไม่มีทางมลายหายไป”แพรวาต่อปากต่อคำ“ท่านมาพอดี ข้ากำลังหาคนร่วมดื่ม”แพรวากอดแขนชินอ๋องด้วยความเมามาย ไม่ทันระวังคนโดนกอดแขนสะดุ้งกับอาการสนิทสนมนั้นใจหนุ่มวาบไหวมองมือที่เกาะกุมไม่วางตา“นั่งๆ ๆ”ฉุดแขนชินอ๋องที่ทำท่าทางเก้อเขินให้นั่งลง คว้าไหเหล้ารินเหล้าใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบจนหกเลอะ ชินอ๋องจับมือบางที่ถือไหก่อนจะสบตาสีน้ำตาลเข้มของแพรวาพยายามค้นคว้าหาคำตอบ“เจ้าโศกเศร้าเสียใจ ถึงเพียงนี้เชียวหรือจึงดื่มจนเมามายเพื่อท่านพี่”มองแพรวาด้วยสายตาลึกซึ้งปนสงสาร ลี่มี่ขยับตัวออกห่าง“เปล่าววววว ข้าแค่อยากดื่มไม่ได้ดื่มมานานแล้ว”“เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า ถ้าหากข้าไม่พาเหมยหลิวมา”“อย่าซีเรียส น่าข้าไม่แคร์ คนแบบนั้นหรอกมาดื่มกันดีกว่า”ชินอ๋องจับใจความได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็พอเข้าใจ แพรวายกถ้วยสุราจ่อริมฝีปากชินอ๋องชินอ๋องรับมาถือไว้ในมือแพรวายกจอกสุราของตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจอก เช็ดริมฝีปากที่เต็มไปด้วยหยดเหล้าเรี่ยราด ก่อนจะฟุบลงหมดสติเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์เต็มพิกัด ชินอ๋องเขย่าร่างเล็กที่นอนฟุบหน้าไ
“เจ้าอย่าได้แสดง ออกแบบนี้อีกเป็นอันขาด ข้าขอเตือนการที่ข้ายังให้เจ้าอยู่ไม่ต้องรับโทษตายเป็นเพราะอย่างน้อยเจ้า ก็ยังทำประโยชน์ให้แก่ข้าได้บ้างเท่านั้น เจ้าก็รู้ลี่มี่ว่าข้าไม่ละเว้นใครง่ายๆ หากทำให้ข้าไม่พอใจ”ลี่มี่นั่งพับเพียบกับพื้นนิ่ง มือกำชายกระโปรงแน่น ไม่อาจหักห้ามใจน้ำตาร่วงพรูชินอ๋องย่อตัวลงข้างๆ ปาดน้ำตาจุมพิตบดขยี้รุนแรงก่อนจะกระซิบที่ข้างหู“ถ้ายังอยากเป็นคนของข้า อย่าให้เฟยลี่รู้ว่าเจ้าเป็นคนของข้าชินอ๋อง เจ้าต้องดูแลนางและคอยช่วยเหลือนาง งานสำคัญของเจ้าอีกอย่างที่ข้าสั่งเจ้าคอยจับตาฝ่าบาทอย่าลืม"สะบัดมือจนคางเล็กๆ ไหวตามแรงมือลี่มี่เช็ดตัวให้แพรวาอย่างเบามือ ความคิดสับสนวุ่นวายจะภักดีหรือว่าเกลียดชังหญิงคนที่นอนต่อหน้าคนนี้ดี ไม่ว่าจะรักหรือชังลี่มี่ก็เจ็บช้ำไม่แพ้กันแพรวาปวดหัวแทบระเบิด ตื่นขึ้นมาเมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้างมองไปข้างเตียงลี่มี่นอนฟุบหน้าอยู่ใกล้ๆ เอื้อมมือเขย่าตัวลี่มี่“นายหญิง โอ้ ลี่มี่ต้องขออภัยท่านเมื่อคืนเฝ้าเช็ดตัวให้ท่านจนดึกดื่น เพิ่งจะได้งีบหลับตอนรุ่งสาง”“ไม่เป็นไรลี่มี่ เจ้าช่างดีกับข้าจริงๆ ขนาดเพิ่งจะหายป่วย แทนที่เป็นข้าจะต้องดูแล
คนที่ไม่ยอมมานู้นแล้วสนมฮุ่ยกับขบวนเสด็จ ที่ถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่ได้เชื้อเชิญ“ฮุ่ยเหนียง ถวายพระพร ฝ่าบาท”น้ำเสียยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แพรวาคิดดัดเสียงได้อ่อนหวานนัก ชายตามองเหมยหลิวเหมือนเป็นสิ่งปฏิกูลเหมยหลิวขยับตัวรวดเร็วยืนขึ้น ถวายพระพรสนมฮุ่ยดวงแววตาใสซื่อเช่นเดิม“วันนี้ฮุ่ยเหนียง ตุ๋นรากบัวมาถวายฝ่าบาท”รากบัวอีกแล้วแพรวาคิดคงไม่เหมือนวันนั้นนะฮ่องเต้ชำเลืองตามอง เพียงแวบเดียวสนมฮุ่ย