ฟู่จาวหนิงโกรธจนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง"รอมาบอกตอนอาหารเย็นแล้วมันจะไปมีความหมายอะไร? คนก็ถูกท่านส่งออกไปแล้ว นี่มันประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังชัดๆ!"นางใช้คำพวกนี้จนชินอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่เซียวหลันยวนพอฟังคำว่าประหารก่อนแล้วรายงานทีหลังก็อดพูดขึ้นมาคำหนึ่งไม่ได้ "อย่าพูดเหลวไหล"ฟู่จาวหนิงกระทืบเท้าแล้ว"ข้าพูดเหลวไหลหรือ? ข้าพูดผิดตรงไหน? เช่นนั้นท่านก็บอกว่าว่าเสี่ยวชิ่นประพฤติตัวอะไรไม่ดี? นางไปทำอะไรไว้?"ชิงอีพวกเขารีบตรงเข้ามา แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้นักถ้าเผื่อท่านอ๋องไม่ยินดีให้พวกเขาล้อมมุงดูล่ะ?เซียวหลันยวนนิ่งงันไปสาวใช้คนนั้นทำอะไรไปหรือ?"นางไปจาบจ้วงท่านตรงไหน? วิ่งไปชนท่านหรือว่าพูดคำหยาบคายกัน? เพราะนางไม่ตระหนักถึงท่านที่เป็นอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่งจากแคว้นเจา ไม่ได้คารวะให้ท่านอย่างงามแบบนั้นหรือ?""ข้าไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้"เซียวหลันยวนกำหน้ากากในมือแน่นเอาแต่ตะโกนข้ามไปมาแบบนี้ เขาทนไม่ค่อยไหวแล้ว"เจ้าเข้ามาในนี้ พวกเรามาคุยกันดีดี""ข้าเข้าไปแบบนี้จะไม่โดนท่านบอกว่าประพฤติตัวไม่ดีหรือ? ท่านอ๋องเจวี้ยนผู้สูงส่ง ถ้าท่านคิดว่าพวกเรามาเช่น
"ได้ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรพูพดกับท่านแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปประเดี๋ยวคงได้จาบจ้วงท่านเอา ข้าไปก่อนล่ะ"ฟู่จาวหนิงสะบัดชายเสื้อร้องขึ้นมาคำหนึ่ง"ไป๋หู่! เก็บของ พวกเราจะออกไปแล้ว!""ขอรับ"ไป่หู่เกือบจะตั้งตัวไม่ทันเขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเวลาแค่นี้ พวกเขาทั้งสองคนจะทะเลาะกันจนหนักข้อแบบนี้"พระชายา!"หลานหรงกับชิงอีล้วนตกตะลึงกันไปหมด คิดจะรั้งฟู่จาวหนิงเพื่ออธิบาย แต่ก็ยังรั้งไว้ไม่อยู่พวกเขามองฟู่จาวหนิงกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป"ท่านอ๋อง! ท่านรีบตามพระชายาไปเร็ว!"พอเห็นเซียวหลันยวนรีบออกมา ชิงอีก็ร้อนรนจนแทบจะยื่นมือไปดันเขาแล้ว"นี่ไปอารมณ์ขึ้นมาจากไหนกัน?"เซียวหลันยวนสองมือกำแน่น เย็นเฉียบไปทั้งตัว"นางคงมีความคิดที่จะไปอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะออกไปอย่างเด็ดขาดเช่นนี้หรือ?""ไม่ใช่ ท่านอ๋อง พระชายาไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดแล้วหรือไรกัน? แล้วตอนนี้ก็กำลังโกรธจัดอยู่ด้วย ท่านรีบไปตามนางกลับมาเร็ว ตามกลับมาแล้วพวกเราค่อยๆ ขอโทษนางดีดี!"หลานหรงเองก็เตือนขึ้น "ใช่แล้วท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นข้าน้อยจะไปรับสาวใช้คนนั้นกลับมาก่อนดีไหม?"ฟ้าก็มืดแล้ว พระชายาจะไปที่ไหนได้กัน?"ถ้านางอยา
"พระชายา!"ชิงอีรีบตามออกไปชิ่งอวิ๋นเซียวมองออกไป ก็เห็นเซียวหลันยวนที่สวมหน้ากากค่อยๆ เดินออกมาเขาเองก็ตกตะลึง ถามออกมาตรงๆ "อ๋องเจวี้ยน ท่านไปยั่วโมโหพระชายาเข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาถามเช่นนี้ก็ตัวแข็งทื่อไป ดังนั้นเซียวหลันยวนถึงได้ยอมออกจากประตูบานนั้นหรือ? นางยังคิดว่าเขาตัดสินใจจะขดอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาพบนางเสียอีกแต่นางตอนนี้ก็ไม่อยากหันกลับไป มันโกรธจัดจริงๆเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังฟู่จาวหนิงตอนนี้ในสายตาเขาก็มีแต่นาง ไม่มีความคิดที่จะหันไปมองชิ่งอวิ๋นเซียวเลยแต่เขาก็ยังกลับมาตอบชิ่งอวิ๋นเซียว"คงจะไปทำให้โกรธเข้าแล้วจริงๆ"ฟู่จาวหนิงงงงันทำไมยอมรับออกมาแล้วล่ะ? ผู้ชายต่ำช้าคนนี้เปลี่ยนมาดีแล้วจริงหรือ"ดูท่าจะโมโหเอามากๆ พระชายาถึงคิดจะออกไปเสียแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปปลอบนางสิ" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอ่ยขึ้น"ข้าไม่รู้จะปลอบอย่างไร"เซียวหลันยวนทั้งชีวิตนี้ยังไม่เคยปลอบใครมาก่อน ไม่มีประสบการณ์เลยสักนิดกระทั่งว่า เขาไม่เคยมีประสบการณ์อยู่กับหญิงสาวคนใดมาก่อนเสียด้วยซ้ำ แต่ก่อนข้างกายเขามีแต่สาวใช้ ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปปลอบเลยดังนั้นอารมณ์ของเขาจึงเป็นอิสร
"ไปรับสาวใช้คนนั้นมาหรือขอรับ?""ไม่งั้นจะเรื่องอะไรล่ะ?"เซียวหลันยวนสายตาประดุจใบคมมีด ฟาดผ่าออกไป"ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้! พระชายาท่านอย่าเพิ่งโกรธเลย ท่านกินข้าวก่อนเถิด"ชิงอีรีบวิ่งออกไปคนของตระกูลเสิ่นจะต้องคิดว่าพวกเขาบ้าแน่ๆ ส่งคนไปแปปเดียว ไม่ทันไรก็กลับมารับแล้วก็นั่นล่ะ พวกเขาบ้าไปแล้วพอเห็นเซียวหลันยวนให้ชิงอีไปรับเสี่ยวชิ่น ไฟโกรธของฟู่จาวหนิงก็เหมือนจะลดลงมาหน่อยแล้วนางมองไปทางเซียวหลันยวน ตอนที่เห็นหน้ากากนั่นก็เกือบจะพูดออกมาอีกแล้ว แต่ก็ยั้งไว้ทันถึงอย่างไรเขากับนางก็ขีดเส้นกั้นแล้วนี่ เมื่อครู่ยังไม่ยอมออกจากห้องทะเลาะกับนางข้ามกำแพงอยู่เลย ถ้านางพูดมากไปจะกลายเป็นยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเปล่า?เซียวหลันยวนตอนที่นางมองเข้ามาก็เอียงหน้าหน่อยหนึ่งแม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่เขาก็ยังคิดจะเบี่ยงครึ่งหน้านั้นออกด้วยสัญชาตญาณ"ท่านอ๋อง ข้ามาขอข้าวกินด้วย" ชิ่งอวิ๋นเซียวนั่งลงมาอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเปิดไหสุราที่กอดไว้นั่นออก กลิ่นสุราที่รุนแรงลอยออกมาทันทีกระทั่งเซียวหลันยวนยังอดเอียงมองไม่ได้ "นี่คือสุราที่พวกเจ้าจะใช้ในพิธีหรือ?""ก็แค่สุราที่อยากจะให้องค์หญิงใ