พาหุ่นสะโอดสะองเดินเข้าไปนั่งใกล้ฝ่าบาทจนเกือบกลายเป็นนั่งตัก“เหมยหลิวลองชิม ตุ๋นรากบัว”ฮ่องเต้เอ่ยปากชวนรอยยิ้ม สว่างใสก่อเกิดขึ้นบนใบหน้าสวยหวาน“หวังว่าคงไม่ได้เหมือนครานั้น”สนมฮุ่ยหน้างอแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นแช่มชื่น“ไม่เพคะ วันนี้ฮุ่ยเหนียงรู้ว่าฝ่าบาททรงงานหนักฮุ่ยเหนียงไม่อาจดูดาย”สายตาไม่ต่างจากคำพูด สาวใช้ติดตามสนมฮุ่ยยกโถรากบัวตุ๋นเข้ามาวางลงตรงหน้าตักใส่ถ้วยกระเบื้องใบเล็ก เหมยหลิวท่าทีนอบน้อมรับถ้วยมาถือไว้ ก่อนจะละเมียดในการชิมสนมฮุ่ยตวาดแว้ดทันที“ใครให้เจ้าลิ้มรสก่อนฝ่าบาท”เหมยหลิวคุกเข่าลงกับพื้น“เหมยหลิวไม่กล้าพระสนมอย่าได้ถือสาเพียงเพราะเหมยหลิว คิดว่าฝ่าบาทเชิญชวน”
ฮ่องเต้เอ่ยปาก“นาง โดนพิษเข้าไปเพียงน้อยนิด พิษไม่สามารถทำอันตรายนางจนถึงชีวิตได้ ข้าน้อยได้ให้ยาถอนพิษกับนางแล้ว ตอนนี้นางฟื้นคืนสติ ดังเดิม”เสียงถอนหายใจรวมทั้งแพรวาที่ถอนหายใจโล่งอกเสียยกใหญ่ ฮ่องเต้และชินอ๋องเดินเข้าไปในตำหนัก ตอนนี้เองที่สนมฮุ่ยได้ยินคำพูดของหมอหลวงชัดเจน ถลาเข้าไปในห้องพร้อมกับทุกๆ คนแพรวาจึงเร่งฝีเท้าตามไปทั้งหมดสี่คนรวมทั้งแพรวา จึงเดินเข้าไปดูอาการเหมยหลิวเหมยหลิวใบหน้าซีดจาง แทบไม่มีสีเลือดนอนอยู่บนเตียงนอน ฮ่องเต้ทรุดตัวลงนั่งปลายข้างแท่นนอนยิ้มบางๆอย่างที่แพรวามองว่ามันสวยหวานของเหมยหลิวทำไมกลายเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งไปในตอนนี้ขยับตัวลุกขึ้นยากเย็นก่อนจะ ทำท่าทางเหมือนจะล้มให้ฮ่องเต้ประคอง ทำเอาใจของแพรวาไหวยวบ สนมฮุ่ยขมวดคิ้วเก็บกดอารมณ์ไว้“ฝ่าบาท เหมยหลิว ขอร้องฝ่าบาทอย่าได้กล่าวโทษพระสนมเลย อาจจะไม่ใช่พระสนมที่เป็นคนลงมือ ทรงสอบสวนก่อน”ท่าทีอ่อนน้อมน่าสงสารนั้นทำให้ฮ่องเต้ถึงกับรวบมือทั้งสองข้างมากุมไว้แต่ สนมฮุ่ยและแพรวาที่เข้ามาพร้อมกันกับตะลึงในคำพูดของเหมยหลิวไม่ คาดคิดว่านางจะใช้ไม้นี้ไม่ตีโพยตีพาย แต่มาแบบเหนือเมฆ ความสงสารสยบทุกสิ่งจริงๆ“เจ้
“ตามหมอหลวง ฝ่าบาท ทรง ต้องคมมีด"เป็นเสียงชินอ๋องอีกเหมือนเดิมเหมยหลิวจ้องมองที่แพรวาและฮ่องเต้ด้วยแววตาที่อยากจะคาดเดาความคิดของนางสนมฮุ่ยดิ้นสุดแรง เพื่อให้หลุดจากการควบคุมตัวเมื่อองครักษ์สองสามคนเข้ามาจับตัว“ฝ่าบาท อย่าจองจำฮุ่ยเหนียงเลย ฮุ่ยเหนียงไม่ได้ตั้งใจทำให้ฝ่าบาทต้องบาดเจ็บ เห็นแก่ความเป็นผัวเมียของเราด้วยเถิดฝ่าบาท...ฝ่าบาท..ฝ่าบาท”เสียงตะโกนดังห่างออกไปเรื่อยๆแพวาถลาเข้าจับท่อนแขนที่มีรอยเลือดเป็นด่างดวงน้ำตาไหลริน“อย่าร้องเลย ...ข้าไม่เจ็บ..ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง อย่าร้องไห้คนดีของข้า”น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แพรวากลับติดลมเสียแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่ง มือใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือแล้วก็สวมกอดเมื่อยังได้ยินเสียงสะอื้น หนักขึ้นกว่าเดิมชินอ๋องเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เหมยหลิวกัดเม้มริมฝีปากแน่น“ปล่อยข้านะ ข้าจะขอความเป็นธรรมกับฝ่าบาทท่านพ่อช่วยข้าด้วยพวกเจ้าปล่อยข้านะไม่อย่างนั้นพ่อข้าใต้เท้าจางต้องไม่ปล่อยพวกเจ้าแน่”สนมฮุ่ยโวยวายเสียงดังจนถึงห้องขังหมอหลวงพันแผลให้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวแพรวานั่งมองอยู่ใกล้ๆ“เพียงแค่เฉี่ยวๆแผลไม่ลึกนักไม่เหมือนคราวก่อน ข้าน้อยจะเฝ้าดูอากา