หลังจากเข้าใจเรื่องที่สวนตระกูลเสิ่นชัดเจนแล้ว ในใจเซียวหลันยวนก็สำนึกเสียใจขึ้นมาดังนั้นเขาที่เขาเพิ่งพูดกับฟู่จาวหนิงไปล่ะ? นั่นมันอะไรกัน?เซียวหลันยวนรู้สึกว่าหน้าของตนเองเจ็บหน่อยๆ ไม่ใช่เพราะแผลเป็นพิษ แต่รู้สึกเหมือนถูกตบจนชา"เรื่องนี้" เขามองไปทางหลานหรงที่อยู่ไม่ห่างออกไปนักหลานหรงใจสั่นวาบ "ท่านอ๋อง ข้าน้อยจะไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น""นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ คิดว่าตระกูลเสิ่นคงถูกเล่นงานจนตั้งตัวแทบไม่ทัน" ชิ่งอวิ๋นเซียวเอ่ยขึ้น อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของฟู่จาวหนิงกับตระกูลเสิ่น ยังคิดว่าตระกูลเสิ่นเชิญฟู่จาวหนิงให้เดินทางไกลนับพันลี้มาต้าชื่อเสียอีก เพื่อมารักษาไท่ไท่อาวุโสเรื่องนี้ก็ปกติดี ถึงอย่างไรเสิ่นเสวียนก็ไปแคว้นเจามาแล้ว และวิชาแพทย์ของฟู่จาวหนิงก็ดีเสียขนาดนั้นแต่ว่าตอนนี้จุดสำคัญของเซียวหลันยวนไม่ได้อยู่ที่ตระกูลเสิ่นเป็นอย่างไร ที่เขาคิดตอนนี้ก็คือ จะขอโทษฟู่จาวหนิงอย่างไรต่างหากหนึ่งคือเขาไม่ใช่แค่ไม่สนใจเรื่องตระกูลเสิ่น สองคือเขายังเข้าใจผิดฟู่จาวหนิงด้วยเรื่องนี้อีก"รีบไป" เขาพูดกับหลานหรง จากนั้นก็เสริม
"ไม่มีนะ นางไม่ได้ห้ามข้าเลย แล้วก็ไม่พูดว่าไม่ดีเลยสักคำด้วย หลังจากออกมายังชมข้าอยู่เลย เหอะๆ ท่านอ๋อง ท่านต้องเรียนรู้อย่างข้าบ้าง ข้ารู้สึกว่าข้ายังปลอบพระชายาได้อยู่นะ""ให้เจ้าไปปลอบหรือ? นั่นเป็นพระชายาของเจ้าไหม?" เซียวหลันยวนตอบกลับโดยไม่ต้องคิดชิ่งอวิ๋นเซียวก็หุบปากลงทันทีนี่ปากเร็วไปเสียแล้ว"กินเสร็จก็กลับไปเถอะ อย่ามาเอาแต่พึ่งข้า"ชิ่งอวิ๋นเซียวเบ้ปากอ๋องเจวี้ยนนี่ถือว่าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานหรือเปล่า? ทำไมมาไล่เขาไปเสียแล้วล่ะ?"เอาเถอะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน"ชิ่งอวิ๋นเซียวออกประตูไป ก็เห็นฟู่จาวหนิงยืนอยู่ใต้ชายคา แหงนหน้ามองพระจันทร์พระจันทร์คืนนี้ดูสว่างเป็นพิเศษ แสงจันทร์สาดลงมา พร่างพราวอยู่บนใบหน้าฟู่จาวหนิง ส่องจนใบหน้านางราวกับเป็นหยกขาวอย่างไรอย่างนั้น แล้วยังดูมีแสงประกายเย็นอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วยพริบตานี้ หัวใจของชิ่งอวิ๋นเซียวก็ถูกกระแทกมาทันทีพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี่งดงามจริงๆเขาเข้าใจบ้างแล้วเหมือนกันว่าทำไมซือถูไป๋ที่รู้ว่านางเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยวางถึงอย่างไรซือถูไป๋ก็รู้ ว่าการแต่งงานของสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยน
กอดความคาดเดาต่างๆ นานาไว้ เสี่ยวชิ่นทั้งตกตะลึงทั้งหวาดกลัวไร้ที่พึ่ง ร้องไห้ไปหนึ่งชั่วยามจนตอนนี้ปวดตาไปหมดแล้วจนกระทั่งฟู่จาวหนิงกุมมือนางมั่น บอกกับนางว่าไม่ต้องกลัว นางจึงรู้สึกว่าใจของตนเองสงบลงมาแล้วฟู่จาวหนิงเหลือบมองชิงอีที่ก้มหน้าม่อย จากนั้นก็หันไปมองเซียวหลันยวน "แล้วข้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม?"ไม่สนแล้ว ถึงอย่างไรนางในตอนนี้ก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน"แน่นอน""เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านอ๋องมาก"ฟู่จาวหนิงดึงเสี่ยวชิ่นออกไป "ไปเถอะ กลับไปจะจัดการดวงตาเจ้าให้"เสี่ยวชิ่นถูกนางดึงจึงรีบเดินตามไปตัวตนอ๋องเจวี้ยนอยู่ตรงนั้นอย่างแรงกล้า ยืนอยู่ที่นั่นแม้จะไม่พูดจา แต่นางก็มองข้ามไม่ได้เลยทว่าตอนนี้นางหวาดกลัวอ๋องเจวี้ยนอยู่หน่อยๆ กระทั่งจะเหลือบมองเขาก็ยังไม่กล้า ทำได้แค่ก้มหน้าเดินอยู่ข้างๆ ฟู่จาวหนิงพอเห็นว่านางตกใจเสียขนาดนี้ ตาก็ยังร้องไห้จนดูไม่ได้ ฟู่จาวหนิงก็ยิ่งรู้สึกว่าเซียวหลันยวนนี่แย่จริงๆกระทั่งชิงอี นางเองก็ไม่สบอารมณ์ไปด้วย"เสี่ยวชิ่น เจ้ากินอะไรมาหรือยัง?"เสี่ยวชิ่นส่ายหัว นางจะกินลงได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่แค่กินไม่ลง ตกใจอยู่นานสองนาน ขนาดน้ำก็ยังไม
"ขอรับ"ชิงอีรีบไปจัดการ เรื่องนี้เขาต้องไปจัดการเอง เช่นนี้จึงจะสามารถแสดงออกถึงความจริงใจของเขาหลานหรงกลับมองแผ่นหลังอ๋องเจวี้ยนที่เดินเข้าห้องไปพลางถอนหายใจพวกเขาก็แค่เป็นห่วงท่านอ๋องเท่านั้น เป็นห่วงว่าเขาจะจมดิ่งเพราะปัญหาเรื่องหน้าตาท่านอ๋องยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากับพระชายาอย่างไรเลยเซียวหลันยวนหลังจากเข้าห้องไปก็ยังไม่สงบใจลงมา เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวชิ่นจะพูดอะไรกับฟู่จาวหนิงบ้างคิดถึงจุดนี้ ในใจเขาสั่นกึก หมุนตัวออกประตูไปทันทัน ปลดปล่อยวิชาตัวเบาพุ่งแฉลบไปยังฟู่จาวหนิงทางนั้นอย่างเงียบเชียบ"ไม่ต้องตามมา"หลานหรงเดิมทีคิดจะตามไป พอได้ยินประโยคนี้ก็ทำได้แค่หยุดเท้าลงฟู่จาวหนิงพอเสี่ยวชิ่นกลับไปที่ห้อง พวกของสืออีก็ส่งข้าวส่งชาเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วยังมีน้ำร้อนมาให้อีกด้วย"ประคบตาเอาไว้ก่อน ร้องไห้เสียขนาดนี้คงจะเจ็บน่าดูเลย จะเอาแต่ใช้ผ้ามาเช็ดน้ำตาตลอดไม่ได้นะ"ถ้าเช็ดต่อผิวได้ถลอกแน่เสี่ยวชิ่นฟังคำของนาง ดื่มชาไปแก้วหนึ่ง เอนตัวบนแคร่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคมดวงตา มุมปากเองก็เกร็งเม้ม ดูแล้วยังรู้สึกไม่ปลอดภัยและตึงเครียดอยู่ฟู่จาวหนิงนั่งลงมาข้างนาง"เสี่ยวชิ่น