ฮ่องเต้ที่ยังอยู่ในอดีตจมปลักอยู่กับหญิงหนึ่งในดวงใจไม่คิดสร้างความมั่นคงไม่นำพาบ้านเมืองสู่ความยิ่งใหญ่ ไม่คิดการขยายแว่นแคว้นคิดแต่เพียง จะ ย่ำอยู่กับที่ จะให้ย่ามอง หน้า พระอัยกาของหลานได้อย่างไร”ชินอ๋องมองเหม่อไปไกล สิ่งที่ไทฮองไทเฮาอยากได้คืออะไรแน่ เป็นสิ่งเดียวกับที่เขาต้องการหรือไม่“ฝ่าบาท ทรงทำดีที่สุดแล้วแต่ยังดีไม่พอ”“ไม่พอ ให้ย่าพอใจ แม้กระทั่งการเลือกฮองเฮายังไม่สามารถทำให้สำเร็จและเป็นที่พอใจของหลายฝ่าย”“ตอนนี้เองที่หลานก็ไม่สามารถเดา พระทัยเสด็จพี่ได้ว่าจะทรงเลือกใครแม้จะยังโปรดปรานเฟยลี่แต่ก็ยังเหมือนประวิงเวลารออะไรบางอย่าง”“ความเหมาะสมย่าคิดว่า ฝ่าบาททรงรอสิ่งเดียวคือความเหมาะสม เท่านั้น”ชินอ๋องนึกถึงความเหมาะสมที่ว่านั้นเขาเองเหมาะสมกับเฟยลี่มากกว่าฮ่องเต้เสียด้วยซ้ำ แต่เหตุไฉนเล่าฮ่องเต้ต้องเป็นฝ่ายมีโอกาสทุกครั้งไป หากครั้งนี้เขาสามารถทำสำเร็จ หวังว่าเฟยลี่ อาจจะเปลี่ยนใจจากฮ่องเต้ดวงจันทร์บนฟากฟ้าเป็นพยาน สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือ...เฟยลี่...นึกถึงภาพ ที่ฮ่องเต้เข้ารับคมมีดจากสนมฮุ่ย เพื่อปกป้องเฟยลี่กับดวงตาสวยที่มีแววเป็นห่วงเปี่ยมล้นของเฟยลี่ที่มอง
จุมพิตอ่อนโยนที่ริมฝีปากบางทำเอาใจสาวสั่นไหว ช่างอ่อนโยนจนจิตใจของแพรวาล่องลอยไปสู่ดินแดนที่อบอวลไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ รอยจุมพิตของหนุ่มหล่อช่างวาบวามชวนฝันนี้เองกระมังที่เขาเรียกว่ารสจูบแห่งรัก ที่มักจะหวานหอมกว่ารสจูบในแบบอื่นๆจูบหวานนั้นไม่หยุดหย่อนไล่เรื่อยไปจนเกือบทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากบางเปลือกตาสวยแก้มทั้งสองข้างแพรวาใจสั่นไหวอากาศกลายเป็นร้อนอบอ้าวทั้งที่หิมะโปรยปราย หยางหลงฮ่องเต้ รวบร่างบางอุ้มไปวางบนที่นอนนุ่มแพรวาไม่ปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าไม่ควรแพรวาปล่อยตัวปล่อยใจ จนคิดว่าไม่อาจฝืนได้อีกแล้ว ฮ่องเต้หนุ่มกับผละออกจากร่างสวยทันทีทั้งที่แสนจะเสียดาย“ข้า ไม่อยากให้เจ้าต้องลำบากใจรอก่อนเฟยลี่รอทุกอย่างคลี่คลายรอให้ข้าสามารถบอกกับทุกคนได้เต็มปากว่าเจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจของข้าและเป็นเพียงคนเดียว ที่ข้าต้องการให้เป็นฮองเฮาคู่บัลลังก์แห่งนี้"สนมฮุ่ยร้องไห้ฟูมฟาย จนเผลอหลับไปชินอ๋องเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องขังจ้องมองสนมฮุ่ยแล้วก็เดินจากไปยามสายของอีกวัน ชินอ๋องนั่งบนแท่นสูงกวาดตามองรอบบริเวณ ทหารคุมตัวสนมฮุ่ยมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีอิดโรย"บอกมา ใครอยู่เบ
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว